PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : กรรมที่ให้ผลชาติที่ 3 เป็นต้นไป



DAO
01-18-2010, 05:27 PM
กรรมที่ให้ผลชาติที่ 3 เป็นต้นไป (อปราปริยเวทนียกรรม)


กรรมหรือการกระทำไม่ว่าดี หรือชั่ว ที่มีพลังอำนาจส่งผลแก่ผู้กระทำ ตั้งแต่ชาติที่ 3 เป็นต้นไป (ชาติปัจจุบันนับเป็นชาติที่ 1 ชาติหน้านับเป็นชาติที่ 2) ไม่ว่าจะเป็นชาติใด เมื่อกรรมประเภทนี้มีโอกาสเมื่อใดย่อมให้ผลเมื่อนั้น ดุจสุนัขล่าเนื้อ ตามทันเมื่อไรย่อมกัดเมื่อนั้น ไม่มีการลดละ ไม่มีการเป็นหมัน หรือกลายเป็นอโหสิกรรม จนกว่าจะได้ชดใช้กรรมนั้นแล้ว หรือจนกว่าผู้กระทำจักได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ และดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพานแล้วเท่านั้น จึงจักหมดฤทธิ์ไม่อาจติดตามต่อไปได้ เพราะท่านไม่เกิดอีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะสำเร็จอรหันต์แล้วแต่ยังไม่ดับขันธ์ ก็ยังคงต้องมีโอกาสรับกรรมประเภทนี้อยู่อีกนั่นเอง

กรรมชนิดนี้เรียกว่า “อปราปริยเวทนียกรรม” เป็นกรรมที่มีพลังแรงและมีอายุยืนยาวกว่ากรรมใดๆ

ในสมัยพุทธกาลได้มีพระภิกษุจำนวนหนึ่งซึ่งอยู่ในแดนไกล เมื่อถึงกาลออกพรรษา จึงได้โดยสารเรือข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อมาเฝ้าพระพุทธองค์ที่พระเชตวันมหาวิหาร ใกล้กรุงสาวัตถี

เมื่อเรืออยู่กลางทะเลหลวง ก็ให้เกิดขัดข้องและไม่สามารถหาสาเหตุได้ ในสมัยนั้นก็มีความเชื่อกันว่า ต้องมีบุคคลอันเป็นกาลกิณีอยู่บนเรือ จึงได้ใช้วิธีจับฉลากหาบุคคลไม่พึงประสงค์ จึงจับฉลากกันอยู่สามครั้งเพื่อให้เกิดความแน่ใจว่า “ไม่ผิดตัวแน่”

ในที่สุดนายเรือ ก็ได้จับหญิงกาลกิณี ซึ่งเป็นภริยาของตนถ่วงน้ำลงทะเล ตามมติความเชื่อ เพราะเป็นผู้จับ ฉลากกาลกิณี ได้ถึงสามครั้ง

เรือก็แล่นต่อไปได้

เหตุการณ์ครั้งนั้น ก่อให้เกิดความสลดหดหู่ใจแก่พระภิกษุเหล่านั้นมาก เมื่อได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วจึงได้สอบถามถึงกรรมของหญิงสาวนั้น ซึ่งพระองค์ก็ทรงเล่าให้ฟัง

อดีตกาลนานมาแล้ว นางได้เกิดเป็นหญิง และแต่งงานกับมานพหนุ่มผู้หนึ่ง นางเป็นคนขยัน ทำหน้าที่แม่บ้านได้เป็นอย่างดี

วันหนึ่งได้สุนัขพเนจรมาตัวหนึ่ง จึงชุบเลี้ยงไว้ในบ้านด้วยใจอารี จนสุนัขนั้นมีความรักใคร่ในตัวนางยิ่งนัก ไม่ว่านางจะไปไหนมักติดตามไปด้วยเสมอ เวลาทำงานอยู่ที่บ้านมันก็จะนอนเฝ้าดูนางอยู่ใกล้ๆ ด้วยสายตาแห่งความภักดีเป็นหนักหนา

ขณะนำข้าวไปส่งสามีที่ไร่นา หรือไปเก็บผัก หักฟืนในป่า เจ้าสุนัขแสนรู้นี้จะวิ่งตามหลังนางไปทุกครั้ง จนเป็นที่รู้กันในหมู่บ้าน

แต่ก็มีเด็กหนุ่มวันรุ่นปากเปราะคึกคะนองล้อเลียนนางเป็นที่บัดสีใจอยู่เสมอ นางจึงไม่อยากให้สุนัขจอมซื่อสัตย์ติดตามนาง แต่ก็ทำยังไงได้ สุนัขก็คือสุนัข ถึงแม้นางจะไล่ตีไม่ให้มันตามหลายครั้งหลายหน มันก็ยังคอยติดตามระวังภัยอยู่เหมือนเดิม

