เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

กระทู้: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. รูปส่วนตัว noppakorn

    noppakorn said:

    เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    ถ้าไม่ล็อกประตูรถอะไรจะเกิดขึ้น ?

    [HIGHLIGHT=#ffff00]เรื่องที่ 1[/HIGHLIGHT]เหตุเกิดตอนประมาณ21.00 ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
    ผมเป็นคนที่สังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวอยู่เสมอดังนั้นหากมองเผินๆเหมือนกับว่าผมเดินไปดื่มน้ำในมือไปเรื่อยเปื่อย
    สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือรู้สึกว่ามีคนเดินตามผมห่างๆแต่ผมยังไม่คิดอะไรในทีแรก
    เพราะคงเป็นผู้มาใช้บริการที่จอดอยู่ชั้นเดียวกัน
    อีกอย่างที่รถที่จอดชั้นเดียวกับผมนี้ยังค่อนข้างเยอะ
    บังเอิญว่าผมอยากจะทิ้งแก้วน้ำในมือก็เลยมองหาถังขยะ
    ซึ่งมันไม่ค่อยมีหรอกตามที่จอดรถ
    เพราะทางศูนย์การค้าพวกนี้เค้ากลัวเรื่องการรอบวางระเบิด
    ระหว่างที่ผมเดินหาที่ทิ้งในดวงใจอยู่นั้น
    ;
    ผมก็เดินเลยที่จอดรถตัวเองไปหลายคันเหมือนกัน แต่ก็ไม่มี
    จะทิ้งมั่วๆมันก็น่าเกลียด
    ก็ตัดสินใจว่าเอาไปไว้ตรงที่วางแก้วในรถก่อนก็ได้
    (
    ซึ่งตลอดเวลาไอ้บ้านี่ก็ยังเดินตามผมอยู่)
    พอหมุนตัวจะกลับมาที่รถตัวเอง
    ไอ้บ้านี่มันก็ทำเป็นเดินให้เลยผมไปก่อน
    แล้วก็หยุดเหมือนมองหารถมันว่าจอดไหน ไอ้ช่วงที่หมุนตัวกลับมานี่เอง
    ที่ผมเห็นมันชัดๆว่า สภาพมันไม่ใช่ลักษณะคนขับรถเก๋งแน่นอน
    คือมันมีสายร้อยกุญแจแบบFlex( สายที่วนๆคล้ายสปริง)กับกุญแจดอกเดียว
    ใส่แจ๊คเก็ตสีดำ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็นผู้ไม่หวังดีรึเปล่า
    ก็เลยแกล้งทำเป็นเดินเลยรถตัวเองอีกสักสี่ห้าคัน
    แล้วไปหยุดทำท่าทางจะไขกุ ญแจรถคันหนึ่ง ซึ่งมันก็รีบเดินตามกลับมา
    คงกลัวว่าจะไม่ทันเดี๋ยวผมขึ้นรถไปเสียก่อน
    แต่ผมก็ทำทางเป็นเปลี่ยนใจอีกครั้งมองหาที่ทิ้งแก้วน้ำ
    แล้วเดินสวนกับมันในระยะที่ปลอดภัยสำหรับผมเอง
    แต่เป็นอันตรายสำหรับมันเพราะผมก็พร้อมอยู่แล้ว
    แน่นอนว่าผมเดินกลับไปหารถผมเองอย่างแท้จริง ซึ่งคราวนี้มันหลงกลผมเต็มๆ
    เพราะมันไปยืนอยู่ท้ายรถคันที่ผมทำท่าจะไขประตู
    มันไปยืนแบบแอบๆเพราะเดี๋ยวผมต้องกลับมาแน่นอน
    แต่คราวนี้ผมเดินไปปั๊บ กดรีโมทปุ๊บ ขึ้นรถได้ผมก็สตาร์ทเครื่อง
    กดเซ็นทรัลล็อค ขณะที่ผมขับออกไป ผมมองไปที่มันซึ่งกำลังทำหน้างงๆ
    แต่ไม่กล้ามองแบบเต็มๆนัก เห็นหน้าตามันเหวอๆ ผมก็เลยคิดว่ายังไงต้องแจ้ง
    ร.ป.ภ. ไว้ก่อน ไม่ว่ามันจะใช่อย่างที่ผมคิดหรือไม่ก็ตามแต่เพื่อความปลอดภัยของคนอื่นๆ
    ผมขับเลยไปจอดตรงที่คืนบัตรจอดรถ แล้วแจ้งทางเจ้าหน้าที่ห้าง
    รวมทั้งนำเจ้าหน้าที่4 คนไปเองด้วย
    เพราะผมรู้อยู่คนเดียวนินา ไปเจอมันผลุ๊บๆโผล่ๆอยู่
    ทางเจ้าหน้าที่จึงตรงเข้าไปสอบถามว่า ทำอะไร
    มันตอบว่าไงรู้ไหมครับ......มันมาซื้อของแต่จำไม่ได้ว่าจอดรถไว้ตรงไหน
    แต่พอสักไปสักมาว่ารถยี่ห้ออะไร ทะเบียนอะไร มันก็อึกอักตอบมาว่า
    มันนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เอามอเตอร์ไซด์มา มั่วๆแล้วก็แถ
    พอเจ้าหน้าค้นตัวก็พบมีดปอกผลไม้หนึ่งเล่ม ทีนี้หน้ามันซีดอย่างชัดเจน
    ที่จริงหน้าผมก็ซีดครับ ผมก็เลยบอกให้เจ้าหน้าที่คุมตัวแล้วแจ้งตำรวจเพื่อขยายผลต่อไป......
    ต้องระวังนะครับ อย่าประมาทเด็ดขาด ถ้าเป็นสุภาพสตรี อย่าลีลาอย่างผม
    เพราะไม่คุ้มแน่นอนถ้าเราพลาด
    เป็นห่วงทุกคนนะครับ
    โจ


    การตั้งชื่อและแปลชื่อโดยคุณอุบาสกนพกรณ์
    จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน
    - ของดตอบคำถามเป็นการส่วนตัว
    - ของดการแจ้งลบกระทู้ (โดยไม่มีเหตุอันควร) หลังจากที่ได้คำตอบแล้ว
    - กรุณาตั้งคำถามให้ตรงตามหมวดหมู่อักษร
    - ขอตอบวันละ 3 ชื่อ (กรุณารอคิวหากมีผู้ถามเข้ามามาก)


    ขอชื่อใหม่ต้อง...
    1. แจ้งชื่อนามสกุลหรือทักษาเลข
    2. วันเกิด(จ-อ)
    3. อาชีพ
    4. เหตุผล(เพื่อวิเคราะห์ชื่อมงคล)
     
  2. รูปส่วนตัว noppakorn

    noppakorn said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    (ต่อ)

