เรามาคุยกันเรื่องราคะ

กระทู้: เรามาคุยกันเรื่องราคะ

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. chai_kmutnb said:

    เรามาคุยกันเรื่องราคะ

    ท่านสาธุชนทั้งหลาย วันนี้เรามาคุยกันถึงเรื่องราคะจริต มานั่งสมมุติกัน ว่าโรคร้ายมันเกิดขึ้นกับใจ ได้แก่อารมณ์ของความรัก รักอะไร รักสวยรักงาม
    คำว่าราคะจริตนี้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ได้โปรดทราบ ว่าจงอย่าตีความหมายว่าราคะจริต ไม่ได้หมายความว่าไปในด้านของกามคุณเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่อย่างนั้น
    อย่าตีความหมายแบบนั้นมันไม่ถูก คำว่าราคะจริตนี้หนักไปในด้านรักสวยรักงามโดยเฉพาะ ในด้านของกามารมณ์นั้นอีกเรื่องนึง เราจะเห็นได้ว่าเด็กเล็กๆ ที่ยังไม่รู้จักในการมีคู่
    ยังรู้จักการแต่งตัว ชอบสวยชอบงาม หรือว่าคนแก่ คลานไม่ไหวแล้ว ก็ยังต้องการความสะอาด คนสองประเภทนี้ไหวมั้ย ในด้านกามารมณ์ ไม่ไหว แต่ว่าใจยังรักสะอาดยังรักสวย ฉะนั้นใจรักสะอาดใจรักสวยจะไปถือแน่ใจว่าเป็นคนมีความมักมากในกามารมณ์นนี้ไม่ถูกไม่ตรงตามความเป็นจริง ต้องการความสะอาดความเรียบร้อยทุกสิ่งทุกอย่างต้องจัดให้มันดี กิริยาท่าทางจะเดินจะเหินก้าวไปข้างหน้าจะมาข้างหลังจะหยิบจะวางมันสวยซ่ะทุกอย่าง จะยิ้มจะแย้มจะต้องทำท่าให้มันสวย ดีไม่ดีก็ซ้อมสวยอยู่เป็นปกติ เดินท่าไหนมันถึงจะสวย มองดูคนท่าไหนมันถึงจะสวย ยิ้มท่าไหนมันถึงจะสวย ซื้อของมาแล้ววางท่าไหนมันถึงจะสวย ลงความว่าสวยไปหมด จะมาดูสถานที่ๆอยู่ก็แสนจะสะอาดสะอ้าน แม้แต่จะเข้าส้วม ยังผัดหน้าก่อน ทาหน้าก่อนเขียนคิ้วซ่ะก่อน เป็นต้น มันสวยจริงๆ นี่เรียกว่าเป็นคนรักสวย คนรักสวยประเภทนี้จะถือว่าเป็นผู้มักมากในกามคุณย่อมยังเป็นไปไม่ได้ เอาหละบรรดาท่านทั้งหลาย ถ้าเรื่องความรักสวยรักงามมันเกิดขึ้นเราจะทำยังงัย ตอนนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรได้บอกแล้วนี่ว่าเรามีเครื่องแก้กัน อันดับแรกสมเด็จพระภัครวรรณบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า บอกว่าจงใช้กายคตานุสติกรรมฐาน เป็นเครื่องแก้ เขาแก้กันยังงัยหละท่านพุทธบริษัท การรักสวยรักงาม แก้ที่กาย แก้ที่กายเราและก็แก้ที่กายของบุคคลอื่น ท่านให้พิจารณาอาการ 32 มีผมขนเล็บฟันเนื้อหนังเอ็นกระดูกตับไตใส้ปอดอาหารใหม่อาหารเก่าอุจจาระปัสสวะ มีลำไส้กระเพาะ โอ้เยอะแยะ น้ำเลือดน้ำหนอง ถ้าไปนั่งไล่แบบเกษาโลมานขาทันตาตโจ ก็ว่าเพลินไป แบบเป็นนกแก้วนกขุนทอง