วรรณกรรม นิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณี

กระทู้: วรรณกรรม นิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณี

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. 8ocdj said:

    วรรณกรรม นิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณี

    ในฐานะที่เป็นคนจังหวัดระยอง ก็อยากจะเอาสุดยอดวรรณกรรมที่เป็นนิทานคำกลอนของ สุนทรภู่ มาให้อ่านคือ เรื่องพระอภัยมณี
    ความจริงวรรณกรรมเรื่องพระอภัยมณี เป็นนิทานคำกลอนที่ค่อนข้างยาว ประมาณว่า 2000 หน้ากระดาษ A4 ถ้านำมาลงให้อ่านทุกวัน วันละ 1 หน้า A 4 ก็จะใช้เวลาประมาณ 5 ปีเศษ อายุของผมอาจจะอยู่ไม่ถึงก็ได้ ฉนั้น ถ้าท่านอ่านแล้วสนุกน่าติดตาม ก็อย่าเสียใจถ้าอ่านได้ไม่จบเรื่อง อย่างไรก็ดี ผมคิดว่าจะลงให้อ่าน วันละ 2 หน้า และอาจจะไม่ได้อ่านทุกวัน
    ประการหนึ่งขอให้ทราบว่า เมื่อมีโรงพิมพ์ขึ้นในประเทศไทย หมอสมิต ผู้เป็นเจ้าของ ได้พิมพ์หนังสือเรื่องพระอภัยมณี จำหน่ายเล่มละ 1 บาท และจัดว่าเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย
    เรื่องพระอภัยมณี ตอนที่ 1
    พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
    แต่ปางหลังยังมีกรุงกษัตริย์
    สมมุติวงศ์ทรงนามท้าวสุทัศน์
    ผ่านสมบัติรัตนานามธานี
    อันกรุงไกรใหญ่ยาวสิบเก้าโยชน์
    ภูเขาโขดเป็นกำแพงบุรีศรี
    สพรึบพร้อมไพร่ฟ้าประชาชี
    ชาวบุรีหรรษาสถาวร
    มีเอกองค์นงลักษณ์อรรคราช
    พระนางนาฎนามประทุมเกศร
    สนมนางแสนสุรางคนิกร
    ดังกินนรน่ารักลักขณา
    มีโอรสสององค์ล้วนทรงลักษณ์
    ประไพพักตรเพียงเทพเลขา
    ชื่ออภัยมณีเป็นพี่ยา
    พึ่งแรกรุ่นชัณษาสิบห้าปี
    อันกุมารศรีสุวรรณนั้นเป็นน้อง
    เนื้อดังทองนพคุณจำรุญศรี
    พึ่งโสกันต์ชัณษาสิบสามปี
    พระชนนีรักใคร่ดังนัยยา
    สมเด็จท้าวปิตุรงค์ดำรงราชย์
    แสนสวาทลูกน้อยเสน่หา
    จะเษกสองครองสมบัติขัตติยา
    แต่วิชาสิ่งใดไม่ชำนาญ
    จึงดำรัสเรียกพระโอรสราช
    มาริมอาสน์แท่นสุวรรณแล้วบรรหาร
    พ่อจะแจ้งเจ้าจงจำคำโบราณ
    อันชายชาญเชื้อกษัตริย์ขัตติยา
    ย่อมพากเพียรเรียนไสยศาสตร์เวท
    สิ่งวิเศษสืบเสาะแสวงหา
    ได้ป้องกันอันตรายนัครา
    ตามกษัตริย์ขัตติยาอย่างโบราณ
    พระลูกรักจักสืบวงศ์กษัตริย์
    จงรีบรัดเสาะแสวงแห่งสถาน
    หาทิศาปาโมกข์ชำนาญชาญ
    เป็นอาจารย์พากเพียรเรียนวิชาฯ
    บัดนั้นพี่น้องสองกษัตริย์
    ประนมหัตถ์อภิวันท์ด้วยหรรษา
    จึงทูลความตามจิตต์เจตนา
    ลูกคิดมาจะประมาณก็นานครัน
    หวังแสวงไปตำแหน่งสำนักปราชญ์
    ซึ่งรู้ศาสตราเวทวิเศษขยัน
    ก็สมจิตต์เหมือนลูกคิดทุกคืนวัน
