"มะเร็งรังไข่" เรื่องที่สาว ๆ ก็ต้องใส่ใจ





เดี๋ยวนี้นั้นชีวิตของมนุษย์เรานั้นมีความเสี่ยงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไหนจะความไม่ปลอดภัยจากการใช้ชีวิต จากการเดินทาง ไหนจะความเครียดจากการใช้ชีวิต การทำงานอีก แถมสมัยนี้ยังมีโรคภัยมากมายร้อยแปดที่พร้อมจะคุกคามคุณได้ทุกเมื่อ


โดยเฉพาะ "มะเร็ง" ที่ถิอว่าเป็น ผู้ร้าย อันดับต้น ๆ ที่คร่าชีวิตมนุษย์เราไปเกือบทุก ๆ วัน ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย แต่สำหรับผู้หญิงนั้น "มะเร็งปากมดลูก" ดูจะเป็นสัตรูตัวฉกาจที่คร่าชีวิตของหญิงสาวหลายคนไปก่อนวัยอันสมควร แต่สำหรับ "มะเร็งรังไข่" นั้นก็เป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่สาว ๆ ไม่อาจจะมองข้ามได้เช่นกัน


เพราะเจ้ามะเร็งรังไข่นี้ ถือเป็นโรคมะเร็งที่ผู้หญิงเป็นกันมากที่สุดเป็นอันดับสองรองจาก มะเร็งปากมดลูก เลยทีเดียว แถมองค์กรที่ดูแลเกี่ยวกับมะเร็งของสหรัฐอเมริกายังออกโรงเตือนประชากรของตนเองให้ระวังภัยจากมะเร็งรังไข่กันมากขึ้นอีกด้วย






แล้วทำไมมะเร็งรังไข่ถึงน่ากลัว ?


ก็เพราะว่าถ้าคุณเป็นมะเร็งรังไข่แล้วล่ะก็ คุณอาจจะรู้ตัวเมื่อสายไปเสียแล้วก็ได้ เพราะในระยะแรก ๆ นั้นจะไม่ค่อยมีอาการใด ๆ ปรากฎให้เห็นเลย นอกจากนี้ตามสถิติทางการแพทย์ยังระบุอีกว่า ผู้หญิง 1 คนในจำนวน 70 คนจะมีโอกาสเป็นมะเร็งรังไข่ และหากอยู่ในครอบครัวมีประวัติทางพันธุกรรม (ซึ่งมีอยู่ประมาณ 5 %) 1 ใน 2 คนจะมีโอกาสเป็นมะเร็งดังกล่าว ดังนั้นจึงทำให้ ผู้หญิงทุกคนมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งรังไข่ 1.4 % เลยทีเดียว

สาว ๆ ลองเช็ค คุณมี อาการเหล่านี้หรือไม่


กลืนอาหารยาก อิ่มเร็ว


ปัสสาวะบ่อย ๆ


ท้องอืด ท้องบวมมากขึ้น


ปวดท้องน้อยบ่อย ๆ


หากคุณมีอาการที่ว่านี้บ่อย ๆ ทานยาแล้วก็ไม่หาย คุณควรรีบจะไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด เพื่อป้องกันการเกิดมะเร็งรังไข่





และแน่นอนว่าวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ การหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันเยอะ ๆ เน้นทานผักที่มีสารเบต้าแคโรทีนเยอะ ๆ จะช่วยได้ นอกจากนี้คุณยังต้องหมั่นไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อเป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้งก็ยังดี


แต่สำหรับคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เป็นต้นว่ามีประวัติบุคคลในครอบครัวเคยเป็นมะเร็ง ต้องหมั่นไปตรวจสุขภาพ ตรวจร่างการบ่อย ๆ เพื่อป้องกันล่วงหน้าค่ะ


สุขภาพที่ดีนั้น ไม่สามารถไปหาซื้อเป็นแพ็คเกจได้จากที่ไหน แต่สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตัวของคุณเอง ก่อนที่จะรู้ตัวเมื่อสาย มาใส่ใจสุขภาพกันเถอะนะคะ
[center]






ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.teenee.com/