นี่เมื่อมาพิจารณาร่างกาย อาการ32ประการ ว่านี่มันไม่สวยจริงๆนะ นั่นมองดูคนเขาเดินมาข้างหน้า แต่งตัวสวยเช๊งวั๊บเลย ผ้าก็สวย และก็เรียบงาม ผมก็สวย คิ้วก็สวย ขนตาก็สวย ปากก็สวย จมูกก็สวยตาก็หยาดเยิ้ม เยิ้มจริงหรือเยิ้มแต่งก็ไม่รู้ เป็นอันว่ามองอะไรแล้วมันสวยไปหมด มันดีจริงๆ ความจริงของสวยนี่น่ารัก นี่เรามองกันด้วยตาเนื้อ และก็มองแบบคนฉลาด หรือว่าฉลาดหาความสวย หรือว่ามองแบบชาวโลก ชาวโลกเขาเห็นกันว่าสวย อันนี้เราไม่อย่างนั้น เราเป็นคนจะไปพระนิพพานนี่ ถ้าเราไปมองแบบชาวโลกก็เจ๊ง เจ๊งตรงไหนหล่ะเจ็งตรงหาสวยพบเข้าแล้วสิ ถ้าเรามองตามแบบธรรมะตามแบบของพระพุทธเจ้า เราจะเข้าเป็นพระโสดาบัน หรือดีไม่ดีตรงมองไม่สวยนี้แหละ มันไปชนเข้าพระอรหันต์เมื่อไหร่ก็ไม่รู้นะจะบอกให้ การแก้จริตแต่ละอย่างออกจากใจ ถ้าแก้เป็นนะท่านทั้งหลาย แก้เพลินไป กำลังแก้เพลินๆ คิดว่าเราจะเอาแค่พระโสดาบัน แต่ความจริงมันไม่เป็นอย่างนั้น ดีไม่ดีไปชนปังเป็นพระอรหันต์เข้าไปเลย แล้ว เสร็จ คิดว่าจะเป็นพระโสดาบันนี่ไปชนอรหันต์เข้าแล้ว เหลียวซ้ายมองขวา หาอะไรไม่ได้เลยเป็นเราเป็นของเรา ไม่ไหว เป็นอันว่าไม่ไหวได้กำไรมากเกินไป อย่าตกใจท่านบรรดาพุทธบริษัท เรื่องกำไรแห่งความดีนี้เราต้องการ นี้มาว่ากันไปตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ให้พิจารณาร่างกาย ว่ามีอาการ32เต็มไปด้วยความสกปรก ยังมีชีวิตอยู่ก็สกปรก ตายแล้วก็สกปรก นี่เราพูดควบกันกับอสุภะกรรมฐาน มองดูคน เห็นคนเป็นศพ เห็นคนเป็นส้วม นี้พูดอย่างนี้ถูกใจท่านหรือเปล่าว ท่านมองดูตัวของท่านสิ๊ว่า สกปรกหรือสะอาด ร่างกายของชาวบ้านที่เรารักเราว่าสวย หาความจริงให้พบว่ามันสกปรกหรือสะอาด ลองขยับๆดูสักนิดปะไร เดินเข้าไปใกล้ๆ หากว่าเราเป็นผู้ชายเราชอบใจในสตรี เราก็ยื่นมือไปให้ยอดนารี บอกว่าคุณครับ บ้วนน้ำลายลงมาในมือผมซิ๊ หากว่าท่านเป็นสตรีก็ไปหาท่านสุภาพบุรุษ ที่ท่านชอบใจเห็นว่าเขาดีเขาสวยเขาสมาร์ท ควรแก่การเป็นคู่ครอง ยื่นมืออกไปบอกว่าคุณนี้คุณลองบ้วนน้ำลายใส่มือฉันดูสิ๊ แล้วเราก็เอาน้ำลายเขามาดูว่าสะอาดหรือสกปรก ถ้ายังคิดตกว่าน้ำลายนี้สะอาดเพราะความรักเป็นเครื่องบังใจ ทีนี้เอาใหม่ ย่องเข้าไปอีกบอกว่าคุณ กรุณาถ่ายอุจจาระลงในมือฉันหน่อย แล้วเราก็เอาอุจจาระนั่นแหละ ความจริงอุจจาระนี่ก่อนที่จะเป็นอุจจาระมันเป็นอาหารชั้นยอด ก่อนที่จะบริโภคอาหารเขาเลือกแล้วเลือกอีกดีแล้วดีอีก ดีไม่ดีข้าวแกงจานละสองบาทสามบาทกินไม่ได้ ต้องไปเอาอาหารที่มีรสใหญ่มีราคาใหญ่สถานที่ใหญ่ จัดว่าเป็นของเลิศของประเสริฐ นี้เป็นอันว่าอาหารเป็นชั้นเลิศที่เลือกแล้วเลือกอีก ทีนี้เราทำยังงัยหล่ะ เราก็ย่องขอเค้ามาสิ อย่าไปขอทางหน้าเราขอทางท้าย บอกว่าอาหารที่คุณบริโถคเข้าไปแล้วนั้นแหล่ะ ลองถ่ายออกมาใส่มือฉั้นสักนิ๊ด แล้วเราก็ดีใจบอกเออเราไม่ต้องลงทุน เขาลงทุนเกือบแย่จ่ายสตางค์แต่ว่าแพ้เรา เรานำอาหารเก่ามาได้เราก็กินให้สบาย ของเลิศทั้งนั้นที่เขาหามาได้ด้วยราคาแพง กินไหวมั้ยหล่ะท่านบรรดาพุทธบริษัท เอาลองนึกดูไหวมั้ย เอาคนที่เราเรียกว่าสวยและเรียกว่ารัก หากเขาถ่ายอุจจาระใส่ลงมาในมือเรา อุจจาระมันเป็นอาหารนี่เรากินเข้าไปไม่ต้องลงทุน ได้มาแล้วเราก็กินเข้าไปมั่ง ลองคิดดูว่าอุจจาระนั่นมันมาจากไหน น้ำลายมันมาจากไหน ปัสสาวะมาจากไหน มันอยู่ที่ไหนจึงมาลงอยู่ในมือของเราได้ มันอยู่ในร่างกายของบุคคลที่เรารักใช่ไหม เรามองดูย่อๆเพียงแค่นี้ก็แล้วกัน ยิ่งไปกว่านั้นน้ำเลือดน้ำหนองก็ตาม หรือว่าเวลาที่ร่วมรัก สิ่งที่หลั่งไหลออกมาจากกายมันเต็มไปด้วยความสกปรกหรือสะอาด เป็นสิ่งที่ท่านประสงค์กันหนิ อาหารทุกประเภทจะเป็นอาหารกายอาหารใจก็ตาม หรือผัสสะการถูกต้องก็ตาม เราต้องเห็นว่ามันดี เราจึงจะต้องการ แต่ว่าสิ่งที่ต้องการนั้นเวลาเลิกสิ่งที่ต้องการแล้วไม่ไหว รีบล้างรีบอาบน้ำ ชำระร่างกายบ่นว่าสกปรก แล้วก็จะเอายังงัยกันแน่หล่ะ เรายังเห็นว่าสกปรกหรือว่าสะอาด นี้เรามานั่งดูคนที่เป็นๆกัน เป็นอันว่าเรามีความฉลาดสักนิด มีความไม่รักสวยรักงามเกินไป เราก็จะมองเห็นกายของเราและก็กายของบุคคลอื่น มันเต็มไปด้วยความสกปรก
     
  2. chai_kmutnb said:

    Re: เรามาคุยกันเรื่องราคะ

    นี่การพูดนี่เป็นการแนะนำให้คิดเท่านั้น คิดหาความสกปรกให้มันพบตามความเป็นจริง อย่าไปฝืนกฎธรรมดา อันนี้พอคนตายเข้ามาแล้ว เสร็จ รักกันประคับประคองกันเกือบตาย สามีไปเดินกับใคร ภรรยาไปเดินกับใครหึงกันเกือบตาย เกือบจะฆ่ากันตายหาว่าแย่งความรัก แบ่งความรัก หรือว่านอกใจ แต่พอสิ้นลมปราณไปไม่ทันไรไม่อยากจะถูกตัวเสียแล้ว รังเกียจว่าสกปรก นี้พอผ่านไปสองสามวันยิ่งแล้วกันใหญ่เลย ไม่อยากมอง เข้าใกล้ก็ไม่ได้ บ่นว่าเหม็น อีตอนที่อยู่ด้วยกันหล่ะ แหมประคับประคองกันเกือบแย่ สูดกลิ่นกันอยู่นั่นแหละ แต่พอตายลงไปแล้วสองสามวัน โน่นนนน เดินไกลสักกิโลไม่อยากจะเข้ามาบอกว่าสกปรก นี่หล่ะสิ นี้ว่ากันถึงคน แม่แต่สัตว์หรือวัตถุอื่นๆก็มีสภาพเหมือนกัน นี้พูดให้คิดเพียงย่อๆ พูดยาวแล้วมันจะเยอะไป พูดยังงัยมันก็ไม่จบ นี้การที่เราใช้อสุภะกรรมฐานและกายคตานุสติ สองประการเข้าควบกัน พระพุทธเจ้าให้พิจารณาหาความจริงให้พบ ว่าสิ่งที่เราเห็นว่าสวยว่างามนี่ความจริงมันไม่ใช่ คนเราทุกคนต้องการความจริงว่า ชอบหลอกตัวเอง มันไม่เป็นเรื่องเลยเวลานี้ไม่ไหวจริงๆ ดูคนเขาแต่งหน้าดูคนเขาแต่งกายกัน แหม เห็นแล้วก็อ่อนใจ ที่มันเป็นหนุ่มเร็วไป แต่ถ้าเป็นหนุ่มช้ากว่าก่อนอีกสักนิดเดียว เห็นจะต้องโกยอ้าวออกนอกถนนหนทางไปเลย ความจริงในตาดีๆนี่ ไปเอาอะไรมาทาเหมือนกับผีหลอก หนังตาขาวๆทาซ่ะดำปื้อไปเลย ขนตาปกติมันไม่สวยแหม แกปลูกขนตาเหมือนกับปลูกสนามหญ้าในสนาม ผู้ชายก็ โอ้โห่ สวยเหลือเกิน เอาทรงหมาจูมาใส่เข้าให้ แหมผมรุ่งร่างรุงรังไปหมด แต่ว่านี่อยากลืมน่ะ ว่าคนพูดนี่เป็นคนโง่สำหรับโลก มองอะไรแล้วมันไม่สวยนี่ ดูข้างนอกก็ทะลุไปถึงข้างใน กำลังใจมันสิ้นแล้วในรูปโฉมโนมพรรณ ถ้าหากว่ากำลังใจของบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน เกิดเหนื่อยหน่าย เบื่อหน่ายในร่างกายของสรรพสัตว์แม้แต่วัตถุ เห็นว่ามันเป็นของสกปรก ไม่ปราถนาจะประคับประคอง ไม่ปรารถนาจะทนุถนอม พูดกันง่ายๆไม่อยากรัก ก็มันสกปรกจะรักกันยังไงได้ เกิดความเบื่อหน่ายในร่างกายเห็นว่าไม่เป็นเรื่อง นี่ขืนคบไว้มันก็เปลืองเวลา นอกจากว่าจะสกปรกแล้วไม่เท่านั้น เจ้าร่างกายเราก็ดีร่างกายของบุคคลอื่นก็ดีมันยังสร้างความระยำไว้ให้อีก เพราะอะไร เพราะมันเกิดขึ้นมาแล้วนี่นอกจากสกปรก เราต้องขัดสีฉวีวรรณอยู่ทุกวัน ความสกปรก มันก็ยังหลังไหลออกมาได้อยู่ทุกวัน เราป้องกันไม่ให้คนอื่นเขาเห็นความสกปรกมันก็ยังจะโผล่ออกมาให้เค้าเห็นอยู่นั้นแหละ เหนื่อยหน่ายต้องเสียทรัพย์สินเพื่อป้องกันความสกปรกสักเท่าไหร่มันก็ไม่หยุดยั้ง สกปรกแล้วก็ยังไม่พอ จากนั้นก็มีอะไรอีก มันยังมีสภาพความกลับกลอก นี้หล่ะสิ สิ่งที่ไม่ควรคบของร่างกายมันเป็นอย่างนี้ คนเราถ้ามีสภาพกลับกลอกเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ เราก็ไม่คบ เพราะถือว่าเลว เจ้าร่างกายระยำนี่มันก็เหมือนกัน มันมีอะไรน่าคบตรงไหนบ้างหล่ะ หาอะไรน่าคบไม่ได้เลย สกปรกก็แสนจะสกปรก ยังมีการเสื่อมตัวลงไปทุกวัน ความเปล่งปลั่งเป็นหนุ่มเป็นสาวร่างกายเจริญมีเรี่ยวแรงดี เป็นที่พอใจสำหรับเรา แต่เปล่าหรอกพ่อเจ้าประคุณ แกไม่ทรงอยู่ตามที่เราต้องการ แกไหลเรื่อยลงไปทุกวันหาความแก่หาความทรุดโทรม ผมที่ดำๆเขากลับขาว สายตายาวเขากลับสั้น ฟันดีๆก็โยกโคลนก็หักก็หลุด