ยำเกรงสาม
1. ยำเกรงในพระโองการฟ้า
2. ยำเกรงผู้มีคุณธรรม
3. ยำเกรงโอวาทอริยะ
ไตร่ตรองเก้า
1. ไตร่ตรองในการดู ให้รู้แท้
2. ไตร่ตรองในการฟัง ให้รู้ชัด
3. ไตร่ตรองสีหน้าตน ให้ดูดี
4. ไตร่ตรองท่าทีของตน ให้นอบน้อม
5. ไตร่ตรองวาจา ให้พูดดี
6. ไตร่ตรองเคารพงาน ให้ตั้งใจ
7. ไตร่ตรองการถามไถ่ ให้ชัดเจน
8. ไตร่ตรองอารมณ์โทสะ ให้ระงับ
9. ไตร่ตรองสิ่งที่ได้ ให้รู้ควร

สำรวมสาม
1. ความนึกคิด วันนี้ดีหรือไม่
2. กับเพื่อนพ้อง ผิดคำสัตย์มีหรือไม่
3. ทบทวนสิ่งที่เรียน ให้เข้าใจกระจ่างแจ้ง

ข้อห้ามสี่
1. สิ่งไม่ควรพูด อย่าพลั้งเผลอ
2. สิ่งไม่ควรมอง อย่ามอง สิ่งที่บัดสี
3. สิ่งที่ไม่ควรฟัง อย่าฟัง คำอัปรีย์
4. สิ่งไม่ควรทำ อย่าทำ ไร้จริยา







“ต่อให้ลูกเป็นเทพเทวาพุทธะมาเกิด
หากไร้ซึ่งบุญกุศลยากกลับคืนนิพพานฟังแม่เตือนต้องวิริยะ

โดยทั่วกันช้าอีกก้าวยากที่จะได้สร้างบุญ"
เป็นผู้นำเป็นถันจู่ภาระใหญ่
หนึ่งคนหลงอาจพาคนตกต่ำ
หากผู้นำมีปัญญาสักหนึ่งคน
จะเกิดผลนำคนหมื่นแสนบรรลุจริง”
“โอวาทฝากถันจู่นำพุทธบริกรต่างควรจะขยันหมั่นเพียร วิริยะ
หาวิธีฉุดช่วยคนหลงส่งขึ้นฝั่ง
รีบเร่งปลุกเวไนยฟื้นตื่นศรัทธา”
“ใจจะต้องละมุนนุ่มเหมือนกลุ่มเมฆ
เจตนาเช่นสายน้ำ ไม่ขาดสาย
สมัครสมานเคารพกันทั้งน้อยใหญ่
จะก้าวไปหรือทิ้งไว้ให้เห็นควร”
“ถ้าคล้อยตามคนทำผิดโทษมหันต์
บรรทัดฐานคือหลักธรรมตามครรลอง
ความโลภโกรธรักลุ่มหลงจงตัดไป
ธรรมกายจะใสสดหมดจดกัน”
“บุญยิ่งล้ำตำแหน่งสูงย่อมมีภัย
ให้รอบคอบเหมือนอยู่ขอบเหวตกมาหนัก
ปีนยิ่งสูงตกยิ่งหนักประจักษ์ชัดลูกฉลาดไม่ควรพลาดเป็นคนโง่”

“บำเพ็ญตนให้เกรงสามโบราณว่า
พิจารณาเก่งเข้าใจคิดสะกิดตน
สำรวมสามใครทำตามย้อนมองตนสี่ละเว้นอย่าพลั้งพลาดคือปราชญ์เมธี”