คติธรรมคำกลอน

กระทู้: คติธรรมคำกลอน

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. ปีศาจ said:

    Re: คติธรรมคำกลอน

    บางครั้งเราอาจจะรู้สึกว่าเส้นทางที่ได้ดำเนินมานั้นมันช่างไกลแสนไกลเหลือเกิน
    และก็ไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดลงไปเมื่อไหร่

    ไม่มีใครรู้ จนกว่าจะถึงจุดจบ

    บางครั้งเราก็มักจะมีคำถามขึ้นมาในใจเสมอว่าเส้นทางที่เลือกเดินนั้นถูกต้องแล้วหรือ
    เป็นเส้นทางที่จะทำให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จที่เราปรารถนาแน่หรือ

    ไม่น้อยที่ใครต่อใครต่างมีคำถามเช่นนี้

    เพราะบางครั้งเราก็รู้สึกว่าเส้นทางที่เราเดินนั้น
    มันช่างมีอุปสรรคมากมายเหลือเกิน

    และพอเรามองไปยังผู้ที่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขาทำไปแล้วนั้น
    เราก็มักจะย้อนกลับมาถามตัวเองอยู่เสมอว่า

    "ทำไมเราถึงยังย่ำต๊อกอยู่กับที่อย่างนี้? ทำอะไรต่ออะไรทำไมถึงไมยอมก้าวหน้าเสียที? เจออุปสรรคมากมายจนเริ่มรู้สึกท้อแล้ว"

    ใช่ เรามักจะเกิดคำถามเหล่านี้ขึ้นมา ในเวลาที่เราเหนื่อย ที่เราท้อแท้ มันเกิดขึ้นเป็นปกติ ไม่มีใครว่าอะไรได้

    เราท้อ

    ใช่

    เราท้อ เพราะสิ่งที่ทุ่มเททำมานั้นดูเหมือนจะไม่ประสบผลสำเร็จเสียที
    และเมื่อเรามองผู้อื่นมันก็ยิ่งสร้างความปวดร้าวและความขมขื่น
    อีกทั้งยังสร้างรอยแผลอันยากจะลบเลือนไว้ในใจของเรา

    ทำไม

    และเพราะอะไร

    เราโง่กว่าเขางั้นหรือ? เราอ่อนแอ ขาดประสบการณ์กว่าเขางั้นหรือ?
    หรือว่าเราต้องตกอยู่ในสภาพอย่างนี้อยู่ร่ำไป?

    ยิ่งคิดยิ่งไร้คำตอบ ยิ่งไร้ทางออก ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะคอยปิดกั้นเราเสียหมด
    ทำไม?

    และดูเหมือนกับว่ายิ่งเราเหนื่อยกับเส้นทางที่เลือกเดิน กับสิ่งที่เราทำมากเท่าไหร่ รวมถึงผลของมันที่ไม่เคยประสบผลสำเร็จสักที
    เรายิ่งท้อแท้หนักขึ้นเรื่อย อ่อนแอลงเรื่อยๆ และปล่อยให้มันเป็นไปตามยถากรรม

    ยถากรรม

    ใช่เรามักจะปล่อยให้มันเป็นไปตามยถากรรมที่เราคิดว่ามันจะเป็นไปอย่างนั้น
    เรายอมแพ้ในสิ่งที่เราเลือก เรายอมแพ้ในอุปสรรคที่ผ่านเข้ามา

    เราเป็นผู้แพ้

    เป็นผู้แพ้ตลอดกาล

    ใช่เราคิดอย่างนี้

    และสิ่งที่ตามมาก็คือเราหยุดทำในสิ่งที่เราฝันและสิ่งที่เราอยากทำ
    เราหยุดเดินในเส้นทางที่เราเลือกเดิน
    เราหยุดที่จะตามหาเป้าหมายที่เรามุ่งมั่นในตอนต้น
    เพียงเพราะเราท้อแท้

    เพียงเพราะเรารู้สึกว่าเป็นผู้แพ้ ที่ไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามานั้นไปได้
    เพียงเพราะเราขาดกำลังใจจากใครสักคนหนึ่ง