    [HIGHLIGHT=#ffff00]เรื่องที่ 2[/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffff00] [/HIGHLIGHT] อ่านเรื่องข้างล่างแล้วระวังตัวให้มากๆนะคะ
    เพราะพี่ต่อก็เคยโดนลักษณะเดียวกัน โดยขับรถกลับบ้านตนเดียวประมาณ2 ทุ่มกว่าๆ
    พอเข้าซอยรู้สึกว่ามีรถมอเตอร์ไซด์ขับตามมา และเลี้ยวเข้าซอยเดียวกัน
    และตามมาเรื่อยๆ พอพี่ต่อจอดรถหน้าบ้านเขาก็ขับเลยเข้าไปในซอยซึ่งเป็นซอยตัน
    และเลี้ยวกลับมาจอดอยู่ใกล้ๆ และลงมาเปิดประตูข้างคนขับที่พี่ต่อนั่งอยู่
    พอดีคอยระวังอยู่แล้วและคอยมองอยู่ และรถก็ล็อคอยู่เขาจึงเปิดไม่ได้
    แต่ทำท่าบุ้ยใบ้ให้เราเปิดประตูเหมือนจะถามอะไร
    พี่ต่อก็เลยบีบแตรดังมากๆหลายครั้ง แล้วโบกมือให้รู้ว่าไม่เปิด
    พอดีแม่บ้านเดินมาที่ประตู เขาก็รีบเดินไปขึ้นรถขับออกไป
    ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเร็วมากนับจากที่จอดรถหน้าประตูบ้านประมาณ2-3 นาทีเท่านั้น
    ปกติเมื่อถึงบ้านพี่ต่อจะบีบแตรแล้วเปิดประตูรถเพื่อส่งกุญแจประตูใหญ่ให้แม่บ้านไขประตูบ้านให้
    พอดีวันนั้นมองเห็นรถมอเตอร์ไซด์คันนี้อยู่เลยยังไม่ได้กดแตร
    เขาอาจจะคิดว่าเราจะลงจากรถมาเปิดประตูบ้านเองก็ได้
    ไม่อยากคิดเลยว่าถ้ารถไม่ได้ล็อคอยู่จะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้หน้าบ้านเราเอง
    พวกมิจฉาชีพพวกนี้จะลงมือเร็วมาก คนมาช่วยก็อาจช่วยไม่ทัน
    ดังนั้น ขอย้ำให้ระมัดระวังมากๆ เพราะเหตุการณ์ประเภทนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก และขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ
    ;
    ฌลาวิภา เมฆใจดี

    [HIGHLIGHT=#ffff00]เรื่องที่ 3 [/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffff00] [/HIGHLIGHT] ระหว่างที่รถผมหยุดรอไฟเขียว มีชาย2 คนเดินมาข้างหลัง
    ทั้งคู่กระตุกประตูหลังคนละข้าง โชคดีที่ประตูล๊อกอยู่1 ใน2 คนนั้นพยายามดึงแรงขึ้นอีก
    แล้วทั้งคู่ก็เดินเร็วผ่านรถผมแล้วปนไปในฝูงชน เดี๋ยวนี้ เหตุร้ายเกิดได้ตลอดไม่ว่ามืดหรือสว่าง
    เราคงต้องระวังอย่าเผลอเชียวละ
    Regards,
    Suraphong

    [HIGHLIGHT=#ffff00]เรื่องที่ 4 [/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffff00]
    [/HIGHLIGHT]
    ภรรยาผม จะมีนิสัยเมื่อขึ้นรถแล้วต้องกดเซนทรัลล๊อคทั้งก่อนสตาร์ทเครื่องและก่อนดับเครื่อง
    มีรถเก๋งคันหนึ่งสีเงิน มีคนสองคนเดินลงมาจากรถแล้วก็เดินมาที่รถของเราอย่างสุภาพ
    ขณะที่ภรรยาผมกำลังเล่นกับลูกอยู่ เพลินๆ ก็ได้ยินเสียงตึ๊กจากข้างหลัง
    ภรรยาผมก็ตกใจรู้สึกตัวว่ามีคนพยายามเปิดประตูหลังของรถเรา
    แต่เพราะรถล๊อคพวกเขาก็เดินกลับ ไปขึ้นรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    ตอนที่ภรรยาผมเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมคิดว่าเหลือเชื่อจริงๆ กลางวันแสกๆ แท้ๆ
    ถ้าหากบังเอิญรถไม่ได้ ล๊อค ผมไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
    อยากจะให้ทุกคนมีนิสัย ขึ้นรถต้องล๊อครถ
    พวกผู้ร้ายมักจะลงมือจากเบาะหลัง เพราะจะ ควบคุมสถานการณ์ได้ง่าย

    [HIGHLIGHT=#ffff00]เรื่องที่ 5 [/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffff00] [/HIGHLIGHT]
    หลังจาก จ่ายเงินค่าจอดรถเลี้ยวออกจากโรงพยาบาล ก็จอดติดไฟแดง
    ขณะนั้น ( ยังไม่ ถึง3 นาที ระบบล๊อคอัตโนมัติคงยังไม่ทำงาน )
    ชายหนุ่ม สองคนก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ
    โชคดีที่พ่อแม่ของผมไหวตัวเร็วมาก รีบถอดเข็มขัดนิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจออกแล้วออกมายืนนอกรถโดยเร็ว
    คนทั้งสองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ในรถหน้าตาเฉยจนกระทั่งคุณแม่ของผมตะโกนใส่พวกเขาว่า
    พวกเรายังมีเพื่อนฝูงอยู่ในโรงพยาบาลอีกเยอะจะให้ เรียกพวกเขาลงมาคุยกับพวกแกไหม?
    พวกเขาจึงออกมาจากรถแล้วบอกว่าขอโทษขึ้นผิดคัน ( นี่มันปล้นกันชัดๆ)
    แล้วรถคันข้างหลัง ( มีคนอยู่ในรถสองคน) ก็ขับมารับพวกเขาจากไป
    น่ากลัวที่สุด

    [HIGHLIGHT=#ffff00]เรื่องที่ 6 [/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffff00]
    [/HIGHLIGHT]
    ตอนรถจอดติดไฟแดงรถของผมอยู่ห่างจากทางแยกประมาณคันที่สามหรือสี่
    สักครู่ หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ท้ายรถผม บนรถมีชายหนุ่มอายุ ประมาณ20 กว่า สองคน
    แล้วที่น่าสงสัยก็คือ พวกเขาพยายามมองเข้ามาในรถของผมผมจึงจ้องพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง
    พอไฟเขียวก็ออกรถพร้อมมันผมบังเอิญได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า'รถมันล๊อคหมด' แล้วก็ขับเลย ไป

    [HIGHLIGHT=#ffc000]ขอให้ช่วยกันบอกต่อให้มากๆทั้งชายทั้งหญิงนะครับ[/HIGHLIGHT]
    [HIGHLIGHT=#ffc000] [/HIGHLIGHT]
    [HIGHLIGHT=#ffc000]บอกแค่คนสองคนก็ได้บุญมากแล้วครับ[/HIGHLIGHT]
    การตั้งชื่อและแปลชื่อโดยคุณอุบาสกนพกรณ์
    จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน
    - ของดตอบคำถามเป็นการส่วนตัว
    - ของดการแจ้งลบกระทู้ (โดยไม่มีเหตุอันควร) หลังจากที่ได้คำตอบแล้ว
    - กรุณาตั้งคำถามให้ตรงตามหมวดหมู่อักษร
    - ขอตอบวันละ 3 ชื่อ (กรุณารอคิวหากมีผู้ถามเข้ามามาก)


    ขอชื่อใหม่ต้อง...
    1. แจ้งชื่อนามสกุลหรือทักษาเลข
    2. วันเกิด(จ-อ)
    3. อาชีพ
    4. เหตุผล(เพื่อวิเคราะห์ชื่อมงคล)
     
  3. piangfan said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    สาธุค่ะ พี่นพ
    ขอบคุณค่ะ



    หลังจากแช่ข้าวกล้องนาน 12 ชม. แล้วหุ้มไว้อีก 12 ชม.
    ก็จะได้เมล็ดข้าวกล้องงอกดังรูป






    เปรียบเทียบระหว่างเมล็ดข้าวกล้องธรรมดา (แถวบน)
    กับ เมล็ดข้าวกล้องงอก (แถวล่าง)




    ท่านผู้รู้ขา!!!ออกมาช่วยหน่อยค่ะ
    ตัวนี้ชอบติดตามมาจังค่ะ
    พอจะเข้าไปแก้ก็มองไม่เห็นค่ะ
    [/FONT][/SIZE][/COLOR]
    ขอบคุณค่ะ


    ตะวันส่องแสงธรรมนำ มิตรภาพไร้พรมแดน

    grup'/yo..เพียงฝัน
     
  4. รูปส่วนตัว ทั่นยาย

    ทั่นยาย said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    สวัสดีค่ะ พี่นพกรณ์ ตาเปา ตะละแม่เกิดแก่ น้องโดด น้องอ๋อย
    เพียงฝัน ปลายฟ้า ทั่นบีบี ครูวิทย์ ทั่นพญามาร เจ้าป้าฯ
    ทั่นแปดคิว ตะขบ ลัคกี้ และญาติธรรมทุกๆท่านค่ะ



    ขออนุญาตินำสระประโยชน์มาแบ่งปันกันรู้ค่ะ

    "ลดบางอย่าง เพื่อ เพิ่มบางสิ่ง"

    * หากลดบางอย่างให้น้อยลง คุณจะได้บางสิ่งมากขึ้น

    * ลดความโกรธให้น้อยลง คุณจะได้สติกลับมามากขึ้น

    * ลดค่าใช้จ่ายให้น้อยลง คุณจะได้เงินเก็บมากขึ้น

    * ลดความคิดที่จะหาคนที่ถูกน้อยลง คุณจะได้คำตอบสำหรับทำเรื่องที่ถูกต้องมากขึ้น

    * ลดการพูดให้น้อยลง คุณจะได้ทำหลายอย่างได้มากขึ้น

    * คิดถึงคนที่คุณรักให้น้อยลง คุณเข้าใจคนที่คุณรักมากขึ้น

    * รักตัวเองให้น้อยลง คนอื่นรักคุณมากขึ้น

    * พูดให้ร้ายคนอื่นให้น้อยลง มีคนพูดถึงคุณในแง่ดีมากขึ้น

    * แสดงความฉลาดให้น้อยลง คุณได้ความรู้เพิ่มมากขึ้น

    * ออกนอกบ้านให้น้อยลง คุณได้ความอบอุ่นในครอบครัวมากขึ้น

    * นอนให้น้อยลง คุณทำหลายอย่างได้มากขึ้น

    * คิดเรื่องเครียดให้น้อยลง คุณยิ้มได้มากขึ้น

    * ลดความอายให้น้อยลง คุณได้ความกล้ามากขึ้น

    * ดูละครให้น้อยลง คุณอ่านหนังสือได้มากขึ้น

    * คุณวิ่งให้ช้าลง คุณมองเห็นคนข้างหลังมากขึ้น

    * เชื่อให้น้อยลง คุณมองเห็นอะไรได้มากขึ้น

    * ลดทิฐิให้น้อยลง คุณรู้จักอภัยมากขึ้น

    * กระโดดให้น้อยลง คุณเดินได้มั่นคงมากขึ้น

    * กินให้น้อยลง คุณอิ่มได้มากขึ้น

    * ก้มหน้าให้น้อยลง คุณมองเห็นได้ไกลขึ้น

    * พักเหนื่อยให้น้อยลง คุณรู้จักความสบายมากขึ้น

    * เห็นแก่ตัวให้น้อยลง มีคนรอดชีวิตมากขึ้น

    * แบกของหนักให้น้อยลง ชีวิตคุณเบามากขึ้น

    * ทะเลาะกับเด็กให้น้อยลง คุณโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

    * ทะเลาะกับผู้ใหญ่ให้น้อยลง คุณได้รับการเอ็นดูมากขึ้น

    * เป่าลมออกให้น้อยลง คุณสูดลมเข้าได้มากขึ้น

    [HIGHLIGHT=#ffffff]*[/HIGHLIGHT] แอบฟังให้น้อยลง คุณได้ยินอะไรมากขึ้น

    [HIGHLIGHT=#ffffff]* [/HIGHLIGHT]คุณคิดคำถามให้น้อยลง คุณเห็นคำตอบมากขึ้น

    ...........แล้วคุณลดอะไรไปบ้างแล้ว............
     
  5. รูปส่วนตัว noppakorn

    noppakorn said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    ฉันได้รับข้อความนี้จากเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง
    ซึ่งเพื่อนคนนี้ได้เลือกไปแล้ว
    ฉันเองก็ต้องเลือกเหมือนกัน และ

    ฉันก็เลือกแล้ว
    คราวนี้ตาพวกคุณแล้วล่ะที่จะต้องเลือกบ้าง
    เรื่องมีอยู่ว่า.....

    ชายคนหนึ่งเคยลงโทษลูกสาววัย 5 ขวบของเขา
    เพราะนำเงินไปซื้อกระดาษห่อของขวัญสีทองม้วน
    หนึ่งซึ่งมีราคาแพง
    ในขณะที่การเงินที่บ้านฝืดเคือง

    และเค้าก็อารมณ์เสียอีกครั้งเมื่อลูกสาวของเขานำกระดาษสีทองราคาแพงนั้น
    มาห่อกล่องของขวัญเพียงเพื่อตกแต่งไว้ใต้ต้นคริสต์มาส
    แต่กระนั้น...ลูกสาวตัวน้อยก็ได้มอบกล่องของขวัญนั้นให้พ่อของเธอในเช้าวันรุ่งขึ้น

    และพูดว่า ' นี่สำหรับพ่อค่ะ'
    พ่อของเธอกระอักกระอ่วนกับอาการที่ได้แสดงออกไปก่อนหน้านี้

    แต่แล้วความโกรธก็ได้พุ่งพล่านขึ้นอีกครั้งเมื่อ

    เขาพบว่ามันเป็นเพียงกล่องเปล่า

    เขาพูดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดว่า '
    ลูกไม่รู้จริงๆอย่างนั้นหรือว่าการจะให้ของขวัญใคร

    มันจะต้องมีอะไรอยู่ในกล่องของขวัญด้วย ? '
    เด็กน้อยมองไปที่พ่อของเธอด้วยน้ำตา

    และพูดว่า ' โอ...พ่อจ๋า มันไม่ใช่กล่องเปล่าเลย หนูเป่าจูบเข้าไปจนเต็ม '
    ชายคนนั้นสะอึก ตัวชาด้วยความเสียใจ

    เขาทรุดตัวลงแล้วโอบกอดลูกสาวไว้แน่น
    เขาขอให้ลูกสาวยกโทษให้เขา กับท่าทางโกรธเกรี้ยวเกินเหตุของเขา

    ต่อมาไม่นานอุบัติเหตุก็ได้คร่าชีวิตลูกสาวของชายคนนั้นไป

    และว่ากันว่าเขาเก็บกล่องของขวัญสีทองล้ำค่านั้น ไว้ข้างเตียงตลอดชีวิตของเขาเลยทีเดียว

    และเมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกท้อแท้ใจ หรือต้องเผชิญกับปัญหาที่ยากเย็นแสนเข็น เขาจะเปิดกล่องใบนี้

    เพื่อหยิบจูบในจินตนาการขึ้นมาหนึ่งจูบ
    แล้วรำลึกถึงความรักของลูกน้อย ที่ได้ใส่จูบนั้นไว้ให้เขา

    ในความเป็นจริง ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง พวกเราทุกคนล้วนได้รับกล่องของขวัญสีทองซึ่ง
    บรรจุด้วยความรัก ที่ปราศจากเงื่อนไข และรอยจูบจาก ลูกๆ
    , ครอบครัว และ เพื่อนๆ ไม่มีสมบัติใด ล้ำค่าไปกว่านี้อีกแล้ว
    ตอนนี้คุณมี 2 ตัวเลือกแล้วล่ะ
    คุณจะ
    1. ส่งข้อความนี้ต่อไปยังเพื่อนๆ และ ญาติๆ ของคุณ
    หรือ
    2. ลบมันทิ้งซะ

    แล้วทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรกระทบใจคุณเลยแม้แต่น้อย
    อย่างที่เห็นนี่ล่ะ
    ฉันได้เลือกข้อ 1 ไปแล้ว
    เพื่อนคือของขวัญ ผู้ซึ่งพยุงให้เรายืนขึ้นด้วยเท้า
    เมื่อปีกของเราไม่รู้ว่าจะบินอย่างไร
    มองโลกในแง่ดี และปฏิบัติดี
    ฉันขอขอบคุณสำหรับ....
    สำหรับสามีที่นอนกรนทั้งคืน
    เพราะนั่นหมายถึงเขากำลังหลับอยู่ที่บ้านกับฉัน ไม่ใช่กับผู้หญิงอื่น

    สำหรับลูกสาววัยรุ่นที่กำลังบ่นเรื่องล้างจานอยู่ เพราะนั่นหมายถึงเธออยู่บ้าน ไม่ใช่ที่ถนน

    สำหรับภาษีที่ต้องเสีย เพราะนั่นหมายถึงฉันมีงานทำ

    สำหรับข้าวของต่างๆ ที่ต้องคอยเ ก็บหลังงานปาร์ตี้ เพราะนั่นหมายถึงฉันถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนฝูง

    สำหรับเสื้อผ้าที่พอดีจนเกือบจะคับเกินไป เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีกิน

    สำหรับเงาที่คอยมองดูฉันทำงาน เพราะนั่นหมายถึงฉัน กำลังได้รับแสงแดด

    สำหรับพื้นที่ต้องคอยขัดถู และหน้าต่างที่ต้องทำความสะอาด เพราะนั่นบ้านถึงฉันมีบ้านให้ดูแลรักษา

    สำหรับคำบ่นต่างๆ ที่มีต่อรัฐบาล เพราะนั่นหมายถึงเรามีอิสระ ในการที่จะแสดงความคิดเห็น

    สำหรับที่จอดรถที่อยู่ไกลสุดของลานจอดรถ เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถเดินได้ และฉันมีรถ

    สำหรับผ้ากองโตที่รอการซักรีด เพราะนั่นหมายถึงฉันมีเสื้อผ้าสวมใส่

    สำหรับความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทุกสิ้นวัน เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถทำงานหนักได้

    สำหรับเสียงปลุกในทุกๆ เช้า เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีชีวิตอยู่

    และสุดท้าย.......

    สำหรับอีเมล์ที่ส่งมาหาฉันมากมาย เพราะนั่นหมายถึงฉันมีเพื่อน
    การตั้งชื่อและแปลชื่อโดยคุณอุบาสกนพกรณ์
    จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน
    - ของดตอบคำถามเป็นการส่วนตัว
    - ของดการแจ้งลบกระทู้ (โดยไม่มีเหตุอันควร) หลังจากที่ได้คำตอบแล้ว
    - กรุณาตั้งคำถามให้ตรงตามหมวดหมู่อักษร
    - ขอตอบวันละ 3 ชื่อ (กรุณารอคิวหากมีผู้ถามเข้ามามาก)


    ขอชื่อใหม่ต้อง...
    1. แจ้งชื่อนามสกุลหรือทักษาเลข
    2. วันเกิด(จ-อ)
    3. อาชีพ
    4. เหตุผล(เพื่อวิเคราะห์ชื่อมงคล)
     
  6. เกิดแก่ said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    สวัสดีค่ะท่านพี่ชายนพกรณ์ ท่านยาย น้องเพียงฝัน

    ขอบพระคุณค่ะพี่ชายที่นำข้อความมาให้น้องได้เป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้มีโอกาสอ่านข้อความดี ๆ มีสาระจากพี่ชายฯ และเตรียมตัวที่จะเป็นผู้เลือกข้อความนี้ให้ใคร
    อีกบ้าง
     
  7. plyfha said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)





    ได้เมลล์มาค่ะ
     
  8. รูปส่วนตัว ทั่นยาย

    ทั่นยาย said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    สวัสดีค่ะ พี่นพกรณ์ ตาเปา ตะละแม่เกิดแก่ น้องโดด น้องอ๋อย
    เพียงฝัน ปลายฟ้า ทั่นบีบี ครูวิทย์ ทั่นพญามาร เจ้าป้าฯ
    ทั่นแปดคิว ตะขบ ลัคกี้ และญาติธรรมทุกๆท่านค่ะ

    มีเรื่องดีๆอยากนำมาแบ่งกันรู้ปันกันอ่านค่ะ เชื่อว่าเมื่อทุกท่านได้อ่านแล้ว
    จะเกิดความรู้สึกดีดี มีกำลังใจ มีความหวังเสมอนะคะ
    อ่านเรื่องนี้ครั้งใดยิ้มคนเดียวครานั้น ประทับใจเจ้าของร้านที่สุดเลยค่ะ
    อยากให้เมืองไทยมีร้านบะหมี่ที่เป็นตำนานแบบนี้มั่งจัง





    บะหมี่น้ำหนึ่งชาม

    เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงที่ญี่ปุ่น เราให้ชื่อเรื่องนี้ว่า “ บะหมี่น้ำหนึ่งชาม“
    เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้ววันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่ร้านบะหมี่ “ ฮอกไก ”

    บนถนนซัปโปโร

    การกินบะหมี่โซบะในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั้นเป็นประเพณีของชาวญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้เอง
    จึงทำให้ร้านบะหมี่ขายดีในวันสิ้นปี “ ร้านฮอกไก ” ปีนี้ก็เช่นกัน ในวันนี้คนแน่นร้านแทบทั้งวัน
    จนกระทั่งถึงเวลา 22.00 น. คนก็เริ่มน้อยลง โดยปกติแล้วบนถนนสายนี้คนจะแน่นขนัดไปจนถึงเช้าตรู่
    แต่วันนี้ทุกคนจะต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปต้อนรับปีใหม่กัน ดังนั้นถนนสายนี้จึงปิดร้านเร็วกว่าปกติ
    เถ้าแก่ของร้าน “ ฮอกไก ”เป็นคนซื่อ และเถ้าแก่เนี้ยก็เป็นคนอัธยาศัยใจคอดี

    ในคืนวันส่งท้ายปีเก่า พอลูกค้าคนสุดท้ายกลับไป ในขณะเถ้าแก่เนี้ยก็จะปิดร้าน ประตูร้านก็ถูกเปิดออกอย่างเบา ๆ
    มีผู้หญิงคนหนึ่งพาเด็กชายสองคน คนหนึ่งอายุประมาณ 6 ขวบกับอีกคนหนึ่งอายุประมาณ 10 ขวบเข้ามาในร้าน
    เด็กชายทั้งสองคนสวมชุดกีฬาใหม่เอี่ยมเหมือนกันทั้งสองคน ส่วนหญิงคนนั้นสวมโอเวอร์โค้ทลายสก๊อตเก่า ๆ เชย ๆ
    “ เชิญนั่งครับ ” เถ้าแก่ร้องทักทายออกมา หญิงคนนั้นเอ่ยปากอย่างขลาดกลัวว่า
    “ ขอบะหมี่น้ำสักชามได้ไหมค๊ะ ”
    เด็กชายสองคนที่อยู่ข้างหลังสบตากันอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
    “ ได้ค่ะ ได้ค่ะ ทำไมจะไม่ได้ล่ะค่ะ เชิญนั่งก่อนค่ะ ”
    เถ้าแก่เนี้ยพาพวกเขาไปนั่งที่โต๊ะเบอร์สองชิดกำแพง แล้วตะโกนบอกไปทางห้องครัวว่า

