เรียนสอบถามเรื่องของยมฑูต (หรือยมบาล) ครับ

กระทู้: เรียนสอบถามเรื่องของยมฑูต (หรือยมบาล) ครับ

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. sisima said:

    เรียนสอบถามเรื่องของยมฑูต (หรือยมบาล) ครับ

    ไม่ได้มานานเลยแฮะ

    รบกวนสอบถาม อ. เดฟ นิดนึงนะครับ

    เกี่ยวกับยมฑูต (หรือยมบาล) ที่ทำหน้าที่พาดวงวิญญาณไปยังปรโลก หรือ ลงโทษเหล่าสัตว์นรกนั้น ประวัติที่มาเป็นยังไงเหรอครับ

    เช่น ต้องเป็นใครมาก่อน ถึงจะเป็นยมฑูตได้ และปกติยมฑูต หรือ ยมบาล เหล่านี้พวกเขามีอารมณ์ มีจิตใจเหมือนมนุษย์ไหมครับ

    อีกข้อนะครับ

    พอรู้มาว่าคนที่มีกรรมดีแข็งกล้า หรือ ผู้ที่มีสมาธิสูงส่ง จะสามารถถอดวิญญาณไปยังอีกโลก นั่นก็คือ นรก หรือ สวรรค์ ได้ (และส่วนใหญ่ก็มักจะมาบอกเรื่องของนรกมากกว่า) อาจจะไป เช่น ไปตอนนอน , ตอนวิญญาณถอดร่างตอนตาย (แต่ยังไม่ถึงฆาต) และ การนั่งสมาธิเพื่อถอดจิต

    แต่เคยมีบันทึกบอกไหมครับว่า บุคคลเหล่านั้นเคยพาคนอื่น หรือ ดวงวิญญาณตนอืนไปดูด้วยนะครับ หรือกรณีนี้จำเป็นต้องให้ยมฑูต หรือ ยมบาล พาไปเท่านั้น ?

    และอีกสักข้อนะครับ

    ปกติแล้ววิญญาณที่ล่องลอยอยู่ตามบนมิติของเรา หรือบนพื้นโลกเนี่ย (ที่มักปรากฎตัวออกมาให้เราเห็นบ่อยๆ ตามข่าวอะไรทำนองนี้) ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นดวงวิญญาณที่ยังมีบ่วง มีความผูกพันธฺ ความแค้นอยู่ แต่ในกรณีความเป็นจริงแล้ว พวกเขาดวงยังไม่ถึงฆาต แต่บังเอิญว่าตายก่อนถึงเวลา เลยต้องวนเวียนอยู่ในโลกของเรา จนกว่าจะถึงเวลา ใช่รึเปล่าครับ ?
     
  2. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:

    Re: เรียนสอบถามเรื่องของยมฑูต (หรือยมบาล) ครับ


    สวัสดีคับ คุณ sisima
    น่านจิคับ หายไปนานเลย
    ยังระลึกถึงคุณ sisima เสมอๆ คับ
    ยินดีที่แวะมาเยี่ยนเยียนวัดเกาะฯ อีกครั้งนะคับ


    สำหรับประเด็นที่สงสัย
    ลองทำความเข้าใจตามนี้ก่อนนะคับ

    ยม หมายถึงเทพผู้เป็นใหญ่ประจำโลกของคนตาย

    เทวทูต หมายถึง ทูตของยมเทพ, สื่อแจ้งข่าวของมฤตยู,
    สัญญาที่เตือนให้ระลึกถึงคติ ธรรมดาของชีวิตมิให้มีความประมาท

    นิรยบาล ผู้คุมนรก, ผู้ลงโทษสัตว์นรก

    (ข้างต้นนั้นเป็นความหมายตามพจนานุกรมพุทธศาสตร์)


    ************************************************


    ทันทีที่ตาย เราทุกคนเกิดทันที
    สุดแล้วแต่ว่าเกิดในภพภูมิใดตามกรรมของตน
    นิรยภูมิ มนุษยภูมิ ติรัจฉานภูมิ เปติภูมิ อสุรกายภูมิ เทวตาภูมิ ฯลฯ
    หรือภูมิอื่นๆ เป็นต้นน่ะคับ

    สำหรับผู้ที่กระทำบาปกรรมไม่หนักนัก
    เมื่อเกิดในนิรยภูมิก็จะได้พบกับพญายม
    ซึ่งพญายมจะซักถามให้ผู้นั้นระลึกถึงคุณความดีที่ตนได้กระทำมา
    เมื่อระลึกได้ก็เปลี่ยนไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่า


    อรรถกถามีแสดงเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ไว้ว่า....

    เทวทูต
    บทว่า เทวทูตานิ ได้แก่ เทวทูตทั้งหลาย.
    ก็ในบทว่า เทวทูตานิ นี้มีความหมายของคำดังต่อไปนี้
    มัจจุชื่อว่า เทวะ ทูตของเทวะนั้น ชื่อว่าเทวทูต.
    อธิบายว่า คนแก่ คนเจ็บและคนตาย เรียกว่าเทวทูต
    เพราะเป็นเหมือนเตือนอยู่ว่า บัดนี้ ท่านกำลังเข้าไปใกล้ความตาย
    โดยมุ่งหมาย จะให้เกิดความสังเวช.

    ************************************

    นายนิรยบาลมีจริงหรือไม่?
    ในบทว่า ตเมนํ ภิกฺขเว นิรยปาลา นี้ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้
    พระเถระบางพวกกล่าวว่า นายนิรยบาลไม่มีหรอก
    กรรมต่างหากเป็นเหมือนหุ่นยนต์สร้างเหตุการณ์ขึ้น.
    คำนั้นถูกคัดค้านไว้ในคัมภีร์อภิธรรมแล้วแล
    โดยนัยเป็นต้นว่า ในนรกมีนายนิรยบาล
    และว่า ใช่แล้ว ผู้สร้างเหตุการณ์ก็มีอยู่
    เปรียบเหมือนในมนุษย์โลก ผู้สร้างเหตุการณ์คือกรรม มีอยู่ฉันใด
    ในนรก นายนิรยบาลก็มีอยู่ฉันนั้นเหมือนกัน.

    ***************************************

    พญายมคือเวมานิกเปรต
    บทว่า ยมสฺส รญฺโญ ความว่า พญาเวมานิกเปรต ชื่อว่าพญายม
    เวลาหนึ่ง เสวยสมบัติมีต้นกัลปพฤกษ์ทิพย์ อุทยานทิพย์
    และเหล่านางฟ้อนทิพย์เป็นต้นในวิมานทิพย์
    เวลาหนึ่ง เสวยผลของกรรม.
    พญายมผู้ตั้งอยู่ในธรรม มีอยู่.
    และพญายมอย่างนั้นก็มิได้มีอยู่แต่พระองค์เดียว
    แต่ว่ามีอยู่ถึง ๔ พระองค์ที่ ๔ ประตู.

    **************************************

    ใครถูกถามถึงเทวทูต-ใครไม่ถูกถาม
    ถามว่า ก็การถามถึงเทวทูตนี้ ใครได้ ใครไม่ได้ (ใครถูกถามใครไม่ถูกถาม).
    ตอบว่า บุคคลใดทำบาปไว้มาก บุคคลนั้น (ตายแล้ว) ไปเกิดในนรกทันที.
    แต่บุคคลใดทำบาปไว้นิดหน่อย บุคคลนั้นย่อมได้ (ถูกถาม).
    อุปมาเหมือน ราชบุรุษจับโจรได้พร้อมของกลาง
    ย่อมทำโทษที่ควรทำทันที ไม่ต้องวินิจฉัยละ
    แต่ผู้ที่เขาสงสัยจับได้ เขาจะนำไปยังที่สำหรับวินิจฉัย
    บุคคลนั้นย่อมได้รับการวินิจฉัยฉันใด ข้ออุปไมยนี้ก็ฉันนั้น.
    เพราะผู้ที่มีบาปกรรมนิดหน่อยระลึกได้ตามธรรมดาของตนเองบ้าง
    ถูกเตือนให้ระลึกจึงระลึกได้บ้าง.


    อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ในอรรถกถานี้นะคับ
    อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ปฐมปัณณาสก์ เทวทูตวรรคที่ ๔
    อรรถกถาทูตสูตรที่ ๖
    http://www.84000.org/tipitaka/attha/...php?b=20&i=475

    และดูเนื้อความในพระไตรปิฎกประกอบกันนะคับ
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
    อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
    ทูตสูตร
    http://www.84000.org/tipitaka/attha/...&A=3629&Z=3716





    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  3. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:

    Re: เรียนสอบถามเรื่องของยมฑูต (หรือยมบาล) ครับ


    สำหรับเรื่องการถอดจิต
    ในภพภูมิที่มีขันธ์ 5 อย่างเช่น มนุษยภูมิ ฯลฯ และอื่นๆ
    จิตต้องอาศัยรูปกายเสมอ
    จะถอดเอาจิตออกไปนอกร่าง
    ล่องลอยท่องเที่ยวไปไหนต่อไหนไม่ได้เลยน่ะคับ
    ถ้าร่างนี้ปราศจากจิตเมื่อไหร่ ก็คือตายนั่นเอง (เว้นขณะที่เป็นนิโรธสมาบัติ)

    ดังนั้น ผู้ที่รู้สึกเสมือนว่าถอดจิตออกไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ ได้
    จริงๆ จิตนั้นไม่ได้ล่องลอยออกไป
    แต่เพราะจิตนั้นมีกำลัง เป็นจิตที่มีความสามารถรับรู้สิ่งต่างๆ
    หรือเห็นสถานที่ต่างๆ บุคคลต่างๆ ประหนึ่งเหมือนได้ไปที่นั้นจริงๆ
    ทำให้เข้าใจอย่างนั้นจึงกล่าวว่าถอดจิตไปน่ะคับ

    จึงเป็นเรื่องจิตแต่ละบุคคล
    จะสามารถรับรู้สิ่งต่างๆ หรือพบเห็นสถานที่ต่างๆ อย่างนั้นหรือไม่
    ทว่า...ผู้ที่ไม่สามารถ แต่เข้าใจว่าตนสามารถ...ก็มีมาก
    ด้วยการปรุงแต่งไปดุจมายาจนทำให้หลงเข้าใจผิดคิดว่าตนสามารถน่ะคับ


    ลองดูกระทู้ตามลิงค์นี้ประกอบกันนะคับ

    ตายแล้วฟื้น
    http://www.watkoh.com/kratoo/forum_p...CD%B4%A8%D4%B5

    *************************************************

    สำหรับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
    ทำไมบางครั้งถึงยังวนเวียนมาให้พบปะอีก...บรื๋อออออ อิอิ
    จริงๆ แล้วเค้าก็เกิดแล้วนั่นแหละคับ
    แต่เกิดโดยโอปปาติกกำเนิด คือเกิดเป็นตัวโตทันที
    เช่น เปรต หรือ เทวดา ฯลฯ เป็นต้น
    ซึ่งยังมีความผูกพันยึดมั่นอย่างเหนียวแน่น
    ก็อาจแวะมาเยี่ยมเยียนบ่อยๆ อิอิ
    จนกว่าเค้าจะวางคลายได้ หรือหมดอายุไปตามวาระของเค้า
    เกิดใหม่ในภพภูมิอื่นๆ น่ะคับ


    ลองดูกระทู้ตามลิงค์นี้ประกอบกันนะคับ

    ถามต่องับ เรื่องของผี
    http://watkoh.com/kratoo/forum_posts.asp?TID=3811

    เทวดา ระลึกชาติได้หรือไม่
    http://www.watkoh.com/kratoo/forum_p...?TID=3268&PN=1

    เปรตจำได้ไง
    http://www.watkoh.com/kratoo/forum_p...D3%E0%B9%D4%B4




    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  4. รูปส่วนตัว noppakorn

    noppakorn said:

    Re: เรียนสอบถามเรื่องของยมฑูต (หรือยมบาล) ครับ

    สาธุๆๆครับทั่นเดฟ

    การตั้งชื่อและแปลชื่อโดยคุณอุบาสกนพกรณ์
    จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน
    - ของดตอบคำถามเป็นการส่วนตัว
    - ของดการแจ้งลบกระทู้ (โดยไม่มีเหตุอันควร) หลังจากที่ได้คำตอบแล้ว
    - กรุณาตั้งคำถามให้ตรงตามหมวดหมู่อักษร
    - ขอตอบวันละ 3 ชื่อ (กรุณารอคิวหากมีผู้ถามเข้ามามาก)


    ขอชื่อใหม่ต้อง...
    1. แจ้งชื่อนามสกุลหรือทักษาเลข
    2. วันเกิด(จ-อ)
    3. อาชีพ
    4. เหตุผล(เพื่อวิเคราะห์ชื่อมงคล)
     
  5. sisima said:

    Re: เรียนสอบถามเรื่องของยมฑูต (หรือยมบาล) ครับ

    เท่าที่ลองอ่านดู ก็สรุปง่ายๆ ตามนี้นะครับ

    - คำว่ายมฑูต หรือ ยมบาล ถ้ายึดตามเนื้อหาตามนี้ หมายความว่าไม่มี ถ้าจะมีก็คือ มีแต่ นิรยบาล ผู้คุมนรก ซึ่งจะเกิดจากจิตของเราสะท้อนใส่ตัวของเราเอง ดังนั้นหมายความว่า ทันทีที่เราตาย ดวงจิตของเราก็จะไปเกิดอีกภพหนึ่งทันที แต่จะเกิดในภพไหนก็ขึ้นอยู่กับ กรรม และจังหวะตอนที่เราตาย (แบบประมาณว่า ถ้าเกิดชั่วมาก ตอนที่จะตาย ก็จะกลัวความตายขึ้นมา จิตก็จะนึกถึงบาปกรรมที่เราก่อไว้ ผลของส่วนนั้นก็จะโยนเราไปยังนรกทันที)

    ดังนั้นถ้าจะสรุปตามนี้แล้ว ยมฑูต หรือ ยมบาล นั้น ไม่มีจริง ส่วนของ นิรยบาลนั้น จะมีรูปร่างไม่แน่นอน (เพราะเปรียบเสมือนกับจิตของเราสะท้อนเหมือนกระจกเงา) แต่ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ก็เพราะจิตสำนึกของคนที่โดนลงโทษนั้นก็คือเป็นมนุษย์นั่นเอง ถูกต้องตามนี้นะครับ

    (แล้วพวกการ์ตูน หนังสือ บอกได้ไงหว่าตั้งหลายเล่ม ที่บอกว่าจะมียมฑูตมารับตัวเรา - - ^)

    - เรื่องของการถอดจิตนั้น พูดง่ายๆ จิตไม่ได้ไปเอง แต่เสมือนว่าเราได้ไปจริงๆ เทียบกันง่ายๆ ก็เหมือนกับเรานั่งดูทีวีอยู่ (ได้เห็นว่าเป้นยังไง แต่ไม่ได้สัมผัส) ถูกต้องนะครับ

    - และในส่วนของภูติผี ก็คือ ถ้ายังมีบ่วงอยู่ ก็จะยังอยู่ในโลกของเรา แต่อีกมิติ อีกภพหนึ่งก้เท่านั้นเอง สรุปก็คือ เปรตนั้นก็คือวิญญาณผีที่เราเห็นกันดีๆ นี่เอง

    ถูกต้องตามนี้นะครับ

    และรบกวนสอบถามเพิ่มอีกคำถามนะครับ

    จำได้ว่ามีหนังไทยเรื่องนึง (ลืมขื่อไปแล้ว เก่ามากแล้วด้วย) ที่เกี่ยวกับตัวเอก 3 คน เมื่อถึงฆาต แต่กลับไม่ตาย (เพราะรู้สถานที่ที่จะตายล่วงหน้า) การที่พวกเขาไม่ตายนั้น จะทำให้พวกเขามีพลังอย่างหนึ่ง ก็คือ จะไม่สามารถตายได้ (เช่น โดนดาบฟันใส่ตัวเองแล้วดาบกลับโค้งงอ ไม่โดนตัว)

    เรื่องแนวนี้เคยมีบันทึกไหมครับว่าเคยมีบ้างไหม

    พอดีต้องสอบถามละเอียดนิด พอดีว่าจะเอาไปเขียนนิยายแล้วสอดแทรกเรื่องพวกนี้นะครับ

     
  6. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:

    Re: เรียนสอบถามเรื่องของยมฑูต (หรือยมบาล) ครับ


    สวัสดีคับ คุณ sisima

    1. จะเรียกว่า ยมทูต ยมบาล ฯลฯ ก็เป็นเรื่องชื่อที่เราเรียกกัน
    บางทีเราก็เอาชื่อ เอาคำ มาใช้เรียกสิ่งหนึ่งตามความเข้าใจของเราน่ะคับ

    อย่างในความหมายนี้...
    เทวทูต หมายถึง ทูตของยมเทพ
    บางทีก็เลยเอามาเรียกว่า ยมทูต

    หรือ...
    โลกบาล หมายถึง ผู้คุ้มครองโลก
    ยม หมายถึง เทพผู้เป็นใหญ่ประจำโลกของคนตาย
    ก็เรียกผู้เป็นใหญ่ในโลกนรกภูมิว่า ยมบาล หรือ พญายม
    ส่วนผู้คุมที่ทำหน้าที่ลงโทษสัตว์นรกก็เรียกว่า นายนิรยบาล (นิรยะ ก็คือ นรก)

    และทันทีที่ตาย (จุติ)...เราทุกคนก็เกิดทันที (ปฏิสนธิ)
    สุดแล้วแต่ว่าเกิดในภพภูมิใด สถานะใด
    ซึ่งก่อนตายจะมีนิมิตปรากฏอันเป็นชนกกรรม คือกรรมนำเกิด
    หากจิตสุดท้ายก่อนจุติจิตเป็นอกุศล ก็ส่งให้ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นในอบายภูมิ
    แต่หากจิตสุดท้ายก่อนจุติจิตเป็นกุศล ก็ส่งให้ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นในสุคติภูมิ
    ทั้งหมดล้วนเป็นไปตามกรรมที่ได้กระทำมา...ส่งผลคือวิบากให้เป็นไป

    และเมื่อเกิดในนรกภูมิ ซึ่งเป็นภูมิที่มีแต่ความทุกข์ทรมาน
    ก็ย่อมได้รับความเป็นอยู่ตามสภาพภพภูมินั้นๆ
    หากอกุศลกรรมไม่ชัดแจ้ง ไม่หนักหนานัก
    พญายมหรือจะเรียกว่ายมบาลก็แล้วแต่
    ก็จะไต่ถามเพื่อให้ระลึกถึงกรรมที่ตนได้กระทำมา
    ซึ่งหากระลึกได้ถึงกุศลกรรมก็นำสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น

    ส่วนผู้ที่ไม่ได้ถูกไต่ถาม หรือไต่ถามแล้วระลึกไม่ได้
    ก็ต้องรับผลกรรมตามสภาพของภพภูมินั้นต่อไป
    ซึ่งในอรรถกถาแสดงไว้นัยยะหนึ่งคือกรรมของตนนั้นเอง
    เป็นเหมือนหุ่นยนต์ดำเนินให้เหตุการณ์ต่างๆ เป็นไป
    และอีกนัยยะหนึ่งเรียกว่านายนิรยบาลหนุนเนื่องเหตุการณ์ต่างๆ ให้ดำเนินไป
    ส่วนรูปร่างของนายนิรยบาลนั้นยังไง
    เดฟก็ไม่เคยเห็นซะด้วยจิคับ อิอิ
    เอ...หรือว่าอาจจะเคยเห็นในชาติก่อนตอนที่เดฟอยู่ในนรก
    แต่นึกไม่ออกอ่ะ เพราะความจำเดฟสั้น (แต่ความหล่อไม่จำกัด อิอิ)

    ส่วนพวกหนัง ละคร การ์ตูน ทั้งหลาย
    อ่าน ดู เอาสนุกและได้แง่คิด
    แต่อย่าไปจริงจังตามเรื่องราวที่เค้าแต่งขึ้นมากน่ะคับ


    2. อื่มมก็...ถ้าจะเปรียบเทียบแบบนั้นก็คงพอได้อยู่อ่ะคับ

    3. เปรต ไม่ได้มีแต่วิญญาณ...แต่เปรตมีครบหมดทั้ง 5 ขันธ์
    คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และ วิญญาณขันธ์ คับ
    วิญญาณ ก็คือ จิตนั่นเอง...เปรต จึงมีทั้งรูปร่างกาย และ จิต (และเจตสิก)
    แต่รูปขันธ์ของเปรตก็ต่างจากภพภูมิมนุษย์
    เป็นรูปที่ละเอียดกว่า จึงมองไม่เห็นกันได้ง่ายๆ

    4. อื่มมม..เรื่องละครเกี่ยวกับตัวเอก 3 คนนั้น
    ถ้าเอามาเทียบกับพระไตรปิฎก
    เดฟก็จำไม่ได้...รู้สึกว่ายังไม่เคยเจออ่ะคับ
    (ถ้าใครเคยเจอก็ขอความกรุณายกมาแสดงเป็นธรรมทานด้วยนะคับ)

