PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : นางนกุลมารดาคหปตานี เอตทะคคะในฝ่ายผู้มีความคุ้นเคยในพระศาสดา



DAO
11-13-2008, 09:22 AM
นางนกุลมารดาคหปตานี
เอตทะคคะในฝ่ายผู้มีความคุ้นเคยในพระศาสดา
นางนกุลมารดา เกิดในตระกูลเศรษฐีในเมืองสุงสุมารคิรี แคว้นภัคคะ เมื่อเจริญวัย
ได้แต่งงานอยู่ครองเรือนตามฆราวาสวิสัย มีความสุขตามสมควรแก่ฐานะเมื่อบิดามารดาล่วง
หลับไปแล้วได้ครอบครองดูแลทรัพย์สมบัติสืบไป

กล่าวตู่ว่าพระพุทธองค์เป็นลูก
ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคอันภิกษุสงฆ์แวดล้อมติตามเสด็จจาริกไปถึงพระนคร
สุงสุมารคิรี แล้วเสด็จเข้าประทับ ณ เภสกลาวัน
ขณะนั้น นกุลเศรษฐีและภริยาพร้อมด้วยเหล่าชาวเมืองสุงสุมารคิรีได้พากันไปเฝ้าพระ
ผู้มีพระภาคะเจ้า ณ ที่ประทับ ทันทีที่เศรษฐีและภริยาได้แลเห็นพระผู้มีพระภาคเท่านั้นความรัก
ประหนึ่งว่าพระพุทธองค์เป็นบุตรในอุทรของตนก็เกิดขึ้นสองสามีภริยาหมอบลงแทบพระยุคล
บาทของพระบรมศาสดาแล้วกราบทูลว่า
“ลูกเอ๋ย เจ้าทิ้งพ่อแม่ไปสิ้นกาลช้านาน บัดนี้เจ้าไปอยู่ ณ ที่ใดมา ?”
จากอาการกิริยาและคำพูดของเศรษฐีและภรรยานั้น สร้างความสับสนฉงนสนเท่ห์แก่
ภิกษุสงฆ์และพุทธบริษัทในสมาคมนั้น เพราะต่างก็ทราบดีว่าพระพุทธองค์เสด็จออกบรรพชา
จากศากยสกุล กรุงกบิลพัสดุ์ และชาวเมืองสุงสุมารคิรี ก็ทราบดีว่าเศรษฐีสองสามีภรรยามี
ญาตร่วมสายโลหิตและทายาทกี่คน เหตุไฉนท่านจึงกล่าวตู่ว่าพระผู้มีพระภาคเป็นบุตรของตน
แม้พระบรมศาสดา ก็มิได้ตรัสห้ามประณามเศรษฐีสองสามีภรรยานั้นแต่ประการใด
เลย ด้วยเศรษฐีทั้งสองมีสติเต็มไปด้วยความรักและปีติสุดที่จะยับยั้งได้ พระพุทธองค์ทรงรอ
โอกาสเมื่อพวกเขากลับได้สติวางใจเป็นกลางแล้ว จึงทรงแสดงธรรมตามสมควรแก่อัธยาศัย
ยังบุคคลทั้งสองให้ดำรงอยู่ในพระโสดาปัตติผล แล้วทรงยกเรื่องในอดีตชาติ มาประกาศใน
ท่ามกลางพุทธบริษัทให้ทราบทั่วกันว่า
“ในอดีตชาติ เศรษฐีสองสามีภรรยานี้เคยเป็นบิดามารดาของตถาคต ๕๐๐ ชาติ เคย
เป็นปู่ เป็นย่า ๕๐๐ ชาติ เคยเป็นลุง เป็นป้า ๕๐๐ ชาติ เคยเป็นอาเป็นน้า ๕๐๐ ชาติ ดังนั้นเพราะ
ความรักความผูกพันที่ติดตามมาตลอดช้านานนี้พอได้เห็นตถาคตจึงสุดที่จะอดกลั้นความรัก
นั้นไว้ได้”
พระบรมศาสดา ครั้นได้ประทานสุขสมบัติในเทวโลกและสุขสมบัติในอริยภูมิแก่ชาว
สุงสุมารคิรีแล้ว เสด็จจาริกไปยังคามนิคมอื่น ๆ โดยลำดับ


แม้ทางใจก็ไม่เคยคิดชั่ว
ครั้นกาลต่อมา พระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์แวดล้อมตามเสด็จมายังพระนคร
สุงสุมารคิรีอีก เศรษฐีและภรรยาซึ่งทั้งสองเข้าสู่วัยชราภาพแล้ว ได้ทราบข่าวการเสด็จมาของ
พระผู้มีพระภาค จึงพากันไปเฝ้ากราบวายบังคมด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ได้กราบอาราธนาเพื่อ
เสวยพระกระยาหารในวันรุ่งขึ้น พระพุทธองค์ทรงรับด้วยดุษณีภาพ เมื่อได้เวลาทรงพาภิกษุ
สงฆ์เสด็จไปยังบ้านของนกุลเศรษฐี ซึ่งสองสามีภรรยานั้นได้อังคาสถวายภัตตาหารแด่พระ
พุทธองค์พร้อมภิกษุสงฆ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พากันเข้าไปนั่งใกล้ ๆ ณ ที่อันสมควรแก่ตนนาง
นกุลมารดาคหปตานีได้กราบทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์กับนกุลบิดาคฤหบดีนี้ แต่งงานกันมาตั้งแต่ครั้งอยู่
ในวัยหนุ่มสาว ตราบจนบัดนี้ ข้าพระองค์มิได้รู้สึกเลยว่า นกุลบิดาคฤหบดีผู้สามีจะนอกใจแม้
ทางใจ ดังนั้น เขาจะนอกใจทางกายได้อย่างไร ข้าพระองค์ปรรถนาจะพบกันและกัน ทั้งใน
ปัจจุบันทั้งในภายภาคหน้าพระเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ ฯ นครสุงสุมารคิรี ตามสมคารแก่พระอัธยาศัยแล้วทรงพา
หมู่ภิกษุสงฆ์เสด็จจาริกโปรดเวไนยสัตว์ ตามคามนิคมชนบทอื่น ๆ โดยลำดับ
ต่อมาพระพุทธองค์ขณะประทับ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงสถาปนา
นกุลมารดาคหปตานี ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าอุบาสิกาทั้งหลาย ในฝ่าย
ผู้มีความคุ้นเคยในพระศาสดา



ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.84000.org/one/4/10.html

Butsaya
04-19-2012, 01:20 PM
เอตทัคคะ หมวดอุบาสิกา - นางนกุลมารดาคหปตานี
เอตทัคคะในฝ่ายผู้มีความคุ้นเคยในพระศาสดา


http://youtu.be/dra1EKIRyYs

ให้เสียงโดย : พระมหาธีรนาถ อคฺคธีโร

ขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่านที่เข้ามารับชมรับฟังแล้วเกิดกุศลจิตทุกท่านค่ะ
ขอขอบคุณที่มาของการอัปโหลด :: โดย hiphoplanla