ข่าว บทความ สุขภาพ เปิดใจ หมอ 5 บาท วัย 74 ปี ความดีไม่มีเกษียณรักษาทุก โรคโดย รศ.นพ.สภา ลิมพาณิชย์การ หรือ หมอ 5 บาท ฉายาที่ได้มาจากการคิดค่ารักษา สุขภาพ ผู้ป่วยในราคาเริ่มต้นเพียง 5 บาท แม้สภาพร่างกาย หมอ 5 บาท จะร่วงโรยไปตามสังขาร แต่ตราบใดที่มีลมหายใจก็จะรักษาต่อไป อ่าน ข่าว บทความ สุขภาพ เปิดใจ หมอ 5 บาท ได้ที่นี่กดที่เเถบนี้เพื่อดูรูปขนาดดั้งเดิม
ภายในโรงพยาบาลศิริราช มีคุณหมอท่าทางใจดีในวัย 74 ปีนั่งทำงานอยู่บนชั้น 2 ตึกผู้ป่วยนอกเก่า อันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนเวชนิทัศน์ หน่วยงานในสถานเทคโนโลยีการศึกษาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล คุณหมอท่านนี้เกษียณอายุมาแล้ว 14 ปี แต่ด้วยความรักในวิชาชีพจึงไม่ยอมเกษียณตัวเองออกจากหน้าที่ ทั้งการเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาสอนหนังสือและการดูแลรักษาคนไข้

หลังเลิกงานประมาณ 5 โมงเย็น คุณหมอจะขับรถจากศิริราชไปเปิดคลินิกในซอยระนอง 1 ถนนพระราม 5 โดยใช้ชื่อคลินิกว่า "สำนักงานแพทย์" ของ รศ.นพ.สภา ลิมพาณิชย์การ ผู้ซึ่งได้ฉายาว่า "หมอ 5 บาท" มาจากการคิดค่ารักษาในราคาแสนถูกเริ่มต้นเพียง 5 บาทสำหรับคนที่ปวดหัวตัวร้อนเป็นไข้หวัด

คลินิกของคุณหมอสภาเปิดมาตั้งแต่ พ.ศ.2507 โดยรับรักษาโรคทั่วไป จะเก็บเงินเฉพาะค่ายาและเวชภัณฑ์เท่านั้น โดยไม่คิดค่าตรวจวินิจฉัยโรค แต่ถ้าหากผู้ป่วยมาบอกว่าไม่มีเงินจริงๆ ก็ไม่คิดเงิน หรือหากมีไม่พอจะให้เท่าไหร่ก็ได้ เพราะหมอสภาไม่ต้องการให้ผู้ป่วยไปซื้อยารับประทาน

"สาเหตุที่ยังทำงานอยู่เพราะเป็นความเคยชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้ และยังรู้สึกเป็นห่วงคนไข้ ห่วงงานที่โรงเรียนด้วย ส่วนการเก็บค่ายาถูกเพราะไม่อยากให้เขาไปซื้อยากินเองตามความเคยชินของคนไทยที่มักจะไปร้านขายยาโดยไม่มีใบสั่งแพทย์ ผลเสียคือ ผู้ป่วยจะไม่รู้ว่าตนเองแพ้ยาชนิดนั้นหรือไม่ และจะทำให้ดื้อยาอีกด้วย แต่ผมจะแนะนำด้วยว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้างถึงจะหายป่วย ที่ผ่านมายังไม่มีผู้ป่วยได้ยาที่คลินิกผมไปแล้วมีอาการดื้อยาหรือแพ้ยา และจะให้ยาไปกิน 2 วันเท่านั้นเพราะไม่ต้องการให้เอายาไปทิ้งขว้าง เวลาจ่ายยาจะถามว่ามียาอะไรเหลืออยู่ที่บ้านจะได้ไม่ให้ซ้ำ" หมอสภากล่าว

ทุกวันนี้คุณหมอผู้เสียสละยังไม่เคยคิดว่าคลินิกจะได้กำไรหรือขาดทุน เพราะไม่ได้ลงทุนสูงเท่าคลินิกอื่นๆ มีค่าใช้จ่ายแต่เพียงตัวยาเท่านั้นที่จะสั่งซื้อจากบริษัทที่ได้ลิขสิทธิ์มาผลิตยาในไทย เวลาสั่งซื้อแต่ละครั้งจะสั่งจำนวนมากๆ ซึ่งได้ราคาถูก ประหยัดเงินได้มาก แต่ช่วงหลังๆ สั่งซื้อจำนวนน้อยลง ทางบริษัทผลิตยาก็ยังขายในราคาเดิมเป็นการช่วยเหลือกัน

"ถ้ามารักษากับผมไม่ต้องเอามาเกิน 100 บาท เพราะคิดแค่ค่ายาในราคาถูกมากๆ เช่นปวดหัวเป็นหวัดคิดแค่ 5 บาท ถ้าเจ็บคอมียาฆ่าเชื้อแก้อักเสบคิด 40 บาท ส่วนรายได้ต่อวันนั้นผมไม่รู้ว่าได้เท่าไหร่ไม่เคยนับ เมื่อได้เงินมาก็จะเก็บไว้เป็นทุนซื้อยา แต่เวลาซื้อจริงๆ ไม่พอต้องถอนเงินตัวเองที่ได้หลังจากเกษียณและเงินจากการเป็นอาจารย์สอนโรงเรียนเวชนิทัศน์มาซื้อยา"

เรื่องคิดค่ารักษาถูกนี้ คุณหมอสภาถ่อมตัวว่าไม่ใช่เพราะอุดมการณ์ใดๆ แต่มาจากการที่ในวัยเด็ก คุณหมอเป็นเด็กขี้โรค ตอน 4 ขวบเป็นโรคคอตีบ โตขึ้นเป็นโรคไทฟอยด์ ต่อมาก็ปอดบวม คุณแม่จึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ เห็นท่านเสียเงินค่ารักษาเยอะจึงสอนให้รู้จักประหยัดอดออม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เมื่อมาเปิดร้านคลินิกจึงคิดค่ารักษาแพงๆ ไม่ลง

ชีวิตประจำวันของคุณหมอสภา หลังเกษียณอายุมาได้ 14 ปีแล้วแต่ยังคงเดินทางมาทำงานที่โรงพยาบาลศิริราช ทุกวันจันทร์-ศุกร์จนถึง 5 โมงเย็น โดยจะเป็นอาจารย์สอนวิชาเกี่ยวกับภายวิภาค งานถ่ายภาพ วิดีโอ เขียนภาพทางการแพทย์ การปั้นหุ่นจำลองและการทำสื่อทางการแพทย์ทั้งหมด หลังจากนั้นจะขับรถมาไปเปิดคลินิกประมาณ 6 โมงครึ่งถึง 2 ทุ่ม ปิดวันเสาร์และเปิดวันอาทิตย์ ตั้งแต่เปิดคลินิก คนไข้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกซอยระนอง 1 ซึ่งมีหลายครอบครัวเป็นคนไข้ประจำคุณหมอสภานานหลายสิบปี บางคนมาจากต่างจังหวัด

สาเหตุที่ทำให้คลินิกรักษาโรคทุกวันนี้มีค่ารักษาแพง คุณหมอชี้ว่ามีปัจจัยจากสภาพแวดล้อมทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ ถ้าลงทุนสูง ค่าเช่าแพง ตกแต่งร้านสวยงามก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องคิดค่ารักษาพยาบาลแพง และคนส่วนใหญ่ก็มองว่าคลินิกที่ดูดีก็น่าจะรักษาดีกว่า แต่ความจริงแล้วคุณภาพยาแทบไม่ต่างกันเลย

ส่วนจรรยาบรรณของแพทย์ก็เหมือนกับอาชีพอื่นๆ ที่มีเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคม จิตใจคนเราก็เปลี่ยนไป การช่วยเหลือกันมันน้อยลง เรื่องคดีความระหว่างคนไข้กับหมอที่เกิดขึ้นมากในเวลานี้เพราะเป็นวิวัฒนาการที่เรากำลังวิ่งตามต่างประเทศ สมัยก่อนคนไทยไม่กล้าฟ้องเรียกค่าเสียหายกับหมอ แต่เดี๋ยวนี้เมื่อคนมีความรู้มากขึ้น สื่อนำเสนอข่าวมากขึ้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่หมอจะถูกคนไข้ฟ้อง เพราะไปทำเขาเสียหายและยังเก็บค่ารักษาแพงอีก

"อีก 10 ปีข้างหน้า จะขาดแคลนบุคคลที่จะเป็นอาจารย์แพทย์ เพราะปัจจุบันมีแพทย์ที่สนใจจะทำงานในโรงเรียนน้อยลง เพราะการเป็นอาจารย์แพทย์ต้องเสียสละเวลาที่จะถ่ายทอดความรู้นักศึกษา เอาใจใส่ในการสอน มีความชำนาญ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสอนได้ ขึ้นอยู่กับทักษะการถ่ายทอดความรู้ให้นักศึกษาและความรักในอาชีพแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งยังไม่มีเวลาเปิดคลินิกส่วนตัวหารายได้มากเท่ากับแพทย์เฉพาะทาง" คุณหมอ 5 บาทกล่าว

แม้สภาพร่างกายจะร่วงโรยไปตามสังขาร แต่ตราบใดที่คุณหมอสภายังมีลมหายใจ คลินิกรักษาโรค 5 บาท ยังต้อนรับให้คนไข้มารักษาอยู่เสมอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง