PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : ทำไมถึงต้องทำบุญวันพระ



DAO
06-11-2010, 03:18 PM
รายการ “ชีวิต……ไม่สิ้นหวัง เติมพลังคนรุ่นใหม่”
ทางไทยทีวีสีช่อง ๓

ออกอากาศ วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๔๓

เรื่อง

ทำบุญ วันพระ

พิธีกร
๑. รศ.ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์

๒. ใบเตย ด.ญ.สุธาสินี อนรรฆมาศ

๓. หนูมายด์ ด.ญ.พีราภรณ์ เทพวิวัฒน์



ดร. ฉัตรสุมาลย์ สวัสดี คะ ท่านผู้ชมรายการของเราชีวิตไม่สิ้นหวังเติมพลังให้คนรุ่นใหม่ วันนี้เป็นวันพระ ขึ้น ๘ ค่ำ และตรงกับวันพระของฝรั่งด้วยนะคะ คือวันพระของฝรั่ง มีวันพระวันอาทิตย์ ของเราไม่ตรง ขึ้นอยู่กับการโคจรของดวงจันทร์ จะเป็นขึ้น ๘ ค่ำ ขึ้น ๑๕ ค่ำ แรม ๘ ค่ำ แรม ๑๕ ค่ำ แต่อาทิตย์นี้ตรงกับขึ้น ๘ ค่ำ เราจะคุยถึงเรื่องการทำบุญในวันพระ

น้องมายด์ หลวงปู่ ขา วันพระแปลว่าอะไรหรือคะ

หลวงพ่อ วันพระ ในสมัยพระพุทธกาลนานมาแล้ว พระพุทธเจ้าสอน วันพระแปลว่านัดพบพระ วันพระเวลาใน ๑ สัปดาห์ ต้องการให้คนเราทำใจให้ประเสริฐ ซะ ๑ วัน ให้เขาวัดสดับพระธรรมเทศนา รักษาอุโบสถศีล มีมานานมากแล้ว มีวันพระก็ต้องมีวันโกน ทำไมถึงเรียกวันโกน วันโกนแปลว่าเตรียมการ จะไปวัด จะไปหาพระ จะไปรักษาอุโบสถ จะไปสร้างความดี ฟังธรรมะเทศนาในวัด เรียกว่าวันพระ วันพระเป็นวันที่สร้างความดี ๑ สัปดาห์ต่อ ๑ วัน จึงเรียกว่าวันพระ

น้องมายด์ หลวงปู่ขา แล้ววันพระตรงกับอะไรหรือคะ


หลวงพ่อ วันพระ ก็ ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ๑๔ ค่ำ ข้างขึ้น ข้างแรม ข้างขึ้นก็มีวันพระ ๒ วัน ข้างแรมก็มีวันพระ ๒ วัน ก็เรียกว่าเดือนหนึ่งมีวันพระ ๔ ครั้ง ๑ สัปดาห์ ก็มีวันพระ ๑ ครั้ง ๔ สัปดาห์ ก็มีวันพระ ๔ ครั้ง เรียกว่าต่อเดือน เขาต้องการให้ประชาชน ให้หยุดงานในวันพระ สร้างความดี ทบทวนชีวิต ซะ ๑ วัน ถ้าใครทำได้ทุกวันพระ จะเป็นคนดีได้แน่ สมัยโบราณ วันพระเขาจะหยุดงาน เวลาชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน เขาไถนา ใช้วัว ใช้ควาย โคถึก มฤกคา วันพระเขาจะไม่ทรมานสัตว์ เขาจะหยุดไถนา หยุดทำงาน เข้าวัดไม่ ทรมารสัตว์ ในวันพระ และในเมืองสวรรค์ เมืองนรก วันโกนวันพระเขาหยุดงาน เหมือนอย่างข้าราชการหยุดวันเสาร์อาทิตย์ ฉะนั้น



น้องมายด์ วันพระ เด็กๆ อย่างหนู ควรจะทำอะไรบ้างคะ


หลวงพ่อ วันพระก็ต้องเข้าวัด และทีนี้มันไม่ตรงกัน วันพระต้องไปเรียนหนังสือ เมื่อสมัยโบราณ โรงเรียนอยู่กับวัด วัดพระเขาจะหยุดโรงเรียน ทำไมเขาจึงหยุดโรงเรียน เพราะว่าโรงเรียนอยู่บนศาลาวัด เพราะว่าเขาจะมาทำบุญกัน ตักบาตรฟังเทศน์ ฟังธรรมรักษาอุโบสถ โรงเรียนก็ต้องหยุด เลยก็ในสมัยโบราณ หยุดวันโกนวันพระ วันโกนก็ครึ่งวัน วันพระก็เต็มวัน แล้วจึงจะวัดในวันพระ เดี๋ยวนี้ยุคใหม่สมัยนี้ โรงเรียนเขาหยุดเสาร์อาทิตย์ เพราะโรงเรียนอยู่นอกวัด เลยก็ไม่ได้ไปวัด เลยก็ลืมวันพระไปเลย วันพระเดี๋ยวนี้ลืมกันหมด จำได้ก็แต่วันที จำได้แต่วันเสาร์อาทิตย์ จำได้เฉพาะวันหยุดงาน จะปิดแล้ว และจำได้อีกวันหนึ่งคือวันเงินเดือนออก



หนูใบเตย กราบนมัสการหลวงพ่อ ใบเตยอยากจะทราบว่า การสร้างบุญให้กับตนเอง จำเป็นไหมที่เราต้องเขาวัด อย่างเดียว


หลวงพ่อ หนูถามดีมาก การสร้างบุญให้กับตัวเอง นะ จำเป็นหรือจะต้องเข้าวัด เป็น ๒ ประเด็น หลวงตาก็จะกล่าวให้หนูฟังว่า บุญ คือความสุข สร้างที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ขอให้เรามีความสุขกายสบายใจ ด้วยการสร้างความดีมีสุข สร้างความชั่วเป็นทุกข์ หาความสนุก ในสังคมโดยไร้สาระ ดังนั้น ความสุขนี้จึงต้องแปลใหม่แปลว่าความเจริญรุ่งเรืองของชีวิต สายทางเดินของชีวิต เดินถูกต้องไม่พลาดผิด ใช้ชีวิตในสังคม เดินถูกต้องตามครรลองของชีวิต ก็เรียกว่าความดีมีสุข แต่ปัญหาที่สอง คน เรามีความสุขไม่เหมือนกัน บางคนมีความสุขไปทางดื่มสุรา บางคนมีความสุขในทางร้องเพลง และไปเข้าคลับ มีความสุขที่จะต้องไปเทียวสรวลเสเฮฮา บ้าบอคอแตก บางคนมีความสุขในการเล่นการพนัน ถ้าไม่ได้ไปเล่นจะตาย บางคนมีความสุขทางเล่นไพ่ อายุตั้ง ๘๐-๙๐ ข้าวปลาไม่กิน ก็อยู่ได้ สบายมาก ก็คือสุขของเขา กรรมฐานของคนแก่ที่เขาชอบเล่นไพ่ เป็นความสุขที่ได้เล่นไพ่ ไม่กินข้าวก็ได้ ก็เป็นความสุข แต่ความสุขแบบนี้ มันวิ่งไปหาความทุกข์ ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงไม่

