PDA

แสดงเวอร์ชันเต็ม : สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) วัดสุปัฏวนาราม



DAO
11-14-2008, 11:59 AM
http://www.amulet.in.th/forums/images/1607.jpg


สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) วัดสุปัฏวนาราม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

ชาติภูมิ

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) นามเดิมว่า อ้วน นามสกุล แสนทวีสุข สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เกิดวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2410 ตรงกับวันเสาร์ แรม 13 ค่ำ เดือน 4 ปี เถาะโยมบิดาชื่อ เคน แสนทวีสุข เป็นตำแหน่งกรมการเมือง ตำแหน่งเมืองกลาง โยมมารดาชื่อ นางบุดสี แสนทวีสุข ณ. บ้านแคน ตำบล ดอนมดแดง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

ระยะเยาว์วัยและการศึกษาเบื้องต้น

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ท่านเคยเล่าชีวิตเมื่อเยาว์วัยให้มหาไชย จันสุตะ ฟังว่า เมื่อ ยังเด็กท่านชอบมีเพื่อนฝูงมาก เพื่อนฝูงทั้งหลายมักตั้งท่านให้เป็นหัวหน้า และเมื่อท่านทำหน้าที่เป็นหัวหน้าแล้ว เพื่อนฝูงจะเชื่อฟัง ท่านจัด ท่านแบ่งอะไรทุกคนพอใจ ไม่เคยโต้แย้ง ท่านมีแววของความเป็นผู้นำมาตั้งแต่เยาว์ทีเดียว นอกจากลักษณะของความเป็นผู้นำแล้ว สมเด็จฯ ยังสนใจในทางศาสนาตั้งแต่เด็กท่านจะช่วยแม่ทำบุญตักบาตรทุก ๆ เช้าที่หน้าบ้านเสมอ

บรรพชาอุปสมบท

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เมื่ออายุ 19 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ. วัดบ้านสว่าง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อบวชเป็นสามเณรแล้วสมเด็จท่านได้ย้ายไป อยู่จำพรรษาที่วัดศรีทอง เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและอักษรสมัยมีพระเทวธัมมี(ม้าว)เป็นเจ้าอาวาส

ครั้นสมเด็จอายุครบ 20 ปี ได้อุปสมบท ณ. พัทธสีมาวัดศรีทอง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2430 โดยมีท่านเทวธมฺมี ม้าว เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านโชติปาโล ท่านเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นอุทเทสาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ ติสฺโส”

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ อุปสมบทแล้วเล่าเรียนอยู่ ณ. วัดศรีทองนั้นถึงปี พ.ศ. 2433 อายุได้ 24 ปี เจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์(จันทร์ สิริจนฺโท)ได้พาเข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพฯ ในสำนักของพระสาสนโสภณ(อ่อน อหิสโก) วัดพิชยญาติการาม แต่ครั้งยังเป็นพระเมธาธรรมรส ในโรงเรียนวัดพิชยญาติการาม อันเป็นสาขามหากุฎราชวิทยาลัย ได้รับนิตยภัตบำรุงจากมหามกุฎราชวิทยาลัยเดือนละ 2 บาท

ปี พ.ศ. 2438 ย้ายติดตามเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์มาอยู่วัดเทพศิรินทราวาสและสอบได้เป็นเปรียบตรี ณ. สำนักวัดเทพศิรินทราวาส

พ.ศ. 2439 เมื่อพระอุบาลีคุณูปมาจารย์แต่เมื่อยังเป็นที่ พระครูวิจิตรธรรมภาณี ขึ้นไปตั้งการเล่าเรียน ณ. วัดสุปัฎนาราม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ได้ติดตามขึ้นไปด้วยโดยรับหน้าที่ขนอุปกรณ์การเล่าเรียนออกไปล่วงหน้าใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงจังหวัดอุบลราชธานีกว่า 50 วัน เมื่อตั้งโรงเรียนขึ้นแล้วก็ได้ทำหน้าที่เป็นครูสอนภาษาบาลีอยู่ ณ. วัดสุปัฏนารามนั้น

ครั้นปี พ.ศ. 2442 ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์เข้ามากรุงเทพฯ ครั้งนี้ด้วย ได้เข้าสอบพระปริยัติธรรมอีกครั้งได้เป็นเปรียญโทได้รับพระราชทานรางวัล แล้วกลับขึ้นไปอุบลราชธานีพร้อมกับเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ในศกนั้นเพื่อทำหน้าที่เป็นครูสอนภาษาบาลีต่อไป และได้รับมอบจากท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าคณะมณฑลอีสานอยู่ในขณะนั้นให้ทำหน้าที่แทนเจ้าคณะมณฑลด้วย

พ.ศ. 2447 ได้เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อรับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระศาสนดิลกและได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะมณฑลอีสานสืบต่อจากท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ซึ่งขอลาออกแล้วกลับไปประจำอยู่ ณ. วัดสุปัฏนาราม ถึงปี พ.ศ. 2455 โปรดให้เลื่อนขึ้นเป็นพระราชมุนี และทรงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะธรรมยุตภาคอีสานอีกตำแหน่งหนึ่งในปลายชีวิต สมเด็จท่านได้กลับมาปฏิบัติธรรมต่อ โดยได้รับอุบายธรรมจากศิษย์ของท่านคือท่านพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม พระอาจารย์ทอง อโสโก พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และท่านพ่อลี ธมฺมธโร ซึ่งท่านได้รับหลักธรรมอันมั่นคงที่สุด ก็เป็นช่วงที่อาพาธอย่างหนักนี้เอง ท่านพิจารณา ตจปัญจกรรมฐาน ยกจิตเจ้าสู่องค์สมาธิได้สามารถพิชิตโรคภัยด้วย ธรรมโอสถอย่างสิ้นเชิงสมเด็จพระมหาวีรวงศ์(อ้วน ติสฺโส) ท่านเป็นพระเถรที่น่ารักเคารพยิ่งองค์หนึ่ง สมเด็จท่านอาพาธเนื่องด้วยโรคชราเริ่มกำเริบตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา

การมรณภาพของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์(อ้วน ติสฺโส)

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์(อ้วน ติสฺโส)ได้มรณภาพเมื่อวันวันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม 2499 เวลา 18.45 น.ณ วัดบรมนิวาส โดยอาการสงบด้วยโรคชรา สิริอายุได้ 89 ปี พรรษาที่ 68 นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการบริหาร การปกครอง คณะสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป โดยเฉพาะชาวจังหวัดอุบลราชธาน



ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.amulet.in.th/forums/view_topic.php?t=953&sid=bcabc352ea0b5bf86dbafd09036e1345