PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ดิฉันควรทำอย่างไรดีค่ะ



copy
05-13-2010, 07:19 PM
ดิฉันได้เซ้งร้านถ่ายเอกสารร้านหนึ่ง เจ้าของเก่าตอนแรกพูดดีมาก เดี๋ยวพี่จะช่วยดูเราไปสักระยะหนึ่ง ทั้งเครื่องถ่ายเอกสารและงานในร้าน ดิฉันได้จ่ายเงินมัดจำ 60% ของราคาร้าน ตามวันและเวลาทุกอย่าง และกำหนดว่าจะจ่ายชำระส่วนที่เหลือทั้งหมดในวันที่ 1 มิถุนายน ดิฉันเข้าไปฝึกงานกับเค้า เค้าบอกว่าทางเจ้าของอาคารกำหนดให้ย้ายให้แล้วเสร็จก่อนเดือนพ.ค ให้ดิฉันเลื่อนจ่ายเงินที่เหลือเดือนพ.ค. ได้ไหมด ดิฉันเห็นใจเจ้าของร้านเก่า เข้าใจความจำเป็น จึงจ่ายเงินทั้งหมดเดือนพ.ค. ทั้ง ๆ ที่ในสัญญา กำหนดว่าให้เป็นเดือนมิ.ย. ดิฉันก้อยินดีทำตามที่เค้าร้องขอ คือจ่ายในเดือนพ.ค. ทั้งหมด ก่อนถึงวันที่ 1 พ.ค. ดิฉันไปฝึกงานกับเจ้าของร้าน(เค้าอยู่กัน 2 สามี-ภรรยา ไม่มีลูก เค้าให้เหตุผลว่าเค้าไม่ชอบเด็ก ) ดิฉันเข้าไปฝึกงานวันแรกประมาณวันที่ 24 มี.ค. ภรรยาเจ้าของร้านเดินมาคุยกับดิฉันว่าขอให้ดิฉันโอนเงินให้เค้าก่อน 25,000 บาท ได้ไหม เค้ามีความจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน ดิฉันเห็นใจและคิดว่าถ้าช่วยอะไรได้ก็จะช่วย ยังงัยจ่ายตอนนี้กับวันที่ 1 พ.ค. ก้อเหมือนกัน ถือว่าช่วยเหลือกัน ดิฉันยอมโอนเงินให้อีก 25,000 บาท หลังจากนั้นมาเมื่อดิฉันย้ายเข้ามาพักที่ร้าน เจ้าของร้านเค้าย้ายไปอยู่อีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องติดกัน 101 ดิฉันอยู่ 102 โดยเค้าไปขายอาหารแทน หลังจากนั้นของที่เค้าบอกว่าจะให้ดิฉันเค้าก้อไม่ให้ตามสัญญา ดิฉันก้อไม่ว่าอาไร อยากขนอะไรก็ขนไป สิ่งของต่าง ๆ เป็นของนอกกาย แต่มันไม่หยุดเท่านั้น วัน ๆ เค้าจะหาเรื่องเอาเงินจากดิฉันตลอดเวลา เช่น จ่ายค่าหมึกให้ด้วยน่ะ ดิฉันจ่าย ให้เค้ามาช่วยเย็บเล่มงานดิฉันก้อให้เงินเป็นสินน้ำใจ เวลาผ่านไปไม่ถึง 1 เดือน เค้าพูดว่า ถ้าจะให้เค้าดูแลเครื่องถ่ายเอกสารให้ต้องจ่ายให้เค้าปีละ 4,000-5,000 บาท (ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะช่วยดูแลเครื่องถ่ายเอกสารให้สัก 3 เดือน เพราะยังงัยพี่ก้ออยู่ห้องใกล้ ๆ เรา แต่สุดท้ายดิฉันทำร้านไม่ถึงเดือน ถ้าจะให้เค้าดูแลเครื่องต้องจ่ายค่าจ้าง นี่มันอะไรกัน) เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน เค้าก้อเปลี่ยนคำพูดเป็นแบบนี้ ดิฉันก้อเฉยไม่อยากให้มีปัญหากัน แค่คิดในใจว่าเค้าจะสูบเลือดสูบเนื้อดิฉันไปถึงไหน วันหนึ่งอยากได้นั่น อยากได้นี้ ไม่มีวันสิ้นสุด พอดิฉันบอกว่าดิฉันจะติดประตูเหล็กยืด หน้าร้านเพื่อป้องกันอันตราย (เพราะประตูที่มีอยู่เป็นประตูกระจกอย่างเดียว แล้วมีผ้าม่านรูดปิดทับ) เค้าบอกว่าถ้าดิฉันติดประตูเหล็กยืดแล้ว จะเอาปลดผ้าม่านหน้าประตูร้านดิฉันไปติดที่ร้านเค้า (พูดง่าย ๆ คือจะเอาผ้าม่าน บอกว่าพี่ติดมาเองกับมือ) ครั้งนี้ดิฉันไม่ยอมเหมือนครั้งก่อน ๆ ดิฉันบอกว่าผ้าม่านไว้บังแสงแดด ประตูยืดปิดตอนกลางคืนเมื่อปิดร้าน เค้าไม่ยอมบอกว่าขอคืนติดมาเองกับมือ ดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไม่คนเราถึงไม่รู้จักพอ ที่ผ่านมาดิฉันว่าดิฉันยอมเค้ามาเยอะ อยากได้ อยากขนอะไร ออกจากร้านขนไป แม้กระทั้งเบาะที่นอน ก้อยังเอาไป ดิฉันก้อไม่ว่า จนวันนี้จะมาเอาผ้าม่านอีกแล้ว และให้จ้างเค้าเป็นช่างดูแลเครื่องถ่ายเอกสาร จ่ายค่าจ้างเป็นเงิน ดิฉันไม่เข้าใจว่าสิ่งต่าง ๆ ที่ดิฉันให้กับเค้ามันยังไม่พออีกเหรอ ให้อารายไปเค้าดีใจเดี๋ยวเดียว ขอบใจเดี๋ยวเดียว วันหลังค่อนมาเอาอย่างอื่นต่อ .................................... ดิฉันควรจะทำอย่างไรดีค่ะ จะอยู่กับคนไม่รู้จักพออย่างไรดี ให้มีความสุข (ถ้าดิฉันรู้ว่าเค้าเป็นแบบนี้ ดิฉันคงไม่เซ้งร้านของเค้าโดยเด็ดขาด) ช่วยแนะนำดิฉันหน่อยน่ะค่ะ ดิฉันเครียดมากเลย