    “ บะหมี่น้ำหนึ่งชาม ”
    บะหมี่หนึ่งชามมีบะหมี่แค่หนึ่งก้อน เถ้าแก่คิดแล้วก็ใส่บะหมี่เพิ่มไปอีกครึ่งก้อน ต้มบะหมี่ได้ชามเบ้อเริ่ม

    ทั้งเถ้าแก่เนี้ยและสามแม่ลูกต่างก็ไม่รู้เรื่อง
    สามแม่ลูกนั่งล้อมชามบะหมี่กินกันอย่างเอร็ดอร่อย กินพลางพูดพลาง
    “ ทานเถอะครับ ” ลูกคนพี่พูด
    “ แม่ทานหน่อยสิครับ ” ลูกคนน้องพูดไปก็คีบบะหมี่ให้แม่กิน ไม่นานก็กินบะหมี่หมดชาม

    จ่ายเงินไปหนึ่งร้อยห้าสิบเยน แล้วทั้งสามคนก็ชมว่า
    “ ขอบคุณมากค่ะ(ครับ) บะหมี่อร่อยมากค่ะ(ครับ) ”

    พร้อมกับค้อมตัวเล็กน้อยแล้วลาจากไป
    “ ขอบคุณมากค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ) ” ทั้งเถ้าแก่และเถ้าแก่เนี้ยต่างก็กล่าวขอบคุณ
    ทำงานไปวันแล้ววันเล่า ยุ่งตั้งแต่เช้าจรดเย็นและแล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งปี วันที่ 31 ธันวาคมก็เวียนมาครบรอบอีกครั้งหนึ่ง
    ในวันส่งท้ายปีเก่า ร้านบะหมี่ “ ฮอกไก ” ก็ยังคงขายดีและดูเหมือนจะขายดีกว่าปีที่ผ่านมา
    สองตายายยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับการค้าขาย และแล้ววันที่วุ่นวายก็จบสิ้นลง 22.00 น.กว่า
    ในขณะที่เถ้าแก่เนี้ยกำลังจะปิดร้านอยู่นั้น ประตูร้านก็ถูกผลักออกเบา ๆ ผู้ที่เข้ามาก็คือหญิงวัยกลางคนกับเด็กชายสองคน
    พอเห็นเสื้อโอเวอร์โค้ทที่เก่าและเชย เถ้าแก่เนี้ยก็นึกขึ้นมาได้ว่าเป็นลูกค้าคนสุดท้ายในวันส่งท้ายปีเก่าของปีที่แล้วนั่นเอง
    “ ขอบะหมี่น้ำหนึ่งชามได้มั๊ยค่ะ ”

    “ ได้ค่ะ ได้ค่ะ เชิญนั่งตามสบายนะค๊ะ ”
    เถ้าแก่เนี้ยนำพวกเขาไปนั่งที่เดิมที่เคยนั่งเมื่อปีที่แล้วโต๊ะเบอร์สอง ตะโกน
    ไปพลางว่า
    “ บะหมี่น้ำหนึ่งชาม ”
    เถ้าแก่รับคำพลาง จุดเตาที่เพิ่งจะดับไปพลาง
    “ ได้ครับ บะหมี่น้ำหนึ่งชาม ”
    เถ้าแก่เนี้ยแอบไปพูดที่ข้างหูของเถ้าแก่ว่า
    “ นี่ตาแก่ ต้มบะหมี่ให้พวกเขาสามชามไม่ได้หรือ ”
    “ ไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นจะทำให้พวกเขาอายและไม่สบายใจได้รู้มั๊ย ”
    สามีตอบพลาง แล้วโยนบะหมี่อีกครึ่งก้อนลงไปในหม้อที่น้ำกำลังเดือดพล่าน
    เดินไปยืนข้างภรรยาแล้วก็ยิ้ม ภรรยาก็พูดขึ้นว่า “ เห็นเธอซื่อ ๆ ทึ่ม ๆ ไม่นึกเลยว่าจิตใจก็ดีเหมือนกันนะ ”

    ฝ่ายสามีเดินไปตักบะหมี่ชามใหญ่ที่กลิ่นหอมชวนกินชามนั้นแล้วให้ภรรยายกไปให้สามแม่ลูก
    แม่ลูกนั่งล้อมชามบะหมี่ กินไปพลางคุยไปพลาง เสียงคุยของสามแม่ลูกดังถึงหูของตายาย
    “ หอมจังเลย … ยอดไปเลย … อร่อยจริง ๆ ”

    “ ปีนี้สามารถกินบะหมี่ของร้านฮอกไกได้ นับว่าไม่เลวทีเดียว ”
    “ ถ้าปีหน้าสามารถมากินได้อีกก็ดีนะสิ ”
    กินเสร็จก็จ่ายเงินไปหนึ่งร้อยห้าสิบเยนแล้วสามแม่ลูกก็เดินออกจากร้านฮอกไกไป
    “ ขอบคุณค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ) ”
    มองตามหลังสามแม่ลูกจนลับหายไป สองตายายก็ยกเรื่อง
    สามแม่ลูกมาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกไปได้ระยะหนึ่ง

    ในวันสิ้นปีของสามปีมานี้ กิจการของร้านฮอกไกดีมาก สองตายายต่างก็ยุ่งจนไม่มีเวลาคุยกัน
    แต่พอเลย 21.00 น.ไปแล้ว สองตายายก็เริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมา
    พอถึง 22.00 น. พนักงานในร้านต่างก็รับอั้งเปาแล้วก็แยกย้ายกันกลับไป
    พอคนกลับไปหมดแล้ว เจ้าของร้านทั้งสองก็ช่วยกันเอาป้ายราคาบะหมี่ในร้านที่เขียนไว้ว่า
    “ บะหมี่ชามละสองร้อยเยน ” ที่แขวนไว้ตามผนังทั้งหมดพลิกกลับหลัง
    แล้วช่วยกันเขียนใหม่ว่า
    “ บะหมี่ชามละร้อยห้าสิบเยน ” 30 นาทีก่อนเถ้าแก่เนี้ยก็เอาป้าย “จองแล้ว ”
    ไปวางไว้บนโต๊ะเบอร์สอง
    เหมือนกับว่าจะมีเจตนารอแขกที่ลูกค้าออกจากร้านไปหมดแล้วถึงจะมาอย่างนั้นแหละ
    22.30 น. ในที่สุดสามแม่ลูกก็ปรากฎตัวขึ้น พี่ชายสวมเครื่องแบบมัธยมของรัฐแห่งหนึ่ง
    น้องชายสวมเสื้อแจ๊คเก็ทที่พี่ชายสวมเมื่อปีก่อน ดูหลวมและไม่พอดีตัว เด็กทั้งสองคนโตขึ้นมาก
    ส่วนผู้เป็นแม่ก็ยังคงสวมเสื้อโค้ทลายสก๊อตที่ทั้งเก่าและเชยแถมสีซีดตัวเดิม
    “ เชิญค่ะ เชิญค่ะ ”
    เถ้าแก่เนี้ยกล่าวทักทายอย่างมีน้ำใจ มองใบหน้าอันยิ้มแย้มและท่าทางต้อนรับอย่างเต็มที่ของเถ้าแก่เนี้ย

    ทำให้ผู้เป็นแม่นั้นเปล่งคำพูดออกมาอย่างงกงกเงิ่นเงิ่นว่า
    “รบกวนช่วยทำบะหมี่น้ำให้สักสองชามได้ไหมค่ะ ”

    “ได้ค่ะ เชิญนั่งทางนี้ค่ะ”
    เถ้าแก่เนี้ยนำแม่ลูกไปนั่งยังโต๊ะเบอร์สอง แล้วรีบเอาป้าย “จองแล้ว ” ออกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    แล้วตะโกนบอกไปทางครัวว่า “ บะหมี่น้ำสองชาม ”
    “ได้ครับ บะหมี่น้ำสองชามได้เดี๋ยวนี้แหละครับ ”
    เถ้าแก่พลางตอบพลางโยนบะหมี่
    ลงไปในหม้อน้ำสามก้อน สามแม่ลูกกินไปพูไป ดูแล้วเหมือนมีความสุขกันมาก
    สองสามีภรรยาที่ยืนอยู่หลังโต๊ะทำบะหมี่ได้รับรู้ถึงความสุขที่พวกเขาได้รับกันในใจก็พลอยเบิกบานไปด้วย
    “ลูกรัก วันนี้แม่ต้องขอบคุณลูก ๆ เป็นอย่างมาก ”
    “ ขอบคุณ ?”
    “ ทำไมครับ ”
    “ เรื่องเป็นอย่างนี้ คือคุณพ่อของลูกที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไป ได้ทำให้คนอีกแปดคนได้รับบาดเจ็บ
    และทางบริษัทประกันก็ไม่รับผิดชอบในส่วนนั้น ในช่วงหลายปีมานี่ทำให้เราต้องจ่ายเงินเดือนละห้าหมื่นเยนทุกเดือน”
    “เอ๊ะ เรื่องนี้เราก็ทราบกันอยู่แล้วนี่ครับ ”
    ผู้เป็นพี่ตอบ ส่วนเถ้าแก่เนี้ยได้
    แต่ตั้งใจฟังอย่างเงียบ ๆ อยู่หลังโต๊ะทำอาหาร
    “ แต่เดิมนั้นเราต้องชำระหนี้ไปจนถึงปีหน้าเดือนมีนาคม แต่ตอนนี้เราได้ชำระหนี้ไปหมดแล้ว ”
    “ จริง ๆ หรือครับ แม่ ”
    “จริงสิจ๊ะ นี่เป็นเพราะว่าพี่ชายของลูกขยันไปส่งหนังสือพิมพ์ ส่วนตัวลูกเองก็ช่วยแม่ซื้อกับข้าวทำอาหาร
    ทำให้แม่ไปทำงานได้อย่างเต็มที่ ทางบริษัทจึงได้ให้เงินเบี้ยขยันพร้อมทั้งเงินโบนัสพิเศษอื่นๆ อีก
    จึงทำให้วันนี้สามารถชำระในส่วนที่เหลือได้หมด ”
    “ ว้าว แม่ครับ พี่ครับ อย่างนี้ก็วิเศษสิครับ แต่ว่าต่อไปขอให้ผมได้ช่วยทำอาหารต่อไปเถอะนะครับ ”
    “ผมก็จะส่งหนังสือพิมพ์ต่อนะครับ ไอ้น้องชาย เราต้องร่วมแรงร่วมใจกันสู้หน่อยแล้วนะ”
    “ขอบใจลูกทั้งสองมาก ขอบใจจริง ๆ ”
     
  9. รูปส่วนตัว ทั่นยาย

    ทั่นยาย said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    “ แม่ครับผมกับน้องก็มีความลับจะบอกกับแม่เหมือนกันครับ คือในวันอาทิตย์วันหนึ่งของเดือนพฤศจิกายน
    โรงเรียนของน้องได้แจ้งให้ผู้ปกครองไปเยี่ยมชมนักเรียนในห้องเรียนในวันพบผู้ปกครอง คุณครูของน้อง
    ยังได้แนบจดหมายมาอีกหนึ่งฉบับว่า เรียงความของน้องได้ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของฮอกไกโด
    เพื่อไปแข่งขันเรียงความทั่วประเทศ นี่ผมได้ยินมาจากเพื่อน ๆ ของน้องนะครับผมถึงทราบ
    ดังนั้นในวันนั้นผมจึงไปเป็นตัวแทนแม่ไปร่วมในงานวันพบผู้ปกครองของน้อง ”
    “ จริงหรือลูก แล้วต่อมาล่ะ ”
    “ หัวข้อที่คุณครูให้เรียงความคือ“ ความปรารถนาของข้าพเจ้า
    ”
    น้องได้เอาเรื่องของบะหมี่น้ำหนึ่งชามมาเขียนเป็นเรียงความ แล้วยังได้อ่านต่อหน้าทุกคนด้วย ”
    “ เรียงความเขียนว่า … หลังจากที่คุณพ่อประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้ว ได้ทิ้งหนี้สินให้เรามากมาย

    เพื่อที่จะชำระหนี้ คุณแม่ต้องทำงานดึกดื่นหามรุ่งหามค่ำทุกวัน แม้แต่เรื่องของผมที่ต้องไปส่งหนังสือพิมพ์
    น้องก็ยังเอาไปเขียนเลย …”
    “ ยังมีอีก น้องยังเขียนถึงในคืนวันที่ 31 ธันวาคม พวกเราสามคนแม่ลูกได้มาล้อมวงกันกินบะหมี่น้ำอร่อยมาก…
    สามคนกินบะหมี่น้ำแค่ชามเดียว คุณตาคุณยายเจ้าของร้านยังกล่าวขอบคุณพวกเราอีก

    แล้วยังอวยพรวันปีใหม่ให้พวกเราอีก เสียงเหล่านั้นเหมือนกับว่าให้กำลังใจให้เข้มแข็งที่จะยืนหยัดมีชีวิตอยู่ต่อไป
    พยายามปลดเปลื้องหนี้สินทั้งหลายของคุณพ่อให้หมดให้เร็วที่สุด …”
    “ ด้วยเหตุนี้น้องจึงได้ตัดสินใจว่าโตขึ้นน้องจะเปิดกิจการร้านบะหมี่ แล้วจะต้องเป็นเจ้าของร้านบะหมี่ยอดเยี่ยม
    อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย แล้วยังจะให้กำลังใจแก่ลูกค้าทุกคน … ขอให้มีความสุขครับ … ขอบคุณครับ …”
    สองตายายเจ้าของร้านบะหมี่ที่ยืนฟังอยู่หลังโต๊ะทำบะหมี่ จู่ ๆ ก็หายตัวไป พวกเขาไม่ได้หายไปไหนเลย
    เพียงแต่คุกเข่ากันอยู่ใต้โต๊ะ ในมือถือปลายผ้าขนหนูกันคนละข้าง พยายามซับน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด
    เหมือนทำนบพังนั้นอย่างไม่ลดละ
    “ พอน้องอ่านเรียงความจบ คุณครูก็พูดว่าวันนี้พี่ชายได้มาเป็นตัวแทนของคุณแม่
    ดังนั้นขอเชิญพี่ชายขึ้นมากล่าวอะไรสักหน่อยค่ะ “
    “จริงหรือลูก แล้วลูกทำอย่างไรหล่ะ ”
    ” ก็มันกระทันหันเกินไป ตอนแรก ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ผมจึงพูดว่า … ขอบคุณทุกคน

    ที่เอาใจใส่น้องผมเป็นอย่างดี น้องผมต้องไปจ่ายตลาดซื้อกับข้าวกลับมาหุงหาอาหารทุกวัน
    ดังนั้นในเวลาที่เพื่อนๆ ทุกคนมีกิจกรรมกันในตอนเย็นก็มักจะอยู่ร่วมกิจกรรมต่างๆไม่ได้
    เพราะต้องรีบกลับบ้าน เมื่อเป็นอย่างนี้คงจะทำให้ทุกคนวุ่นวายกันพอสมควร เมื่อครู่นี้
    ตอนที่ได้ยินน้องอ่านเรียงความเรื่องบะหมี่น้ำหนึ่งชาม ผมรู้สึกอายมาก แต่พอได้เห็นน้องยืดอกอ่านเรียงความ
    เรื่องบะหมี่น้ำหนึ่งชามด้วยเสียงอันดังนั้นจนจบ จึงได้รู้สึกถึงความรู้สึกอายจริงๆว่าเป็นอย่างไร
    “ หลายปีมานี้ ความกล้าของคุณแม่ที่จะสั่งบะหมี่น้ำหนึ่งชามนั้นเพื่อกินกันสามคนนั้น

