PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : วิวาทะในวาที....ไอ้จุกกับหลวงตา



DAO
12-28-2009, 02:28 PM
รุ่งเช้าจุกทำหน้าที่เป็นเด็กวัด สะพายย่าม เดินตามหลวงตาออกบิณฑบาตรแต่เช้ามืด

จุกง่วงนอนมากเืมื่อคืนเล่นอินเตอร์เน็ตมากไปหน่อย...

จุกเดินไปหาวไป โซเซ จนหลวงตาต้องเดินช้าเพื่อให้จุกพัก

แต่จุกก็อดทนเดินตามหลวงตาต่อไป

ถึงหมู่บ้าน มีญาติโยมเป็นโยมผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่ง มีอายุแล้วรอใส่บาตร จุกเห็นสีหน้าเขาอมยิ้มตลอดเวลา..หลังจากที่ใส่เสร็จ หลวงตาก็ให้พร

"อายุ วรรโณ สุขัง พลัง นะโยมนะ ขอให้จำเริญๆ"

พอถึงหลังที่สอง โยมพ่อออกมาใส่บาตร แต่จุกเหลือบไปเห็นเสียงชามแตก และเสียงด่า ระหว่างแม่กับลูกสาว ซึ่งด่ารุนแรงมาก...จุกนึกสังหรณ์ใจ

หลังจากใส่บาตรเสร็จ หลวงตาให้พรเสร็จแล้วยืนหยุดนิ่งหลับตาสักพักแล้วเดินต่อไป

พอถึงหลังที่สาม ซึ่งเป็นหลังสุดท้าย โยมแม่ออกมาใส่บาตร แต่จุกเหลือบไปเห็นสามีภรรยาซึ่งเป็นลูกสาวกับแฟนของเขา ตบตีกัน ด่าว่าทอกันลั่นบ้าน

เมื่อโยมผู้หญิงใส่บาตรเสร็จ หลวงตาให้พระเสร็จก็หยุดนิ่งหลับตาสักพัก แล้วเดินจากไป

เมื่อกลับกุฎิ หลังจากที่หลวงตาฉันเสร็จ จุกจึงเข้าไปหาหลวงตา

"หลวงตาครับ ทำไมบิณฑบาตรหลวงตาง่วงหรือครับ"

"หึหึ"

"ก็จุกเห็นสองบ้านหลัง หลวงตาให้พระเสร็จแล้วยืนหลับตา ง่วงใช่ไหมครับ"

"หึหึ"

"หึหึ อีกแล้ว แสดงว่าหลวงตาง่วง"

"จุกเอ้ย มีใครมาด่าเอ็ง เอ็งโกรธไหม?"

"โกรธครับ"

"แล้วมีใครมาด่าหลวงตา เอ็งโกรธไหม?"

"โกรธหนักเลยครับ"

"ทำไมละลูก"

"เพราะหลวงตาคือคนที่ผมรัก"

"ที่หลวงตาให้พรบ้านแรก เพราะเขาทั้งสองตั้งใจรับพร สองบ้านหลังหลวงตาให้พรกับ คนเป็นพ่อ กับคนเป็นแม่ เท่านั้น"

"แล้วที่หลวงตายืน..."

"แผ่เมตตาลูกเอ้ย..."

"บ้านที่สองและสาม คนเป็นพ่อและเป็นแม่ต้องใจเย็น ถึงแม้รู้ว่าคนในบ้านทะเลาะกัน ก็ยังหนักแน่นที่จะบำเพ็ญบุญ...."

"เขาทะเลาะักันก็เป็นธรรมดาของครอบครัวเขา .......เรารู้แต่อย่าได้เข้าไปยุ่งกับเขาเลย ไม่ยุยงส่งเสริมหรือนินทาว่าร้ายเขา เราต้องทำใจเป็นกลาง ปล่อยผ่านๆ ไป คิดเสียว่าที่เขาทะเลาะเพราะเขากำลังไม่เข้าใจกันอยู่ ไม่ต้องไปออกความเห็น...หรือ ทำให้เขาเห็นผิดไป...เพราะ ถึงรุนแรงกันแค่ไหน อย่างไรเมื่อเรื่องจบแล้วก็ยังรักอยู่เพราะเขาคือครอบครัวเดียวกัน...."

