*8q*
11-03-2008, 05:15 PM
เทศน์อบรมฆราวาส ณวัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช๒๕๕๐
รุกขเทพรอฟังครูบาอาจารย์สนทนาธรรมะกัน
จากกรุงเทพไปนครนายกจากนครนายกก็ไปถ้ำสาริกา ที่ได้ไปทางนู้นบ่อยๆก็เกี่ยวกับพ่อแม่ครูจารย์มั่นอยู่ที่ถ้ำสาริกาถ้ำสาริกาเป็นถ้ำที่พ่อแม่ครูจารย์มั่นจำพรรษาดูเหมือน ๓ พรรษาละมังอย่างนั้นละท่านอยู่ ไปหาอยู่ซอกแซกซิกแซ็กที่โลกเขาไม่ปรารถนา ท่านไปอยู่งูเหลือมกับท่านรู้สึกจะเป็นเหมือนว่าเป็นเพื่อนกันเลย คู่พึ่งเป็นพึ่งตายกันงูเหลือมใหญ่ถ้ำสาริกา ท่านเล่าให้ฟังว่าท่านกำลังนั่งฉันจังหันอยู่นี้งูเหลือมมันก็ออกมาข้างหลังท่าน ตอนฉันจังหันนะงูเหลือมตามธรรมดามันไม่ออกเที่ยวกลางวัน แต่ที่ถ้ำสาริกามันไปได้ทุกเวลา เลื้อยมาท่านนั่งอยู่นี่ พวกคนเขาตื่นเต้นกัน งูๆ งูเหลือมใหญ่ๆ ช่างหัวมันซิท่านว่าเราก็อยู่ของเรา เขาก็ไปของเขา เขาเลื้อยไปข้างหลังท่านนั่นแหละตอนจังหันอย่างนั้นนะ สัตว์มันก็ยังรู้จักที่น่ากลัวไม่น่ากลัว
ถ้ำสาริกา ทราบว่าท่านจำพรรษาที่นั่น ๓พรรษา เหมาะสมมากาเชียว ท่านไปอยู่ที่ไหนเป็นอย่างนั้นโลกเขาไม่ปรารถนาแต่ท่านไปอยู่ท่านไปได้ความแปลกประหลาดอัศจรรย์หลายอย่างนะอยู่ถ้ำสาริกาจิตรวมใหญ่เป็นครั้งแรกก็ถ้ำสาริกา กว่าจะขึ้นไปท่านถามทางที่จะขึ้นเขาพวกโยมแถวนั้นเขาห้ามไม่ให้ขึ้น ว่าถ้ำสาริกาพระตายได้ ๔ องค์แล้ว ท่านจะขึ้นไปทำไมเขาว่างั้น ท่านพูดถ่อมตนเสมอว่าจะขอขึ้นไป จนกระทั่งเขาว่านี่ท่านจะตายเป็นองค์ที่ห้าหรือ
องค์ที่เท่าไรก็ไม่ว่าแหละแต่ขอให้ขึ้นไปดูเสียก่อน น่าอยู่ก็อยู่ ไม่น่าอยู่ก็ลงเสีย ท่านว่าสุดท้ายเขาก็เลยต้องไปส่ง เพราะยังไงท่านก็จะขึ้นท่าเดียวเขาถามว่าท่านจะไปตายเป็นองค์ที่ห้าเหรอ องค์ที่เท่าไรก็ตามความเป็นกับความตายอยู่กับเราทุกคนนั่นแหละ ขอขึ้นไปดูเสียก่อนขึ้นไปเลยท่านอยู่เสีย ๓ พรรษา ท่านไม่เห็นเป็นองค์ที่ห้านั่นละที่ว่าผีใหญ่แบกตะบองมาจะฆ่า มาตีท่าน อยู่บนเขาลูกนั้นภายหลังมาถวายตัวเป็นศิษย์ ภูเขาแถวนี้ บริเวณของผีใหญ่ตัวนี้ครอบหมด นครราชสีมานครนายก เขาเป็นเจ้าอำนาจ เขาเป็นนายพวกผีทั้งหลาย