    พอแสงจันทร์แจ่มฟ้าจะลาจร
    แล้วก้มกราบปิตุราชมาตุรงค์
    ทั้งสององค์ลูบหลังแล้วสั่งสอน
    จะเดินทางไกลในป่าพนาดอน
    จงผันผ่อนตรึกจำคำโบราณ
    จะพูดจาสารพัดบำหยัดยั้ง
    จนลุกนั่งน้ำท่ากระยาหาร
    แม้นหลับนอนผ่อนพ้นที่ภัยพาล
    อดบันดาลโกรธขึ้งจึงสบาย
    พระพี่น้องสององค์ทรงสดับ
    เคารพรับบังคมด้วยสมหมาย
    พระเชษฐาบัญชาชวนน้องชาย
    มาทรงสานสาคเรศบนเตียงรอง
    แล้วแต่งองค์สอดทรงเครื่องกษัตริย์
    เนาวรัตน์เรืองศรีไม่มีสอง
    แล้วลีลามาสถิตบนแท่นทอง
    จนย่ำฆ้องสุริยนสนธยา
    จึงชวนกันจรจรัลจากสถาน
    ออกทวารเบื้องบูรพาทิศา
    ศศิธรจรแจ้งกระจ่างตา
    ทั้งสองราเดินเรียงมาเคียงกัน ฯ
    ล่วงตำบลชนบทไปหลายบ้าน
    เข้าดอนด่านแดนไพรพอไก่ขัน
    เสียงเสือกวางกลางเนินพนมวัน
    ให้หวั่นหวั่นวังเวงหวาดฤทัย
    จนแสงทองรองเรืองอร่ามฟ้า
    พระสุริยาเยื้องเยี่ยมเหลี่ยมไศล
    คณานกเริงร้องคนองไพร
    เสียงเรไรจักระจั่นสนั่นเนิน
    ทั้งสององค์เหนื่อยอ่อนเข้าผ่อนพัก
    หยุดสำนักลำเนาภูเขาเขิน
    ครั้นหายเหนื่อยเมื่อยล้าอุสาห์เดิน
    พิศเพลินมิ่งไม้ในไพรวัน
    บ้างผลิดอกออกผลพวงระย้า
    ปีบจำปาสุกรม นมสวรรค์
    พระอภัยมณี ศรีสุวรรณ
    ต่างชิงกันเก็บพลางตามทางมา
    พระพี่เก็บกาหลงส่งให้น้อง
    เดินประคองเคียงกันด้วยหรรษา
    พระน้องเก็บมลุลีให้พี่ยา
    ทั้งสองราเดินดมแล้วชมเชย
    เห็นมะม่วงพวงผล พึ่งสุกห่าม
    ทำไม้ง่ามน้อยน้อยสอยเสวย
    อร่อยหวานปานเปรียบรสนมเนย
    อิ่มแล้วเลยล่วงทางมากลางดง
    ครั้งสิ้นแสงสุริยาทิพากร
    สำนักนอนเนินผาป่าระหง
    ทั้งสองแสนเหนื่อยยากลำบากองค์
    บาทบงส์บวมบอบระบมตรม
    พระเชษฐาอาไลยถึงไอศวรรย์
    กับกำนัลน้อยน้อยนางสนม
    น้องคนึงถึงพี่เลี้ยงแลนางนม
    กับบรมปิตุเรศพระมารดา ฯ
    สิบห้าวันดั้นเดินในไพรสณฑ์
    ถึงตำบลบ้านหนึ่งใหญ่นักหนา
    เรียกว่าบ้านจันตคามพราหมณ์พฤฒา
    มีทิศาปาโมกข์อยู่สองคน
    อาจารย์หนึ่ง ชำนาญ ในการยุทธิ์
    ถึงอาวุธซัดมา ดังห่าฝน
    รำกระบอง ป้องกัน กายสกนธ์
    รักษาตน มิให้ต้อง คมศาสตรา
    อาจารย์หนึ่งชำนาญในการปี่
    ทั้งดีดสีแสนเสนาะเพราะหนักหนา
    ผู้ใดได้ฟังวังเวงในวิญญา
    เคลิ้มนิทราลืมกายดังวายปราณ
    อันสองท่านราชครูนั้นอยู่ตึก
    จดจารึกอักขราไว้หน้าบ้าน
    เป็นข้อความตามมีวิชาการ
    แสนชำนาญเลิศลบภพไตร
    แม้ผู้ใดใครจะเรียนวิชามั่ง
    จงอ่านหนังสือแจ้งแถลงไข
    ถ้ามีทองแสนตำลึงมาถึงใจ
    จึงจะได้ศึกษาวิชาการ ฯ
    วันนั้นพระอภัยมณีศรีสุวรรณ
    จรจรัลเข้ามาถึงหน้าบ้าน
     