    ผมกับน้องจะไม่มีวันลืมเป็นอันขาด ผมและน้องจะต้องขยัน และดูแลแม่เป็นอย่างดี
    และผมขอฝากน้องของผมให้ทุกคนช่วยดูแลด้วยครับ ” สามแม่ลูกกุมมือกันเงียบ ๆ ตบไหล่
    กินบะหมี่หมดอย่างมีความสุขกว่าทุก ๆ ปี จ่ายเงินไปสามร้อยเยน กล่าวขอบคุณค้อมตัวลงเคารพ
    และเดินออกจากร้านไป มองตามหลังสามแม่ลูกไป เจ้าของร้านจึงได้รู้สึกว่า
    ปีนี้ได้ผ่านไปแล้วจริง ๆ
    พร้อมกับกล่าวว่า “ ขอบคุณค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ) ”
    และแล้วก็ผ่านไปอีกปีหนึ่ง พอถึงเวลา 21.00 น. ทางร้านฮอกไกก็วางป้าย “ โต๊ะจอง ” ไว้บนโต๊ะเบอร์สอง
    และเฝ้ารอคอย การมาเยือนของสามแม่ลูกเช่นเคย แต่ในปีนี้สามคนแม่ลูกไม่ได้มา ปรากฏตัวที่ร้านเลย
    ปีที่สอง ปีที่สาม โต๊ะเบอร์สองก็ยังคงว่างอยู่เช่นเดิม สามแม่ลูกไม่ได้มาที่ร้านฮอกไกอีกเลย
    กิจการของร้านฮอกไกดีมาก เรียกว่าดีวันดีคืนเลยทีเดียว ภายในร้านมีการตกแต่งใหม่
    โต๊ะเก้าอี้ก็มีการเปลี่ยนใหม่ จะมีก็แต่โต๊ะเบอร์สองที่เก็บรักษาไว้เหมือนเดิม
    “ นี่มันเรื่องอะไรกัน ”
    ลูกค้าหลายคนต่างก็ถามด้วยความกังขา เถ้าแก่เนี้ยก็เลยเล่าเรื่อง บะหมี่หนึ่งชามให้แก่ลูกค้าฟัง

    โต๊ะเก่าตัวนั้นวางอยู่กลางร้านเหมือนกับว่าเป็นการให้กำลังใจตัวเองอย่างหนึ่ง และก้อไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่ง
    ลูกค้าทั้งสามอาจจะกลับมาอีก พวกเขาหวังว่าจะใช้โต๊ะเก่าตัวนั้นในการต้อนรับลูกค้าทั้งสามของเขา
    โต๊ะเบอร์สองตัวนั้นเปลี่ยนเป็นชื่อว่า “ โต๊ะแห่งความสุข ” ลูกค้าต่างก็พูดต่อ ๆกันไป มีนักเรียนหลายคน
    อยากเห็นโต๊ะตัวนี้ถึงขนาดที่ว่านั่งรถมาจากที่ไกลแสนไกล
    มากินบะหมี่ และเจาะจงที่จะนั่งโต๊ะตัวนี้
    ผ่านวันที่ 31 ธันวาคม ไปอีกหลาย ๆ ปี เจ้าของร้านค้าในระแวกใกล้เคียงร้านฮอกไก พอถึงวันสิ้นปี
    หลังจากปิดร้านแล้วก็มักจะมารวมตัวฉลอง โดยการกินบะหมี่ที่ร้านฮอกไก กินไปพลาง
    ก็รอเสียงระฆังส่งท้ายวันสิ้นปีเก่าไปพลาง แล้วทุกคนก็ไปวัดเพื่อไหว้พระด้วยกัน เป็นธรรมเนียมมา 5-6 ปีแล้ว
    ในวันนี้พอเลย 21.30 น.ไปแล้ว เจ้าของร้านขายปลามาถึงก่อนพร้อมทั้งนำซาซิมิมาด้วย
    ต่อจากนั้นก็มีคนมาเรื่อย ๆเป็นระยะ บ้างก็เอาเหล้ามา บ้างก็เอาอาหารกับแกล้มมา ปกติแล้วก็จะรวมตัวกัน
    ได้ประมาณ 30-40 คน ต่างก็คึกคักกันมาก ทุกคนที่มานั้นต่างก็รู้ตำนานเกี่ยวกับโต๊ะเบอร์สอง
    ทุกคนก็พยายามไม่เอ่ยถึงมันแต่ในใจต่างก็คิดกันว่าวันนี้ ” โต๊ะจอง ” ตัวนั้นไม่มีคนที่พวกเขาเฝ้ารอมานั่ง
    มันคงจะว่างเปล่าเพื่อส่งท้ายปีเก่าอีกเช่นเดิม พวกเขาบ้างก็กินเหล้า บ้างก็กินบะหมี่ บ้างก็เข้า ๆ ออกๆ
    พอเตรียมกับข้าวกับแกล้ม ต่างก็กินกันไปคุยกันไป พูดเรื่องการค้าบ้าง คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ แม้แต่น้ำทะเลขึ้นลง
    ในระยะนี้บ้านไหนมีเด็กเกิดใหม่ ก็นำมาพูดคุยในวงสนทนา คุยมันทุก ๆ เรื่อง
    จนเหมือนกับว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน
    เวลาผ่านไปจนถึง 22.30 น.ทันใดนั้นเองประตูร้านก็ถูกผลักออกเบา ๆ ทุกคนในร้านหยุดพูดคุยกัน
    สายตาทุกคู่มองตรงไปยังประตูร้าน ชายหนุ่มสองคนยืนสง่าในชุดสูทสากล
    พาดโอเวอร์โค้ทไว้บนแขน
    พอเห็นว่าผู้ที่มาเป็นใครทุกคนก็รู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลง และเริ่มสนทนากันต่อไปอย่างคึกคัก
    ในขณะที่เถ้าแก่เนี้ยกำลังจะพูดว่า “ ขอโทษค่ะ ที่นั่งเต็มหมดแล้วค่ะ ”
    เพื่อปฏิเสธลูกค้าที่ไม่ได้รับเชิญอยู่นั้น ก็มีหญิงคนหนึ่งสวมชุดกิโมโนเดินเข้ามายืนระหว่างกลาง
    ของชายหนุ่มทั้งสองคน
    ทุกคนในร้านแทบจะหยุดหายใจเมื่อได้ยินคุณนายผู้นั้นพูดว่า
    “ เอ้อ … รบกวน … รบกวนช่วยทำบะหมี่ให้สามชามได้ไหมค๊ะ ”

    ทันทีที่เถ้าแก่เนี้ยได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เวลาผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว
    ภาพของสามแม่ลูกในความทรงจำ กับภาพของสามแม่ลูกตรงหน้า เธอพยายามจะนำทั้งสองภาพมาวางซ้อนกัน
    เถ้าแก่ที่ยืนตะลึงอยู่ที่โต๊ะทำบะหมี่
    ชี้นิ้วไปยังทั้งสามแม่ลูก
    “ พวกคุณ .. พวกคุณ ” เขาพูดได้เพียงแค่นั้น คำพูดทุกคำจุกอยู่ที่คอ
    ชายหนุ่มหนึ่งในสองคน
    เห็นท่าทีของเถ้าแก่เนี้ยที่ทำอะไรไม่ถูกก็เลยพูดกับเถ้าแก่เนี้ยว่า
    “ พวกเราสามคนแม่ลูกที่เมื่อสิบสี่ปีก่อนในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มาสั่งบะหมี่น้ำหนึ่งชาม