เวลาเข้ามาจะมาตีหลวงปู่มั่น เลยมาหมอบที่นั่นคืนนั้นไม่มีอะไรชนะธรรมได้ ธรรมเลิศเลอ จะเข้ามาตีท่านก็เลยอบรมสั่งสอนเลยยอมรับกราบเป็นลูกศิษย์ ทีนี้ลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่ในเขตโคราชนครนายกที่ไหนบริเวณนั้น เขาเป็นใหญ่ทั้งหมดเมื่อเขาเป็นลูกศิษย์แล้วผีทั้งหลายก็เป็นลูกศิษย์ทั้งหมดท่านเล่าให้ฟังเองหลวงปู่มั่น
ความรู้ท่านพิสดารมาก เกี่ยวกับพวกเปรตพวกผีหลวงปู่มั่นเรา อันนี้คงจะเป็นลวดลายของโพธิสัตว์ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าแหละติดมาทีแรกท่านปรารถนาพุทธภูมิ ท่านจะขอเป็นพระพุทธเจ้าเวลาภาวนาจิตจะเข้าด้ายเข้าเข็มเมื่อไร สายโพธิญาณจะผ่านมาพอผ่านมาท่านก็เสียดายโพธิญาณที่จะเป็นพระพุทธเจ้า แล้วก็ถอยเสียพอจิตจะเข้าด้ายเข้าเข็มทีไร สายโพธิญาณหากผ่านมาแต่ความต้องการจะพ้นทุกข์ยิ่งหนักเข้าๆ สุดท้ายก็ขอเปลี่ยนจากสายโพธิญาณไปเป็นสาวกพอเปลี่ยนแล้วจิตก็ผึงเลยท่านว่า อันนี้ยังไม่ได้รับลัทธพยากรณ์คือยังไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ใดทรงทำนายว่าผู้นี้จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในครั้งนั้นกัปนั้นๆ ท่านยังไม่ได้รับลัทธพยากรณ์จึงยังเปลี่ยนได้ ถ้าลงได้รับลัทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งองค์ใดแล้วอย่างไรก็เปลี่ยนไม่ได้ แน่ๆ
ท่านเคยปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นความรู้แปลกๆอันเป็นลวดลายของศาสดาจึงมีติดมา ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็จ้าเลยแม้เช่นนั้นก็ยังมีลวดลายติดมา ความรู้แปลกๆ ต่างๆ ท่านเห็นหมดนั่นแหละอย่างผีใหญ่แบกตะบองใหญ่มาจะมาตีท่าน ท่านยกธรรมขึ้นรับ...หมอบเลยแล้วบอกหมดบรรดาผีแถวนั้น เขาเป็นนายผี เลยยอมรับหมดเลย ท่านเห็นกระทั่งผีสอนกระทั่งผี
ผู้เชี่ยวชาญๆ ทางเปรตทางผี เทวบุตรเทวดาหลวงปู่มั่นนี่เชี่ยวชาญมากทีเดียว รองลงมาก็ท่านอาจารย์ฝั้น เก่งนะตอนนั้นท่านขึ้นไปเราเตรียมแล้วธรรมดาครูบาอาจารย์องค์ใดที่เป็นลูกศิษย์ผู้ใหญ่ของท่านไปกราบเยี่ยมท่านที่หนองผือเราจะจ้อตลอดเลย ครูบาอาจารย์องค์นี้ที่เป็นลูกศิษย์ของท่านๆ มาหาท่านแต่ละองค์ๆท่านจะปฏิบัติต่อท่านเหล่านี้อย่างไรบ้าง เราจะไม่หนีเลย ติดแนบ คอยสังเกตตลอดไม่ซ้ำกันนะลูกศิษย์ลูกหาองค์นี้มาท่านปฏิสันถารต้อนรับอย่างหนึ่งๆทั้งกิริยาภายนอกทั้งด้านอรรถธรรมภายในจะไม่เหมือนกัน
วันนั้นพอท่านขึ้นไปเราขึ้นไปอยู่ก่อนแล้วขึ้นไปท่านก็กราบลง พอกราบลงแล้วท่านยิ้มๆ เอ้อ มันหอมอะไรนาท่านว่างั้นนะท่านอาจารย์ฝั้น เอ มันหอมอะไรนาแต่ไม่ใช่ธูป ท่านว่างั้นทางนั้นตอบรับแล้ว เออ ใช่แล้ว นั่นเห็นไหม ท่านว่าใช่แล้ว แต่เรายังตาบอดอยู่ท่านยิ้ม เอ๊ นี่มันหอมอะไรนาแต่ไม่ใช่หอมธูป ทางนั้นท่านตอบแล้ว เออ ใช่แล้วเราก็จับเอาไว้ ได้โอกาสจะกราบเรียนถามท่าน
พอได้โอกาสก็กราบเรียนถามละที่นี่ที่ท่านอาจารย์ฝั้นท่านกราบแล้วท่านยิ้มๆ ว่าหอมอะไรนาแต่ไม่ใช่หอมธูปนั่นหมายความว่ายังไง โอ๊ย พวกรุกขเทพมาเต็มอยู่นั่นจะมารอฟังเทศน์ครูบาอาจารย์สนทนาธรรมะกัน นั่นท่านตอบ...หลวงปู่มั่นน่ะที่ท่านว่าใช่แล้วคือท่านรับกันแล้ว พวกรุกขเทพเต็มเลยแถวนั้นมาคอยฟังอรรถฟังธรรมท่าน ท่านตอบกันว่าใช่แล้วทางนี้ว่าหอมอะไรนาแต่ไม่ใช่หอมธูป..ท่านอาจารย์ฝั้น ทางนั้นว่า เออ ใช่แล้วพอได้โอกาสจึงถามท่านท่านว่าพวกรุกขเทพมารอฟังเทศน์
พระอะไรที่ไปขวางพระพักตร์พระพุทธเจ้าอยู่นั้นเทวดาเขาดูถูก เขาล้อมอยู่นั้นเขาอยากเฝ้าพระพุทธเจ้า อยากเห็นพระพุทธเจ้าทางนี้ยังเก้งก้างๆ อยู่ขวางหน้า ดูว่าเป็นพระอุปวาณะ จนท่านได้ไล่หนีพวกเทพเขาดูถูก เขายกโทษว่ามาขวางหน้าทำไม ไล่พระอุปวาณะนี้ออกพวกนั้นเขารอเฝ้าพระพุทธเจ้า อยากพบอยากเห็นอยากกราบไหว้ท่านแต่พระอุปวาณะเก้งก้างๆ ขวางหน้าอยู่นั้น พระพุทธเจ้าไล่ออก ทางนี้เห็นแล้วพวกเทพทางพระอุปวาณะยังไม่ได้เรื่อง ต้องถูกขับไล่ออก ต่างกันอย่างนั้นละคนเรา
ท่านอาจารย์ชอบก็เก่งอยู่ทางพวกเทวดาพวกเปรตพวกผี หลวงปู่ชอบเก่งอยู่นะ หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ชอบหลวงปู่ฝั้นนี่เด่นมากอยู่ จากนั้นก็หลวงปู่ชอบองค์เหล่านั้นท่านก็มีบ้างแต่ท่านไม่ค่อยพูด คือเป็นตามภูมินิสัยวาสนาแต่สำหรับท่านอาจารย์มั่นนี้ยกให้เลย เก่งมากรอบด้านคิดดูซิท่านว่าท่านมาอยู่หนองผือนี้ พวกเทวดาทั้งหลายมาฟังเทศน์ไม่มากไม่เหมือนอยู่เชียงใหม่ เชียงใหม่นี่ต้อนรับแทบทุกคืน พวกเทพจากสวรรค์ ๖ ชั้นมาท้าวมหาพรหมก็มา ท่านอยู่เชียงใหม่ แต่มาอยู่หนองผือนี้พวกเทพทั้งหลายไม่ค่อยมานานๆ มาที มาเป็นกาลเป็นเวลา เช่น วันวิสาขบูชาหนึ่ง วันเข้าพรรษาหนึ่งวันออกพรรษาหนึ่ง พวกเทพทั้งหลายจึงมาแต่อยู่เชียงใหม่ไม่เลือก
