จิตปรมัติ

กระทู้: จิตปรมัติ

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. รูปส่วนตัว chocobo

    chocobo said:

    จิตปรมัติ

    คือ เช้านี้นั่งฟังธรรมของ อ.สุจินต์ ว่าด้วยเรื่องของมหาภูติรูป 4 คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม

    อ.ท่านบอกว่าเวลารูปทั้ง 4 เกิด จะเกิดพร้อมกัน แต่ไม่สัมปยุติกัน หมายถึงอย่างไรหรือครับ คือฟังแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจอ่ะครับ แล้วมหาภูติรูปนี้ เกิดที่ใด เกิดกับรูปใด หรือเกิดกับทุกรูป แม้แต่จักษุรูปด้วยหรือเปล่าครับ


    อีกข้อหนึ่งคือ ขอทำความเข้าใจการที่รูปกระทบทวารแล้วเกิดจิตรู้รูปต่างๆ ว่าเข้าใจอย่างนี้ถูกไหม เช่นทางจักขุทวารวิถี

    จักษุรูป-จักษุปสาทะ(กระทบ)-จักษุวิญญาณจิต(เกิด) แล้วก็ต่อด้วยวีถีจิตต่อไป ตามนี้หรือเปล่าครับ แล้ว จักษุปะสาทะนี้ก็ไม่ใช่ตา แต่เป็นรูปที่เกิดที่ตา และจักษุวิญญาณ ก็ไม่ใช่จักษุปสาทะ แต่เป็นนามธรรมที่ทำกิจเห็น โดยอาศัยเกิดที่จักษุปสาทะ ถูกต้องใช่ไหมครับ

    สาธุครับบ
     
  2. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:

    Re: จิตปรมัติ


    เวลารูปทั้ง 4 เกิด จะเกิดพร้อมกัน แต่ไม่สัมปยุติกัน หมายถึงอย่างไรหรือครับ

    สัมปยุต หมายถึง ประกอบพร้อม
    ซึ่งสภาพธรรมที่เข้ากัน ร่วมกันอย่างละเอียด เป็นสัมปยุตกันนั้น ต้องมีลักษณะคือ
    เกิดพร้อมกัน ดับพร้อมกัน รู้อารมณ์เดียวกัน และเกิดที่วัตถุเดียวกัน
    สภาพธรรมที่มีลักษณะเกี่ยวข้องเข้ากันครบถ้วนเช่นนี้ก็คือ จิต และ เจตสิก น่ะคับ

    จิตและเจตสิกจึงเป็นสัมปยุตตธรรม เป็นสภาพที่ประกอบพร้อม คละเคล้าเข้ากันแนบสนิท
    อย่างเช่น โจ๋คงเคยได้ยินคำว่า "มหากุศลญาณสัมปยุตต์"
    ก็คือ กุศลจิตนั้นมีปัญญาเจตสิกเกิดพร้อมประกอบกันนั่นเองอ่ะคับ

    สำหรับรูปธรรมทั้งหมด ไม่เป็นสัมปยุตตธรรม
    เพราะไม่เข้ากันตามคุณลักษณะ
    แม้ว่าดิน น้ำ ไฟ ลม จะเกิดร่วมกันเสมอ
    แต่ก็หยาบกว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องเข้ากันสนิทชิดเชื้อเท่ากับจิตและเจตสิก

    ติ๊ต่างว่า...เปรียบเทียบให้เห็นง่ายๆ...มีผักสลัดอยู่จานนึง
    น้ำสลัดก็ประกอบด้วยส่วนผสมหลายอย่าง (จิตและเจตสิกต่างๆ)
    ซึ่งส่วนผสมทุกอย่างนั้นก็ประกอบเข้ากันเป็นอย่างดี (สัมปยุตต์)

    แม้ว่าจะนำน้ำสลัดนั้นมาราดคลุกเคล้ากับผัก...ออกมาเป็นสลัดจานนึง
    ผักกับน้ำสลัดที่คลุกเคล้าจนทั่วนั้น...ก็ไม่ใช่สัมปยุตต์กัน
    และผักหลายๆ ชนิดที่คละเคล้ากันอยู่ในจาน
    ก็ไม่ได้สัมปยุตต์กันเหมือนส่วนผสมในน้ำสลัด...เป็นต้นน่ะคับ




    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  3. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:

    Re: จิตปรมัติ


    แล้วมหาภูติรูปนี้ เกิดที่ใด เกิดกับรูปใด หรือเกิดกับทุกรูป แม้แต่จักษุรูปด้วยหรือเปล่าครับ

    มหาภูตรูป อันได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ลม นี้
    เป็นรูปหลักที่เกิดทั่วทุกส่วนน่ะคับ
    และที่ไหนมีมหาภูตรูป
    ก็จะมีรูปที่อิงอาศัยเกิดขึ้นร่วมด้วยซึ่งเรียกว่า อุปาทายรูป อีก 4 รูปเสมอ
    คือ สี กลิ่น รส โอชา

    ดังนั้นกลุ่มของรูปที่เล็กที่สุด (กลาป)
    จะต้องประกอบด้วยรูป 8 รูปนี้เสมอ เรียกว่า อวินิพโภครูป
    ได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ลม สี กลิ่น รส โอชา ทั้ง 8 รูปนี้ยืนพื้น

    ทีนี้ สำหรับในสิ่งที่มีชีวิต
    จะมีกลาปที่เกิดจากกรรม เรียกว่า กัมมชกลาป นอกจากจะมี 8 รูปดังกล่าวแล้ว
    ก็ต้องมีอีกรูปนึงเกิดร่วมด้วย คือ ชีวิตรูป
    ก็เท่ากับมี ดิน น้ำ ไฟ ลม สี กลิ่น รส โอชา + ชีวิตรูป

    แล้วทีนี้กัมมชกลาปไหนมีรูปใดเพิ่มขึ้นอีก ก็ตามควรแก่กลาปนั้นๆ อ่ะคับ
    อย่างเช่น จักขุทสกกลาป ก็คือมีจักขุปสาทรูปเกิดร่วมด้วย
    จึงรวมเป็น 10 รูปคือ ดิน น้ำ ไฟ ลม สี กลิ่น รส โอชา + ชีวิตรูป + จักขุปสาทรูป

    ดังนั้น...ที่ดวงตาเราทุกคน
    จะประกอบไปด้วย ดิน น้ำ ไฟ ลม สี กลิ่น รส โอชา + ชีวิตรูป...เป็นพื้น
    แล้วก็มี จักขุปสาทรูปเล็กๆ อีก 1 รูปตรงกลางตา




    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  4. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:

    Re: จิตปรมัติ


    อีกข้อหนึ่งคือ ขอทำความเข้าใจการที่รูปกระทบทวารแล้วเกิดจิตรู้รูปต่างๆ ว่าเข้าใจอย่างนี้ถูกไหม เช่นทางจักขุทวารวิถี

    จักษุรูป-จักษุปสาทะ(กระทบ)-จักษุวิญญาณจิต(เกิด) แล้วก็ต่อด้วยวีถีจิตต่อไป ตามนี้หรือเปล่าครับ


    ดวงตาทั้งดวงเราเรียกว่า สสัมภารจักขุ
    แต่ส่วนที่เป็นทางให้เกิดการเห็น หมายถึงเฉพาะส่วนที่เป็น จักขุปสาทรูป น่ะคับ
    จักขุปสาทรูปเล็กๆ ตรงกลางตานี้เองที่เป็น จักขุทวาร
    เป็นที่รับกระทบกับรูปารมณ์ คือ สี (วรรณรูป)
    แล้วก็มีจักขุวิญญาณ คือจิตที่ทำกิจเห็น เกิดขึ้นเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา
    เราจึงมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ในขณะนี้นั่นเองอ่ะคับ

    แต่ทว่า...สภาพธรรมทั้งหลายนั้นก็ละเอียดยิ่ง เกินกว่าที่เราจะนึกคิดเองได้
    เพราะแสดงไว้ละเอียดย่อยลงไปถึงขณะจิต
    ว่าเมื่อสีกระทบกับจักขุปสาทรูป
    จักขุวิญญาณอันเป็นจิตที่ทำกิจเห็นยังไม่เกิดขึ้นในขณะแรกนั้น

    ก็เพราะ...เมื่อสีกระทบกับจักขุปสาทรูป ก็กระทบกับภวังคจิตก่อน (อตีตภวังค์)
    จากนั้น ภวังคจิตดวงต่อไปก็ไหว (ภวังคจลนะ)
    จากนั้นภวังคจิตดวงต่อไป (ภวังคุปัจเฉทะ) ที่เกิดขึ้นและดับไปนั้นก็ตัดกระแสภวังค์...ส่งให้วิถีจิตเกิดสืบต่อ

    วิถีจิตแรกที่เกิดขึ้นรับรู้ว่ามีอารมณ์ปรากฏทางตา (แค่รับรู้แต่ยังไม่เห็น) ก็คือ จักขุทวาราวัชชนจิต
    จากนั้น จักขุวิญญาณ ซึ่งเป็นจิตที่ทำกิจเห็น จึงเกิดขึ้นเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา
    แล้วก็มีวิถีจิตอื่นๆ ก็เกิดสืบต่อกันไปน่ะคับ




    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  5. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:

    Re: จิตปรมัติ


    แล้ว จักษุปะสาทะนี้ก็ไม่ใช่ตา แต่เป็นรูปที่เกิดที่ตา
    จากที่กล่าวแล้วข้างต้น
    จักขุปสาทรูป ไม่ใช่หมายถึงดวงตาทั้งดวง
    แต่หมายถึงรูปเล็กๆ ตรงกลางตาที่ทำหน้าที่รับกระทบสีอ่ะคับ



    และจักษุวิญญาณ ก็ไม่ใช่จักษุปสาทะ แต่เป็นนามธรรมที่ทำกิจเห็น โดยอาศัยเกิดที่จักษุปสาทะ ถูกต้องใช่ไหมครับ
    ถูกต้องคับ




    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  6. รูปส่วนตัว chocobo

    chocobo said:

    Re: จิตปรมัติ

    โอ้ กระจ่างยิ่งนักครับบ

    อนุโมทนาสาธุครับท่านปู่เดฟฟ
     
  7. รูปส่วนตัว Butsaya

    Butsaya said:

    Re: จิตปรมัติ

    โห๋ ..... กระจ่างเลยค่ะ
    อนุโมทนาสาธุกับคุณchocobo และพี่เดฟด้วยนะค่ะ

    ธรรมมีทุกหย่อมหญ้า.......สำหรับผู้มีปัญญา
     
  8. vini said:

    Re: จิตปรมัติ

    สาธุครับ
    ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนอนิจจัง
     
  9. Tammada said:

    Re: จิตปรมัติ

    สาธุครับ

    ปล.ทำไมผมเข้าไปคุยห้องธรรมมะ (แชท)ไม่ได้ครับ
     
  10. รูปส่วนตัว Butsaya

    Butsaya said:

    Re: จิตปรมัติ


    ปล.ทำไมผมเข้าไปคุยห้องธรรมมะ (แชท)ไม่ได้ครับ
    สวัสดีค่ะ คุณธรรมดา
    คุณธรรมดา เข้าห้องสนทนาธรรมไม่ได้หรอค่ะ
    ลองดีลีทคุกกี้และเทมโพลารี่ไฟล์ดูนะค่ะ
    หรือไม่ลงทะเบียนใหม่อีกรอบนะค่ะ เปลี่ยนชื่อใหม่ดูกะได้อะค่ะ
    แล้วลองเข้าดูใหม่นะ

    http://www.watkoh.org/chat_v6/index.php

    อันนี้เป็นห้องเปิดใหม่ของวัดเกาะวาลุการาม
    ถ้าจะเข้าต้องลงทะเบียนใหม่ก่อนนะค่ะ

    หากมีปัญหาอะไรกะมาแจ้งไว้ที่กระทู้นี้กะได้นะค่ะ

    ธรรมมีทุกหย่อมหญ้า.......สำหรับผู้มีปัญญา