PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 1 วัน หรือ 1 ครั้ง จะแก้อย่างไร โดยที่ไม่ต้องเข้าปาริวาส



poly
02-25-2010, 03:09 AM
ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 1 วัน หรือ 1 ครั้ง จะแก้อย่างไร โดยที่ไม่ต้องเข้าปาริวาส

D E V
02-25-2010, 02:20 PM
อนุโมทนากับคำถามคับ

ขอนิมนต์พระคุณเจ้าและท่านผู้เชี่ยวชาญพระวินัย
ช่วยให้คำตอบนะคับ

ซ้าๆๆๆ ทุ คับ




8) เดฟ

golffy
03-06-2010, 02:25 AM
สังฆาทิเสส ถือเป็น อาบัติหนัก ที่ไม่สามารถปลงได้ ต้องอยู่ปริวาสกรรม และประพฤติมานัตเป็นเวลา ๖ ราตรี
และให้สงฆ์จำนวน ๒๐ รูป สวดอัพภาน (การสวดถอนจากอาบัติสังฆาทิเสส) เพื่อเป็นการรับเข้าหมู่

ลักษณะความผิดมี ๑๓ สิกขาบท และการกระทำความผิดแล้วแยกเป็น ๒ ประเภท คือ
๑. ประเภทไม่ปกปิด คือ เมื่อกระทำผิดแล้ว เปิดเผยทันทีภายในวันนั้น (ที่กระทำผิด)
ก็ไม่ต้องอยู่ปริวาสกรรม แต่ต้องประพฤติมานัตเป็นเวลา ๖ ราตรี และให้สงฆ์จำนวน
๒๐ รูปขึ้น สวดอัพภาน จึงพ้นจากความผิด

๒. ประเภทปกปิด คือ เมื่อกระทำผิดแล้วไม่เปิดเผยออกมาในวันนั้น ปล่อยจนล่วงกาลผ่านไป จึงมาเปิดเผย
พวกนี้ต้องอยู่ปริวาสกรรม เป็นเวลาเท่ากันจำนวนวันที่ได้ปกปิดไว้ เช่น ถ้าปกปิดไว้ ๗ วัน ก็ต้องอยู่ปริวาสกรรม
เป็นเวลา ๗ วัน จากนั้นก็ต้องประพฤติมานัต และให้สงฆ์สวดอัพภานเพื่อรับเข้าหมู่

จากหนังสือ "อริยวินัย"

noppakorn
03-15-2010, 02:32 PM
โมทนาสาธุกับท่าน golffy ด้วยครับ

ขอเพิ่มเติมอีกนิดน่ะครับ
ภิกษุใดที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แล้วไม่ได้อยู่ในปริวาสกรรม ถึงแม้สึกแล้ว และเมื่อมาบวชใหม่อีกครั้ง จะต้องบวชเณรเสียก่อน
แล้วเมื่อมาประพฤติในปริวาสกรรม ก็ต้องนับตั้งแต่วันที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส จนถึงวันบวชเณรใหม่ เมื่อครบกำหนดจึงสามารถ
บวชเป็นพระภิกษุได้ การอาบัตินั้น มี 3 ระดับ คือ

๑.อาบัติอย่างหนัก ทำให้ภิกษุผู้ต้องอาบัตินั้นขาดจากความเป็นภิกษุ อันหมายถึงอาบัติปาราชิก

๒.อาบัติอย่างกลาง ทำให้ภิกษุผู้ต้องอาบัตินั้นต้องอยู่กรรม โดยประพฤติวัตรอย่างหนึ่งเพื่อทรมานตน อันหมายถึงอาบัติสังฆาทิเสส

๓.อาบัติอย่างเบา ทำให้ภิกษุผู้ต้องอาบัตินั้นต้องประจานตนต่อหน้าภิกษุด้วยกัน แล้วจึงจะพ้นโทษนั้นได้ อันได้แก่อาบัติถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ และทุพภาสิต โดยอาบัติ


หมวดสังฆาทิเสส 13 สิกขาบท
1) ภิกษุใดจงใจทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
2) ภิกษุใดมีจิตกำหนัดแล้วจับต้องร่างกายสตรี ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
3) ภิกษุใดมีจิตกำหนัดแล้วพูดกับสตรีพาดพิงเมถุนธรรม ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
4) ภิกษุใดมีจิตกำหนัดแล้วพูดกับสตรีให้บำเรอตนด้วยกาม ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
5) ภิกษุใดชักสื่อให้ชายและหญิงเป็นสามีภรรยากันหรือเพื่ออยู่ร่วมกันชั่วคราว ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
6) ภิกษุใดสร้างกุฏิส่วนตัว โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบการสร้างกุฏิที่วางไว้ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
7) ภิกษุใดให้สร้างวิหารใหญ่เพื่อตัวเอง โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบการสร้างวิหารที่วางไว้ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
8) ภิกษุใดใส่ความภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
9) ภิกษุใดอ้างเลศแล้วใส่ความภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
10) ภิกษุใดพยายามทำให้สงฆ์แตกกัน แม้ภิกษุทั้งหลายตักเตือนในที่ประชุมสงฆ์ถึง 3 ครั้งแล้ว ยังไม่เลิกพฤติกรรมนั้น ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
11) ภิกษุใดสนับสนุนภิกษุรูปที่พยายามทำให้สงฆ์แตกกัน แม้ภิกษุทั้งหลายตักเตือนในที่ประชุมสงฆ์ถึง 3 ครั้งแล้ว ยังไม่เลิกพฤติกรรมนั้น ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
12) ภิกษุใดว่ายากสอนยาก แม้ภิกษุทั้งหลายตักเตือนในที่ประชุมสงฆ์ถึง 3 ครั้ง แล้วยังไม่เลิกพฤติกรรมนั้น ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
13) ภิกษุใดประจบคฤหัสถ์ แม้ภิกษุทั้งหลายเตือนในที่ประชุมสงฆ์ถึง 3 ครั้ง แล้วยังไม่เลิกพฤติกรรมนั้นต้องอาบัติสังฆาทิเสส

Artit
03-18-2010, 08:47 PM
อาบัติสังฆษทิเสสนั้น....ต้องอยู่ปริวาสกรรมเท่านั้นจึงจะพ้นได้....เเม้ว่าจะเป็นเเค่.๑ ครั้ง...หรือ ๑ วันก็ตาม
เเต่ว่าถ้าจะร่วมสังฆกรรมบางประเภท....ให้ถูกต้องต้องเเสดงเเก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งซ๊ะก่อน...ผู้ที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสสนั้นก็ร่วมสังฆกรรมได้
ไม่มีทางอื่นคับ....ต้องการออกจากอาบัติข้อนี้ต้องอยู่ปริวาสกรรมอย่างเดียวเท่านั้นครับผม.....