  2. 8ocdj said:

    Re: วรรณกรรม นิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณี

    วันนั้นพระอภัยมณีศรีสุวรรณ จรจรัลเข้ามาถึงหน้าบ้าน
    เห็นลิขิตปิดไว้กับใบทวาร พระทรงอ่านแจ้งจิตต์ในกิจจา
    อันท่านครูอยู่ตึกตำแหน่งนี้ ฝีปากปี่เป่าเสนาะเพราะหนักหนา
    จึงดำรัสตรัสแก่พระน้องยา อันวิชาสิ่งนี้พี่ชอบใจ
    แต่เที่ยวดูเสียให้รู้ทั้งย่านบ้าน ท่านอาจารย์ยังจะมีอยู่ที่ไหน
    ตรัสพลางย่างเยื้องครรไลไป ถึงตึกใหญ่ที่ครูอยู่สำนัก
    เห็นแผ่นผาจารึกลายลิขิต เข้ายืนชิดอ่านดูรู้ประจักษ์
    ท่านอาจารย์การกระบองก็คล่องนัก ได้ทองหนักแสนตำลึงจึงได้เรียน
    จึงบัญชาว่ากับพระน้องแก้ว พ่อเห็นแล้วเหนือที่ลายลิขิตเขียน
    สองอาจารย์ปานดวงแก้ววิเชียร เจ้ารักเรียนที่ท่านอาจารย์ใด
    อนุชาว่าการกลศึก น้องนี้นึกรักมาแต่ไหนไหน
    ถ้าเรียนรู้รำกระบองได้ว่องไว จะชิงไชยข้าศึกไม่นึกเกรง
    พระเชษฐาว่าจริงแล้วเจ้าพี่ วิชามีแล้วใครไม่ข่มแหง
    แต่ใจพี่นี้รักทางนักเลง หมายว่าเพลงดนตรีนี้ดีจริง
    ถึงการเล่นเป็นที่ประโลมโลก ได้ดับโศกศูนย์หายทั้งชายหญิง
    แต่ขัดสนจนจิตต์คิดประวิง ด้วยทรัพย์สิ่งหนึ่งนี้ไม่มีมา ฯ
    ศรีสุวรรณปัญญาฉลาดแหลม จึงยิ้มแย้มเยื้อนตอบพระเชษฐา
    ธำมรงค์เรือนมณีมีราคา จะคิดค่าควรแสนตำลึงทอง
    พอบูชาอาจารย์เอาต่างทรัพย์ เห็นจะรับสอนสั่งเราทั้งสอง
    อันตัวน้องนี้จะอยู่ด้วยครูกระบอง หัดให้คล่องเชี่ยวชาญชำนาญดี
    ขอพระองค์จงเสด็จไปท้ายบ้าน อยู่ศึกษาอาจารย์ข้างดีดสี
    ครั้นเสร็จสมปรารถนาไม่ช้าที จะตามพี่ไปหาที่อาจารย์
    พระอภัยได้คิดถึงคำน้อง ต่างยิ้มย่องปรีดิ์เปรมเกษมสานต์
    เข้าหยุดยั้งสั่งเสียกันเสร็จการ กลับไปหาอาจารย์ดังใจนึก
    ศรีสุวรรณกุมารชาญฉลาด ยุรยาตรเยื้องย่างมาข้างตึก
    เห็นภูมิฐานเคหาโอฬารึก ทั้งที่ฝึกสอนสานุศิษย์มี
    มองเขม้นเห็นพราหมณ์พฤฒาเฒ่า กระหมวดเกล้าเอนหลังนั่งเก้าอี้
    ดูรูปร่างอย่างเยี่ยงพระโยคี กระบองสี่ศอกวางไว้ข้างกาย
    ก็แจ้งว่าอาจารย์เจ้าของตึก เห็นสมนึกเหมือนจิตต์ที่คิดหมาย
    กระทั่งไอให้เสียงเป็นแยบคาย แล้วก้มกายเข้าไปหาท่านอาจารย์ ฯ
    ฝ่ายพราหมณ์พรหมโบราณอาจารย์เฒ่า เป็นพงศ์เผ่าพฤฒามหาศาล
    ชำเลืองเนตรแลดูเห็นกุมาร ศรีสัณฐานผุดผ่องดังทองทา
    ดูแน่งน้อยรูปร่างเหมือนอย่างหุ่น พึ่งแรกรุ่นน่ารักเป็นนักหนา
    อร่ามเรืองเครื่องประดับระยับตา ก็รู้ว่ากษัตริย์ขัตติยวงศ์
    จึงขยดลดเลื่อนลงนั่งใกล้ แล้วถามไต่ข้อความตามประสงค์
    มีธุระอะไรในใจจง เจ้าจึงตรงมาหาจงว่าไป
    หน่อกษัตริย์ขัตติยวงศ์ทรงสดับ น้อมคำนับเล่าแจ้งแถลงไข
    พระบิดาข้าบำรุงซึ่งกรุงไกร บัญชาให้เที่ยวหาวิชาการ
    จึงดั้นด้นเดินเนินป่ามาถึงนี่ พอเห็นมีอักขราอยู่หน้าบ้าน
    รู้ว่าท่านพฤฒาเป็นอาจารย์ ขอประทานพากเพียรเรียนวิชา
    แต่โปรดเกล้าคราวมาข้ายากแค้น อันทองแสนตำลึงนั้นไม่ทันหา
    ธำมรงค์เรือนมณีฉันมีมา ตีราคาควรแสนตำลึงทอง
    แล้วถอดแหวนวงน้อยที่ก้อยขวา ให้พฤฒาทดแทนคุณสนอง
    ตาพราหมณ์เฒ่าเอาสำลีประชีรอง ขอดประคองไว้ในผมให้สมควร
    แล้วไต่ถามนามวงศ์ถึงพงศา สนทนาปรีดิ์เปรมเกษมสรวล
    อยู่เคหาตาพราหมณ์ไม่ลามลวน ครั้งค่ำชวนหน่อไทเข้าไสยา
    ถึงยามดึกฝึกสอนในการยุทธ เพลงอาวุธดาบดั้งให้ตั้งท่า
    กระบองกระบี่ถี่ถ้วนทุกวิชา ค่อยศึกษาตั้งใจจะให้ดี
    ฝ่ายเชษฐามาถึงที่ท้ายบ้าน ก็เข้าหาอาจารย์ที่ดีดสี
    เอาธำมรงค์ทรงนิ้วดัชนี ให้พราหมณ์ตีค่าแสนตำลึงทอง
    ฝ่านครูเฒ่าพินทรพราหมณ์รามราช แสนสวาทรักใคร่มิได้หมอง
     
  3. 8ocdj said:

    Re: วรรณกรรม นิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณี

    ฝ่ายครูเฒ่าพินทรพราหมณ์รามราช แสนสวาทรักใคร่มิได้หมอง
    ให้ข้าไทใช้สอยคอยประคอง เข้าในห้องหัดเพลงบันเลงพิณ
    แล้วพาไปยอดเขาให้เป่าปี่ ที่อย่างดีสิ่งใดก็ได้สิ้น
    แต่เสือช้างกลางไพรถ้าได้ยิน ก็ลืมกินน้ำหญ้าเข้ามาฟัง
    ประมาณเสร็จเจ็ดเดือนโดยวิถาร พระกุมารได้สมอามรณ์หวัง
    สิ้นความรู้ครุประสิทธิ์ไม่ปิดบัง จึงสอนสั่งอุปเท่ห์เป็นเล่ห์กล
    ถ้าแม้นว่าข้าศึกมันโจมจับ จะรบรับสารพัดให้ขัดสน
    เอาปี่เป่าเล้าโลมน้ำใจคน ด้วยเล่ห์กลโลกาห้าประการ
    คือรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส เกิดกำหนัดลุ่มหลงในสงสาร
    ให้ใจอ่อนนอนหลับดังวายปราณ จึงคิดอ่านเอาไชยเหมือนใจจง
    แล้วให้ปี่ที่เพราะเสนาะเสียง ยินสำเนียงถึงไหนก็ไหลหลง
    อวยพรพลางทางหยิบธำมรงค์ คืนให้องค์กุมาราแล้วว่าพลัน
    ซึ่งดนตรีตีค่าไว้ถึงแสน เพราะหวงแหนกำชับไว้ขับขัน
    ใช่ประสงค์ตรงทรัพย์สิ่งสุวรรณ จะป้องกันมิให้ไพร่ได้วิชา
    ต่อกษัตริย์เศรษฐีที่มีทรัพย์ มาคำนับจึงได้ดังปรารถนา
    จงคืนเข้าบุรีรักษ์นัครา ให้ชื่นจิตต์พระบิดาและมารดรฯ
    หน่อกษัตริย์โสมนัสด้วยสมนึก จดจารึกคำท่านอาจารย์สอน
    พิไรร่ำอำลาด้วยอาวรณ์ แล้วบทจรจากบ้านอาจารย์ตนฯ
    ฝ่ายนฤบดีศรีสุวรรณ ก็เข้มขันกลศึกที่ฝึกฝน
    ทั้งโล่ห์เขนเจนจัดหัดประจญ ในการกลอาวุธสุดทำนอง
    จนหมดสิ้นความรู้ท่านครูเฒ่า จึงเรียกเจ้าเข้ามานั่งสองต่อสอง
    เลือกล้วนเหล็ก มลุลี ตีกระบอง ให้เป็นของคู่หัตถ์กษัตรา
    ทั้งธำมรงค์วงนั้นก็คืนไห้ แถลงไขข้อความตามปฤศนา
    เหมือนอาจารย์คนนั้นที่พรรณนา แล้วพฤฒาอวยไชยไปจงดี
    หน่อกษัตริย์สุริวงศ์ทรงสดับ น้อมคำนับปรีดิ์เปรมเกษมศรี
    ครรไลลาอาจารย์จรลี ตามวิถีแถวทางถนนมา
    พอมาพบพี่ชายที่ท้ายบ้าน สองสำราญสรวลสันต์แล้วหรรษา
    ต่างเล่าความตามที่เรียนรู้วิชา แล้วพี่พาน้องเดินดำเนินไป
    ออกจากบ้านจันตคามข้ามทิวทุ่ง หมายตรงกรุงรัตนาเข้าป่าใหญ่
    สิบห้าวันบรรลุถึงเวียงไชย พอท้าวไทยสุทัศน์กษัตรา
    ออกแท่นทองท้องพระโรงจำรูญศรี แสนเสนีเฝ้าแหนอยู่แน่นหนา
    พระพี่น้องสององค์ก็ตรงมา เฝ้าบิดาที่ท้องพระโรงไชยฯ
    กรุงกษัตริย์สุริยวงศ์พระทรงยศ เห็นโอรสยินดีจะมีไหน
    เรียกมานั่งข้างแท่นทองประไพ แล้วถามไถ่ทุกข์ยากเมื่อจากวัง
    หนึ่งพี่น้องสองเสาะแสวงหา ได้วิชาเสร็จสมอารมณ์หวัง
    หรือปลดเปล่าเล่าให้บิดาฟัง พ่อนี้นั่งคอยท่าทุกราตรี ฯ
    พระพี่น้องสององค์ทรงสวัสดิ์ ประสานหัตถ์น้อมประณตบทศรี
    พระเชษฐาทูลแถลงแจ้งคดี ลูกเรียนกลดนตรีชำนาญชาญ
    ศรีสุวรรณนั้นเรียนในการยุทธ เพลงอาวุธเข้มแข็งกำแหงหาญ
    ทั้งสองสิ่งยิ่งยอดวิชาการ ใครจะปานเปรียบได้นั้นไม่มีฯ
    ท้าวสุทัศน์ฟังอรรถโอรสราช บรมนาถขัดข้องให้หมองศรี
    โกรธกระทืบบาทาแล้วพาที อย่าอวดดีเลยกูไม่ พอใจฟัง
    อันดนตรีปี่พาทย์ตะโพนเพลง เป็นนักเลงเหล่าโลนเล่นโขนหนัง
    แต่พวกกูผู้หญิงที่ในวัง มันก็ยังเรียนร่ำได้ชำนาญ
    อันวิชาอาวุธแลโลห์เขน ชอบแต่เกณฑ์ศึกเสือเชื้อทหาร
    เป็นกษัตริย์จักพรรดิ์พิสดาร มาเรียนการเช่นนั้นด้วยอันใด
    ลูกกาลีมีแต่จะขายหน้า ช่างชั่วช้าทุจริตผิดวิสัย
    จะให้อยู่เวียงวังก็จังไร ชอบมาไสคอส่งเสียจากเมือง
    ไปเที่ยวเล่นเป็นปี่แล้วมิสา มาพูดจาให้กู คันหูเหือง
    พระพิโรธโกรธตรัสด้วยขัดเคือง แล้วย่างเยื้องจากบัลลังค์เข้าวังใน ฯ
    แสนสงสารพี่น้องสองกษัตริย์ บิดาตรัสโกรธาไม่ปราไสย
    อัปยศอดสูเสนาใน ทั้งน้อยใจผินหน้าปรึกษากัน
    พระเชษฐาว่าโอ้พ่อเพื่อนยาก สู้ลำบากบุกป่าพนาสัณฑ์
    มาถึงวังยังไม่ถึงสักครึ่งวัน ยังไม่ทันทดลองทั้งสองคน
    พระกริ้วกราดคาดโทษว่าโฉดเขลา พี่กับเจ้านี้ก็เห็นไม่เป็นผล
    อยู่ก็อายไพร่ฟ้าประชาชน ผิดก็ด้นดั้นไปในไพรวัน
    แล้วสวมสอดกอดน้องประคองหัตถ์ สองกษัตริย์โศกทรงกรรแสงศัลย์
    พระอภัยมณีศรีสุวรรณ ก็พากันซวนซบสลบไป
    ฝ่ายมหาเสนาพฤฒามาตย์ เห็นหน่อนาถนิ่งแน่เข้าแก้ไข
    ทั้งสองตื่นฟื้นกายระกำใจ ชลไนย์แนวนองทั้งสององค์ฯ
    พระเชษฐาว่ากรรมแล้วน้องเอ๋ย อย่าอยู่เลยเรามาไปไพรระหง