    เพียงแค่นี้เราก็ยอมแพ้

    นี่หรือสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่า สัตว์ประเสริฐ เรียกตัวเองว่ามนุษย์

    แค่เจอปัญหาต่างๆเราก็ยอมแพ้

    เราไม่แม้แต่ลองพยายามที่จะลุกขึ้นยืน

    ไม่เลย เราไม่ทำ

    เราล้มและคอยเฝ้ามองผู้อื่นเดินเหยียบหัวตัวเองไปเรื่อยๆ

    เราพอใจอยู่แค่นี้

    เพราะเราคือผู้แพ้ ใช่เราคือผู้แพ้ ผู้แพ้ตลอดกาล

    ผู้แพ้ที่ไม่สามารถเงยหน้าหรือยึดอกในสังคมได้
    ต้องก้มหน้าหลบซ่อนผู้คนอยู่ตลอดเวลา

    เรา...

    อยากเป็นอย่างนั้นหรือ กับการที่จมอยูในโลกของผู้แพ้ตลอดเวลา

    ถามจะให้ตอบทุกคนก็คงจะตอบว่า """""ไม่""""

    ใช่ ทุกคนตอบว่า "ไม่"

    แล้วทำไมไม่ลองลุกขึ้นสู้กับมันสักตั้ง

    มันยากนักหรือกับการก้าวข้ามไป
    และอุปสรรคแค่นี้หากเรายังผ่านไปไม่ได้
    แล้วในวันข้างหน้าล่ะ
    มีอะไรที่ยิ่งใหญ่ให้ต้องรับผิดชอบอีก
    แล้วเราจะทำมันไหวหรือ
    หรือต้องคอยหลบอยู่หลังพ่อแม่
    เป็นลูกแหง่ให้เขาล้อเลียน
    เราภูมิใจนักหรือ

    คนที่เขาประสบความสำเร็จหลายต่อหลายคน
    เราลองถามเขาดูบ้างไหม
    ว่าเขาล้มลงกี่ครั้ง

    มันมากกว่าเราด้วยซ้ำ
    แล้วเมื่อเขาล้มเขาทำอย่างไร

    นั่งดูความพ่ายแพ้ของตัวเองอย่างเรางั้นหรือ

    ไม่เลย

    เขาลุกขึ้นยืน

    แม้จะยืนแทบไม่ไหว แต่เขาก็ยังควานหาที่ให้ยึดจับจนได้
    แล้วค่อยๆก้าวเดินต่อไป

    ช้าๆ

    และที่สำคัญ

    เขาไม่ได้ล้มลงครั้งเดียว
    อาจจะเป็นร้อยเป็นพันครั้ง
    บางคนเป็นหมื่นเลยก็มี
    แล้วทำไมเขาถึงดันทุรังลุกขึ้นยืนอีก

    เพราะเขาไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรคทั้งหลายไงล่ะ

    เขาเชื่อ

    เชื่อและสัทธาในเส้นทางที่เขาเลือกเดิน
    เชื่อและสัทธาในสิ่งที่เขาเลือกทำ
    เชื่อว่าหากเขาไม่ยอมแพ้แล้ว
    สักวันหนึ่งมันจะประสบความสำเร็จขึ้นมา

    เขาเหนื่อยกว่าเราหลายร้อยเท่าในการสร้างความมั่นคงของเขาขึ้นมา
    และมันจะเป็นปึกแผ่นอันแข็งแกร่งให้เขา

    แล้วมาย้อนดูที่เรา
    ทุกวันนี้เราทำเช่นนั้นหรือไม่

    เรายังเชื่อและสัทธาในเส้นทางที่เราเลือกเดินอยู่อีกไหม

    พร้อมที่จะตอบคำถามที่ค้างคาใจแล้วหรือยัง

    ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ประชาชนรับรู้
    ตนเองนั้นแหละที่รู้ดีที่สุด
    ตอบตัวเองให้ได้

    เวลาไม่เคยรอใคร
    เวลาไม่เคยฆ่าใคร
    เวลาให้โอกาสเสมอ

    ไม่จำป็นต้องรอคอยความช่วยเหลือจากใคร
    จงทำมันด้วยใจรัก และทุ่มเทในเส้นทางที่สัทธา
    แล้ววันเวลาจะเป็นตัวตัดสิ่งทุกสิ่งเอง

    อย่ายอมแพ้จนกว่าจะประสบความสำเร็จ
    เพราะเจ้ามาจากดิน
    แม้ว่าเจ้าจะโบยบินไปไกลแสนไกล
    แต่สุดท้าย...เจ้าก็ต้องกลับคืนสู่ดิน...
    ...ดิน...ที่เจ้าจากมา...
    http://learnkaweethai.blogspot.com
     
  2. ปีศาจ said:
    สวัสดีญาติธรรมที่รักและเคารพทุกๆท่านครับ(ต้องขออภัยที่ไม่ได้เอ่ยนาม เพราะเยอะจริงๆ^^V)

    ในวันหนึ่งครึ่งคืนทนฝืนคิด
    ตามจริตแต่ตนไปให้รู้เห็น
    ตามชีวิตตามวิถีที่ตนเป็น
    บ้างผูกเวรคลายเวรเห็นกันไป
    วันเวลาผ่านไปไวเหมือนฝัน
    ผ่านคืนวันเปลี่ยนแปรแลสั่นไหว
    ผ่านคืนค่ำล้ำล่วงกาลเนิ่นนานไป
    ดวงฤทัยอ่อนล้าจำลากาล
    นัยว่าจิตคิดเห็นเป็นสิ่งง่าย
    ล้วนสบายหายห่วงพ่วงรสหวาน
    หลงระเริงกับเวลามาช้านาน
    จนล่วงผ่านคืนวันที่ผันแปร
    ครั้นวันหนึ่งถึงทุกข์สุขหนีหาย
    ความหวานหยดหมดละลายคลายกระแส
    โลกโลกีย์นี่กลับนับเปลี่ยนแปร
    ไม่อยากเห็นอยากแลความเป็นไป
    ยามเริงรื่นชื่นจิตหาคิดถึงทุกข์
    ยกความสุขเป็นที่ตั้งหวังสดใส
    ยามเมื่อทุกข์เฝ้าหาสุขอยู่ร่ำไป
    ยกความทุกข์ทิ้งไกลให้ห่างตน
    บ้างออกวิ่งดิ้นรนด้นเสาะหา
    ตามมรรคาครรลองทั่วแห่งหน
    ลืมสติลืมวิถีชีวิตตน
    วิถีคนวิถีธรรมนำจิตใจ
    จะไปหวังสิ่งใดในโลกนี้
    ที่คงมีความเที่ยงมั่นไม่หวั่นไหว
    จะหวังพึ่งสิ่งหนึ่งสิ่งอันใด
    ตลอดไปคงโง่เขลาเบาปัญญา
    แม้วันนี้ชีวีจะมีทุกข์
    เฝ้าแต่หวังความสุขที่โหยหา
    อย่าละเลยสติธรรมช่วยนำพา -
    ให้ชีวามาพบสุขที่หวนคืน
    สุขอื่นใดแน่แท้ในจิตใจ
    อันผ่องใสยืนหยัดไม่ขัดขืน
    ต่อกระแสความทุกข์ปะทะครืน
    สู้หยัดยืนต่อโศกโลกโลกีย์
    เฝ้าตามมองตามดูให้รู้เห็น
    จนเกิดเป็นกระแสจิตไม่คิดหนี
    มองความทุกข์แค่สิ่งหนึ่งที่พึงมี
    ว่าสิ่งนี้มีอยู่แล้ววางวาย
    จนวันหนึ่งพึ่งระลึกตรองตรึกรู้
    ว่าทุกข์มีมันอยู่แล้วหนีหาย
    ถึงคราวนั้นใจสงบจบชีพวาย
    นิมิตหมายมั่นรู้สู่ทางธรรม

    ปีศาจราชาหมาป่าน้ำแข็งสีเงิน

    ปล.กลับมาครั้งนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวกันอีกรอบนะครับ
    เพราะเจ้ามาจากดิน
    แม้ว่าเจ้าจะโบยบินไปไกลแสนไกล
    แต่สุดท้าย...เจ้าก็ต้องกลับคืนสู่ดิน...
    ...ดิน...ที่เจ้าจากมา...
    http://learnkaweethai.blogspot.com