สาส์นวาติกันร่วมแสดงความยินดีในโอกาสวันวิสาขบูชา

กระทู้: สาส์นวาติกันร่วมแสดงความยินดีในโอกาสวันวิสาขบูชา

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. *8q* said:

    สาส์นวาติกันร่วมแสดงความยินดีในโอกาสวันวิสาขบูชา


    สมณสภาเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนา


    การเสวนาระหว่างคริสตศาสนิกชนและพุทธศาสนิกชน
    โดยการเป็นพยานถึงจิตตารมณ์ความยากจน


    สาส์นแสดงความยินดีในโอกาสวันวิสาขบูชา

    พ.ศ. 2552 / ค.ศ. 2009
    นครรัฐวาติกัน


    พี่น้องพุทธศาสนิกชน ที่เคารพรัก


    1. ในนามของสมณสภาเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนา ขอร่วมแสดงความยินดีและความปรารถนาดีอย่างจริงใจมายังท่าน ในโอกาสวันวิสาขบูชาที่กำลังใกล้เข้ามานี้ ขอให้วันฉลองนี้นำความชื่นชมยินดีและสันติสุขมาสู่ดวงใจของพี่น้องพุทธ ศาสนิกชนทั่วโลก การฉลองในปีนี้เปิดโอกาสให้พวกเราชาวคาทอลิกได้แลกเปลี่ยนสนทนากับเพื่อนพี่ น้องชาวพุทธผู้เป็นเพื่อนบ้านของเรา เพื่อที่จะสานต่อสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพเดิมและสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นด้วย มิตรภาพที่มีความจริงใจระหว่างกันซึ่งจะเปิดทางให้เราแบ่งปันความชื่นชม ยินดี ความหวัง และขุมทรัพย์ฝ่ายจิตซึ่งกันและกัน


    2. ในช่วงนี้ที่รำลึกถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับท่าน เราเห็นถึงความชัดเจนยิ่งขึ้นว่าชาวพุทธและชาวคริสต์โดยอาศัยความซื่อสัตย์ ที่มีต่อธรรมปฏิบัติฝ่ายจิตของทั้งสองฝ่าย ไม่เพียงแต่จะสามารถหยิบยื่นความเป็นอยู่ที่ดีและสันติสุขให้แก่ชุมชนของเรา เท่านั้น แต่ยังสามารถที่จะช่วยกันจรรโลงสังคมโลกได้ด้วย เรามีความรู้สึกลึกๆ ถึงการท้าทายที่อยู่ข้างหน้าเราในด้านหนึ่งเกี่ยวกับปรากฏการณ์แห่งความยาก จนที่ยิ่งวันยิ่งจะแผ่ขยายกว้างขึ้นในรูปแบบต่างๆ และในอีกด้านหนึ่งนั้นก็มีการแข่งขันครอบครองวัตถุสิ่งของ เป็นการแผ่ขยายเงามืดแห่งบริโภคนิยมอย่างน่าใจหาย


