เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

กระทู้: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. รูปส่วนตัว ทั่นยาย

    ทั่นยาย said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    ถึงเพื่อนผ้องและญาติธรรมทุกท่านค่ะ
    เรื่องนี้อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจมาก ๆ เลยค่ะ

    หัวเรื่อง : รับผ่าตัดฟรีสำหรับเด็กที่เป็นโรคหัวใจ
    องค์กร : มูลนิธขนส่งความรัก ? สาขาประเทศไทย
    ที่อยู่ : 1-3 ซ.พร้อมมิตร สุขุมวิท 39 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
    โทร. : 02-662-401201-923-4042,
    01-831-3143

    สวัสดีครับ/ค่ะทุก ๆ ท่าน
    ประเทศไทยกับประเทศเกาหลีมีความสัมพันธ์อันดีมาช้านาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

    เมื่อครั้งเกิดสงครามเกาหลี และประเทศไทยได้ช่วยส่งกำลัง ทหารมาร่วมรบ
    ซึ่งประชาชนเกาหลียังระลึกอยู่เสมอ ขณะนี้ สมาชิกมูลนิธิขนส่งความรัก
    ซึ่งเป็นคนขับรถแท็กซี่ในประเทศเกาหลี ได้ร่วมกันรณรงค์เพื่อช่วยเหลือเด็ก
    ที่อาจจะเสียชีวิตเนื่องด้วยโรคหัวใจ การรณรงค์ดังกล่าวทำโดยการขายหมากฝรั่งอันละ 3-7 บาท
    ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 เป็นต้นมา ยอดบริจาคที่ได้รับ คิดเป็นจำนวนเงินเกินกว่า 60 ล้านบาท
    และรายได้ดังกล่าวสามารถช่วยเหลือเด็กที่เป็นโครหัวใจได้ถึง 900 คน
    ในปัจจุบัน มูลนิธิขนส่งความรักได้เข้ามาตั้งสาขาประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กไทย

    ที่เป็นโรคหัวใจเช่นเดียวกับการช่วยเหลือเด็กชาวเกาหลี มูลนิธิจะสนับสนุนโอกาสให้เด็กที่เป็นสมาชิก
    เข้ารับการรักษาที่ประเทศเกาหลี
    เพื่อให้มีชีวิตใหม่และมีสุขภาพดี
    กรุณาติดต่อมูลนิธิของเราได้ตลอดเวลา ทางมูลนิธิยินดีจะสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือ

    บำบัดรักษาโรคอย่างเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตเด็กเหล่านั้นแม้เพียง 1 คน ก็ตาม
    ข้อตกลงสำหรับผู้ที่จะเป็นสมาชิกมูลนิธิขนส่งความรัก สาขาประเทศไทย มีดังต่อไปนี้
    1. อายุ : เป็นเด็กสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 0 -15 ปี
    2. รายได้ของครอบครัว : ครอบครัวมีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน
    3. ผู้ป่วยต้องเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ประเทศไทยก่อนที่จะเดินทาง

    ไปผ่าตัดที่ประเทศเกาหลี
    4. มูลนิธิขนส่งความรักประเทศเกาหลีจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายสำหรับการผ่าตัดทั้งหมด
    5. มูลนิธิขนส่งความรัก สาขาประเทศไทยจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเครื่องบินที่จะเดินทางไปประเทศเกาหลี
    ประธานสาขาประเทศไทย : อธิการโบสถ์ Lee Kyu Sik
    รองประธานสาขาประเทศไทย : Dr. Kim Se Hyun
    ผู้จัดการ : Choi Young Mi
    เจ้าหน้าที่สำนักงาน : Kwon Eun Suk
     
  2. รูปส่วนตัว ทั่นยาย

    ทั่นยาย said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)



    Xin Nian Kwai Le ค่ะ ขอให้ทุกท่านและครอบครัว มีแต่ความสุข
    มีโชคลาภ ร่ำรวยเงินทอง
    มั่งมีศรีสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีอายุยืนยาว เทพเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง มีแต่สิ่งดีๆตลอดไปนะคะ
     
  3. plyfha said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    ชายแก่เลยวัย 70 คนหนึ่งคุยกับลูกชายที่เพิ่งกลับมาเยี่ยม
    หลังจากแต่งงานย้ายครอบครัวออกไปไม่กี่ปี


    ชายแก่
    : แจ๊ค (ชื่อลูกชาย) นั่นอะไรลูก? พ่อเห็นลางๆ
    แจ๊ค
    : อ๋อ วัวหน่ะพ่อ
    เวลาผ่านไป 2-3 นาที

    ชายแก่
    : แจ๊ค นั่นอะไรลูก?

    แจ๊ค
    : วัวตัวเดิมนั่นแหละพ่อ ยังไม่ไปไหนเลย
    ผ่านไปอีก 2-3 นาที

    ชายแก่
    : แจ๊ค นั่นอะไรอีกล่ะลูก?

    แจ๊ค
    : (เริ่มมีอารมณ์หงุดหงิด) วัวพ่อวัว !!
    วัวตัวเดิมที่เพิ่งถามนั่นแหละ


    เวลาผ่านไปอีก 2-3 นาที


    ชายแก่
    : แจ๊ค นั่นอะไรลูก?
    แจ๊ค
    : (เริ่มทนไม่ไหว) เอ๊ะ!! พ่อนี่ยังไงนะ ถามซ้ำๆ ซากๆ อยู่ได้
    ผมจะบอกครั้งสุดท้าย แล้วนะว่า วัว...!!


    ผ่านไปอีก 2-3 นาที


    ชายแก่
    : แจ๊ค นั่นอะไรน่ะลูก?
    แจ๊ค
    : โอ๊ย!!! พ่อเลอะเลือนแล้ว คุยกันไม่รู้เรื่อง
    ผมไม่คุยกับพ่อแล้ว แล้วแจ๊คก็ผละจากพ่อไปอย่างอารมณ์เสียเป็นที่สุด


    เวลาผ่านไป จวบจนตอนเย็น


    ได้เวลาอาหารค่ำ เมื่อไม่เห็นผู้เป็นพ่อลงมา

    แจ๊คจึงเดินขึ้นไปตามที่ห้อง ณ ที่นั่น เขาได้พบชายแก่
    นั่งเหม่อลอย ข้างๆ มีไดอารี่เก่าๆ เล่มหนึ่งที่เพิ่งเขียนบันทึกในวันนี้เสร็จ
    แจ๊คถือวิสาสะเข้าไปอ่าน ความว่า...ครั้งหนึ่งเมื่อ 40กว่าปีก่อนมาแล้ว

    เรามีลูกชายคนหนึ่งที่เรารักมากที่สุด
    เราตั้งชื่อเค้าเองว่า...แจ๊ค
    ในวันที่อากาศแจ่มใสวันหนึ่ง เราพาแจ๊คออกไปเดินเล่น
    ตอนนั้นแจ๊คกำลังพูดได้เก่งทีเดียว
    เราพาเค้าไปนั่งที่สวนหลังบ้าน

    พอดีมีวัวผ่านมา... แจ๊คถามเราว่า พ่อ นั่นอะไร...วัวไงลูก
    เราตอบ เวลาผ่านไป
    อีกไม่ถึงนาที แจ๊คก็ถามคำถามเดิมเราอีก เราก็ตอบเช่นเดิมอีก

    เป็นอย่างนี้อย ู่ถึง 25 ครั้ง
    ... เราไม่เคยเบื่อหน่ายเลยที่จะตอบคำถามเดิม ๆ เหล่านั้น

    เรากลับรู้สึกดีใจอย่างที่สุดที่ลูกสนใจเราอย่างไม่เบื่อหน่าย...
    แต่ในวันนี้
    ณ ที่แห่งเดิม คน 2 คน ที่เคยถามคำถามเดียวกัน
    หากแต่ว่าเราเป็นฝ่ายถาม
    แจ๊คเป็นฝ่ายตอบ... เพียง 5
    ครั้งเท่านั้นลูกก็ตวาดเสียงดังใส่เรา
    หาว่าเราเลอะเลือน
    รังเกียจแม้แต่จะคุยกับเราต่อไป...
    เมื่ออ่าบจบแจ๊ครู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ
    พ่อเลี้ยงเขามาอย่างดี
    แต่วันนี้สิ่งที่เขาทำให้ท่านคือ
    การตวาดเสียงดัง
    ไม่พูดด้วยแล้วก็เดินหนีไป
    เขาตระหนักว่า
    เขาได้ทำสิ่งผิดพลาดซึ่งเขาเองแทบไม่รู้ตัว

    แล้วคุณล่ะ
    วันนี้คุณได้ทำอะไรดี ๆ ให้ท่านเหล่านั้นหรือยัง
     
  4. รูปส่วนตัว ทั่นยาย

    ทั่นยาย said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    สวัสดีค่ะ พี่นพกรณ์ ตาเปา ตะละแม่เกิดแก่ น้องโดด
    น้องอ๋อย เพียงฝัน ปลายฟ้า ทั่นบีบี ครูวิทย์ ทั่นพญามาร
    เจ้าป้าฯ ทั่นแปดคิว ลัคกี้ ตะขบ และญาติธรรมทุกๆท่านค่ะ


    ขั้นตอนการทำน้ำสำรองค่ะ


    5 ข้อดีของน้ำสำรอง...ที่ไม่เป็นรองใคร


    ไม้ผลเม็ดเล็กๆ สีน้ำตาลแก่ดูแปลกตานี้มีชื่อว่า "สำรอง" ค่ะ เป็นไม้ผลพื้นเมืองซึ่งพบมากในแถบภาคตะวันออก โดยเฉพาะในจังหวัดจันทบุรีและตราด ส่วนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอยู่ที่อุบลราชธานี ซึ่งเรียกว่า "หมากจอง" และทางใต้เรียกว่า "พุงทะลาย"

    ในสมัยก่อนนิยมนำผลสำรองแช่น้ำ รับประทานร่วมกับน้ำตาล เป็นของหวานตำรับชาววังและถือเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ เพราะสรรพคุณดีๆ ของลูกสำรองตามตำรับยาไทยมีมากมาย ดังนี้ค่ะ