ด้วยความโกรธและความละอาย นางจึงขาดสติ และได้วางแผนอุบาทว์ โดยการเอาหม้อใส่ ทรายผูกคอสุนัขแล้วผลักตกน้ำจนตาย

เมื่อนางตายไปก็ไปเกิดในอบายภูมิ แล้วต่อมาได้มาเกิดเป็นภริยาของนายเรือ จึงได้รับผลแห่งกรรมที่ตามมาทันในชาติปัจจุบันนี้

สำหรับตัวอย่างกรรมฝ่ายดีนั้นก็มีดังนี้

ยังมีอำมาตย์ข้าราชการคนหนึ่ง ได้เดินทางผ่านพระเจดีย์ใหญ่แห่งหนึ่ง เรียกว่า มหาเจดีย์ขณะนั้น ก็ให้รู้สึกมีจิตเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก จึงไปเที่ยวหาดอกมะลิ แล้วน้อมนำไปบูชาพระมหาเจดีย์ พร้อมทั้งอธิษฐานว่า

“ด้วยอนิสงส์ที่ได้บูชาพระมหาเจดีย์นี้ด้วยดอกมะลิอันขาวบริสุทธิ์ ขอให้ข้าพเจ้าจงประสบแต่ความสุขความเจริญ และขออุทิศส่วนกุศลนี้แด่พญายมราช หากมีตัวตนจริงก็จงได้อนุโมทนาในส่วนกุศลที่อุทิศให้ในครั้งนี้ด้วยเถิด”

อำมาตย์ผู้นี้ทำการบูชาและอุทิศส่วนกุศลชนิดแปลกประหลาดไม่เหมือนใคร ชนิดเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่า พญายมราชมีจริงหรือไม่ แต่ก็มีจิตผ่องแผ้วในการบูชามหาเจดีย์ครั้งนี้

จากนั้นอำมาตย์ก็เดินทางต่อไป แล้วก็ลืมเหตุการณ์ในครั้งนี้ เพราะตนเข้าใจว่าคงมีผลเล็กน้อย

อำมาตย์นี้ก็เหมือนกับผู้คนในยุคปัจจุบันคือตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน เลี้ยงดูครอบครัว บุตรภริยาไปตามประสาที่เห็นว่าโลกนี้น่าอยู่ ไม่เอาเปรียบใคร แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ รักษาสิทธิของตนตามกฏหมาย เรียกว่า “บุญไม่ทำ กรรม(ชั่ว) ไม่สร้าง” ไม่ชอบเข้าวัด มองว่าพระเป็นผู้เอาเปรียบสังคม ตัวเองเป็นนายของตัวเอง เชื่อมั่นในตนเอง หาความสุข ชื่อเสียง เกียรติยศเฉพาะชาตินี้เท่านั้น ไม่สนใจชาติหน้า ผีสาง เทวดา เรื่อง อภินิหารต่างๆ ของจิต มองเป็นเรื่องงมงาย

กาลเวลาล่วงไป ชีวิตอำมาตย์ผู้นี้ก็ถึงกาลจบสิ้นลง

ธรรมดาคนที่ตายนั้น หากเป็นคนทำบาปไว้มาก ทำบุญไว้น้อย ขณะที่ขาดใจตายบาปที่ทำไว้มาก จึงมีโอกาสปรากฏได้ชัดเจน จึงไปอุบัติเกิดในขุมนรก

แต่ถ้าเป็นคน ทำบุญไว้มาก ทำบาปน้อย บุญก็จะปรากฏชัดเจนในขณะจะตาย ซึ่งย่อมนำไปเกิดในโลกสวรรค์

ส่วนคนที่ทำบุญและบาปไว้พอๆ กัน และทั้งบุญและบาปนั้นก็ไม่ใช่มีน้ำหนักมีความสำคัญมาก จึงไม่ปรากฏให้เห็นในขณะใกล้ตาย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงต้องไปเกิดใน ยมโลกนรก ซึ่งพญายมราช จะได้ไต่สวนหรือพิพากษาตามการกระทำของคนๆ นั้น

เมื่อได้สอบถามวิญญาณอำมาตย์ก็ตอบและจำไม่ได้ว่าทำบุญและทำบาปอะไรไว้บ้าง

เมื่อเตือนความจำขึ้น อำมาตย์จึงระลึกได้

เท่านั้นแหละ ผลบุญก็ปรากฏขึ้น พาไปเกิดเป็นเทพยดาในสรวงสวรรค์ทันที



ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tonkla1&month=09-2009&date=23&group=17&gblog=57

piangfan
01-18-2010, 10:20 PM
สาธุค่ะ อาจารย์ดาว
ขอบคุณค่ะ
มองไอคอนอาจารย์ดาวทีไรเป็นอันต้องมานั่งหัวเราะคนเดียวค่ะ
วิ่งไม่เหนื่อยค่ะ