ประวัติ หลวงพ่อแซกคำ วัดคฤหบดี กรุงเทพฯ


"หลวงพ่อแซกคำ" พระแซกคำ เป็นพระพุทธรูปประธาน ประดิษฐาน ณ พระอุโบสถหลวงวัดคฤหบดี แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ

หลวงพ่อแซกคำ เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองนพคุณ หรือทองคำโบราณ เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยเชียงแสนยุคปลาย หน้าตักกว้าง 18 นิ้ว ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ เป็นพระพุทธรูปทองคำโบราณ สร้างขึ้นประมาณระหว่างพ.ศ.1700-1800

เป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์คู่กับพระแก้วมรกต ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ พ.ศ.2369 และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ โปรดพระราชทานให้เป็นพระประธานในพระอุโบสถของวัดคฤหบดี ตั้งแต่เริ่มตั้งวัดมาจนถึงปัจจุบัน

ประวัติหลวงพ่อแซกคำ วัดคฤหบดี
หลวงพ่อแซกคำ หรือ พระแซกคำมีประวัติการได้มาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ว่า ในสมัยรัชกาลที่ 3 พระยาราชมนตรีฯ ซึ่งมีนิวาสถานไปพำนักที่แพข้างวังหลวง อุทิศที่อยู่เดิมสร้างเป็นวัดแล้วทูลเกล้าฯ ถวายในหลวงรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รับเข้าไว้เป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า "วัดคฤหบดีอาวาส"

ในสมัยนั้นพระยาราชสุภาวดี (เจ้าพระยาบดินทรเดชา) เป็นแม่ทัพ เสร็จจากศึกปราบกบฏเวียงจันทน์แล้วได้ยึดทรัพย์สมบัติกลับเข้ากรุงเทพรัตน โกสินทร์มากมาย รวมทั้งพระพุทธรูปสำคัญ คือ พระแซกคำ

ประวัติหลวงพ่อแซกคำ เมื่อประมาณปี 2500 พระญาณรังษี อดีตเจ้าอาวาสวัดคฤหบดี ในขณะนั้นมีสมณศักดิ์เป็น พระครูธรรมาภิรมย์ ได้ปรารภถึงหลวงพ่อแซกคำว่า ผู้ใดเป็นผู้สร้างกันแน่ ด้วยพระพุทธรูปมาจากเวียงจันทน์ มีอายุราว 900 ปี ในสมัยสุโขทัยตอนปลายถึงสมัยพระนางจามเทวีสร้างเมืองหริภุญชัย

ทั้งนี้ พระนางจามเทวี พระธิดาของกษัตริย์แห่งอาณาจักรลาวปุระ ได้ไปเป็นนางกษัตริย์ครองเมืองหริภุญชัย จากการที่ห่างบ้านเมืองมาทำให้พระนางรำลึกถึงพระคุณแม่พระชนกชนนี พระนางจึงมีพระราชประสงค์จะสร้างพระพุทธรูป 3 องค์ คือ พระเสริม พระสุก พระใส

รุ่งขึ้นเช้า พระนางเสด็จพระราชดำเนินมายังมณฑลพิธี เพื่อทรงเปิดงานสมโภช ขณะกำลังนมัสการพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์อยู่นั้น พลันปรากฏพระพุทธรูปทององค์หนึ่งลอยมาจากอากาศ ลงมายังบริเวณมณฑลพิธีเข้าประดิษฐานแทรกอยู่ท่ามกลางพระพุทธรูปทั้ง 3 พระองค์

พระพุทธรูปทององค์นี้ถูกต้องตามตำรามหาปุริสลักษณะและสวยงามมาก เมื่อมาแสดงปาฏิหาริย์ปรากฏต่อพระพักตร์พระนางจามเทวีและชนทั้งหลาย ณ มหาสโมสรนั้น พระนางก็ทรงโสมนัส ให้มีพิธีสมโภชพระพุทธรูปทั้ง 4 องค์

ด้วยเหตุที่พระพุทธรูปที่ลอยมาจากเบื้องนภากาศ และเข้าประดิษฐานแทรกอยู่กลางพระพุทธรูปอีก 3 องค์ จึงพระราชทานนามว่า "พระแซก" แต่เนื่องจากเป็นทองจึงมีชื่อต่อว่า คำ เป็นนามว่า "พระแซกคำ" ซึ่งเป็นชื่อเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ตลอดมา

พระแซกคำ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่เป็นที่เคารพบูชาและเป็นพระพุทธรูปที่ประวัติเกี่ยว ข้องกับพระแก้วมรกตมาตลอด เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชอัญเชิญพระแก้วมรกตมาจากนครเชียงใหญ่ กลับไปยังล้านช้าง ซึ่งตรงกับช่วงกลางสมัยกรุงศรีอยุธยา ทรงประดิษฐานพระแก้วมรกตไว้คู่กับพระแซกคำองค์นี้ ต่อมาเมื่อทรงย้ายพระราชธานีจากหลวงพระบางลงมายังเวียงจันทน์ ก็โปรดให้เชิญพระแก้วมรกต พระบางและพระแซกคำ ลงไปประดิษฐาน ณ ราชธานีใหม่ด้วย พระแซกคำจึงนับเป็นพระพุทธรูปที่สำคัญองค์หนึ่งยิ่ง

ในรัชการที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ไปทำศึกเวียงจันทน์ ได้อัญเชิญพระแซกคำกลับมาถวายสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้ประดิษฐานไว้ที่ฐานชุกชีที่วัดอรุณราชวราราม ต่อมา พระยาราชมนตรี (ภู่) ต้นสกุลภมรมนตรี ซึ่งเป็นข้าราชบริพารเก่าแก่มาตั้งแต่ครั้งยังทรงกรม สร้างวัดคฤหบดีขึ้นน้อมถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ จึงได้พระราชทานพระแซกคำไว้เป็นพระประธานในพระอุโบสถ

พระแซกคำ เป็นพระพุทธรูปที่มีชาวบ้านให้ความเลื่อมใส มีความศักดิ์สิทธิ์ เชื่อกันว่าผู้ใดมีความทุกร้อนก็มักไปกราบไหว้บนบาน ของที่นิยมถวาย ได้แก่ ข้าวเหนียว ลาบเนื้อ ปลาร้า ไข่เป็ด 100 ฟอง พวงมาลัยและทองคำเปลว ส่วนมหรสพที่ถวายมักเป็นละครชาตรี หมอลำ หรือแอ่วลาว



ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.tumsrivichai.com/index.ph...64197&Ntype=42