    แต่อย่างที่บอกน่ะคับว่า
    หนัง ละคร ที่เค้าแต่งขึ้นมานั้น
    สอดแทรกจินตนาการต่างๆ เข้าไปให้สนุก ตื่นเต้น น่าสนใจ
    ทำให้คลาดเคลื่อนไปซะมาก
    อย่าไปเผลอเอามาอ้างอิงเป็นพระธรรมคำสอนอ่ะนะคับ

    ว่าแต่กำลังมีโครงการแต่งนิยายหรอคับ...โห๋ เก่งจังเลย
    แล้วมีบทให้เดฟมั่งมั้ยคับ...เป็นตัวละครตัวไหนดีอ่ะ อิอิ
    สงสัยจะได้รับบทเป็นเปรตแน่ๆ เลย 5555
    หรือจะให้แสดงบทเด็กๆ ก็เหมาะกะใบหน้าเดฟดีนะคับ

    อื่มม งี้บท "เด็กเปรต" น่าจะเหมาะกะเดฟที่สุดเล้ยยยย 5555




    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  7. Admax said:

    Re: เรียนสอบถามเรื่องของยมฑูต (หรือยมบาล) ครับ

    อ้างอิง โพสต์ต้นฉบับโดยคุณ D E V

    สวัสดีคับ คุณ sisima
    เปรต ไม่ได้มีแต่วิญญาณ...แต่เปรตมีครบหมดทั้ง 5 ขันธ์
    คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และ วิญญาณขันธ์ คับ
    วิญญาณ ก็คือ จิตนั่นเอง...เปรต จึงมีทั้งรูปร่างกาย และ จิต (และเจตสิก)
    แต่รูปขันธ์ของเปรตก็ต่างจากภพภูมิมนุษย์
    เป็นรูปที่ละเอียดกว่า จึงมองไม่เห็นกันได้ง่ายๆ
    พี่เดฟก้อมองไม่เห็นผมน่ะสิ อิอิอิ
    ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
    ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
    รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
    การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ
     
  8. *8q* said:

    Re: เรียนสอบถามเรื่องของยมฑูต (หรือยมบาล) ครับ

    อ้างอิง โพสต์ต้นฉบับโดยคุณ Admax
    อ้างอิง โพสต์ต้นฉบับโดยคุณ D E V

    สวัสดีคับ คุณ sisima
    เปรต ไม่ได้มีแต่วิญญาณ...แต่เปรตมีครบหมดทั้ง 5 ขันธ์
    คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และ วิญญาณขันธ์ คับ
    วิญญาณ ก็คือ จิตนั่นเอง...เปรต จึงมีทั้งรูปร่างกาย และ จิต (และเจตสิก)
    แต่รูปขันธ์ของเปรตก็ต่างจากภพภูมิมนุษย์
    เป็นรูปที่ละเอียดกว่า จึงมองไม่เห็นกันได้ง่ายๆ
    พี่เดฟก้อมองไม่เห็นผมน่ะสิ อิอิอิ

    ยังงั้ นเลย
    ก่อนเกิดใครเป็นเรา<br />เมื่อเกิดแล้วเราเป็นใคร<br /><br />สิ่งที่ทำอยู่คือกรรมใหม่<br />ผลที่ได้รับคือกรรมเก่า<br /><br />ฟังในสิ่งที่ไม่ได้ยิน<br />มองในสิ่งที่ไม่เห็น<br />ทำในสื่งที่ไม่มี
     
  9. รูปส่วนตัว noppakorn

    noppakorn said:

    Re: เรียนสอบถามเรื่องของยมฑูต (หรือยมบาล) ครับ

    สาธุๆๆ

    ผมเห็นเปรตทุกวันเลยครับท่านเดฟ น้องแปดคิว เห็นที่หลังบ้านผมน่ะครับ ทุกเช้าก็จะเห็น ผู้หญิงตะโกน อ้ายเปรต จะตื่นหรือยัง งานการไม่ทำ พอเย็นโพล้เพล้ ก็เห็นและได้ยินอีก ผู้หญิงคนเดิมน่ะแล่ะ อ้ายเปรตเมาได้เช้าเย็น แสดงว่า เปรตตัวนี้ขี้เมาและตื่นสาย มังครับ แถมขันธ์ห้าครบเลย..อิอิ
    การตั้งชื่อและแปลชื่อโดยคุณอุบาสกนพกรณ์
    จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน
    - ของดตอบคำถามเป็นการส่วนตัว
    - ของดการแจ้งลบกระทู้ (โดยไม่มีเหตุอันควร) หลังจากที่ได้คำตอบแล้ว
    - กรุณาตั้งคำถามให้ตรงตามหมวดหมู่อักษร
    - ขอตอบวันละ 3 ชื่อ (กรุณารอคิวหากมีผู้ถามเข้ามามาก)


