พิธีแต่งงานแบบล้านนา

การกินแขก หมายถึง การเชิญแขกที่เป็นที่เคารพนับหน้าถือตารวมถึงมิตรสหายเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ เคียงมาร่วมกันรับประทานอาหาร ในงานมงคลสมรส หรือ งานแต่งงาน อีกอย่างหนึ่งถ้าในงานเป็นงานที่ค่อนข้างใหญ่และต้องเชิญแขกเหรื่อเป็นจำนวน มาก ซึ่งก็หมายถึง ในงานนั้นต้องจุคนได้จำนวนมาก ๆ ถึงจะเรียกงานแต่งงานนั้นว่า “งานกินแขก” (การกินแขก เป็นชื่อของการแต่งงานล้านนาไทย)

การแต่งงานแบบสู่ขอ


เมื่อฝ่ายชายและหญิงมีความพึงพอใจกันฝ่ายชายจะต้องบอกแก่บิดามารดาว่าได้พบ ดอกไม้งามและอยากได้มาเป็นคู่ชีวิตของตน พร้อมกับขอให้บิดามารดาจัดการสู่ขอตามประเพณี เมื่อบิดามารดาทราบเจตนารมณ์ของลูกชายก็จะปรึกษาหารือกันเดินทางไปสู่ขอกับ บิดามารดาของฝ่ายหญิง หากบิดามารดาได้สอบถามดูแล้วฝ่ายหญิงไม่ขัดข้องก็ถือเป็นอันตกลงนัดวันหมั้น หมายพร้อมแต่งงาน

พิธีกรรมและขั้นตอนการแต่งงาน


เมื่อหาฤกษ์ได้แล้วทางฝ่ายชายหญิงจะต้องจัดเตรียมงาน คือ บอกญาติพี่น้องและผู้ที่ตนเคารพนับถือเพื่อให้มาร่วมงานและจัดเตรียม “ขัน ปอกมือ” หรือ “พานบายศรี” และเตรียมข้าวปลาอาหารไว้สำหรับต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน โดยฝ่ายชายจะต้องเตรียมสิ่งของต่อไปนี้สำหรับวันแต่งงาน

- ดาบ 1 เล่ม (มีนัย หมายถึง การมีอาวุธประจำกาย คือ ดาบสรีกัญไชย เอาไว้ปกป้องภรรยาและครอบครัวต่อไป)
- ขันหมาก 1 สำรับ
- หีบ (ใส่เงินหรือสมบัติส่วนตน มีนัย หมายถึง การตั้งตัวสร้างครอบครัวใหม่)
- ผ้าห่มผืนใหม่ 1 ผืน
- เงินใส่ผี (แล้วแต่ตระกูลของฝ่ายสาวกำหนด มีนัย หมายถึง เงินสินสอดทองหมั้นในปัจจุบัน)



ส่วนเครื่องสักการะในบายศรีประกอบด้วย (ใส่ทุกอย่างเป็นจำนวนคู่)

- ข้าวเหนียวสุกปั้น
- ใส่ไข่ต้มสุกแกะเปลือก หรือปลา หรือ เนื้อ
- ขนมหวาน (ขนมชั้นหรือ ข้าวแต๋น ทองหยิบ ทองหยอด เป็นต้น)
- ผลไม้
- หมาก พลู บุหรี่ เมี่ยง
- ด้ายมงคล (สำหรับผูกข้อมือ) ใส่ในบายศรี


เมื่อพร้อมแล้วญาติทางฝ่ายสาวจะให้ผู้แทนถือขันข้าวตอกดอกไม้ (พานดอกไม้) มาเชิญฝ่ายเจ้าบ่าวไปยังบ้านเจ้าสาว และฝ่ายเจ้าบ่าวพร้อมญาติผู้ใหญ่ก็จะตั้งขบวนแห่ไปยังบ้านเจ้าสาว ในขบวนประกอบด้วยดนตรีพื้นเมืองแห่อย่างสนุกสนาน มีเจ้าบ่าวถือดาบและหีบและญาติถือสิ่งของที่เตรียมมาทั้งหมดนำหน้าขบวนมุ่ง ไปยังบ้านเจ้าสาว พอถึงบ้านเจ้าสาวแล้ว ฝ่ายเจ้าสาวจะมีผู้แทนคอยปิดกั้นประตูไม่ให้เจ้าบ่าว เข้าไป โดยจะต้องถามก่อนว่า

“โฮะ! จะปากั๋นไปไหนปะล้ำปะเหลือมากั๋นนักจะอี้เนี่ย”

แล้วผู้แทนฝ่ายเจ้าบ่าวที่มีโวหารดีจะพูดในลักษณะมงคลว่า

“หมู่เฮาเอาแก้วแสงดีมาหื้อมาปั๋นพี่น้องบ้านนี้”

ผู้แทนเจ้าสาวจะตอบว่า

“บ้านข้าเจ้านี้มีประตูเงิน ประตูคำ จะเข้าไปง่ายๆ บ่ได้ จะต้องซื้อเข้าก่อนเน้อ”

ฝ่ายเจ้าบ่าวจะถามว่า

“นี้เป็นประตูเงินเฮาจะเอา……..”