    โปรดติดตามอ่านต่อ
     
  4. 8ocdj said:

    Re: วรรณกรรม นิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณี

    พระเชษฐาว่ากรรมแล้วน้องเอ๋ย อย่าอยู่เลยเรามาไปไพรระหง
    มิทันสั่งอำมาตย์ญาติวงศ์ ทั้งสององค์ออกจากจังหวัดวัง
    พระพี่ชายชวนเดินดำเนินหน้า อนุชาโฉมงามมาตามหลัง
    พระออกนอกนัคราเข้าป่ารัง ครั้นเหนื่อยนั่งสนทนาปรึกษากัน
    อันตัวเราพี่น้องทั้งสองนี้ ไม่มีที่พึ่งใครในไพรสัณฑ์
    ทั้งโภชนาอาหารกันดารครัน ยังนับวันก็แต่กายจะวายปราณ ฯ
    พระอนุชาว่าพี่นี้ขี้ขลาด เป็นชายชาติช้างงาไม่กล้าหาญ
    แม้นชีวันยังไม่บรรไลยลาญ ก็เซซานซอกซอนสัญจรไป
    เผื่อพบพานบ้านเมืองที่ไหนมั่ง พอประทังกายาอยู่อาไสรย
    มีความรู้อยู่กับตัวกลัวอะไร ชีวิตไม่ปลดปลงคงได้ดี ฯ
    พระเชษฐาว่าจริงแล้วน้องรัก เจ้าแหลมหลักตักเตือนสติพี่
    กระนั้นแต่งองค์ไปทำไมมี ให้เป็นที่กังขาประชาชน
    เราปลอมแปลงแต่งกายเป็นชายไพร่ เหมือนยากไร้แรมทางมากลางหน
    สองกษัตริย์ตรัสคิดเห็นชอบกล จึงปลดเปลื้องเครื่องต้นออกจากกาย
    เอาภูษาผ้าห่มห่อกระหวัด แล้วคาดรัดเอวไว้มิให้หาย
    ศรีสุวรรณนั้นคุมกระบองกราย พระพี่ชายถือปี่แล้วลีลา
    ค่อยดั้นเดิน เนินพนม พนาเวศ สีขเรศถ้วยธารละหานผา
    ครั้นค่ำค้างกลางวัน ก็ไคลคลา กินผลา ผลไม้ ในดงดอน
    แต่เดินทาง กลางเถื่อนได้เดือนเศษ ออกพ้นเขตต์เขาไม้ ไพรสิงขร
    ถึงเนินทรายชายทะเลชโลธร ในสาครคลื่นลั่นสนั่นดัง
    ค่อยย่างเหยียบ เลียบลง ทะเลลึก ถึงร่มพฤกษาไทร ดังใจหวัง
    ทั้งสองราล้าเลื่อย เหนื่อยกำลัง ลงหยุดนั่งนอนเล่นเย็นสบายฯ
    จะจับบทบุตรพราหมณ์สามมาณพ ได้มาพบคบกันเล่นเป็นสหาย
    คนหนึ่งชื่อโมราปรีชาชาย มีแยบคายชำนาญในการกล
    เอาฟางหญ้ามาผูกสำเภาได้ แล้วแล่นไปในจังหวัดไม่ขัดสน
    คนหนึ่งมีวิชาชื่อสานน ร้องเรียกฝนลมได้ดังใจจง
    คนหนึ่งนั้นมีนามพราหมณ์วิเชียร เที่ยวร่ำเรียนสงครามตามประสงค์
    ถือธนูสู้ศึกนึกทนง หมายจะปลงชีวาปัจจามิตร
    ธนูนั้นลั่นทีละเจ็ดลูก หมายให้ถูกที่ตรงไหนก็ไม่ผิด
    ล้วนแรกรุ่นร่วมรู้คู่ชีวิต เคยไปเล่นเป็นนิจที่เนินทราย
    พอแดดร่มลมตกลงชายเขา ขึ้นสำเภายนต์ใหญ่ดังใจหมาย
    ออกจากบ้านอ่านมนต์เรียกพระพาย แสนสบายบุกป่ามาบนดิน
    ถึงทะเลเล่นตรงลงในน้ำ เที่ยวลอยลำเล่นมหาชลาสินธุ์
    มาใกล้ไทรสาขาริมวาริน ก็ได้ยินสุรเสียงสำเนียงคน
    เห็นพี่น้องสององค์ล้วนทรงโฉม งามประโลมหลากจิตต์คิดฉงน
    ทอดสมอรอราเภตรายนต์ ทั้งสามคนขึ้นเดินบนเนินทราย
    เข้ามาใกล้ไทรทองสองกษัตริย์ โสมนัสถามไถ่ดังใจหมาย
    ว่าดูรามาณพทั้งสองนาย เจ้าเพื่อนชายชื่อไรไปไหนมา
    หรือเดินดงหลงทาง มาต่างบ้าน จงแจ้งการณ์ให้เราฟังที่กังกา
    แม้นไม่มี่พี่น้องญาติกา เราจะพาไว้เรือนเป็นเพื่อนกันฯ
    พระฟังความถามทักเห็นรักใคร่ จึงขานไขความจริงทุกสิ่งสรรพ์
