PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : เสริววาณิชชาดก : โทษของการจองเวร ให้ผลข้ามชาติ



(Anatta)
11-30-2011, 02:36 AM
เรื่องของเสริววาณิชชาดก


เรื่องของเสริววาณิชชาดก มีปรากฎในพระไตรปิฎก
ได้กล่าวถึงปฐมเหตุที่พระเทวทัตจองเวรพระพุทธเจ้าของเราเป็นครั้งแรกว่า

ในอดีตกาล ในกัปที่ ๕ นับแต่ภัทรกัปนี้ พระโพธิสัตว์ คือพระพุทธเจ้าสมัยที่ยังมิได้ตรัสรู้ ได้เกิดในตระกูลพ่อค้าเร่ ในแคว้นเสริวะ และได้เดินทางไปค้าขายยังอริฏฐบุรี กับพ่อค้าเร่ผู้โลภมากคนหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่าเสริวะเหมือนกัน โดยแยกกันเดินขายของ

ในนครนั้น มีตระกูลเศรษฐีตกยากอยู่ตระกูลหนึ่ง เหลือเพียงยายกับหลานเท่านั้น เลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างผู้อื่น ในเรือนนั้น มีถาดทองที่บรรพบุรุษของยายหลานคู่นี้เคยใช้สอย เก็บรวบรวมอยู่กับของใช้อื่นๆ มีฝุ่นจับหนาจนไม่เห็นเนื้อทอง ทั้งยายหลานก็ไม่ทราบว่าถาดนั้นเป็นทอง

เมื่อพ่อค้าผู้โลภมากเดินเที่ยวร้องขายของมาจนถึงบ้านของยายหลานนั้นเด็กหญิงที่เป็นหลานได้ยินพ่อค้าร้องขายเครื่องประดับ ก็อยากได้ รบเร้าให้ยายซื้อให้
เมื่อยายบอกว่า เราเป็นคนจนไม่มีเงินซื้อ
เด็กหญิงก็บอกให้เอาถาดนั้นไปแลกของ เพราะเก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร ยายจึงเรียกพ่อค้าเข้ามาขอซื้อเครื่องประดับแลกกับถาดใบนั้น
พ่อค้าตรวจดูถาดแล้ว ลองเอาเข็มขีดหลังถาดดู รู้แน่ว่าเป็นถาดทอง แต่เพราะเป็นคนโลภมาก อยากได้ถาดใบนั้นโดยไม่เสียของ จึงทำเป็นพูดว่า ถาดใบนี้ไม่มีราคา ค่าไม่ถึงครึ่งมาสก แล้วก็โยนถาดลงบนพื้นออกจากบ้านไป

ฝ่ายพระโพธิสัตว์เดินเร่ขายของมาจนถึงบ้านยายหลานคู่นั้น ร้องขายเครื่องประดับ หลานสาวได้ยินก็รบเร้าให้ยายซื้อเครื่องประดับ โดยเอาถาดใบนั้นไปแลกของยายจึงเรียกพระโพธิสัตว์เข้ามา แล้วขอแลกเครื่องประดับกับถาดใบนั้น
พระโพธิสัตว์ตรวจดูถาดแล้วรู้ว่าเป็นทองจึงกล่าวว่า "ยาย ถาดใบนี้ราคาตั้งแสน แม้ของที่ฉันนำมาขายทั้งหมดนี้ ก็มีราคาไม่ถึงแสน"
ยายกับหลานจึงกล่าวว่า "พ่อค้าคนก่อนบอกว่า ถาดใบนี้ราคาไม่ถึงครึ่งมาสกไม่รับแลกของ ซ้ำยังโยนถาดทิ้งลงบนพื้น แต่ท่านกลับบอกว่าถาดใบนี้เป็นถาดทองนั่นเป็นเพราะบุญของท่าน เราจึงให้ถาดใบนี้แก่ท่าน ขอให้ท่านให้ของแก่เราบ้าง แล้วรับเอาถาดทองไปเถิด"
พระโพธิสัตว์จึงมอบสินค้าของตนทั้งหมดที่นำมามีมูลค่า ๕๐๐ กหาปณะ(เท่ากับ ๒,๐๐๐ บาทไทย) และเงินสดที่ตนมีอยู่อีก ๕๐๐ กหาปณะให้ยายหลาน ขอไว้เพียงตาชั่ง ถุงใส่ของและค่าเรือโดยสารอีก ๘ กหาปณะเท่านั้น รับเอาถาดทองแล้วลาไป

พระโพธิสัตว์ไปที่ฝั่งแม่น้ำนีลพาหะ เอาเงินค่าจ้างให้คนเรือพาตนข้ามแม่น้ำ
ฝ่ายพ่อค้าโลภมากคนนั้นได้ย้อนกลับมาที่เรือนของยายหลาน เมื่อรู้เรื่องทั้งหมดก็เสียใจมาก เสียดายถาดทองคำอันมีค่าใบนั้น ถึงกับสิ้นสติไป พอฟื้นขึ้นมาก็โปรยเงินและข้าวของของตนทิ้งไว้หน้าประตูบ้าน เอาคันชั่งมาทำเป็นไม้ค้อน ออกติดตามพระโพธิสัตว์ไปถึงฝั่งแม่น้ำนีลพาหะ
พ่อค้าโลภมาก หรือเสริววาณิชคนนี้ไม่อาจจะติดตามไปได้เพราะไม่มีเรือ จึงร้องบอกคนเรือให้กลับมารับตนด้วย พระโพธิสัตว์สั่งคนเรือไม่ให้กลับ เรือจึงแล่นไกลฝั่งออกไปทุกที เสริววาณิชเกิดความเศร้าโศกเสียใจมาก จนถึงกับกระอักออกมาเป็นเลือด หัวใจแตกสลาย ผูกอาฆาตในพระโพธิสัตว์ แล้วสิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้นเอง


พ่อค้าโลภมาก ก็คือ พระเทวทัต ซึ่งต่อมาไม่ว่าชาติใดเกิดมาแล้วได้พบพระพุทธเจ้า ก็มักตามจองล้างจองผลาญพระพุทธเจ้าอยู่ร่ำไป ด้วยแรงแค้นที่ผูกใจอาฆาตไว้แต่ครั้งนั้น
แต่ความจริงพระเทวทัตมิได้ทำแต่กรรมชั่วอย่างเดียว กรรมดีก็ทำไว้ด้วย แม่ในชาติสุดท้ายก็ได้เกิดเป็นลูกกษัตริย์ ได้ศึกษาเล่าเรียนบำเพ็ญสมาธิจนได้ฌานมีฤทธิ์เหาะได้
การที่พระเทวทัตในชาติที่เป็นพ่อค้าผู้โลภมาก ผูกอาฆาตในพระโพธิสัตว์ ก็เพราะกิเลส คือความโลภมากจนเกินประมาณของตนนั้นเอง เมื่อไม่ได้ดังปรารถนาก็เกิดโทสะ คือความเศร้าโศกเสียใจติดตามมา เมื่อความเศร้าโศกเสียใจนั้นรุนแรงขึ้น ก็เป็นเหตุให้ผูกโกรธคือผูกพยาบาท อาฆาตจองเวร
ในที่สุดแม้ในชาติที่เป็นพระเทวทัต ก็อาศัยความโลภ คือความอยากเป็นใหญ่คิดที่จะเป็นพระพุทธเจ้าเสียเอง นั่นแหละเป็นเหตุให้ทำอนันตริยกรรม คือประทุษร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงกับห้อพระโลหิต และยังทำให้สงฆ์แตกแยกกันด้วย จึงต้องถูกธรณีสูบและตกนรกอเวจีในที่สุด


ถึงกระนั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพยากรณ์ไว้ว่า

" เมื่อท่านพ้นจากนรกอเวจี ท่านก็จะได้ตรัสรู้เป็นปัจเจกพุทธเจ้า
นามว่า "อัฏฐิสสระ" ทั้งนี้เพราะ เมื่อท่านถูกธรณีสูบลงไปถึงคอ
ท่านได้สำนึกผิด ถวายกระดูกคางเป็นพุทธบูชา และขอถึง
พระพุทธเจ้าเป็นสรณะ "

เรื่องราวของกรรมยุติธรรมเสมอ






http://www.4shared.com/embed/987600042/323f7445

DOWNLOAD

(ลิงค์นี้ดาวน์โหลดไม่ได้อ่ะคับ)





เสียงอ่านโดย
ดีเจอนัตตา สมาชิกเว็บไซท์วัดเกาะวาลุการาม
จัดทำเพื่อเผยแผ่เป็นธรรมทาน