พูดอย่างนี้ให้ฟังก่อน ความสุขที่จะต้องไปดื่มสุรา ต้องไปเล่นการพนัน ต้องไปเที่ยวสรวลเสเฮฮา สุรานารี กีฬาบัตร เป็นความสุขของพวกอันธพาล แต่ความสุขของบัณฑิต ต้องการมีวิชาความรู้ ต้องการแสวงหาโภคทรัพย์ ต้องการแสวงหาทรัพย์ แสวงหาชื่อเสียง แสวงหาความรัก เป็นความสุขของมหาบัณฑิต แต่เป็นความสุขของอันธพาล จะต้อง ไปอย่างนี้ เพราะฉะนั้นความสุขอันนี้ก็สร้างได้ทุกคน แต่สุขแบบไหนต้องถามเขา ว่าเขามีสุขเขาชอบอะไร บางคนมีความขยันมั่นเพียร สุขชอบหาวิชาความรู้ สุขทางดนตรี ดีดสีตีเป่า ก็มีมากไม่ใช่น้อย แต่บางสุขไปทางอันธพาล กับเป็นบัณฑิต เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องเข้าวัด โดยวิธีปฏิบัติ วัดคืออะไร ต้องรู้ก่อน ไม่ใช่วัดอัมพวัน เข้าวัด วัดคืออะไร แต่พระพุทธเจ้าสอน ถ้าคนรู้จักวัด ๓ วัด ไม่จำเป็นต้องวัดที่มีพระสงฆ์เสมอไป แต่วัดที่มีพระสงฆ์ นั้น สำหรับบำเพ็ญกุศล ทำบุญตักบาตร หรือเป็นประกาศศาสนา ศึกษาเล่าเรียน เป็นโรงเรียน ก็เรียกว่าวัด แต่หากว่าวัด ปฏิบัติสำหรับตัวเอง ตัวเราที่เราจะเข้าวัดดีไม่ดี หรือทำความสุขสร้างความเจริญให้แก่ชีวิต โดย ไม่ต้องเข้าวัดได้ไหม ได้ แต่ไม่ใช่วัตถุ หรือวัดที่มีอาคารสถานที่ แต่คำว่าวัด มี ๓ ประการ

๑. วัตถุธรรม มีธรรมะ ๔ ประการ ๑.เป็นวัดคน ๒ วัดอารมณ์ อย่าให้อารมณ์ ถ้าอารมณ์เสียไม่เป็นวัด ข้อปฏิบัติไม่จำเป็นถ้าเข้าได้ไม่ต้องมาอย่างนี้ ๓ วัดจิต วัดใจ เอาตราชั่ง ขึ้นมาดู เอาตราชูขึ้นมาชั่ง อย่าให้เสียหาย เข้าได้ ๓ วันเนี่ย ถือว่าไม่ต้องเข้ามาวัดอาคารสถานที่ ที่มีพระอยู่ วัตถุธรรมคืออะไร ธรรมะ ๔ ประการมีกับหนู คืออะไร

๑. ธรรมชาติ

๒. เหตุผล อดีตไม่รื้อฟื้นเรื่องคนอื่นไม่คิด กิจที่ชอบทำ

๓. ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คือกฎแห่งกรรม

๔. ทำดีต้องฝืนใจ ถ้าฝืนใจไม่ได้ดีไม่ได้



ถ้าคนไหนมี ธรรมะ ๔ ประการนี้ วัตถุสะอาด จิต จะสะอาด ที่ถ่ายสะดวก นี่เข้าวัดนี้ ไม่จำเป็นต้องมาวัดที่มีพระสงฆ์ ที่หนูถามเนี่ย เข้าใจว่าวัดที่มีพระสงฆ์ วัดนี้วัดปฏิบัติ วัตถุธรรม มีธรรมะ ๔ ประการ วัตถุสะอาด จิตที่สะอาด ที่ถ่ายสะดวก วัดที่ ๒ วัดอารมณ์ของหนู อารมณ์อย่าเสีย ในวันหนึ่งๆ นั้น อารมณ์เปลี่ยนแปลงไปตั้งเยอะแยะ เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ บ้าบอคอแตก เดี๋ยวโกรธ ต่างๆ นานา หลายประการ เดี๋ยวรัก เดี๋ยวไม่รัก วัดอารมณ์ ให้คงที่คงวาคงศอก ๓.วัดจิตของหนู อย่าให้จิตตก อย่าให้ราคาตก อย่าให้จิตไหลไปสู่ที่ต่ำ เท่านี้ก็ถือว่าไม่ต้องมาเข้าวัดอาคารสถานที่ เช่นวัดอัมพวัน เป็นต้น ๓ วัดนี้ก็พอ แล้ว เป็นความสุขที่ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องมาวัดอาคารสถานที่


ดร.ฉัตรสุมาลย์ ท่านผู้ชมนึกถึงเหมือนดิฉันไหมคะ ว่าทำบุญนั้นต้องซื้อของ ไปถวายพระ หรือเอาปัจจัยเอาเงินไปถวายพระ ที่วัดนะคะ อย่างนั้นจึงจะเรียนว่าการทำบุญ ทีนี้สมมุติว่าเราไม่มีเงินเลยนะคะ เราจะทำอย่างไรจึงจะทำบุญได้ หลวงพ่อขาลูกไม่เงิน ลูกทำบุญได้ไหมคะ



หลวงพ่อ ได้ ร้อยเปอร์เซ็นต์ เลย ขอเจริญพร จะแยกแยะให้ท่านฟัง ญาติโยมพุทธศาสนิกทั้งหลายไม่เข้าใจเยอะ คำว่าบุญ ถือว่าไปทำบุญตักบาตร ทอดกฐินบ้าง ทอดผ้าป่าบ้าง เอาอาหารไปถวายพระก็ถือว่าทำบุญ แล้วก็เอาของทั้งหลาย สปปริวารัง จตุปัจจัย ไปถวายพระก็ถือว่าทำบุญ เข้าใจอย่างนั้น ถูกต้องสำหรับที่เข้าใจ แต่โดยแยกแยะ อธิบาย การทำบุญ มีหลายประการ มีหลายประเภทมีทั้งบุญนอกมีบุญใน ที่ถามอาตมาว่าไม่มีเงินไปทำบุญได้ไหม ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ บางคนเอาสตางค์ ไป เอาปัจจัยไปถวายผ้าป่า ถวายอะไร ถวายเป็นพัน แต่ได้บุญแค่ ๑๐ บาท แต่คนไม่มีสตางค์ ไม่มีอะไรเลย เอากำลังกายเอากำลังใจ กำลังจิตเป็นกุศล ไปสร้างบุญให้เกิดความสุขและก็ เข้าไปในหลัก ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนา เอากำลังกายช่วยเขา เอากำลังใจช่วยเขา แค่ยกตัวอย่างสมัยพุทธกาล ตาสีตาสาไปช่วยงานกฐิน เงินสตางค์เดียวก็ไม่มี เพียงการอนุโมทนาก็ยังไปสวรรค์ได้ หรือไปรับพร หรือขอเจริญพร พี่น้องทุกคนโปรดทราบไว้ บางทีพระให้พร ยะถา สัพพี อนุโมทนา บางคน ทำบุญ รับพรไม่เป็น แต่คนหนึ่งไม่ได้มาทำบุญ ไม่ได้เอาสตางค์มาแต่ยืนตั้งใจรับพร เป็นคาถาของพระพุทธเจ้า ท่านให้เราอยู่เย็นเป็นสุขา และก็ให้เราเป็นสุข จิตใจก็รับ ตั้งใจรับ ก็เกิดความสุข ก็กลับได้รับพรโดยไม่มีสตางค์ นี่ก็เป็นบุญอันหนึ่ง ทำบุญเนี่ยไม่ต้องมีอะไรก็ได้ เช่นยกตัวอย่าง คำว่าบุญคือความสุข แต่ไม่จำเป็นเสมอไปที่จะต้อง เอาของมาถวายพระ แต่บ้านเหนือบ้านใต้ญาติพี่น้องที่เรียกว่าญาติธรรมเป็นญาติ กันในบ้านใกล้เรือนเคียง เขามีงานก็ไปช่วย ช่วยด้วยจิตเป็นกุศล เอาเขาไปทำบุญ ทำบุญบ้าน ทำบุญทอดกฐิน ทำบุญในงานศพงานบวชนาค เราก็เอาไปช่วยเขา กำลังกายไปช่วยเหนื่อยยาก เหนื่อยกายแล้วก็สบายใจ ก็ได้บุญคือความสุขที่ได้ช่วยเขา ก็เป็นบุญอันหนึ่ง เป็นบุญอันสำคัญ และบุญอันหนึ่ง สวดมนต์ไหว้พระ ไม่ต้องใช้สตางค์เลย สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน ทั้งกินทั้งทาก็เกิดความสุขความเจริญได้ เกิดทำให้เงินไหลนองทองไหลมา ทำให้ร่ำรวยได้ โดยไม่ต้องใช้สตางค์เลย บางคนไม่เข้าใจ เข้าใจว่าต้องมีเงิน มากๆ แล้วจึงไปทำบุญ ในวัดในวาอารามต่างๆ เป็นต้น ถ้าคนไม่มีจะทำอย่างไรได้ พระพุทธเจ้าสอนให้มีศีล สอนให้ปฏิบัติศีล สอนให้ปฏิบัติธรรมะ สอนให้ทำตามอย่าประมาท อย่างนี้ก็ไม่ต้องใช้สตางค์ ก็ทำให้เกิดความสุขความเจริญได้ บางคนทำบุญเก่ง ทำบุญเอาหน้า ศรัทธาหัวเต่า ทำบุญเก่งๆ เงินเป็นหมื่นเป็นแสน ทำไป แต่ประพฤติชั่ว ไม่ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย ปฏิบัติอบายมุขไปบ่อนการพนัน แล้วก็ ไปทำบุญ แต่ก็ได้บุญตามที่ตั้งใจทำ แต่แล้วไม่ทำตามคำสอน แล้วบุญนั้นจะสิงสถิตอยู่ในจิตใจของคนได้อย่างไรเล่า เพราะบุญจึงเกิดจากความสุขที่ไม่เจือด้วยความทุกข์ แต่ทีนี้บุญอันนั้นมันเจือด้วยความทุกข์ ไปทำแล้วเสียดอกเสียดาย เกินศรัทธา ต้องการทำมากไป บุญจนเจตนา อปราปรเจตนา เจตนาเป็นตัวบุญ เราเจตนาทำเท่านี้แต่มันมากเกินเจตนา เลยก็ไม่ได้บุญเลย ก็มีนะ แต่คนทำบาทเดียว หรือ สิบบาทก็ได้บุญมากมาย ก็เยอะแยะ ก็สรุปได้ใจความว่า บุญคือความสุขความเจริญแล้วแต่ ศรัทธาที่เราทำ แต่แล้วสู้บุญที่ปฏิบัติธรรมไม่ได้ ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ต้องเสียเงินเสียทองเลย แล้วก็ ดำเนินวิถีชีวิตด้วยความถูกต้อง อย่างนั้นมันจะมั่นคงกว่า นั่นคือศีล สมาธิ ปัญญา ปฏิบัติตรงนั้น นั้นแหละเป็นบุญมหาศาลหละ คือศีลสมาธิปัญญา มีสติสัมปชัญญะควบคุมจิตได้ หนักเข้าก็เกิดเมตตา เฉลี่ยความสุขไป ใครมีงานก็ไปช่วย เลยเรียกสรุปเป็นยุคใหม่ว่า รำวงมีกองเชียร์ มีกระบอกเสียง มีมนุษย์สัมพันธ์ เขาก็มาช่วยเรา เราไปช่วยเขา เขาก็ช่วยเรา ไม่ต้องใช้เงินดังที่กล่าวมาแล้ว ขอเจริญพร