    เราชื่ออภัยมณีศรีสุวรรณ เป็นพงศ์พันธุ์จักรพรรดิ์สวัสดี
    ไปร่ำเรียนวิชาที่อาจารย์ ตำบลบ้านจันตคามพนาศรี
    อันตัวเรานี้ชำนาญการดนตรี น้องเรานี้ก็ชำนาญการศัสตรา
    พระปิตุเรศขับไล่มิให้อยู่ ว่าเรียนรู้ต่ำชาติวาสนา
    เราพี่น้องสองคนจึงซนมา หวังจะหาแห่งครูผู้ชำนาญ
    ด้วยจะใคร่ไต่ถามตามสงไสย วิชาใดจึงจะดีให้วิถาร
    ที่สมศักดิ์จักรพรรดิพิสดาร จะคิดอ่านเรียนร่ำเอาตำรา
    อันตัวเจ้าเผ่าพราหมณ์สามมาณพ ได้มาพบกันวันนี้ดีหนักหนา
    ท่านทั้งสามนามใดไปไหนมา จงเมตตาบอกเล่าให้เข้าใจฯ
    ดรุณพราหมณ์สามคนได้แจ้งอรรถ ว่ากษัตริย์สุริยวงศ์ไม่สงไสย
    ประณตนั่งบังคมขออภัย พระอย่าได้ถือความข้าสามคน
    ซึ่งพระองค์ สงสัย จึงไต่ถาม จะทูลความให้แจ้งแห่งนุสนธิ์
    ข้าชื่อวิเชียรโมรา เจ้าสานน ทั้งสามคนคู่ชีวิตเป็นมิตรกัน
    แสวงหาตั้งเพียรเพื่อเรียนรู้ ได้เป็นคู่ศึกษาวิชาขยัน
    ได้เรียนรู้เรียกลมฝนคือคนนั้น ข้าแข็งขันยิงธนูสู้ไพริน
    ยิงออกไปได้ทีละเจ็ดลูก จะให้ถูกตรงไหนก็ได้สิ้น
    คนนั้นผูกเรือยนต์แล่นบนดิน อยู่บ้านอินทคามทั้งสามคน
    ซึ่งองค์พระอนุชาเรียนอาวุธ เข้ายงยุทธข้าก็เห็นจะเป็นผล
    แต่ดนตรีนี้ดูไม่ชอบกล ข้าสนเท่ห์ในน้ำใจจริง
    ดนตรีมีคุณที่ข้อไหน ฤาใช้ได้แต่ข้างเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง
    ยังสงไสยในจิตต์คิดประวิง จงแจ้งจริงให้กระจ่างสว่างใจ ฯ
    พระฟังความพราหมณ์น้อยสนองถาม จึงเล่าความจะแจ้งแถลงไข
    อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
    ถึงมนุษย์ครุฑทาเทวราช จัตุบาทกลางป่าพนาสิน
    แม้นปี่เรา เป่าไป ให้ได้ยิน ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา
    ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ อันลัทธิดนตรีดีนัดหนา
    ซึ่งสงไสยไม่สิ้นในวิญญา จงนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง
    แล้วหยิบปี่ที่ท่านอาจารย์ให้ เข้าพิงพฤกษาไทรดังใจหวัง
    พระเป่าเปิดนิ้วเอกวิเวกดัง สำเนียงวังเวงแว่วแจ้วจับใจฯ
    ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย
    ถึงร้อยรสบุปผาสุมาไลย จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย
    พระจันทรจรสว่างกลางโพยม ไม่เทียมโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย
    แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน
    เจ้าพราหมณ์ฟังวังเวงวะแว่วเสียง สำเนียงเพียงการะเวกกังวานหวาน
    หวาดประหวัดสัตรีฤดีดาล ให้ซาบซ่านเสียวสดับจนหลับไป
    ศรีสุวรรณนั้นนั่งอยู่ข้างพี่ ฟังเสียงปี่วาบวับก็หลับไหล
    พระแกล้งเป่าแปลงเพลงวังเวงใจ เป็นความบวงสรวงพระไทรที่เนินทรายฯ
    จบตอนที่ 2
    โปรดติดตามอ่านตอนที่ 2 นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
     