หูดีๆก็ชักจะฟังอะไรไม่ถนัด ร่างกายที่เปล่งปลั่งสมาร์ทก็ชักจะโก่งเหี่ยวแห้งลง นี่ปราการของความเสื่อมที่เราไม่ต้องการ ทนุบำรุงด้วยอาหารยารักษาโรคทุกอย่าง ดีไม่ดีทั้งอาบทั้งอบทั้งนวดด้วย มันก็ไม่ยับยั้งความเสื่อมตัว นี่ร่างกายนอกจากจะเต็มไปด้วยความสกปรกเต็มไปด้วยความชั่วไม่มีการทรงตัวที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่าอนิจจัง ในเมื่อมันสกปรกยังไม่พอ แถมยังไม่เที่ยงหาความแน่นอนอะไรไม่ได้ มีการสัปปลับกลับกลอกด้วยประการทั้งปวง อย่างนี้ยังจะคบอะไรกับมันได้ นอกจากจะมีความไม่เที่ยงมีความเสื่อมตัวลงทุกขณะ ยังแบกเอาสิ่งที่เราไม่ต้องการเข้ามาอีกนั่นคือความทุกข์ ทุกข์จากความหิวหนักมากที่สุด มันต้องการกินอะไรหล่ะ หาให้มันกินมันจะได้อิ่ม อิ่มแล้วมันไม่ยักพอ ในระยะไม่นานมันก็รายงานอีกว่า ฉันจะกินอีกจ้า ฉันจะกินอย่างโน้นฉันจะกินอย่างนี้ วันนี้ฉันต้องการเปรี๊ยว วันนี้ฉันต้องการเค็ม วันนี้ฉันต้องการหวาน ดีไม่ดีกินที่บ้านมันบอกมันไม่เอา ไปกินที่ร้านต่างๆโน่น ไอ้ที่ราคาแพงๆ ดูสิ แล้วไอ้การกินเข้าไปนี่มันเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ความจริงการกินหน่ะมันไม่ค่อยจะทุกข์ ไอ้การที่จะหามาเพื่อกินนี่มันสุขหรือมันทุกข์ นี่เรื่องของการกินไม่มีการจบ เราลำบากกันมากก็เรื่องการกิน
     
  3. chai_kmutnb said:

    Re: เรามาคุยกันเรื่องราคะ

    เรื่องที่ยุ่งที่สุดที่จ่ายมากที่สุดก็คือการกิน ความจริงการกินนี่มันมีสองกิน กินเพราะกลืนเข้าไปอย่างหนึ่ง กินเข้าไปเพราะการสัมผัสอย่างหนึ่ง อาหารพระพุทธเจ้าทรงแบ่งไว้เป็นหลายประเภท ผัสสาหาร กินเหมือนกัน กินในทางสัมผัส นึกเอาก็แล้วกัน อยู่คนเดียวมันไม่สบายหนิ อยากอยู่สองคน นั่งบนเสื่อไม่สบายหาที่นั่งให้มันนิ่มนวล นี่ว่าผัสสาหารอาหารคือผัสสะ คราวนี้อีกอันหนึ่ง กินทางใจ อาหารทางใจอยากไม่รู้จักจบ อยากได้โน่นอยากได้นั่น อยากเป็นนั่นอยากเป็นนี่ เฮ่ออ เป็นเด็กแล้วก็อยากเป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นหนุ่มสาวแล้วก็อยากเป็นผัวเป็นเมียเขา เป็นผัวเป็นเมียแล้วก็อยากเป็นพ่อเป็นแม่เขา พ่อเป็นพ่อเป็นแม่แล้วก็อยากเป็นปู่ย่าตายายเขา เอาเข้าไป ดีไม่ดีแก่แล้วอยากหนุ่ม เอา เอาเข้านั่น อยากหนุ่มอยากสาว เอา ผมหงอกอยากให้มันดำ ลงทุนไปซื้อยาย้อมผมมาอีก หัวล้านยากให้ผมดก เอ๊าไปซื้อยามาปลูกผม เฮ่อออ จิปาถะ ไอ้ความปรารถนาอย่างนี้เป็นตัวทุกข์ มันเป็นทุกข์หรือสุขหล่ะ อยากได้ของแพงๆหนิ มันสุขหรือมันทุกข์ เอาลองว่ากันไป ว่ากันไปให้ชื่นใจซิ๊ คิดกันเอาเองก็แล้วกัน ทีนี้ไอ้ตัวอาหารยังไม่พอ โรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้น โรคแต่ละอย่างจะเป็นโรคทางกาย ในด้านอายุรเวชก็ตาม ศัลยกรรมก็ตาม และแถมกามโรคสักอย่างก็ยังได้ ว่ากันเข้าไป โรคแต่ละอย่างมันเกิดกับเรามันเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ดูสิ ร่างกายที่เต็มไปด้วยความสกปรก เราปรารถนาในความสวยสดงดงาม แต่ว่ามันไม่สวย ไม่สะอาด สกปรกยังไม่พอ หาความเที่ยงก็ไม่ได้ ยังแถมความสุขเข้ามาเต็มอัตรา ว่ากันย่อๆ ต่อไปก็ม่องเท่ง จิวหลิว ตายยยยย ชอบมั๊ยหล๊ะ ท่านชอบตายมั๊ย ความจริงความตายนี่เราหนีไม่ได้แต่ว่าเราไม่ชอบ ก็แปลกเหมือนกันน่ะ คนที่เกิดมาแล้วต้องตาย แต่เราไม่ชอบ ชอบหรือไม่ชอบก็ตามใจมันก็ตาย เวลาจะตายก็เป็นทุกข์สิ ห่วงงงงตัวเองงง ไม่อยากตายยยย ห่วงสามีห่วงภรรยา ห่วงบุตรห่วงธิดา ห่วงโน่นห่วงนี่ห่วงนั่น ใจเป็นทุกข์ เฮ่อ ลูกหลานก็ยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝา ฐานะก็ยังไม่ดี นี่มาตายซ่ะคราวนี้ คนอยู่ข้างหลังเค้าจะทำยังงัย เห็นหมั๊ยหล่ะ มันเป็นอะไรท่านทั้งหลาย เป็นอนัตตา นี่เราพิจารณากันในด้านสมถะ ก็ยันวิปัสนาญาณ จะไปหามันที่ไหนหล่ะ เอามันตรงนี้แหละ อะไรเป็นสมถะจับสมถะเป็นวิปัสนา นี่คนเขาทำเป็นเขาทำกันแบบนี้ ไอ้ตัวที่เราเห็นว่าสกปรกอันนี้เป็นตัวสมถะ เห็นว่าไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตาเป็นวิปัสนา เวลาเจริญวิปัสนากรรมฐานนี่ต้องให้มันกลืนเข้าไปแบบนี้ ถ้ามันกลืนเข้าไปเต็มอัตราแล้วนิพพิทาญาณคือความเบื่อหน่ายมันก็เกิด เห็นความสกปรกเป็นปัจจัย แล้วก็น่าเบื่อหน่ายเพราะสกปรกแล้วยังไม่เที่ยง เป็นอนัตตา เราจะเกิดอีกกี่ชาติๆ ก็ต้องถูกทรมาณแบบนี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์จึงได้สอนบอกว่าจงทิ้งขันธ์ 5 นี้เสีย อย่าไปหลงไหลใฝ่ฝันมันเลย มันสกปรกไม่สะอาด มันไม่สวยมันเป็นความทุกข์ มันหาความสุขอะไรไม่ได้ เมื่อนิพพิทาญาณความเบื่อหน่ายเกิดขึ้นมากๆ สังขารุเปกขาญาณมันก็จะปรากฎ เพราะว่าเราไม่อยากได้มัน รู้สภาวะตามความเป็นจริงว่ามันสกปรกแล้วไม่พอไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไม่เที่ยงเพราะไม่ทรงตัว แล้วมันก็ทุกข์ ในที่สุดก็สลายตัว เพียงเท่านี้บรรดาท่านพุทธบริษัท ความเบื่อหน่ายเกิดขึ้นความทรงตัวเกิดขึ้นในที่นี้ เราก็ทรงอารมณ์ได้ดี ................