ดร.ฉัตรสุมาลย์ ปัญหาต่อมา สมมุติว่า เรามีเงินบาทเดียว แต่เราตั้งใจทำจริงๆ แต่เงินบาทเดียวก็สร้างศาลาไม่ได้ แต่กับ เศรษฐีอีกคนหนึ่งเขาไม่ได้ตั้งใจทำ แต่เขาให้เงินมาแสน และสร้างศาลาสำเร็จ อย่างนี้มันจะต่างกันอย่างไร


หลวงพ่อ ต่างกัน ขอเจริญพร บางคนเขาบอกว่าอานิสงส์ของการสร้างศาลา ตายไปเป็นพระอินทร์ พวกมรรคมานพ ถ้าสืบเสาะเจาะให้ลึก เป็นพระอินทร์ทุกไม่ได้ เป็นทุกคนไม่ได้ ไม่ใช่มีสตางค์แล้วสร้างศาลาแล้วเป็นพระอินทร์ พระอินทร์ต้องโดนสอบ เดี๋ยวนี้พระอินทร์ต้องโดนสอบนะ สอบคัดเลือก สอบสัมภาษณ์ ก่อน ต้องมีคุณสมบัติของพระอินทร์ ถ้าคุณสมบัติของพระอินทร์ไม่มีแล้ว จะเป็นพระอินทร์ ได้อย่างไร นี่ตรงนี้สำคัญมาก แต่ไม่มีใครรู้เลยนะ สมบัติของพระอินทร์ มีไหม ต้องเคารพผู้ใหญ่ในตระกูลของตัวเองไหม มีเมตตาไหม มีกตัญญูไหม