    แก้เจ็บคอและแก้ไข้ ใช้ลูกสำรองราว 10-20 ลูก ต้มกับชะเอมจีนพอหวาน จนได้น้ำยาเข้มข้น จิบน้ำสำรองบ่อยๆ ช่วยแก้ไข้เจ็บคอดีนัก

    แก้ไอขับเสมหะ ใช้ลูกสำรอง 3-5 ลูก แช่ลงในน้ำ 1 แก้ว จนพองเป็นวุ้น ต้มให้เดือดสักพักและเติมรสหวานตามใจชอบ ดื่มทั้งเนื้อวุ้นและน้ำครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 เวลาก่อนอาหาร

    แก้ร้อนใน หากในวันที่อากาศร้อนก็สามารถเรียกหาน้ำสำรองดื่มสัก 1-2 แก้ว แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ทำให้ชุ่มคอ และรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้

    แก้ตาอักเสบ โดยนำผ้าก๊อซชุบน้ำพอชื้นแล้วนำไปวางทับบนตาที่อักเสบ จากนั้นจึงวางแผ่นเปลือกหุ้มเมล็ดลูกสำรองที่แช่น้ำแล้วลงบนผ้าก๊อซ เปลือกหุ้มเมล็ดนั้นจะพองตัวเป็นวุ้นแทรกซึมในผ้าก๊อซ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บตาและตาอักเสบอย่างได้ผล

    ลดความอ้วน เพราะกากใยสูงในน้ำสำรองนี้เอง จึงมีสรรพคุณที่ช่วยการทำงานของระบบขับถ่าย และทำให้อิ่มท้องจากการพองตัวของเนื้อสำรอง การดื่มน้ำสำรองจึงช่วยควบคุมน้ำหนักได้

    รู้ข้อดีอย่างนี้แล้ว ต้องบอกว่าผลสำรองไม่ได้เป็นสองรองใคร และยังเป็นเครื่องดื่มคุณภาพที่เต็มไปด้วยคุณค่าต่อร่างกายของเราจริงๆ

    หากท่านใดทำน้ำสำรองดื่ม เผื่อทั่นยายสักโอ่งด้วยนะคะ อิ อิ

     
  5. plyfha said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    นานมาแล้ว มีต้นแอปเปิ้ลใหญ่อยู่ต้นนึง
    และก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ
    คนนึง
    ชอบเข้ามาอยู่ใกล้ๆและเล่นรอบๆต้นไม้นี้ทุกๆวัน

    เขาปีนขึ้นไปบนยอดของต้นไม้ และก็กินผลแอปเปิ้ล

    และก็นอนหลับไปภายใต้ร่มเงาของต้นแอปเปิ้ล
    เขารักต้นไม้ และต้นไม้ก็รักเขา

    เวลาผ่านไป เด็กน้อยโตขึ้น และเขาไม่มาวิ่งเล่นรอบๆต้นไม้ทุกวันอีกแล้ว

    วันหนึ่ง เด็กน้อย กลับมาหาต้นไม้ เด็กน้อยดูเศร้า
    ' มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ
    ' ต้นไม้ถาม
    'ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้วนะ ฉันไม่อยากเล่นรอบๆต้นไม้อีกแล้ว

    ฉันต้องการของเล่น ฉันอยากได้เงินไปซื้อของเล่น' เด็กน้อยตอบ
    '
    ฉันไม่มีเงินจะให้ ....เก็บลูกแอปเปิ้ลของฉันไปขายสิ

    เพื่อเอาเงินไปซื้อของเล่น
    ' ต้นไม้ตอบ

    เด็กน้อยตื่นเต้นมาก เขาเก็บลูกแอปเปิ้ลไปหมด และจากไปอย่างมีความสุข
    หลังจากเขาเก็บแอปเปิลไปหมดแล้ว เขาไม่กลับมาหาต้นไม้อีกเลย
    ต้นไม้ดูเศร้า
    ....
    วันหนึ่ง เด็กน้อยกลับมาเขาดูโตขึ้น ต้นไม้รู้สึกตื่นเต้นมาก

    '
    มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ' ต้นไม้ถาม
    '
    ฉันไม่มีเวลามาเล่นหรอก ฉันมีครอบครัวแล้ว

    ฉันต้องทำงานเพื่อครอบครัวของฉันเอง
    เราต้องการบ้าน ช่วยฉันได้ไหม
    ' 'ฉันไม่มีบ้านจะให้ แต่... ตัดกิ่งก้านของฉันไปสิ ....เอาไปสร้างบ้าน'
    ดังนั้นเด็กน้อยตัดกิ่งก้านทั้งหมดของต้นไม้ไป และจากไปอย่างมีความสุข


    อีกครั้งที่ต้นไม้ถูกทิ้งให้เดียวดาย และเศร้า
    ....
    วันหนึ่งในฤดูร้อน เด็กน้อยกลับมา
    ต้นไม้ดีใจมาก

    '
    มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ' ต้นไม้ถาม
    '
    เปล่า ฉันรู้สึกผิดหวังกับชีวิต และเริ่มแก่ขึ้น

    ฉันอยากแล่นเรือไปพักผ่อนไกลๆ ให้เรือฉันได้ไหม
    '

    '
    ใช้ลำต้นของฉันได้ เอาไปสร้างเรือ เพื่อเธอจะได้เล่นเรือไปและมีความสุข'

    ต้นไม้ตอบ
    ดังนั้น เด็กน้อยตัดลำต้นของต้นไม้ไปสร้างเรือ
    เขาล่องเรือไป และไม่เคยกลับมาอีกเลย

    หลายปีผ่านไป ในที่สุดเด็กน้อยกลับมา
    คราวนี้เขาดูแก่ลงไปมาก
    'ฉันเสียใจ ฉันไม่เหลืออะไรจะให้อีกแล้ว
    ไม่มีผลแอปเปิ้ลให้ ...ฉันไม่มีลำต้นให้ปีนอีกแล้ว'

    'ฉันไม่มีฟันจะกินแล้ว


    ฉันปีนไม่ไหว และฉันก็แก่แล้ว
    ' เด็กน้อยตอบ

    '
    ฉันไม่มีอะไรเหลือให้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เหลือ มีเพียงรากที่กำลังจะตาย'
    '
    ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่อยากได้ที่พักพิง ฉันเหนื่อยมาหลายปีแล้ว'
    '
    รากของต้นไม้แก่ๆ จะเป็นที่พักพิงของหนูได้
    ......
    มาสิ นั่งลงข้างๆฉัน ...หลับให้สบาย...'

    เด็กน้อยนั่งลงข้างๆ ต้นไม้ดีใจ ยิ้ม
    ...และน้ำตาไหล........

    นี่เป็นเรื่องสำหรับทุกๆคน ต้นไม้ในเรื่องคือพ่อแม่

    เมื่อเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ เรารักที่จะเล่นกับพ่อกับแม่...

    เมื่อเราโตขึ้น เราทอดทิ้งพ่อ และแม่ และกลับมาหาท่าน

    เมื่อเราต้องการบางสิ่งบางอย่าง หรือเมื่อเรามีปัญหา

    ไม่ว่าอย่างไร
    ...พ่อ และแม่ของเราก็จะอยู่และให้ทุกสิ่งอย่างที่ท่านทำได้

    หวังเพียงเรามีความสุข
    คุณอาจจะคิดว่า
    'เด็กน้อย' ในเรื่องโหดร้าย

    แต่นั่นคือความจริงที่สะท้อนให้เห็นว่าพวกเราทำกับผู้มีพระคุณอย่างไร
    ?

    ........
    แล้วต้นไม้ของคุณล่ะ ....... เด็กน้อย .....

     
  6. รูปส่วนตัว ทั่นยาย

    ทั่นยาย said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)



    สวัสดีค่ะ พี่นพกรณ์ ตาเปา ตะละแม่เกิดแก่ น้องโดด
    น้องอ๋อย เพียงฝัน ปลายฟ้า ทั่นบีบี ครูวิทย์ ทั่นพญามาร
    เจ้าป้าฯ ทั่นแปดคิว ลัคกี้ ตะขบ และญาติธรรมทุกๆท่านค่ะ


    รู้ไว้ใช่ว่า.....

    คุณค่ามหัศจรรย์ของ Vicks Vaporub เป็นข้อมูลที่ได้รับข้อความ
    จากต่างประเทศที่ได้พบวิธีลดการไอ ด้วย Vicks Vaporub
    และได้ผล 100% …. ด้วยเนื้อหาโดยสรุป ดังนี้ มีการวิจัยจาก
    Canada Reserch Council พบว่า
    การทา Vick Vaporub


    ที่ใต้ฝ่าเท้าและสวมถุงเท้านอน จะลดการไอได้ผล 100%
    และถือเป็นการยืนยันจากผู้ที่เคยทดลอง ทั้งเด็กและ ผู้ใหญ่ที่เวลานอน
    มีอาการไอและสามารถลดการไอ ได้อย่างอัศจรรย์ ( Amazing!)
    พวกเราถ้าใครมีปัญหาดังกล่าว
    ก็นำไปลองทำดู หากใช้ได้ผล....
    ช่วยแจ้งบอกคนอื่นๆด้วย ถือเป็นวิทยาทาน และ ช่วยให้คนหายป่วยจาก
    การไอที่ทุกข์ทรมารจะได้ผลบุญอันยิ่งใหญ่

    สุดท้าย ขอให้อาการที่เคยไอจงหายไป การนอนไม่หลับหรือรู้สึกรำคาญ
    เวลานอนไม่สามารถหลับต่อเนื่องก็จะหมดไป
    ที่สำคัญบุตรหลานที่เคยต้องทนทุกข์กับการกินยาแก้ไออย่อย่างต่อเนื่อง
    ( อาจมีผลข้างเคียงก็ทำให้ผู้ปกครองหมดกังวลทั้งเรื่องรายจ่าย และ

    ความปลอดภัยของผลข้างเคียงต่อเด็กๆ) อย่าลืม forward mail ดีๆ
    เช่นนี้ให้กับคนที่คุณรักและ ห่วงใย เพื่อสังคมและพวกเราคนไทยทั่วประเทศค่ะ
    เพื่อโปรดทราบและนำไปลองปฏิบัติค่ะ

    ขอขอบคุณผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์นี้ ขอให้มีแต่ความสุขกาย สุขใจตลอดไปค่ะ

     
  7. paobunjin said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    เอามาฝากครับ
    (dhamm33)

    รบกวนช่วยกันส่งต่อไปยังบุคคลที่เป็นเบาหวานครับ (รพ มศว)

    ในประเทศไทยมีผู้ป่วยเป็นเบาหวาน ที่ต้องรักษาแผลที่เท้า และต้องถูกตัดขาปีละ 40,000 ราย ( สี่หมื่นราย!!! ) ปัจจุบันนี้ได้มีความพยายามในงานวิจัยโดยความร่วมมือกับ คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ร่วมกับ พตอ.นพ.ไพบูลย์ มะระพฤกษ์วรรณ โรงพยาบาลตำรวจ และ นพ.ณรงค์ชัย ยิ่งศักดิ์มงคล ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา มหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ คลอง16 ถนนรังสิต-นครนายก ได้ช่วยผู้ป่วยให้ไม่ต้องถูกตัดขาไปแล้วหลายราย หากท่านใดมีญาติที่เป็นเบาหวาน มีแผลที่เท้า และมีปัญหาในการดูแลรักษา กรุณาช่วยประชาสัมพันธ์ให้ด้วยครับ

    ติดต่อโดยตรงกับผู้ประสานงานโครงการ
    คุณวุฒิพันธ์ บุญญกาญจน์ Tel. 081-3024707

    ในงานวิจัยนี้ผู้ป่วยทุกรายจะได้รับการดูแลรักษาเรื่อง เบาหวานขึ้นจอประสาทตาด้วย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น กรุณาบอกบุญเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขาดทางเลือกในการรักษาด้วยครับ ขออุโมทนาบุญที่ได้ร่วมกันด้วย ขอบคุณครับ
     
  8. รูปส่วนตัว noppakorn

    noppakorn said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    คนซื่อสัตย์ คือ สมบัติของพระราชา
    ที่มา หนังสือพิมพ์สยามรัฐฉบับวันศุกร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๑

    เมื่อหลายปีก่อน (ประมาณสัก ๑๓ปี) มีนักธุรกิจคนหนึ่งไปหาอาตมาที่วัดสุทัศน์ฯ
    เป็นนักธุรกิจที่ทำงานอยู่กับคุณเจริญ คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี
    เมื่อพบกัน ท่านผู้นี้ก็แจ้งความประสงค์ของการมาพบ และเล่าเรื่องที่เป็นจุดประสงค์ ดังนี้...
    " ท่านคงพอจะจำผมได้นะครับ เราเคยพบกันที่บ้านของคุณเจริญ คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี
    ผมมีเรื่องอยากจะเล่าให้ท่านฟังดังนี้ว่า เมื่อก่อนผมเป็นครูสอนวิชาภูมิศาสตร์และวิชาประวัติศาสตร์
    ปกติผมต้องไปค้นคว้าข้อมูลในหอสมุดแห่งชาติ ต่อมา ก็มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งผูกเปีย ๒ ข้างเข้าไปค้นข้อมูลอย่างจริงจัง ว่างก็สนทนากันถึงเรื่องวิชาการ ...
    อยู่มาวันหนึ่งนักเรียนหญิงคนนั้นก็ชวนผมไปเที่ยวบ้าน
    โดยบอกว่าจะให้พ่อเลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อ ในฐานะที่ให้ความรู้ด้านวิชาการ โดยมีการนัดแนะกันที่พระราชวังดุสิต สวนจิตรลดา โดยเธอบอกว่าเมื่อเข้าประตูที่ ๑
    แล้วขอให้บอกแก่คนที่เฝ้าประตูด้วยคำพูดนี้ (เป็นคำเฉพาะ) ...
    ครั้นถึงวันนัดหมายผมก็เดินทางไปโดยรถแท็กซี่
    เมื่อเข้าประตูผมก็มิได้สงสัย คงบอกเจ้าหน้าที่ตามนั้น
    ครั้นถึงขั้นที่ ๒ ผมก็บอกตามนั้นอีก เจ้าหน้าที่ก็อัธยาศัยดี ให้ความเคารพผมอย่างยิ่ง
    แต่พอถึงขั้นที่๓ ผมก็เริ่มเห็นภาพชัดเจนว่า...แท้ที่จริงเด็กผู้หญิงคนนั้นคือ
    " สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี " ซึ่งตอนนั้นยังมิได้เฉลิมพระยศนี้......
    ท่านครับ พอผมนึกออกก็เริ่มสั่นแล้ว
    แต่เหตุที่ผมนึกไม่ออกนั้น เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่า
    เจ้าฟ้าจะสนพระทัยในวิชาการอย่างจริงจัง เวลาค้นคว้าก็ทรงสืบค้นด้วยพระองค์เองทุกอย่าง
    ทรงค้นคว้าและจดจำอย่างขมีขมัน โดยมิได้มีข้าราชบริพารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพระองค์
    และเวลาที่ทรงสนทนาก็ให้ความนับถือคู่สนทนา ยิ่งรู้ว่าผมเป็นครูสอนวิชาดังกล่าว...
    เมื่อผมรู้ว่านักเรียนหญิงคนนั้นคือสมเด็จพระเทพฯ ผมก็ประหม่า
    และแล้วรถแท็กซี่ก็ถึงที่นัดพบ
    สักครู่พระองค์ก็เสด็จออกมาแล้วตรัสปฏิสันถาร ถึงตอนนี้ผมก็ก้มลงกราบกับพื้น
    และที่ทำให้ผมสั่นยิ่งขึ้นก็คือ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณพ่อของเด็กผู้หญิงคนนี้คือ

