เปิดใจ "นิสิตมศว" ผู้ชนะสวดมนต์ทำนองสรภัญญะ


เสียงบทสวดทำนองสรภัญญะบทสวดนมัสการพระพุทธคุณ บทสวดพระธรรมคุณ บทสวดพระสังฆคุณ และบทสวดถวายพรพระ ซึ่งเป็นบทสวดมนต์ยาวที่หลายๆ คนเคยสวดเมื่อครั้งที่เรียนในระดับประถมศึกษา แต่พอโตขึ้นหลายคนไม่เคยสวดมนต์บทสวดยาวๆ ที่มีทำนองสรภัญญะอีกเลย เมื่อไม่มีคนสวดมนต์ทำนองสรภัญญะ บทสวดนี้ก็จะค่อยๆ ห่างหายไปจากสังคมไทย
ล่าสุดกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมและมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ร่วมกับยุวธิกสมาคมได้จัดให้มีการแข่งขันสวดมนต์ทำนองสรภัญญะขึ้น เพื่อให้คนรุ่นใหม่ที่กำลังศึกษาในระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษาได้หันกลับมาเรียนรู้และทำความเข้าใจเนื้อหาของบทสวดมนต์ ตลอดถึงเรียนรู้การสวดมนต์ในทำนองที่ถูกต้อง
นางสาวภารณี คำแสง "จูน" นิสิตชั้นปีที่ 2 วิชาเอกการพัฒนาชุมชนเมือง คณะสังคมศาสตร์ เป็นสมาชิกชมรมพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ นำทีมแข่งขันสวดทำนองสรภัญญะจนคว้ารางวัลชนะเลิศ เล่าด้วยแววตาแจ่มใสมีความสุขว่า พวกเราอยู่ชมรมพุทธศาสนา มศว โดยปกติก็สวดมนต์เช้า เย็นกันอยู่แล้ว แต่การสมัครเพื่อสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ พระสังฆคุณ และบทสวดถวายพรพระนั้นไม่ได้ทำกันง่ายๆ เราต้องเตรียมตัวฝึกซ้อม เนื่องจากการสวดทำนองสรภัญญะนั้นมีลักษณะการเปล่งเสียงสูงต่ำ บางช่วงต้องหยุดเพื่อทอดเสียง นอกจากนี้แต่ละคำที่เปล่งออกมานั้นต้องออกเสียงให้ชัดเจนถูกต้องตามอักขรวิธี ห้ามออกเสียงเพี้ยนเด็ดขาด
"ก่อนสวดเราก็นั่งสมาธิและอธิษฐานจิต และก็ไม่ได้หวังว่าต้องชนะทีมอื่นๆ แต่สิ่งที่เราตั้งใจมากๆ ด้วยความบริสุทธิ์ใจก็คือต้องการสวดเพื่อสรรเสริญพระรัตนตรัย แต่เมื่อผลการแข่งขันออกมาทีมชมรมพุทธศาสนา มศว ชนะเลิศการแข่งขันพวกเราดีใจ ได้รางวัล 10,000 บาท พวกเรา 5 คนแบ่งเงินกันคนละ 1,000 บาท ส่วนเงิน 5,000 บาทนั้นพวกเราเก็บไว้ใช้ในชมรม" จูนกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส

นางสาวฉัตรชฎา ติงสะ "แป้ง" เฟรชชี่ปี 1 วิชาเอกเคมี คณะวิทยาศาสตร์ สมาชิกชมรมพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) บอกว่าเพื่อนๆ และพี่ๆ ในชมรมชวนให้ร่วมสมัครแข่งขันก็เลยตัดสินใจเข้าร่วมทีม เคยสวดมนต์ทำนองสรภัญญะมาตั้งแต่สมัยที่เรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษา แต่มาระยะหลังไม่ค่อยได้สวด การเข้าร่วมแข่งขันทำให้เราได้ฝึกและกลับไปรื้อฟื้นการสวดมนต์ทำนองสรภัญญะอีกครั้ง การสวดต้องขึ้นเสียงสูงต่ำ และต้องสวดแบบประสานเสียงทีมละ 5 คน เป็นการสวดที่ไม่ง่ายเลยแต่ที่เราทำได้เพราะเรามีความตั้งใจจริง ก่อนสวดมนต์ทุกครั้งก็ทำสมาธิก่อน ซึ่งได้ผลดีมาก การทำสมาธิทำให้เรามีจิตใจที่แน่วแน่ ส่งผลให้เกิดพลังในการสวด
นางสาวพีรญา บรรจบลาภ "อีฟ" เฟรชชี่ปี 1 วิชาเอกเคมี คณะวิทยาศาสตร์ สมาชิกชมรมพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เล่าว่า ประ โยชน์ของการสวดมนต์นั้นทำให้จิตใจสงบ ถือเป็นพื้นฐานหนึ่งในการทำให้เรามีสติ อานิสงส์ของการเข้าร่วมแข่งขันสวดทำนองสรภัญญะ ทำให้เราได้เรียนรู้บทสวดมนต์ยาวๆ และเรียนรู้คำแปลและการออกเสียง
"แม้จะไม่มีการแข่งขันสวดมนต์ทำนองสรภัญญะ ทางชมรมพุทธศาสนา มศว ก็มีกิจกรรมสวดมนต์เช้าเย็นกันทุกวันอยู่แล้ว การสวดมนต์ทำให้ใจเราสงบ เยือกเย็น มีสมาธิ ทุกคนที่อยู่ในชมรมพุทธศาสนาส่วนใหญ่จะชอบการสวดมนต์เป็นพื้นฐาน แม้ว่าเราจะคุ้นกับการสวดมนต์ แต่เมื่อมีการแข่งขันสวดทำนองสรภัญญะเราทุกคนก็ต้องมาฝึกซ้อม เพื่อให้การประสานเสียงในการสวดมนต์ออกมาดีที่สุด"
นางสาวสุคนธา พันประสงค์ "เป้" นิสิตชั้นปีที่ 2 วิชาเอกปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ สมาชิกชมรมพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เล่าด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มใจว่า การเตรียมตัวเพื่อไปแข่งขันสวดทำนองสรภัญญะในครั้งนี้เธอทำหน้าที่วางแผนโดยการกลับไปกราบปรึกษาพระอาจารย์ที่เคยสอนพุทธศาสนาเมื่อครั้งที่เรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดอัปสรสวรรค์ว่า การสวดทำนองสรภัญญะต้องมีเทคนิค ตั้งแต่การเว้นวรรคการเปล่งเสียง การเน้นเสียงหนักเสียงเบา จากนั้นก็มาเริ่มฝึกซ้อมเป็นทีมและต้องจำเทคนิคให้ได้
"อานิสงส์ของการสวดมนต์ทำให้จิตสงบ เกิดสมาธิ ถือเป็นการผ่อนคลายและลดความเครียดภายในจิตใจได้ อีกทั้งบทสวดมนต์นั้นเป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์ คำสวดมนต์จะช่วยคุ้มครองให้ชีวิตของเราดำเนินชีวิตได้อย่างถูกที่ถูกทาง"
นายณัฐพล ขันธปราบ "บอย" นิสิตชั้นปีที่ 2 วิชาเอกวิทยาศาสตร์ทั่วไป คณะวิทยาศาสตร์ สมาชิกชมรมพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) หนุ่มเดียวที่เข้าร่วมทีมบอกว่าประโยชน์ของการเข้าร่วมทีมสวดมนต์ทำให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองมากมายตั้งแต่การได้บูชาพระรัตนตรัย ฝึกการพูดให้ถูกอักขระ มีการฝึกออกเสียง ร, ล ฝึกการทำงานร่วมกันเป็นทีม และเรียนรู้การทำงานให้สำเร็จต้องอาศัยความตั้งใจ และใช้บารมีในการนั่งสมาธิ ทำจิตใจให้ว่าง อธิษฐานจิต ถือศีล 8 ตลอดการเตรียมตัวเข้าแข่งขัน ขณะที่เข้าร่วมการแข่งขันเราก็ไม่คิดถึงชัยชนะแต่คิดถึงแต่การสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย
นอกจากนี้เกณฑ์การแข่งขันยังระบุว่า แต่ละทีมต้องแต่งบทสดุดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นทำนองสรภัญญะ พร้อมทั้งต้องไปสวดบทสดุดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเวทีการแข่งขันด้วย สำหรับบทสดุดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น เป็นผลงานของนายนรินทร์ อัครโชติกวนิชย์ มีเนื้อความดังนี้
(1) ขอกราบเบื้องพระบาท มหาราชภูมิพล
มิ่งขวัญของปวงชน ได้อาศัยพระบารมี
(2) ดำริสรรค์โครงการ ช่วยชาวบ้านกินอยู่ดี
ผืนนภาท้องนที มิเทียมเทียบพระเมตตา
(3) ท่านทรงบรรเทาทุกข์ บำรุงสุขด้วยธรรมา
พาชาติพัฒนา นำพอเพียงช่วยราษฎร์จริง
(4) พระองค์ทรงเป็นไม้ใหญ่ ให้ร่มเงาที่พึ่งพิง
สุขสบายทั้งชายหญิง ทั่วสถานทุกชีวี
(5) ขอเราชาวชาติไทย มาร่วมใจสามัคคี
ร่วมกันทำความดี นับแต่นี้ทั่วกันเทอญ
ชมรมพุทธศาสนา มศว ทำให้รู้ว่าการจะทำงานใดๆ ให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ได้นั้น ต้องมี "บุญ" เป็นเครื่องหนุนนำ พร้อมกันนี้ก็ต้องตั้งใจจริง ด้วยศรัทธาที่เปี่ยมล้นกับทุกๆ เรื่องที่ได้ลงมือทำ เพียงแค่นี้ทุกอย่างก็สำเร็จได้อย่างง่ายดาย
ผู้เขียน:
ภารณี คำแสง/ณัฐพล ขันธปราบ สุคนธา พันประสงค์/พีรญา บรรจบลาภ


ที่มา:
ข่าวสด