สุภาษิต...สอง บท

กระทู้: สุภาษิต...สอง บท

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. pikulkaew said:

    สุภาษิต...สอง บท



    นินทากาเลเหมือนเทน้ำ
    เขากล่าวย้ำคำกลอนไว้สอนหนา
    อันปากคนนั้นช่างจำนรรจา
    ต่อความกันไปมาจะมีภัย

    จึ่งให้พูดพอดีพาทีน้อย
    ดีกว่าร้อยถ้อยคำมิเชื่อได้
    อันเรื่องเขาเล่ามาอย่าใส่ใจ
    ล้วนเสริมใส่ไฟอิจฉาชั่วตาปี


     
  2. pikulkaew said:

    Re: สุภาษิต...สอง บท

    อย่าสนใจใน “น้ำคำคน” นัก
    ส่วนมากมัก “ตีไข่และใส่สี”
    เนื่องมาจากมิอยากให้ใครได้ดี
    จึงพาทีเหยียบย่ำว่าต่ำทราม...

    แต่คนฟังทั้งผองจักมองเห็น
    หากมิเป็นดังวจีที่หยาบหยาม
    “ถ่มน้ำลายรดฟ้า” คอยหาความ
    พยายามเท่าไรไม่พ้นตัว...

    ธนุ เสนสิงห์
     
  3. pikulkaew said:

    Re: สุภาษิต...สอง บท


    คิดเป็นเรื่อง"ขี้หมูรา ขี้หมาแห้ง"
    คงเสียแรง ลบคำ หยามไปทั่ว
    เมื่อมิเป็นดั่งคำเขาเราไม่กลัว
    เพียงคำยั่วเย้าแหย่...ให้แลดู

    คิดเสียว่า มดกัด แล้วปัดออก
    ฟังใครบอกหารสองประคองคู่
    ให้ระวังปากตนบ่นพรั่งพรู
    ด้วยมิรู้ขาดสติผลิวาจา...


     
  4. pikulkaew said:

    Re: สุภาษิต...สอง บท

    ขอบคุณครับกับคำกานท์สานวาทะ
    กระทู้นี้มีสาระกระไรหนา
    มิใช่คำ สำแดงแข่งปรีชา
    คือวาจาจากใจ ไม่อับจน

    โบราณว่า "น้ำร้อน..ปลาเป็น"
    แต่ "น้ำเย็นปลาตาย"
    ให้ฉงน
    อยากเอ่ยซ้ำคำหวานซ่านกมล
    กลัวมีผลให้ใครเป็น...เช่นปลาตาย..

    ธนุ เสนสิงห์
     
  5. pikulkaew said:

    Re: สุภาษิต...สอง บท

    ยังดีกว่า ยุให้รำตำให้รั่ว
    ดีเข้าตัว ชั่วให้เขา เราฉิบหาย
    ทั้งใส่สี ตีไข่ ให้วุ่นวาย
    ปากเป็นนาย ใจเป็นทาส อนาถจริง

    รู้อย่างนี้ยอมตายไปดีกว่า(อิอิ)
    น้ำเย็นหลั่งเทมาสูงค่ายิ่ง
    รู้จักใช้ กาละ วาทะอิง
    ย่อมได้มาทุกสิ่งสมดังใจ..
     
  6. pikulkaew said:

    Re: สุภาษิต...สอง บท

    พูดเรื่องปาก..มากเรื่องมาเล่าสู่
    มีให้ดู ให้เห็น ประเด็นใหญ่
    เขื่อนจะแตกแหวกพื้นแผ่นดินไทย
    ในวันขึ้นปีใหม่เมื่อไม่นาน

    จึ่งคลับคล้าย..กระต่ายตื่นตูม
    เพียงอวดอ้างวางภูมิมาสื่อสาร
    อันความเชื่อมากมายหลายชั่วกาล
    ต้องเชี่ยวชาญการวิเคราะห์จะเหมาะดี.
     
  7. pikulkaew said:

    Re: สุภาษิต...สอง บท

    อีกหนึ่งอาชีวะวาทะศิลป์
    ค้าขายเป็นอาจิณลิ้นเศรษฐี
    ชักแม่น้ำทั้งห้าอย่างพาที
    ด้วยวจีไพเราะเสนาะคำ

    ทั้งความรู้ ลีลา เข้าท่านัก
    วาจาดัก ทักต้อน ซ่อนความขำ
    มีเป้าหมายใช้เพื่อโน้ม-แนะ-นำ
    เปลี่ยนจากดำเป็นขาวได้ในมุมมอง.
     
  8. pikulkaew said:

    Re: สุภาษิต...สอง บท



    มือไม่พาย เท้าราน้ำ
    ทำขายหน้า
    ไม่นำพาช่วยเหลือเกื้อเพื่อนผอง
    ไม่พายดอกไม่ตายวายในคลอง
    เพียงอย่าต้องราเท้าเอาลงธาร

    เท้ามีไม่อยู่นิ่งผีสิงเท้า
    ไม่เพียรเฝ้าเดินคลอกลับต่อต้าน
    ไม่ทำเอยเฉยเสียมิเพลียมาน
    กลับขวางขัดเสียงานมันอ่อนใจ


    ~ดาวพฤหัส~
     
  9. pikulkaew said:

    Re: สุภาษิต...สอง บท

    งานไม่ทำ ยังขวาง ยังขัดแข้ง
    คอยกลั่นแกล้งแย่งยื้อสิใช่ไหม
    นิ้วไหนร้าย ตัดนิ้วนั้น บั่นออกไป
    งานจะได้ราบรื่นชื่นกมล

    เรือก็แล่นแจ้นไวไร้คนถ่วง
    งานสำเร็จลุล่วงอย่างเห็นผล
    ทันกำหนดบทกาลงานของตน
    โบนัสล้นสิ้นปีนี้แน่นอน.


     
  10. pikulkaew said:

    Re: สุภาษิต...สอง บท


    บางคนตู่อู้งานสำราญจิต
    วันละนิดละหน่อยคอยออดอ้อน
    ท่องอยู่ในเฟสบุ๊คสนุกกลอน
    ถ้อยสะท้อนสอนซะจนสะใจ

    งานจึงเป็นเช่นดินพอกหางหมู
    กว่าจะรู้เร่งทำแทบไม่ไหว
    บุคลากรตอนนี้ที่เมืองไทย
    ดั่งต้นไม้ไร้ใบไม่รื่นรมย์