D E V
05-14-2010, 10:52 AM
เรื่องการที่ต้องจ้างเค้ามาดูแล
หากเราสามารถดูแลเองได้ ก็ไม่ต้องจ้างใคร
ประหยัดเงินทุนไว้...อะไรที่ทำเองได้เราก็ทำเองอ่ะคับ

ส่วนข้าวของต่างๆ
หากเราไม่คิดไรมาก เค้าอยากได้ก็ให้เค้าไป
ไว้เราค่อยๆ หามาตกแต่งใหม่ ให้สวยถูกใจกว่าเก่าก็ยังได้
แต่ถ้าเราจะเก็บไว้ ก็ต้องยืนยันหนักแน่นอ่ะคับ

ที่สำคัญคือ...
ไม่ทราบว่าได้มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรกันไว้หรือเปล่าคับ
ว่าในการเซ้งร้านนั้น...มีเงื่อนไขหรือข้อปฏิบัติต่อกันอย่างไร
มูลค่าในการเซ้งนั้น ครอบคลุมทรัพย์สินแค่ไหน มีระบุไว้อย่างไรบ้าง
ก็ให้ยึดถือและปฏิบัติตามที่ระบุในหนังสือสัญญาอ่ะคับ

การกระทำนิติกรรมใดๆ
ควรกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร
และระบุเงื่อนไขรายละเอียดต่างๆ ไว้ให้ครบถ้วนในหนังสือสัญญาน่ะคับ






8) เดฟ