    ทานกันสามคนไงครับ และพวกเราก็ได้รับกำลังใจจากบะหมี่น้ำชามนั้น พวกเราจึงได้สามารถยืนหยัดมาถึงวันนี้ได้ ”
    “ หลังจากนั้นก็อพยพครอบครัวไปอาศัยอยู่กับยายที่อำเภอชิกะ ปีนี้ผมสอบผ่านได้เป็นนายแพทย์แล้ว
    ตอนนี้ผมเป็นแพทย์ฝึกหัดแผนกกุมารเวชที่โรงพยาบาลเกียวโต ปีหน้าเดือนเมษายน
    ก็จะย้ายมาประจำโรงพยาบาลกลางของซัปโปโรแล้ว ”
    “ วันนี้พวกเราก็เลยแวะมาที่โรงพยาบาลเพื่อทำความรู้จักและฝากเนื้อฝากตัว แล้วเลยไปไหว้สุสานของคุณพ่อ
    และน้องชายที่ครั้งหนึ่งเคยใฝ่ฝันว่าจะเป็นเจ้าของกิจการร้านบะหมี่นั้น ขณะนี้ได้ทำงานในธนาคารเกียวโต
    ได้เสนอความคิดที่เริดเรออย่างหนึ่งก็คือ ปีนี้ในวันส่งท้ายปีเก่า พวกเราสามคนแม่ลูกจะมาเยี่ยมคารวะ
    เจ้าของร้านบะหมี่ฮอกไกที่ซัปโปโร และทานบะหมี่น้ำสามชามของร้านฮอกไกด้วย”สองตายายฟังไปพลาง
    พยักหน้าไปพลางด้วยน้ำตาคลอเบ้า เถ้าแก่ร้านขายผักที่นั่งอยู่ตรงหน้าประตูพยายามใช้แรงอย่างเต็มที่
    ที่จะกลืนบะหมี่คำที่คาอยู่ในปากลงไปในคอ แล้วลุกขึ้นยืนพูดว่า
    “ อ้าว … เถ้าแก่ … เป็นอะไรไปหล่ะ อุตส่าห์เตรียมการมาตลอดสิบปีเพื่อเฝ้าคอยวันนี้ “ โต๊ะจอง ”
    ตัวนั้นไงที่พวกเถ้าแก่จองให้ลูกค้าที่จะมาตอนหลังสิบโมงของคืนวันสิ้นปีไง
    รีบๆ ต้อนรับพวกเขาสิ เร็วเข้า ”
    ในที่สุดเถ้าแก่เนี้ยก็ได้สติ ตบไหล่ของเถ้าแก่ร้านขายผัก แล้วพูดว่า
    “ ยินดีต้อนรับค่ะ … เชิญนั่งข้างในค่ะ … นี่ตาเฒ่า … บะหมี่น้ำสามชามโต๊ะสอง”
    เถ้าแก่ที่ยืนตะลึงอยู่ก็รีบปาดน้ำตาแล้วรับคำว่า
    “ ครับ..บะหมี่น้ำสามชาม ”
    หากดูกันตามจริงแล้ว สิ่งที่เถ้าแก่ร้านบะหมี่ทั้งสองได้ให้ไปมันไม่ได้มีค่ามากมายอะไรเลย

    มันเป็นแค่เพียงบะหมี่ไม่กี่ก้อน คำพูดที่จริงใจและให้กำลังใจเพียงไม่กี่คำ รวมทั้งคำอวยพรว่า
    “ ขอบคุณค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ) ”
    ก็เท่านั้นเอง แต่มันกลับให้ผู้ที่ถูกความจริงอันโหดร้ายบีบให้จมอยู่ใน

    สถานการณ์คับขับได้สามารถกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

    เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า อย่าพยายามมองข้ามตัวเอง ตัวเราเองสามารถมีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ได้
    บางทีมันอาจจะเป็นแค่เพียงความใส่ใจความห่วงใยอันจริงใจของคุณ"เพียงเล็กน้อยเท่า นั้น"
    เพียงเล็กน้อยเท่า นั้น ก็สามารถนำพาเอาแสงสว่างอันเจิดจรัสอย่างไม่มีขีดจำกัดมาสู่โลกได้
    ด้วยเหตุนี้ความหวังความใฝ่ฝันที่แรงกล้าของพวกเรา เพื่อนพ้องทั้งหลาย อย่ามัวเห็นแก่ตัวกันหรือเสียดายมันอยู่เลย
    หวังว่านับแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเราจะสามารถมอบหัวใจแห่งความรักและความเมตตาที่เราอัดเก็บไว้ในใจ
    มาเป็นเวลานานแสนนานนั้นมอบให้กับคนอื่นด้วยความเต็มใจ จุดประกายแห่งความสว่างแก่โลก ….
    ถึงแม้จะเป็นแสงเพียงริบหรี่เท่านั้น แต่สำหรับคืนอันหนาวเหน็บอันเย็นยะเยือก
    ของฤดูหนาว
    มันเป็นประกายแห่งความอบอุ่น และแสงสว่างอันสุกสกาวจริง ๆ

    เรื่องนี้ตอนที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น ทำให้คนญี่ปุ่นรู้สึกประทับใจมานับไม่ถ้วนแล้ว ดังนั้นจึงมีคนพูดกันว่า
    “ ใครที่อ่านนิทานเรื่องแล้ว ไม่มีใครเลยที่จะไม่หลั่งน้ำตาให้ ”
    ถึงแม้คำพูดนี้ออกจะเกินจริงไปบ้าง แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ได้อ่านนิทานเรื่องนี้แล้ว รู้สึกประทับใจจริง ๆ

    จนน้ำตาร่วง และน้ำตาที่ร่วงรินเหล่านั้น มันไม่ใช่น้ำตาจากความรันทดใจ แต่เป็นน้ำตาที่หลั่งให้แก่ความประทับใจ
    ต่อความห่วงใยอย่างจริงใจ และน้ำใจไมตรีอันกว้างขวางที่มอบให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

    ขอให้ผู้เขียนและผู้เผยแพร่เรื่องนี้พร้อมด้วยครอบครัว
    มีแต่ความสุขกาย สุขใจ เจริญในทุกๆด้านตามปรารถนาเทอญ
     
  10. รูปส่วนตัว noppakorn

    noppakorn said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    สวัสดีครับทั่นยาย

    อ่านแล้วน้ำตาคลอจริงๆครับ หมี่น้ำที่น่าประทับใจจริงๆ
    การตั้งชื่อและแปลชื่อโดยคุณอุบาสกนพกรณ์
    จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน
    - ของดตอบคำถามเป็นการส่วนตัว
    - ของดการแจ้งลบกระทู้ (โดยไม่มีเหตุอันควร) หลังจากที่ได้คำตอบแล้ว
    - กรุณาตั้งคำถามให้ตรงตามหมวดหมู่อักษร
    - ขอตอบวันละ 3 ชื่อ (กรุณารอคิวหากมีผู้ถามเข้ามามาก)


    ขอชื่อใหม่ต้อง...
    1. แจ้งชื่อนามสกุลหรือทักษาเลข
    2. วันเกิด(จ-อ)
    3. อาชีพ
    4. เหตุผล(เพื่อวิเคราะห์ชื่อมงคล)