    ขอชื่อใหม่ต้อง...
    1. แจ้งชื่อนามสกุลหรือทักษาเลข
    2. วันเกิด(จ-อ)
    3. อาชีพ
    4. เหตุผล(เพื่อวิเคราะห์ชื่อมงคล)
     
  10. sisima said:

    Re: เรียนสอบถามเรื่องของยมฑูต (หรือยมบาล) ครับ

    รบกวนสอบถามต่อนะครับ

    1. เปรตส่วนมาก จะมีอายุขัยเท่าไหร่เหรอครับ

    และเปรตซึ่งยังมีจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์ (หรือตอนที่มีชีวิตอยู่) ถ้าเปรตผู้นั้นเป็นผู้ที่มีจิตสำนึกในบาป ตั้งตัวเป็นวิญญาณที่ดี อะไรทำนองนี้ มีสิทธิที่จะย้ายที่เกิดไปภพที่ดีกว่าไหมครับ

    หรือ เปรตนั้นเมื่อสิ้นอายุขัยแล้วจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์นรก หรือ สัตว์เดริจฉานอย่างเดียวเท่านั้น ? หรือขึ้นอยู่กับบุญกรรม ?


    2. เปรตที่มาหลอกหลอนมนุษย์ (หรือที่ชอบโผล่ๆ มาให้เราตกใจเล่น) นี่ เขาปรากฎตัวออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่คนส่วนมากเจอแบบนี้เข้าก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา ปกติแล้วเปรตทำแบบนั้น จะถือว่าทำบาปไหม ถ้าไปทำให้ชาวโลกพวกเรากลัว ถ้าเป็นบาปจริง ก็เท่ากับสะสมกรรมบาปตามปกติรึเปล่าครับ

    3. เขาว่ากันว่า ถ้าเราเริ่มนึกถึงคนที่ตาย หรือแสดงท่าทางกลัวๆ จะเป็นการเรียกวิญญาณคนตายมา (ก็คือเปรตนั่นแหละ) ในศาสนาพุทธ คนบนโลกและคนจากอีกภพ (ชั้นเปรต) สามารถติดต่อประมาณนี้ได้ไหมครับ

    4. ปกติแล้ว เปรตกินอะไร นอกจากของที่พวกเราทำบุญตักบาตรหรือแผ่เมตตา ? หรือไม่มีเลย ? ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความหิวโหย ?

    5. ขอถามนอกเหนือจากเปรต ตามภพของเราก็จะมี ภพสวรรค์ , ภพโลกมนุษย์ , ภพชั้นเปรต , สัตว์เดรัจฉาน , สัตว์นรก อะไรทำนองนี้ ทีนี้จะมีอยู่ภพหนึ่งก็คือ อสูรกาย ถามว่า อสูรกายที่นี อยู่ชั้นเดียวกับสัตว์นรกไหม ? พวกเขาคือเหล่าดวงวิญญาณที่ทำบาปกรรมรึเปล่า ? คนที่จะไปเกิดเป็นสัตว์นรกนั้นต้องทำบาปกรรมอะไรบ้าง ? มีทางหลุดพ้นไหม ? และจากภพของอสูรกาย จะติดต่อกับภพเปรตหรือมนุษย์โลกได้ไหม ? อ้อ ลืมอีกเรื่อง พวกนี้จะมีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงเหรอครับ ?

    6. สุดท้าย นรกชั้นโลกัน ซึ่งเป็นนรกชั้นสุดท้ายที่จะต้องทำกรรมหนัก ได้แก่ ฆ่าพ่อแม่ , ทำร้ายพระพุทธเจ้า (ซึ่งเดี๋ยวนี้คงไม่มีละมั้ง) , ขโมยของบริจาดในวัด และอีกอันผมจำไม่ได้ และนรกชั้นนี้จะต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอดกาล เป็นจริงรึไม่ ? ไม่มีทางหลุดพ้นได้เลยเหรอ ?

    รบกวนด้วยนะครับ อ.เดฟ