DAO
11-12-2008, 12:09 PM
พระกังขาเรวตเถระ
ชาติภูมิ
ท่านพระกังขาเรวตะ เกิดในตระกูลอันบริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติเป็นอันมาก ในพระนครสาวัตถี ชื่อเดิมคือเรวตะ เป็นคนมีศรัทธา วันหนึ่งเวลาปัจฉาภัตร มหาชนชวนกันไปสู่พระเชตวันมหาวิหาร เพื่อจะฟังพระธรรมเทศนา เรวตะนั้นก็ได้ไปกับมหาชน ครั้งถึงแล้วได้นั่งอยู่ท้ายสุดของบริษัท พระบรมศาสดาตรัสเทศนาอนุบุพพิกถา พรรณนาถึงทานการให้เป็นต้น ในเวลาจบเทศนา เรวตะบังเกิดความเลื่อมใส มีความปรารถนาจะบวชในพระธรรมวินัย ครั้นได้อุปสมบทเป็นภิกษุดังความประสงค์แล้ว ท่านอุตส่าห์เรียนเอาซึ่งพระกรรมฐานในสำนักของพระบรมศาสดาจารย์ท่านไม่ประมาท อุตส่าห์บำเพ็ญเพียรในกรรมฐานได้สำเร็จโลกิยฌาน กระทำฌานที่ตนได้แล้วนั้นให้เป็นพื้นฐาน เจริญวิปัสสนากรรมฐานสืบไปได้สำเร็จพระอรหัตผลฯ
เหตุที่มีคำว่า กังขา อยู่หน้าชื่อ
ท่านพระเรวตะนั้น มักบังเกิดความเลื่อมใสในกัปปิยวัตถุ คือ สิ่งของที่ถูกต้องตามพระพุทธบัญญัติ เป็นของควรแก่บรรพชิตพึงบริโภคใช้สอย เมื่อท่านได้กัปปิยวัตถุอันใดมาแล้ว ก็ให้คิดสงสัยอยู่ ต่อเมื่อพิจารณาเห็นว่าเป็นกัปปิยวัตถุโดยถ่องแท้แล้ว จึงบริโภคใช้สอยซึ่งกัปปิยวัตถุนั้น ด้วยเหตุนี้คำว่า กังขา ซึ่งแปลว่า ความสงสัย จึงได้นำหน้าชื่อของท่านเป็น กังขาเรวตะ พระกังขาเรวตะนี้เป็นผู้ชำนาญในฌานสมาบัติอันเป็นโลกิยะและโลกุตตระ เข้าสู่ฌานสมาบัติอันเป็นพุทธวิสัยได้เกือบทั้งหมด ฌานสมาบัติอันเป็นพุทธวิสัยที่ท่านละเว้น ไม่ได้เข้ามีน้อยยิ่งนักฯ
เอตทัคคะ
ด้วยเหตุนี้พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องสรรเสริญท่านว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้ยินดีในฌานสมาบัติฯ เมื่อท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้ว ก็ดับชันธปรินิพพานฯ
ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.geocities.com/piyainta/ab53.htm
ชาติภูมิ
ท่านพระกังขาเรวตะ เกิดในตระกูลอันบริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติเป็นอันมาก ในพระนครสาวัตถี ชื่อเดิมคือเรวตะ เป็นคนมีศรัทธา วันหนึ่งเวลาปัจฉาภัตร มหาชนชวนกันไปสู่พระเชตวันมหาวิหาร เพื่อจะฟังพระธรรมเทศนา เรวตะนั้นก็ได้ไปกับมหาชน ครั้งถึงแล้วได้นั่งอยู่ท้ายสุดของบริษัท พระบรมศาสดาตรัสเทศนาอนุบุพพิกถา พรรณนาถึงทานการให้เป็นต้น ในเวลาจบเทศนา เรวตะบังเกิดความเลื่อมใส มีความปรารถนาจะบวชในพระธรรมวินัย ครั้นได้อุปสมบทเป็นภิกษุดังความประสงค์แล้ว ท่านอุตส่าห์เรียนเอาซึ่งพระกรรมฐานในสำนักของพระบรมศาสดาจารย์ท่านไม่ประมาท อุตส่าห์บำเพ็ญเพียรในกรรมฐานได้สำเร็จโลกิยฌาน กระทำฌานที่ตนได้แล้วนั้นให้เป็นพื้นฐาน เจริญวิปัสสนากรรมฐานสืบไปได้สำเร็จพระอรหัตผลฯ
เหตุที่มีคำว่า กังขา อยู่หน้าชื่อ
ท่านพระเรวตะนั้น มักบังเกิดความเลื่อมใสในกัปปิยวัตถุ คือ สิ่งของที่ถูกต้องตามพระพุทธบัญญัติ เป็นของควรแก่บรรพชิตพึงบริโภคใช้สอย เมื่อท่านได้กัปปิยวัตถุอันใดมาแล้ว ก็ให้คิดสงสัยอยู่ ต่อเมื่อพิจารณาเห็นว่าเป็นกัปปิยวัตถุโดยถ่องแท้แล้ว จึงบริโภคใช้สอยซึ่งกัปปิยวัตถุนั้น ด้วยเหตุนี้คำว่า กังขา ซึ่งแปลว่า ความสงสัย จึงได้นำหน้าชื่อของท่านเป็น กังขาเรวตะ พระกังขาเรวตะนี้เป็นผู้ชำนาญในฌานสมาบัติอันเป็นโลกิยะและโลกุตตระ เข้าสู่ฌานสมาบัติอันเป็นพุทธวิสัยได้เกือบทั้งหมด ฌานสมาบัติอันเป็นพุทธวิสัยที่ท่านละเว้น ไม่ได้เข้ามีน้อยยิ่งนักฯ
เอตทัคคะ
ด้วยเหตุนี้พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องสรรเสริญท่านว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้ยินดีในฌานสมาบัติฯ เมื่อท่านดำรงชนมายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้ว ก็ดับชันธปรินิพพานฯ
ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.geocities.com/piyainta/ab53.htm