    3. สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ตรัสไว้เมื่อไม่นานมานี้ว่า ความยากจนอาจแบ่งได้เป็นสองประเภทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ ความยากจน “ที่เลือกเอง” กับความยากจน “ที่ต้องกำจัดให้หมดไป” (คำเทศน์ วันที่ 1 มกราคม 2009) สำหรับคริสตชน ความยากจนที่เลือกได้นี้ คือ การยอมคิดตามแนวทางของพระเยซูคริสต์ โดยการปฏิบัติสิ่งนี้ คริสตชนจะมีส่วนร่วมในการรับพระหรรษทานของพระคริสต์ ผู้ทรงเห็นแก่เรา จึงยอมกลายเป็นคนยากจน ทั้งๆที่ทรงร่ำรวย โดยอาศัยความยากจนของพระองค์ เราจึงกลับกลายเป็นคนร่ำรวย (เทียบ 2 โครินธ์ 8, 9) เราเรียนรู้ความยากจนนี้ เพื่อเข้าใจถึงสิ่งสำคัญที่สุดคือ การยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง อันทำให้จิตตนเองว่างเปล่า ไม่ยึดติดกับวัตถุ เรายังมองเห็นความยากจน ประดุจการยอมรับสถานภาพที่เราเป็น พร้อมทั้ง ยอมรับพรสวรรค์ ที่เราได้รับมา และข้อจำกัดต่างๆ ที่เรามี ความยากจนเช่นนี้ ทำให้เราเปิดใจรับฟังพระเจ้า และเพื่อนพี่น้องชายหญิงทุกคน มันทำให้เราเปิดตัวเอง เพื่อผู้อื่น และเคารพพวกเขาแต่ละคน มันทำให้เราเห็นความสำคัญของสิ่งสร้างทุกชนิด รวมถึงความสำเร็จจากน้ำพักน้ำแรงของเพื่อนมนุษย์ เราถูกสอนให้ทำสิ่งหล่านี้ โดยการใช้เสรีภาพให้ถูกต้อง ด้วยความกตัญญู ความรอบคอบเอาใจใส่ ความเคารพ และการฝึกจิตไม่ยึดติดกับสิ่งใดๆ ด้วยจิตตารมณ์เช่นนี้ จะช่วยเราให้ใช้ทรัพยากรในโลกนี้ ประหนึ่งว่า เราเป็นคนไม่มีอะไรเลย และขณะเดียวกัน เราก็มีทุกสิ่งทุกอย่างเพียบพร้อม (เทียบ 2 โครินธ์ 6, 10)


    4. สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ยังตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยว่า “มี ความยากจนอีกประเภทหนึ่ง ได้แก่การถูกกีดกันจากวัตถุปัจจัย ซึ่งพระเจ้าไม่ทรงปรารถนาและเป็นสิ่งที่เราควรจะช่วยกันต่อสู้ เป็นความยากจนที่กีดกันผู้คนและครอบครัวจนไม่สามารถดำเนินชีวิตที่เหมาะสม กับศักดิ์ศรีมนุษย์ เป็นความยากจนที่ไม่ชอบด้วยความยุติธรรม ไม่มีความเท่าเทียมกัน และเมื่อเป็นเช่นนี้มันก็คือความยากจนที่คุกคามการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นอีก ในสังคมที่ร่ำรวยและพัฒนาแล้วมีหลักฐานปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีการผลัก ดันให้ผู้คนกลุ่มนี้เป็นบุคคลชายขอบของสังคม อันส่งผลกระทบต่อความรู้สึก ศีลธรรม และจิตวิญญาณ ซึ่งพบเห็นในผู้คนที่ถูกรบกวนจนทำให้ชีวิตภายในสับสนและต้องประสบกับความเลว ร้ายต่างๆ ถึงแม้จะมีความเจริญก้าวหน้าในด้านเศรษฐกิจสักเท่าใดก็ตาม” (สารวันสันติภาพสากล 2009 ข้อ 2)


    5. พี่น้องพุทธศาสนิกชนที่เคารพรัก ในขณะที่เราชาวคาทอลิกมองความหมายแห่งความยากจนในมิตินี้ เราก็สนใจในประสบการณ์ฝ่ายจิตของพวกท่านด้วย เราใคร่ขอขอบคุณในการเป็นประจักษ์พยานอันน่าประทับใจในการไม่ยึดติดกับวัตถุ และพอใจในความสันโดษของพวกท่าน บรรดาพระภิกษุ แม่ชี และฆราวาสเป็นจำนวนมากสมัครใจถือปฏิบัติความยากจน “แบบเลือกเอง” อันเป็นการบำรุงเลี้ยงชีวิตจิตของมนุษย์ ก่อให้เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความหมายของชีวิตแท้ที่มั่งคั่ง อีกทั้งค้ำจุนความตั้งใจที่จะส่งเสริมการมีน้ำใจดีของประชาคมโลกอีกด้วย เราขอส่งความปรารถนาดีมายังท่านอีกครั้งหนึ่ง ขอให้ท่านทั้งหลายจงประสบแต่ความสุขความเจริญในโอกาสวันวิสาขบูชานี้เทอญ






    (พระคาร์ดินัล ฌอง-หลุยส์ โตร็อง)
    สมณมนตรี






    (อาร์คบิช็อป เปียร์ ลุยจี เชลาตา)
    เลขาธิการ







    Pontifical Council for Interreligious Dialogue
    00120 Vatican City, Rome, Italy
    Tel: +39.06.6988 4321 / 06.6988 3648
    Fax: +39.06.6988 4494
    E-mail: dialogo@interrel.va