ท่านอยู่ในเขาลึกๆ ต้อนรับพวกเทพทั้งนั้นกลางคืนท่านไม่ได้ว่างท่านว่า ต้อนรับพวกเทพมาฟังเทศน์ท่านที่ท่านแสดงไว้ในตำราว่าประมาณ ๖ ทุ่ม แก้ปัญหาและเทศน์สอนเทวดา...พระพุทธเจ้านะแต่เวลาท่านพูดท่านว่า อ๋อ นั่นท่านพูดเป็นส่วนกลางเอาไว้ ถ้าที่สงัดประมาณ ๔ทุ่มมาแล้วท่านว่างั้น พวกเทพมาแล้ว คือสงัดเดี๋ยวนี้มันสุดวิสัยของพวกชาวพุทธเราที่จะรู้จะเห็นและเชื่อถือได้แต่ไม่สุดวิสัยสำหรับท่านผู้ปฏิบัติ เพราะสิ่งที่จะรู้จะเห็นมันรับกันอยู่ตลอดใครมีนิสัยสามารถปรับเข้าไปมันก็เห็นเลย เพราะสิ่งเหล่านี้มีอยู่ตลอดถ้าไม่มีมันก็ไม่รู้ ไม่มีเครื่องรับ เหมือนอย่างเขารับวิทยุกันทั่วโลกเดี๋ยวนี้ถึงกันหมด แต่ก่อนก็ไม่เคยได้ยิน เดี๋ยวนี้ถึงกันหมดแล้ว เมื่อมีเครื่องรับกันก็ถึงถ้าไม่มีเครื่องรับก็เหมือนไม่มี
แต่สิ่งเหล่านี้ท่านไม่ค่อยพูดกันนักต้องเป็นโอกาสที่ว่าเรื่องราวไปสัมผัสท่านถึงจะนำมาพูดบ้างเล็กน้อยที่ท่านพูดอย่างจริงอย่างจังก็พวกสมาธิ ปัญญา วิชชา วิมุตติท่านพูดตั้งแต่เรื่องจิตตภาวนา จิตก้าวเข้าสู่ขั้นใดภูมิใดท่านพูดแต่อย่างนี้สนทนาธรรมะกัน
เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช๒๕๕๐
รุกขเทพรอฟังครูบาอาจารย์สนทนาธรรมะกัน
จากกรุงเทพไปนครนายกจากนครนายกก็ไปถ้ำสาริกา ที่ได้ไปทางนู้นบ่อยๆก็เกี่ยวกับพ่อแม่ครูจารย์มั่นอยู่ที่ถ้ำสาริกาถ้ำสาริกาเป็นถ้ำที่พ่อแม่ครูจารย์มั่นจำพรรษาดูเหมือน ๓ พรรษาละมังอย่างนั้นละท่านอยู่ ไปหาอยู่ซอกแซกซิกแซ็กที่โลกเขาไม่ปรารถนา ท่านไปอยู่งูเหลือมกับท่านรู้สึกจะเป็นเหมือนว่าเป็นเพื่อนกันเลย คู่พึ่งเป็นพึ่งตายกันงูเหลือมใหญ่ถ้ำสาริกา ท่านเล่าให้ฟังว่าท่านกำลังนั่งฉันจังหันอยู่นี้งูเหลือมมันก็ออกมาข้างหลังท่าน ตอนฉันจังหันนะงูเหลือมตามธรรมดามันไม่ออกเที่ยวกลางวัน แต่ที่ถ้ำสาริกามันไปได้ทุกเวลา เลื้อยมาท่านนั่งอยู่นี่ พวกคนเขาตื่นเต้นกัน งูๆ งูเหลือมใหญ่ๆ ช่างหัวมันซิท่านว่าเราก็อยู่ของเรา เขาก็ไปของเขา เขาเลื้อยไปข้างหลังท่านนั่นแหละตอนจังหันอย่างนั้นนะ สัตว์มันก็ยังรู้จักที่น่ากลัวไม่น่ากลัว
ถ้ำสาริกา ทราบว่าท่านจำพรรษาที่นั่น ๓พรรษา เหมาะสมมากาเชียว ท่านไปอยู่ที่ไหนเป็นอย่างนั้นโลกเขาไม่ปรารถนาแต่ท่านไปอยู่ท่านไปได้ความแปลกประหลาดอัศจรรย์หลายอย่างนะอยู่ถ้ำสาริกาจิตรวมใหญ่เป็นครั้งแรกก็ถ้ำสาริกา กว่าจะขึ้นไปท่านถามทางที่จะขึ้นเขาพวกโยมแถวนั้นเขาห้ามไม่ให้ขึ้น ว่าถ้ำสาริกาพระตายได้ ๔ องค์แล้ว ท่านจะขึ้นไปทำไมเขาว่างั้น ท่านพูดถ่อมตนเสมอว่าจะขอขึ้นไป จนกระทั่งเขาว่านี่ท่านจะตายเป็นองค์ที่ห้าหรือ
องค์ที่เท่าไรก็ไม่ว่าแหละแต่ขอให้ขึ้นไปดูเสียก่อน น่าอยู่ก็อยู่ ไม่น่าอยู่ก็ลงเสีย ท่านว่าสุดท้ายเขาก็เลยต้องไปส่ง เพราะยังไงท่านก็จะขึ้นท่าเดียวเขาถามว่าท่านจะไปตายเป็นองค์ที่ห้าเหรอ องค์ที่เท่าไรก็ตามความเป็นกับความตายอยู่กับเราทุกคนนั่นแหละ ขอขึ้นไปดูเสียก่อนขึ้นไปเลยท่านอยู่เสีย ๓ พรรษา ท่านไม่เห็นเป็นองค์ที่ห้านั่นละที่ว่าผีใหญ่แบกตะบองมาจะฆ่า มาตีท่าน อยู่บนเขาลูกนั้นภายหลังมาถวายตัวเป็นศิษย์ ภูเขาแถวนี้ บริเวณของผีใหญ่ตัวนี้ครอบหมด นครราชสีมานครนายก เขาเป็นเจ้าอำนาจ เขาเป็นนายพวกผีทั้งหลาย
เวลาเข้ามาจะมาตีหลวงปู่มั่น เลยมาหมอบที่นั่นคืนนั้นไม่มีอะไรชนะธรรมได้ ธรรมเลิศเลอ จะเข้ามาตีท่านก็เลยอบรมสั่งสอนเลยยอมรับกราบเป็นลูกศิษย์ ทีนี้ลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่ในเขตโคราชนครนายกที่ไหนบริเวณนั้น เขาเป็นใหญ่ทั้งหมดเมื่อเขาเป็นลูกศิษย์แล้วผีทั้งหลายก็เป็นลูกศิษย์ทั้งหมดท่านเล่าให้ฟังเองหลวงปู่มั่น
ความรู้ท่านพิสดารมาก เกี่ยวกับพวกเปรตพวกผีหลวงปู่มั่นเรา อันนี้คงจะเป็นลวดลายของโพธิสัตว์ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าแหละติดมาทีแรกท่านปรารถนาพุทธภูมิ ท่านจะขอเป็นพระพุทธเจ้าเวลาภาวนาจิตจะเข้าด้ายเข้าเข็มเมื่อไร สายโพธิญาณจะผ่านมาพอผ่านมาท่านก็เสียดายโพธิญาณที่จะเป็นพระพุทธเจ้า แล้วก็ถอยเสียพอจิตจะเข้าด้ายเข้าเข็มทีไร สายโพธิญาณหากผ่านมาแต่ความต้องการจะพ้นทุกข์ยิ่งหนักเข้าๆ สุดท้ายก็ขอเปลี่ยนจากสายโพธิญาณไปเป็นสาวกพอเปลี่ยนแล้วจิตก็ผึงเลยท่านว่า อันนี้ยังไม่ได้รับลัทธพยากรณ์คือยังไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ใดทรงทำนายว่าผู้นี้จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในครั้งนั้นกัปนั้นๆ ท่านยังไม่ได้รับลัทธพยากรณ์จึงยังเปลี่ยนได้ ถ้าลงได้รับลัทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งองค์ใดแล้วอย่างไรก็เปลี่ยนไม่ได้ แน่ๆ
