PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : เเม้เเต่บุญจะนำเราไปสวรรค์ก็ไม่เที่ยง



plarm
06-22-2010, 08:58 PM
เหตุที่ผมจะได้เขียนเรื่องนี้ก็คือ ผมไปอ่านหนังสือหลวงพ่อจรัญ เเล้วเกิดสงสัยว่า เอ้ทำไมคนนี้ตอนมีมีชิตอยู่บนโลกทำบุญมากมาย
เเต่ทำไมเวลาตายไปเเล้วกลับต้องตกนรก ข้อนี่ทุกท่านอาจจะสงสัยว่าเราทำบุญทำไมบุญไม่พาไป
เเต่หากเรามาดูตามธรรมะที่เเท้จริงจะรู้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง ขึ้นชื่อว่าไม่เที่ยง มันก็ไม่เเน่ไม่นอน
บุญเราทำก็เหมือนกันมันไม่เที่ยงไม่ไช่ว่าได้บุญนะ จิตเป็นกุศลก็ได้เต็ม ม ทำเเต่ซักเเต่ว่าทำก็ได้เเต่ได้ไม่เต็ม นี่ก็ไม่เที่ยงอย่างหนึ่งละ
ตายไปเเล้วบุญจะพาไปหรือบาปจะพาไปนี่ก็อย่างหนึ่งละ มันไม่เที่ยงเมื่อมคำว่าไม่เที่ยง มันหาความเเน่นอนอะไรไม่ได้เลย
หากจะให้ผมเปรียบง่าย ๆครับ เวลาเราเรียนนะ เราจะมีสอบเเละจะมีเรียนไป เหมือนกับเราอยู่บนโลกนะ เวลาเรียนคือเวลาเราทำดี เเต่เวลาสอบ
คือเวลาเราจะตาย เวลาสอบเราก็ต้องระลึกนึกว่าเวลาเรียนเราไช้อะไรเรียนมันมีอะไรบ้าง หากเรานึกไม่ออกก็ตกเลยตกพอดี เเต่หากเราระลึกได้ว่า
อ๋อข้อนี้มาเเบบนี้เราเรียนมาเเล้ว เรารู้เเล้ว เราก็สอบได้ผ่านฉลุยเลยฉันใด บุคคลที่ตอนกำลังจะตายเเล้วระลึกว่าตอนตัวเองมีชีวิตอยู่ทำอะไรไว้บ้าง
ก็ย่อมไปตามสิ่งที่ตัวเองคิด ตอนมีชีวิตอยู่คือการเรียนรู้เเต่เวลาจะตายมันคือการสอบจริงที่ทุกคนหนีไม่พ้น



วันนี้ขอพูดไว้ตอนเเรก เเล้วพรุ่งนี้ผมจะเขียนตอนที่ 2 ให้ได้เข้าใจว่าทำอย่างไรเราจึงจะได้ไปเสวยความดีที่เราทำไว้บนโลกมนุษย์ครับ

plarm
10-13-2011, 01:12 AM
ขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ พระธรรมเจ้าทุก ๆ พระธรรมขันธ์ พระอริยสงฆ์ และท่านทั้งหลายผู้กำลังแสวงหาความเจริญทั้งสิ้น

หลังจากที่เขียนตอนแรกไปนานแล้วเดียวจะเหงาเลยขอเขียนตอน 2 ต่อเลยครับ ทำยังไงให้เที่ยง

การที่ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกไม่เที่ยงแล้วเราจะหาความแน่นอนได้จากไหน หากในชีวิตของคนเราหาอะไรแน่นอนเลยไม่ได้ บางคนเก็บตังซื้อรถมาได้ไม่นานก็โดนน้ำพัดพาไป สร้างบ้านมาหลังโตโดนน้ำท่วมก็อยู่ไม่ได้ โลกของเรานี้มันไม่แน่นอนเสมอไป แม้แต่การทำบุญใช่ว่าทำไปแล้วเราจะได้ขึ้นสวรรค์เสมอไป บางคนก่อนตายดันไปคิดไม่ดีเปรียบเหมือนก่อนตายไปจับขี้ตัวเราก็เหม็นเหมือนขี้ ก่อนตายเราไปจับดอกไม้ตัวเราก็หอมเหมือนดอกไม้ แล้วทีนี้เราจะทำยังไงหละให้มันเที่ยง

การที่เราจะทำให้ตัวของเราเที่ยงในความตายว่าตายไปแล้วเราจะไม่ไปตกนรก เราจะต้องบรรลุพระโสดาบันเสียก่อน แล้วเราจะบรรลุอย่างไรหละนี่เป็นคำถามที่ตอบกันยากมาก แต่สำหรับผมผมคิดว่าจะบรรลุก็ต่อเมื่อเราเอาจริงเอาจังต่อกิเลส เราตั้งใจว่าจะนั่งสมาธิ 30 นาที เอาละพอ20 นาทีปวดขาละ ไมไหวแล้ววันนี้ขอเลื่อนไปก่อน นี่แนะกิเลสมันตีหัวเราแล้ว หากแต่เราขาดความเอาจริงเอาจังแล้ว ยังไงเราก็ต้องวัดดวงว่าจะไปนรกก่อนหรือสวรรค์ก่อน แต่หากเราเอาจริงเอาจังต่อกิเลสแล้วเราก็จะต้องมีความตั้งมั่นสูง สำหรับขั้นต้นเราจะต้องพิจารณาร่างกายเราก่อน อยากให้ทุกท่านได้ลองไปดูพวกศพคนเรา ศพมนุษย์แล้วท่านดูศพเขาเป็นยังไงศพท่านก็เป็นอย่างนั้น พิจารณา มหาพิจารณาไปครับ ข้างในเละยังไง ข้างในเราก็เละแบบนั้น เมื่อเราพิจารณาจนถึงขั้นละเอียดแล้วเราจะเข้าสู่ชั้นต้นของพระโสดาบันครับ เพราะเราไม่ยึดติดตัวตน เมื่อไม่ยึดติดตัวเราแล้วเราจะเบียดเบียนตัวเองทำไมหละ เบียดเบียนผู้อื่นทำไมหละศีลมันก็จะตามมาครับ เมื่อเรามีความเห็นชัดว่าไอ้ร่างกายนี้มันไม่ใช่ของเรา เราก็จะไม่มีความลังเลสงสัยเลยเพราะเราเห็นแล้วว่าตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้เลย เมื่อเรามีครบ 3 อย่างนี่แหละ การเข้าสู่จิตแห่งพระโสดาบัน

ตัวผู้เขียนเองก็ยังมีกิเลสหน้าปัญญาทรามอยู่ ยังหลงใหลในกามมารมณ์อยู่ ที่เขียนไปเนื่องจากว่า เข้าใจมาแบบนี้แต่เรื่องทำได้นั้นยังห่างไกลเหลือเกินครับ ฉะนั้นประโยชน์ที่จะมีต่อตัวผู้เขียนนั้นจึงมีน้อย แต่สำหรับผู้อ่านแล้วผู้เขียนหวังไว้ด้วยความเมตตาอย่างเต็มที่ถึงจะได้น้อยก็อย่าถือสากันนะครับ