    ก่อนเกิดใครเป็นเรา<br />เมื่อเกิดแล้วเราเป็นใคร<br /><br />สิ่งที่ทำอยู่คือกรรมใหม่<br />ผลที่ได้รับคือกรรมเก่า<br /><br />ฟังในสิ่งที่ไม่ได้ยิน<br />มองในสิ่งที่ไม่เห็น<br />ทำในสื่งที่ไม่มี
     
  2. *8q* said:

    Re: สาส์นวาติกันร่วมแสดงความยินดีในโอกาสวันวิสาขบูชา

    คุณพ่อวิษณุ" อธิบายสาเหตุที่สาส์นวันวิสาขบูชาเน้นความยากจนเป็นหลัก [HR]<!-- / icon and title --><!-- message -->
    มอนซินญอร์วิษณุ ธัญญอนันต์ ปลัดสมณสภาเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนา เผย เหตุที่สาส์นวันวิสาขบูชาของวาติกันเน้นเรื่องความยากจน เพราะต้องการขอบคุณเพื่อนชาวพุทธที่เป็นประจักษ์พยานถึงการไม่ยึดติดกับ วัตถุและพอใจสิ่งที่ตนมีอยู่ ทั้งนี้ ตามรายงานจาก "ยูแคน" เว็บไซต์ข่าวคาทอลิกชื่อดัง เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา





    คุณพ่อวิษณุ ธัญญอนันต์ ปลัดสมณสภาเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนา เปิดเผยสาเหตุที่สาส์นแสดงความยินดีจากพระสันตะปาปาเนื่องในโอกาสวันวิสาข บูชา เน้นหนักไปที่เรื่องความยากจน ก็เพราะวาติกันอยากจะขอบคุณพุทธศาสนิกชนสำหรับการดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์ พยาน ด้วยการไม่ยึดติดกับสิ่งของทางโลกและพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่

    ปีนี้ สาส์นแสดงความยินดีวันวิสาขบูชาของวาติกัน เน้นเรื่องความยากจนเป็นอย่างมาก โดยเนื้อหาสำคัญมีใจความว่า "สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ตรัสไว้เมื่อไม่นานมานี้ว่า ความยากจนอาจแบ่งได้เป็นสองประเภทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ ความยากจน "ที่เลือกเอง" กับความยากจน "ที่ต้องกำจัดให้หมดไป" (บทเทศน์ วันที่ 1 มกราคม 2009)"

    มอนซินญอร์วิษณุ ในฐานะผู้ร่างสาส์นนี้ด้วยตนเอง ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่เลือกความยากจนมาเป็นหัวข้อหลักว่า "ในการร่างสาส์นนี้ เราได้ยึดตามพระประสงค์ของพระสันตะปาปาที่ตรัสไว้ในวันที่ 1 มกราคมซึ่งเป็นวันสันติภาพสากล พระองค์ย้ำว่า เราต้องกำจัดความยากจนให้หมดไปจากโลก สิ่งนี้สอดคล้องอย่างยิ่งกับหลักคำสอนของพุทธศาสนา เราเห็นว่า หลักธรรมคำสอนของศาสนาพุทธกล่าวถึงความยากจนไว้เยอะมาก เราก็เลยสนใจประสบการณ์ฝ่ายจิตของพุทธศาสนิกชน"

    "ปีนี้ พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงกล่าวถึงการต่อสู้กับความยากจนบ่อยมาก ดังที่เราเห็นในสารและบทเทศน์วันสันติภาพสากล การเสด็จเยือนทวีปแอฟริกาช่วงกลางเดือนมีนาคม และในจดหมายที่พระองค์ทรงส่งถึงผู้นำกลุ่ม จี 20 ซึ่งมาร่วมประชุมกันที่ลอนดอน พระสันตะปาปาน่าจะเน้นย้ำเรื่องนี้อีกครั้งในสมณสาส์นฉบับต่อไป ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พระองค์จะกล่าวถึงสภาพสังคม" มอนซินญอร์วิษณุ กล่าวกับผู้สื่อข่าว