ท่านเคยปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นความรู้แปลกๆอันเป็นลวดลายของศาสดาจึงมีติดมา ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็จ้าเลยแม้เช่นนั้นก็ยังมีลวดลายติดมา ความรู้แปลกๆ ต่างๆ ท่านเห็นหมดนั่นแหละอย่างผีใหญ่แบกตะบองใหญ่มาจะมาตีท่าน ท่านยกธรรมขึ้นรับ...หมอบเลยแล้วบอกหมดบรรดาผีแถวนั้น เขาเป็นนายผี เลยยอมรับหมดเลย ท่านเห็นกระทั่งผีสอนกระทั่งผี
ผู้เชี่ยวชาญๆ ทางเปรตทางผี เทวบุตรเทวดาหลวงปู่มั่นนี่เชี่ยวชาญมากทีเดียว รองลงมาก็ท่านอาจารย์ฝั้น เก่งนะตอนนั้นท่านขึ้นไปเราเตรียมแล้วธรรมดาครูบาอาจารย์องค์ใดที่เป็นลูกศิษย์ผู้ใหญ่ของท่านไปกราบเยี่ยมท่านที่หนองผือเราจะจ้อตลอดเลย ครูบาอาจารย์องค์นี้ที่เป็นลูกศิษย์ของท่านๆ มาหาท่านแต่ละองค์ๆท่านจะปฏิบัติต่อท่านเหล่านี้อย่างไรบ้าง เราจะไม่หนีเลย ติดแนบ คอยสังเกตตลอดไม่ซ้ำกันนะลูกศิษย์ลูกหาองค์นี้มาท่านปฏิสันถารต้อนรับอย่างหนึ่งๆทั้งกิริยาภายนอกทั้งด้านอรรถธรรมภายในจะไม่เหมือนกัน
วันนั้นพอท่านขึ้นไปเราขึ้นไปอยู่ก่อนแล้วขึ้นไปท่านก็กราบลง พอกราบลงแล้วท่านยิ้มๆ เอ้อ มันหอมอะไรนาท่านว่างั้นนะท่านอาจารย์ฝั้น เอ มันหอมอะไรนาแต่ไม่ใช่ธูป ท่านว่างั้นทางนั้นตอบรับแล้ว เออ ใช่แล้ว นั่นเห็นไหม ท่านว่าใช่แล้ว แต่เรายังตาบอดอยู่ท่านยิ้ม เอ๊ นี่มันหอมอะไรนาแต่ไม่ใช่หอมธูป ทางนั้นท่านตอบแล้ว เออ ใช่แล้วเราก็จับเอาไว้ ได้โอกาสจะกราบเรียนถามท่าน
พอได้โอกาสก็กราบเรียนถามละที่นี่ที่ท่านอาจารย์ฝั้นท่านกราบแล้วท่านยิ้มๆ ว่าหอมอะไรนาแต่ไม่ใช่หอมธูปนั่นหมายความว่ายังไง โอ๊ย พวกรุกขเทพมาเต็มอยู่นั่นจะมารอฟังเทศน์ครูบาอาจารย์สนทนาธรรมะกัน นั่นท่านตอบ...หลวงปู่มั่นน่ะที่ท่านว่าใช่แล้วคือท่านรับกันแล้ว พวกรุกขเทพเต็มเลยแถวนั้นมาคอยฟังอรรถฟังธรรมท่าน ท่านตอบกันว่าใช่แล้วทางนี้ว่าหอมอะไรนาแต่ไม่ใช่หอมธูป..ท่านอาจารย์ฝั้น ทางนั้นว่า เออ ใช่แล้วพอได้โอกาสจึงถามท่านท่านว่าพวกรุกขเทพมารอฟังเทศน์
พระอะไรที่ไปขวางพระพักตร์พระพุทธเจ้าอยู่นั้นเทวดาเขาดูถูก เขาล้อมอยู่นั้นเขาอยากเฝ้าพระพุทธเจ้า อยากเห็นพระพุทธเจ้าทางนี้ยังเก้งก้างๆ อยู่ขวางหน้า ดูว่าเป็นพระอุปวาณะ จนท่านได้ไล่หนีพวกเทพเขาดูถูก เขายกโทษว่ามาขวางหน้าทำไม ไล่พระอุปวาณะนี้ออกพวกนั้นเขารอเฝ้าพระพุทธเจ้า อยากพบอยากเห็นอยากกราบไหว้ท่านแต่พระอุปวาณะเก้งก้างๆ ขวางหน้าอยู่นั้น พระพุทธเจ้าไล่ออก ทางนี้เห็นแล้วพวกเทพทางพระอุปวาณะยังไม่ได้เรื่อง ต้องถูกขับไล่ออก ต่างกันอย่างนั้นละคนเรา
ท่านอาจารย์ชอบก็เก่งอยู่ทางพวกเทวดาพวกเปรตพวกผี หลวงปู่ชอบเก่งอยู่นะ หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ชอบหลวงปู่ฝั้นนี่เด่นมากอยู่ จากนั้นก็หลวงปู่ชอบองค์เหล่านั้นท่านก็มีบ้างแต่ท่านไม่ค่อยพูด คือเป็นตามภูมินิสัยวาสนาแต่สำหรับท่านอาจารย์มั่นนี้ยกให้เลย เก่งมากรอบด้านคิดดูซิท่านว่าท่านมาอยู่หนองผือนี้ พวกเทวดาทั้งหลายมาฟังเทศน์ไม่มากไม่เหมือนอยู่เชียงใหม่ เชียงใหม่นี่ต้อนรับแทบทุกคืน พวกเทพจากสวรรค์ ๖ ชั้นมาท้าวมหาพรหมก็มา ท่านอยู่เชียงใหม่ แต่มาอยู่หนองผือนี้พวกเทพทั้งหลายไม่ค่อยมานานๆ มาที มาเป็นกาลเป็นเวลา เช่น วันวิสาขบูชาหนึ่ง วันเข้าพรรษาหนึ่งวันออกพรรษาหนึ่ง พวกเทพทั้งหลายจึงมาแต่อยู่เชียงใหม่ไม่เลือก
ท่านอยู่ในเขาลึกๆ ต้อนรับพวกเทพทั้งนั้นกลางคืนท่านไม่ได้ว่างท่านว่า ต้อนรับพวกเทพมาฟังเทศน์ท่านที่ท่านแสดงไว้ในตำราว่าประมาณ ๖ ทุ่ม แก้ปัญหาและเทศน์สอนเทวดา...พระพุทธเจ้านะแต่เวลาท่านพูดท่านว่า อ๋อ นั่นท่านพูดเป็นส่วนกลางเอาไว้ ถ้าที่สงัดประมาณ ๔ทุ่มมาแล้วท่านว่างั้น พวกเทพมาแล้ว คือสงัดเดี๋ยวนี้มันสุดวิสัยของพวกชาวพุทธเราที่จะรู้จะเห็นและเชื่อถือได้แต่ไม่สุดวิสัยสำหรับท่านผู้ปฏิบัติ เพราะสิ่งที่จะรู้จะเห็นมันรับกันอยู่ตลอดใครมีนิสัยสามารถปรับเข้าไปมันก็เห็นเลย เพราะสิ่งเหล่านี้มีอยู่ตลอดถ้าไม่มีมันก็ไม่รู้ ไม่มีเครื่องรับ เหมือนอย่างเขารับวิทยุกันทั่วโลกเดี๋ยวนี้ถึงกันหมด แต่ก่อนก็ไม่เคยได้ยิน เดี๋ยวนี้ถึงกันหมดแล้ว เมื่อมีเครื่องรับกันก็ถึงถ้าไม่มีเครื่องรับก็เหมือนไม่มี
แต่สิ่งเหล่านี้ท่านไม่ค่อยพูดกันนักต้องเป็นโอกาสที่ว่าเรื่องราวไปสัมผัสท่านถึงจะนำมาพูดบ้างเล็กน้อยที่ท่านพูดอย่างจริงอย่างจังก็พวกสมาธิ ปัญญา วิชชา วิมุตติท่านพูดตั้งแต่เรื่องจิตตภาวนา จิตก้าวเข้าสู่ขั้นใดภูมิใดท่านพูดแต่อย่างนี้สนทนาธรรมะกัน