  5. 8ocdj said:

    Re: วรรณกรรม นิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณี






    เสียงอ่านทำนองเสนาะอ่านเฉพาะตอนที่ 1 พระอภัยมณีศรีสุวรรณเรียนวิชา เท่านั้น

    Tk964 กับ 8ocdj คนเดียวกันครับ แต่น่าแปลกที่ว่าทำไม รู้จักกันแต่ลุงโจ ทั้งที่ไม่เคยใช้ชื่อลุงโจ ขอใช้เวลาทำการบ้านสักปีหนึ่ง

     
  6. รูปส่วนตัว noppakorn

    noppakorn said:

    Re: วรรณกรรม นิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณี

    สาธุๆ เรื่องดีมีให้อ่านที่นี่ ไม่ต้องไปหาหนังสือมาอ่าน ลุงโจ(มันติดปาก) มีอะไรดีๆ มาให้เสมอๆ

    ขอแจมคำศัพท์เพิ่มเติมหน่อยครับ

    ประมาณเสร็จเจ็ดเดือนโดยวิถาร คำว่า วิถาร คือ พิศดาร
    แล้วพฤฒาอวยไชยไปจงดี คำว่า พฤฒา คือ ผู้ที่ควรเคารพ ,แก่,เฒ่า
    ไปเที่ยวเล่นเป็นปี่แล้วมิสา คำว่า มิสา มาจาก มุสา คือ โกหก พูดไม่จริง
    ชลไนย์แนวนองทั้งสององค์ฯ คำว่า ชลไนย์ มาจาก ชลนัยน์ แปลว่า น้ำตา
    พอประทังกายาอยู่อาไสรย คำว่า อาไสรย ปัจจุบันคือ อาศัย มาจาก บาลี สันสกฤตว่า ศรฺย สรฺย แปลว่า พักพิง
    คำว่า ไสย ไสรย ไลย สมัยนั้นใช้แทน ไม้หันอากาศ
    การตั้งชื่อและแปลชื่อโดยคุณอุบาสกนพกรณ์
    จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน
    - ของดตอบคำถามเป็นการส่วนตัว
    - ของดการแจ้งลบกระทู้ (โดยไม่มีเหตุอันควร) หลังจากที่ได้คำตอบแล้ว
    - กรุณาตั้งคำถามให้ตรงตามหมวดหมู่อักษร
    - ขอตอบวันละ 3 ชื่อ (กรุณารอคิวหากมีผู้ถามเข้ามามาก)


    ขอชื่อใหม่ต้อง...
    1. แจ้งชื่อนามสกุลหรือทักษาเลข
    2. วันเกิด(จ-อ)
    3. อาชีพ
    4. เหตุผล(เพื่อวิเคราะห์ชื่อมงคล)