    ในตอนท้ายของสาส์นแสดงความยินดีวันวิสาขบูชา ระบุไว้ว่า "บรรดาพระภิกษุ แม่ชี และฆราวาสเป็นจำนวนมากสมัครใจถือปฏิบัติความยากจน "แบบเลือกเอง" อันเป็นการบำรุงเลี้ยงชีวิตจิตของมนุษย์ ก่อให้เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความหมายของชีวิตแท้ที่มั่งคั่ง อีกทั้งค้ำจุนความตั้งใจที่จะส่งเสริมการมีน้ำใจดีของประชาคมโลกอีกด้วย"

    มอนซินญอร์วิษณุ สงฆ์ชาวไทยองค์เดียวที่ปฏิบัติงานในวาติกัน ก็ได้อธิบายเรื่องนี้ว่า "เราต้องการแสดงออกถึงมิตรภาพและความปรารถนาดีไปยังเพื่อนชาวพุทธทุกคน เราต้องการจะขอบคุณพวกเขาสำหรับการเป็นประจักษ์พยานทางแรงบันดาลใจที่พวกเขา ได้มอบให้กับจิตวิญญาณแห่งความยากจน ผ่านทางการไม่ยึดติดกับสิ่งของทางโลกและพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่"

    แม้พระสันตะปาปาจะไม่ได้เป็นผู้ เขียนสาส์นวันวิสาชบูชา แต่คุณพ่อวิษณุก็ยืนยันว่าพระสันตะบิดาเจ้าทรงตรวจและอนุมัติสาส์นดังกล่าว ด้วยพระองค์เอง "พระสันตะปาปาทรงตรวจและอนุมัติสาส์นวันวิสาขบูชาด้วยพระองค์เอง จากนั้น เราก็ส่งสาส์นนี้ไปยังสถานทูตวาติกันประจำประเทศต่างๆ เพื่อส่งต่อไปยังหน่วยงานของสภาพระสังฆราชท้องถิ่นที่รับผิดชอบงานศาสน สัมพันธ์กับชาวพุทธ กับหน่วยงานของรัฐบาล กับผู้นำชาวพุทธของทั่วโลก และส่งให้กับเอกอัครราชทูตทั้ง 176 ประเทศที่มีเจริญสัมพันธไมตรีกับสันตะสำนัก (มีประเทศไทยด้วย)"

    "ต้นฉบับของสาส์นนี้ถูกเขียนขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ และได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆมากกว่า 10 ภาษา อาทิ จีน ญี่ปุ่น เขมร เกาหลี พม่า ไทย เวียดนาม นอกจากนี้ ยังแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสและอิตาเลี่ยน อีกด้วย"

    "พุทธศาสนิกชนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของสาส์นวันวิสาขบูชาอยู่ เสมอ พวกเขาใส่ใจและอ่านมันด้วยความจริงจัง พวกเขายังส่งสาส์นขอบคุณกลับมายังวาติกัน รวมถึงส่งคำอวยพรมาให้ในโอกาสวันสมโภชสำคัญทางคริสตศาสนา อาทิ วันคริสต์มาส เป็นต้น" มอนซินญอร์วิษณุ กล่าวปิดท้าย

    อนึ่ง วันวิสาขบูชาตามประเทศต่างๆจะไม่ตรงกัน เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของประเทศต่างกัน ทำให้วันเวลาคลาดเคลื่อนไปด้วย โดยปีนี้ (ค.ศ.2009) วันวิสาขบูชาในไต้หวันและญี่ปุ่น ตรงกับวันที่ 8 เมษายน ขณะที่จีนและเกาหลี ตรงกับวันที่ 2 พฤษภาคม ส่วนไทยและประเทศอื่นๆทั่วโลก ตรงกับวันที่ 8 พฤษภาคม
    ก่อนเกิดใครเป็นเรา<br />เมื่อเกิดแล้วเราเป็นใคร<br /><br />สิ่งที่ทำอยู่คือกรรมใหม่<br />ผลที่ได้รับคือกรรมเก่า<br /><br />ฟังในสิ่งที่ไม่ได้ยิน<br />มองในสิ่งที่ไม่เห็น<br />ทำในสื่งที่ไม่มี