"อย่างเรื่องที่ใครเขามาเล่าให้เอ็งฟัง ฟังก็ฟังฟังแล้วผ่านๆ ไป หรือเก็บเป็นข้อคิดเตือนใจตัวเอง อย่าไปเที่ยวพูดโน่นพูดนี่ คิดมากไปก่อนเขา เขายังไม่ได้คิดเลย"

"อย่างเรื่องที่หลวงตาเทศน์สอนญาติโยม เรื่องความรักความเข้าใจ มีโยมเขาเล่าให้หลวงตาฟัง เรื่องที่คนในครอบครัวไม่เข้าใจกัน เขาทะเลาะกันขึ้นโรงขึ้นศาลไป เสียเวลาเปล่าๆ ถ้าเขาได้คุยกัน เข้าใจกันว่า ทุกคนต่"ดี วันนี้กวาดลานวัดหรือยัง ไปตักน้ำใส่ตุ่มหรือยัง"

"ยังครับ"

"อุวะ รีบไปทำเลย ทำให้เป็นหน้าที่... อย่าให้หลวงตาต้องบอกเลยลูกเอ้ย"

ไอ้จุกรีบวิ่งลงไปหยิบไม้กวาดกวาดลานวัดหน้ากุฎิโดยมีหลวงตายืนยิ้มอยู่ด้วยความปลื้มใจ....
างมีคุณค่าคือทำหน้าที่เพื่อครอบครัว มีกระทบกระทั่งกันนิดหน่อยแต่ไม่ได้มุ่งร้ายทำลายกัน หมายถึงอะไร หมายถึง เพราะเขาเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน... อยู่ด้วยกันมา ก็ต้องรู้กันและกันดีคิดชอบช่วยเหลือกัน.. แต่ถ้าเมื่อใดที่แปรความหวังดีต่อกันผิดไป...เป็นความไม่เข้าใจ ปัญหามันก็เกิด หลวงตาแก่ๆ เป็นแค่พระธรรมดาเล็กๆ ก็แค่บอกได้เท่านั้น ความสำคัญมันอยู่ที่ใจ ถ้าเขาเอาใจใส่แล้วคิดทบทวนว่า สิ่งที่หลวงตาบอกเพราะหลวงตาช่วยได้แค่นี้ ต่างที่อยู่ต่างฐานะกัน จะช่วยมากอย่างไรได้เล่า..."

"แ้ล้วเขาไม่ว่าหลวงตาไม่รู้จักหน้าที่ ไปยุ่งกับเขาเหรอครับ"

"ลูกเอ้ย ....หน้าที่ของเอ็งไม่ได้มีแค่ทำหน้าที่เป็นลูกศิษย์วัดเพียงอย่างเดียว หรือเป็นเด็ก หรือเป็นนักเรียนอย่างเดียว ต่อไปเอ็งต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ทำหน้าที่เพื่อสังคม เพื่อประเทศชาติ...ในต่างฐานะความสามารถกันไป ถ้าเอ็งมัวคิดแค่เป็นลูกศิษย์วัด เอ็งก็จะย่ำััมันอยู่กับที่ เอ็งต้องมองนะว่าหน้าที่หนึ่งคือความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อวัดนี่แหละ วันนี้เอ็งกวาดลานวัดหรือยัง ต่อโรงเรียน เอ็งทำความสะอาดห้องเรียนหรือยัง หรือต่อสังคม ถ้ามีคนมาถามทาง เอ็งช่วยได้ต้องช่วยบอกเขา เข้าใจไหมลูก"

"เข้าใจแล้วครับ"



ขอขอบคุณที่มาคะ http://gotoknow.org/blog/cmkeng1/304606