    "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "
    ... ท่านครับ สักครู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จออกมา ทรงมีพระพักตร์ที่ยิ้มแย้มแล้วตรัสว่า
    " เห็นลูกสาวบอกว่าเป็นเพื่อนกัน "
    เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้ ผมก็ก้มลงกราบด้วยความประหม่าเป็นที่สุด แล้วกราบบังคมทูลว่า
    " มิเป็นการบังอาจ พระพุทธเจ้าข้า "
    ... พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณตรัสว่า
    ขอให้ทำตัวตามปกติไม่ต้องประหม่าหรือกลัวแต่อย่างใด
    พระองค์ตรัสขอบใจที่ได้เป็นเพื่อนสนทนาในวิชาการดังกล่าว จากนั้นพระองค์ก็ตรัสว่า
    " อันที่จริงก็มีผู้อยากขอเข้าเฝ้าฯ เป็นจำนวนมาก
    บางรายก็ขอนำเงินขึ้นทูลเกล้าถวาย แต่เราก็ไม่สามารถจะรับเงินของบางคนได้
    เราจะรับเงินของเขาได้อย่างไร ในเมื่อเงินที่เขานำมาถวายเรานั้น เป็นเงินที่เกิดจากการขายแผ่นดินของเรา
    เราจึงรับเงินนั้นไม่ได้
    ... ถ้าจะถามพระราชาอย่างเราว่าพระราชาอย่างเราต้องการอะไร เราก็ขอตอบว่า...พระราชาอย่างเราต้องการ
    คนที่ซื่อสัตย์ เพราะคนที่ซื่อสัตย์ คือ สมบัติของพระราชาอย่างเรา"
    ... ท่านครับ ผมก้มลงกราบถวายบังคมพระองค์อีกครั้ง ด้วยความซาบซึ้งน้ำตาไหล
    ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้แก่ครูสอนหนังสือเล็กๆ คนหนึ่ง
    พระราชดำรัสของพระองค์มีคุณค่ายิ่งต่อชีวิตของผม จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานเลี้ยงก๋วยเตี๋ยว
    เป็นอาหารที่ผมรับประทานแล้วอิ่มตลอดชีวิต........
    ... ท่านครับ จากวันนั้นมา ชีวิตผมก็เปลี่ยนแปลงไป โดยที่ผมเองก็มิได้รู้ว่าทำไม
    ชีวิตของผมซึ่งเป็นครูต้องเปลี่ยนแปลงงานที่ทำโดยมิได้ตั้งใจ ชีวิตเจริญก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ
    แต่พระราชดำรัสที่พระองค์ตรัสไว้นั้นจารึกอยู่ในใจผมเสมอ
    ... ผมอยากจะเรียนท่านให้ทราบเพียงเท่านี้แหละครับ

    ถ้าท่านจะกรุณานำไปเล่าให้คนทั้งหลายได้รับทราบ ก็จะเป็นลาภของคนที่ฟัง
    เขาจะได้รู้ว่าพวกเขาควรทำอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่าเป็นคนของพระราชา
    อาจารย์ท่านนี้เมื่อเล่าจบก็ลากลับด้วยสีหน้าที่อิ่มสุขและน้ำตาที่คลอเบ้าตา
    มิใช่เพียงอาจารย์ท่านนี้ที่อิ่มสุขเท่านั้น
    อาตมาเองซึ่งเป็นผู้ฟังก็อิ่มสุขน้ำตาคลอเบ้าเช่นเดียวกัน

    บทความของ พระราชวิจิตรปฏิภาณ วัดสุทัศน์

    การตั้งชื่อและแปลชื่อโดยคุณอุบาสกนพกรณ์
    จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน
    - ของดตอบคำถามเป็นการส่วนตัว
    - ของดการแจ้งลบกระทู้ (โดยไม่มีเหตุอันควร) หลังจากที่ได้คำตอบแล้ว
    - กรุณาตั้งคำถามให้ตรงตามหมวดหมู่อักษร
    - ขอตอบวันละ 3 ชื่อ (กรุณารอคิวหากมีผู้ถามเข้ามามาก)


    ขอชื่อใหม่ต้อง...
    1. แจ้งชื่อนามสกุลหรือทักษาเลข
    2. วันเกิด(จ-อ)
    3. อาชีพ
    4. เหตุผล(เพื่อวิเคราะห์ชื่อมงคล)
     
  9. รูปส่วนตัว ทั่นยาย

    ทั่นยาย said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    พี่นพจ๋าข้อความขาดระเบียบมากมายค่ะมาจัดระเบียบให้ด้วยค่ะ
    คนแก่อ่านแล้วตาลายเป็นม้าลายเลยค่ะ อิ อิ

    ข้อความนี้เห็นว่ามีประโยชน์ก็เลยฝากมาบอกญาติธรรมทุกท่านค่ะ

    1) Answer the phone by LEFT ear ฟังโทรศัพท์โดยใช้หูซ้าย
    2) Do not drink coffee TWICE a day อย่าดื่มกาแฟถึง 2 ครั้งต่อวัน
    3) Do not take pills with COOL water
    อย่ากินยาพร้อมกับน้ำเย็น (ใส่น้ำแข็ง)
    4) Do not have HUGE meals after 5pm. อย่ากินอาหารมื้อใหญ่ หลังจาก 5 โมงเย็นไปแล้ว
    5) Reduce the amount of OILY food you consume
    ลดปริมาณอาหารประเภทไขมัน ลงจากที่เคยกินซะบ้าง
    6) Drink more WATER in the morning, less at night
    ดื่มน้ำให้มากในตอนเช้า และลดน้อยลงในตอนกลางคืน
    7) Keep your distance from hand phone CHARGERS
    อยู่ห่าง ๆ จากการชาร์ตแบตโทรศัพท์มือถือ
    8 ) Do not use headphones/earphone for LONG period of time
    อย่าใช้อุปกรณ์หูฟังเป็นเวลายาวนาน
    9) Best sleeping time is from 10pm at night to 6am in the morning เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการนอนพักผ่อน คือ 22.00-06.00 น.
    10) Do not lie down immediately after taking medicine before sleeping
    อย่าล้มตัวนอนทันทีหลังจากกินยาก่อนนอน
    11) When battery is down to the LAST grid/bar, do not answer the phone as the radiation is 1000 times.
    เมื่อโทรศัพท์เหลือแบตเตอรี่ถึงขีดสุดท้าย , พยายามอย่าใช้เพราะมันจะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าถึง 1000 เท่าตัว
    12) Forward this to those whom you CARE about! ส่งต่อข้อความนี้ให้กับคนที่คุณห่วงใย


    อนุโมทนาและขอบคุณผู้ที่รวบรวมข้อมูลอันเป็นประโยชน์เหล่านี้ค่ะ
    ขอให้ท่านและครอบครัวมีแต่ความสุขกาย สุขใจ เจริญในทุกๆด้านค่ะ
     
  10. รูปส่วนตัว noppakorn

    noppakorn said:

    Re: เรื่องดีมีสาระ และประโยชน์สำหรับผู้อ่าน (ใครมีเรื่องดีๆ ก็มาลงที่นี่น่ะครับ)

    ลิงกับลา
    หญิงชาวบ้านคนหนึ่งอาศัยอยู่คนเดียวในกระท่อม ด้วยความเหงานางจึงหาสัตว์มาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนสองตัวคือ ลิงและลา

    วันหนึ่งหญิงชาวบ้านคนนี้ต้องออกไปตลาดเพื่อซื้ออาหาร ก่อนออกจากบ้านเธอได้เอาเชือกมาผูกคอลิง แล้วมัดขาของลาเอาไว้ทั้งสองข้าง
    เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ เลี้ยงทั้งสองตัวเดินย่ำไปมาในกระท่อมจนทำให้ข้าวของต่างๆ ได้รับความเสียหาย

    ทันทีที่หญิงชาวบ้านออกจากบ้านไป ลิงซึ่งมีความฉลาดและแสนซนเป็นคุณลักษณะประจำตัวก็ค่อยๆ คลายปมเชือกออกจาก
    คอของมัน อีกทั้งยังซุกซนไปแก้เชือกมัดขาให้แก่ลาอีกด้วย หลังจากนั้นเจ้าลิงก็กระโดดโลดเต้นห้อยโหนโจนทะยานไปทั่วกระท่อมจน
    ทำให้ข้าว ของต่างๆ ล้มระเนระนาดกระจัดกระจายไปทั่ว อีกทั้งยังซุกซนรื้อค้นเสื้อผ้าของหญิงชาวบ้านมาฉีกกัดจนไม่เหลือชิ้นดี ในขณะ
    ที่ลาได้แต่มองดูการกระทำของเจ้าลิงอยู่เฉยๆ

    สักครู่หนึ่ง หญิงชาวบ้านคนนี้ก็กลับมาจากตลาดเจ้าลิงมองเห็นเจ้าของเดินมาแต่ไกลจากทางหน้าต่าง ก็รีบเอาเชือกมาผูกคอ
    ตนไว้ย่างเดิมและอยู่อย่างสงบนิ่ง

    ฝ่ายหญิงชาวบ้านเมื่อเปิดประตูกระท่อมเข้ามาเห็นข้าวของของตนถูกรื้อค้น กระจุยกระจายเช่นนั้นก็เกิด โทสะขึ้นทันที
    หันมองลิงและลาเพื่อดูว่าใครเป็นผู้ก่อเรื่องและเห็นว่าลาไม่มีเชือกผูกขาดังเดิม เธอก็คิดเอาเองว่าเจ้าลานี่เองคือตัวปัญหา ทำให้กระท่อม
    ของเธอมีสภาพไม่ต่างจากโรงเก็บขยะ ดังนั้นหญิงชาวบ้านจึงวิ่งไปหยิบท่อนไม้นอกบ้านมาทุบตีลาอย่างรุนแรง ซึ่งเจ้าลาผู้น่าสงสาร
    ก็ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจนสิ้นใจโดยไม่สามารถทำ อะไรได้เลย

    เธอทั้งหลาย...

    เธอหลายคนคงไม่ค่อยชอบตอนจบของนิทานเรื่องนี้นักเพราะสงสารเจ้าลาที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรแต่กลับถูกเจ้าของทำโทษ จนตาย ส่วนเจ้าลิงซึ่งเป็นต้นเหตุแท้ๆ กลับรอดพ้นและไม่ได้รับผลกรรมใดๆ แต่ แท้ที่จริงแล้วนิทานเรื่องนี้ ต้องการชี้ให้เห็นถึง ความเป็นผู้นำ ของหญิงชาวบ้านที่ไม่พิจารณาเหตุการณ์ให้ถ่องแท้ เชื่อแค่สิ่งที่ตนเห็นแล้วลงโทษไปตาม
    ความรู้สึกและประสพการณ์ส่วนตัว เธอมองเห็นข้าวของเสียหายและมองเห็นลาที่หลุดออกมาจากเชือก แล้วตัดสินว่าลาคงเป็นผู้กระทำ แต่ไม่ได้มองว่าลาไม่มีปัญญาจะแก้เชือกและไม่มีนิสัยชอบรื้อทำลาย
    เธอมองเห็นลิงยังถูกเชือกล่ามอยู่ก็คิดว่าลิงคงไม่ใช่ผู้กระทำ แต่มองไม่ออกว่าผู้น่าจะแก้ปมเชือกได้และมีนิสัยชอบรื้อทำลายนั้นคือ ลิง
    ความจริงถ้าเธอรู้จักสำรวจร่องรอยความเสียหายเสียสักเล็กน้อย เธอก็จะพบรอยเท้าและฟันของลิงกระจายไปทั่วห้อง แต่ไม่พบรอยเท้าของลาเลยเพราะลาไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน


    เหตุที่องค์กรของเราต้องเหน็ดเหนื่อยทรมานกันอยู่ทุกวัน
    นี้ก็เพราะความสะเพร่าของผู้นำ ที่ "ปล่อยให้ลิง
    สร้างปัญหา แต่ลารับเคราะห์" ลาก็เหมือนกับคนที่ปฏิบัติ
    งานได้ตามหน้าที่ แต่ไม่ค่อยมีปากมีเสียง พูดจา
    ตรงไปตรงมาแต่ไร้เลห์เหลี่ยม ลิงก็เหมือนกับคนที่ฉลาด
    แกมโกง พูดมากพรีเซ็นต์เก่ง อ้างอิงตำราได้สารพัด
    แต่ไม่เคยทำงานจริง นายที่ดีไม่ควรปล่อยให้ลิงหลงระเริง
    ว่าทำผิดเท่าไหร่นายก็ไม่มีทางรู้

    ผู้เป็นนายไม่ควรยึดติดความสบาย นั่งขึ้นอืดรอฟังแต่
    รายงานในห้องประชุม รู้จักยอมเสียสละตน สละเวลา
    อีกเล็กน้อยเพื่อค้นหาความจริงเพื่อควบคุมเจ้าลิง เพราะไม่
    เช่นนั้น องค์กรก็จะทุกข์ทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    ถ้าลิงสงบได้องค์กรก็จะพลอยสบายและมีความสุขอย่างยั่งยืนไป
    ด้วย


    การตั้งชื่อและแปลชื่อโดยคุณอุบาสกนพกรณ์
    จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน
    - ของดตอบคำถามเป็นการส่วนตัว
    - ของดการแจ้งลบกระทู้ (โดยไม่มีเหตุอันควร) หลังจากที่ได้คำตอบแล้ว
    - กรุณาตั้งคำถามให้ตรงตามหมวดหมู่อักษร
    - ขอตอบวันละ 3 ชื่อ (กรุณารอคิวหากมีผู้ถามเข้ามามาก)


    ขอชื่อใหม่ต้อง...
    1. แจ้งชื่อนามสกุลหรือทักษาเลข
    2. วันเกิด(จ-อ)
    3. อาชีพ
    4. เหตุผล(เพื่อวิเคราะห์ชื่อมงคล)