ดร.ฉัตรสุมาย์ คือไม่ใช่มีเงินจำนวนมากทำบุญ แล้วจะเป็นพระอินทร์ได้



หลวงพ่อ ไม่ได้ ถึงหากว่า มีเงินเป็นร้อยๆ ล้าน สร้างศาลาเป็นสิบหลัง แต่ไม่ปฏิบัติธรรมเลย แล้วคุณสมบัติไม่มีเลย ไม่เคารพผู้ใหญ่ในตระกูล ไม่มีกตัญญูกตเวที ต่อท่านผู้มีบุญคุณ และยับยั้งความโกรธไม่ได้ ไม่มีเมตตากับใครเลย แล้วก็ดูถูกคน เหยียดหยามคนตลอดรายการ คุณสมบัติพระอินทร์ ไม่มีเลย ไม่มีเมตตากับใครเลย จะเป็นพระอินทร์ ได้เหรอ เพราะฉะนั้น ขอสรุปใจความว่า ในอานิสงส์สร้างศาลา นายมรรคมานพน้อย เป็นพระอินทร์ เมียพระอินทร์เยอะ แต่หากว่าสร้างศาลากันทุกคน และวัดมีตั้ง ๔ ถึง ๕ หมื่นวัด เป็นพระอินทร์ ทั้ง ๕ หมื่นวัดได้เหรอ ต้องสอบ เพราะฉะนั้น บาทเดียว ถ้ามีคุณสมบัติครบ ก็สามารถเป็นพระอินทร์ ได้นะ ไม่จำเป็นต้องมีเงินมาก ถ้ามีคุณสมบัติครบ ถ้าการสอบไล่สมัยนี้ ก็ ยากมาก ทำไมสอบยาก พวกใครพวกมัน ไม่มีคุณสมบัติก็ได้ เหมือนทิ้งบัตรทั่วๆ ไป พูดไปก็เป็นการว่าเขาเปล่าๆ ก็ขอเจริญพรย่างนี้]

ดร.ฉัตรสุมาลย์ ท่านผู้ชมคะ ถึงมีเงินอย่างเดียว นะคะ สมัคร สว. ก็ไม่ได้ ก็เพราะคุณสมบัติไม่ครบ การทำบุญวันพระ บางครั้งมันก็ไม่ได้ตรงกับวันเสาร์อาทิตย์ เสมอไป พวกเราที่ทำงาน เป็นข้าราชการรัฐวิสาหกิจก็ดี เราก็สามารถที่จะทำบุญได้ โดยที่ขอให้รักษาศีลในวันพระ ก็จะเป็นบุญที่ทำให้เรามีความสุข ทำให้เราตั้งมั่นอยู่ในความเป็นพุทธศาสนิกชน ที่ดี นะคะ ไม่จำเป็นจะต้องมีเงินในการทำบุญเสมอไป การทำบุญโดยการให้ธรรมะก็เป็นการทำบุญ ในลักษณะหนึ่ง นะคะ เพราะเลือกเอาว่าในการทำบุญ กิริยาของเราจะเป็นอย่างไร บางทีใครเขาทำบุญมาแล้วเขาก็บอกว่า นี่นะว่าวันนี้ไปทำบุญที่นั่นที่นี่ เราก็โมทนาบุญกับเขา เราก็ได้บุญด้วยเพราะอะไร เพราะว่าจิตใจเราก็เป็นสุขไปตามความดีที่คนอื่นทำ นะคะ สวัสดี


ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.sowatsowat.com/LCWAW/piyapan2/LOK/P14014.htm