แล้วมีการต่อรองราคากันจนตกลงตามความพอใจทั้งสองฝ่าย ฝ่ายเจ้าบ่าวก็จะจ่ายเงินให้ผู้กั้นประตูและจากนั้นมีการกั้นประตูทอง หรือประตูคำกันต่อไป โดยจะมีการโห่ร้องหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน

การกั้นประตูจะใช้สร้อยคอ หรือเข็มขัดเงิน-ทอง แล้วแต่ฐานะของผู้กั้น และอาจกั้นตอนขึ้นบันไดอีก และที่บันไดจะมีเด็กๆ ญาติฝ่ายเจ้าสาวมาตักน้ำล้างเท้าให้เจ้าบ่าว หรือ ทำเป็นเช็ดเท้าให้เบ่าว ซึ่งเจ้าบ่าวจะจ่ายเงินให้ตามสมควร จากนั้นญาติฝ่ายเจ้าสาวจะเชื้อเชิญญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวขึ้นมานั่งร่วมทำ พิธีและจูงมือเจ้าบ่าวให้มานั่งเคียงข้างเจ้าสาว โดยให้ หญิงนั่งซ้าย ชายนั่งขวา เอาขันปอกมือหรือพานบายศรีไว้ตรงกลาง แล้วให้เจ้าบ่าวเอาแหวนหรือสร้อยสวมใส่ใก้แก่เจ้าสาวเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นก็เชิญปู่อาจารย์ทำพิธีปัดเคราะห์เรียกขวัญเจ้าบ่าวเจ้าสาว และผูกมือ กล่าวคำอวยพร แล้วจึงเชิญบิดามารดาฝ่ายเจ้าสาวและฝ่ายเจ้าบ่าวพร้อมแขกผู้ใหญ่ตลอกจนแขก ที่มาในงานผูกข้อมือตามลำดับจนเสร็จพิธี



จูงเข้าห้อง

เมื่อเสร็จพิธีผูกข้อมือแล้ว (บางคนผูกคู่บ่าวสาวโยงติดกัน หรือ “มัดติดกัน” โดยมุ่งหมายให้รักกันอย่างแนบแน่น อยู่ด้วยกันไปตราบสิ้นอายุขัย ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน จึงนิยมผูกด้ายโยงไว้เป็นเครื่องหมาย)

จากนั้นเจ้าภาพจะเชิญคู่ของญาติผู้ใหญ่ หรือแขกอาวุโสที่มีชีวิตแต่งงานราบรื่นและเจริญรุ่งเรือง มีลูกหลานเต็มบ้าน ลูกหลานเหล่านั้นก็เจริญก้าวหน้ามีเกียรติปรากฏทั่วไป มาจูงเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าสู่ห้องหอตามฤกษ์ โดยปฏิบัติดังนี้

- ถือพานบายศรีนำหน้า
- แขกผู้อาวุโสฝ่ายหญิงจูงมือเจ้าสาว
- แขกผู้อาวุโสฝ่ายชายจูงมือเจ้าบ่าว
- ถือสลุงเงินและของขวัญตามไปด้วย

เมื่อจูงมือเข้าห้องหอแล้วให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่งบนเตียง หรือ บนฟูกที่จัดตกแต่งไว้ ให้หญิงนั่งซ้าย ชายนั่งขวา ให้ทั้งสองหันหน้ามาหาผู้ใหญ่ที่จูงเข้าห้องเพื่อรับโอวาท สั่ง สอนในการครองเรือน ให้รักทะนุถนอมรักษาน้ำใจ เสียสละซึ่งกันและกัน การให้โอวาท เรียกว่า “สอนบ่าว สอนสาว” แล้วให้เจ้าสาวกราบฝากตัวกับเจ้าบ่าว โดยกราบตรงหน้าอก เจ้าบ่าวเอามือโอบกอดเจ้าสาวไว้ เป็นการรับว่ายินดีปกป้องคุ้มครองเจ้าสาวต่อไป

การไหว้พ่อ แม่

เมื่อหนุ่มสาวอยู่กินกันได้ 3 วัน หรือ 7 วันแล้ว ก็พากันไป “ไหว้พ่อแม่” ตลอดถึงญาติผู้ใหญ่ฝ่ายชายโดยคู่ผัวเมียใหม่จะช่วยกันหาเครื่องสักการะ อุปฌภค บริโภค เช่น เสื้อผ้า อาหารแห้ง ขนม ให้ครบบุคคลที่ตนจะไหว้ตามสมควร พร้อมทั้งมีพานดอกไม้ ธูปเทียนไปเคารพกราบไว้ มีความหมายว่าไปคารวะฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกหลานในตระกูล และขอคำแนะนำในการครองเรือน ตลอตถึงการขอศีลขอพรจากผู้ใหญ่ใหเป็ศิริมงคลแก่ตนต่อไป ส่วนทางญาติผู้ใหญ่อาจเตรียมทุนไว้มอบให้เพื่อสร้างครอบครัวตามฐานะของแต่ละ ท่าน เงินเหล่านี้เรียกว่า “เงินขวัญถุง” จึงมักจะเก็บ ไว้เป็นศิริมงคลให้เงินไหลเข้ามาเพิ่มเติมอีกให้เกิดความ รุ่งเรืองในชีวิตครอบครัวตลอดไป

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
chiangmai-weddingplanner.com
ขอ ขอบคุณภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต