พระอภัยมณีตอนที่ 7 ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา

กระทู้: พระอภัยมณีตอนที่ 7 ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. 8ocdj said:

    พระอภัยมณีตอนที่ 7 ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา

    ฝ่ายพระหน่อ บพิตร อิสเรศร์ กับพราหมณ์เทศ อยู่บน มณเทียรสถาน
    เข้าพิทักษ์ รักษา พยาบาล ค่อยสำราญ หายเหนื่อย ที่เมื่อยล้า
    พอรอนรอน อ่อนแสง พระสุริยง อัศดง แดดดับ ลับเวหา
    พระเผยแกล แลดู ดวงดารา เหมือนนวลหน้า นุชน้อง ละอองนวล
    เสียดายนัก ภคินี เจ้าพี่เอ๋ย แม้นได้เชย จะประคอง ครองสงวน
    ธุระรัก หนักใน ใจรัญจวน ยิ่งอักอ่วน อารมณ์ ให้ตรมตรอม
    กำแพงวัง ยังกั้น อยู่ชั้นหนึ่ง ไฉนจึง จะได้แอบ แนบถนอม
    ที่รักลอบ ปลอบประโลม ก็โน้มน้อม แต่กีดจอม จักพรรดิ์ ถนัดใจ
    จึงปรึกษา สามพราหมณ์ ตามวิตก เหมือนน้องยก เมรุมาศ ไม่หวาดไหว
    จะปลอบมิตร คิดอ่าน ประการใด จึงจะได้ ดอกฟ้า ลงมาชม ฯ
    เจ้าพราหมณ์ตอบ ปลอบน้อง อย่าหมองหมาง พระนุชนาง ปลงจิตต์ สนิทสนม
    ไม่คลาดแคล้ว แล้วพ่อ รออารมณ์ คงจะสม จิตต์น้อง ที่ตรองการ
    เรารบสู้ กู้เมือง ช่วยเปลื้องทุกข์ ได้ผาสุก สืบสมบัติ พัสถาน
    เห็นทรงฤทธิ์ บิดา ยุพาพาล จะประทาน รางวัล เป็นมั่นคง
    เราอย่ารับ กลับคืน ถวายไว้ จึงค่อยไข ข้อความ ตามประสงค์
    พี่คาดจิตต์ ปิตุราช มาตุรงค์ คงให้องค์ พระธิดา ด้วยปรานี
    หากมาดแม้น แหนหวง ทำหน่วงหนัก จึงค่อยลัก กัลยา เจ้าพาหนี
    ความคิดพี่ นี้เห็น เป็นเช่นนี้ พ่อเห็นดี ด้วยบ้าง หรืออย่างไร ฯ
    หน่อกษัตริย์ ตรัสตอบ ว่าชอบอยู่ ทำจู่ลู่ ก็จะขัด อัชฌาสัย
    จะรั้งรอ ฟังดู ภูวนัย แม้นไม่ให้ โดยดี ก็มิฟัง
    แล้วเอนเอก เขนกนิ่ง อิงเขนย หอมระเหย หวนกลิ่น ถวิลหวัง
    เห็นปรางค์ทอง น้องนาง อยู่กลางวัง คะนึงนั่ง นึกหมาย ไม่วายครวญ ฯ
    ฝ่ายพระนุช บุตรี ศรีสวัสดิ์ นางกษัตริย์ เศร้าสร้อย ละห้อยหวน
    นึกปรานี ศรีสุวรรณ ยิ่งรัญจวน มาหมองนวล เหนื่อยยาก ลำบากองค์
    ที่การศึก นั้นก็เสร็จ สำเร็จทุกข์ ที่การสุข ยังไม่สม อารมณ์ประสงค์
    แสนเสียดาย ป่านฉะนี้ พระโฉมยง จะโศกทรง เศร้าหมอง ถึงน้องน้อย
    เมื่อจากกัน วันนี้ ที่ข้างหน้า ดูพัตรา ผ่านเกล้า เห็นเศร้าสร้อย
    ยิ่งรำลึก นึกน้ำ พระเนตรย้อย แต่หลับม่อย แล้วสดุ้ง จนรุ่งราง
    จึงให้สี่ พี่เลี้ยง เก็บดอกไม้ ดอกมลิปลูกไว้ ในกระถาง
    ใส่ขันทอง รองพาน คลานมาวาง พระนุชนาง กรีดก้อย ร้อยมาลัย
    เรียงประดับ ซับซ้อน ค่อยสอดเข็ม เป็นพวงเต็ม ห่อเสร็จ แล้วเด็ดใหม่
    อันมาลี ที่กระถาง ริมปรางค์ไชย พอเก็บได้ คนละขัน วันละพวง
    ใส่พานทอง ตองเจียน ประจงปิด ให้ทรงฤทธิ์ รูปทอง เป็นของหลวง
    ส่วนนารี พี่เลี้ยง สิ้นทั้งปวง ต่างร้อยพวง มาลัย ให้เจ้าพราหมณ์
    สารภี พิกุล ดอกบุนนาค ประสายาก เถิดนะเรา เจ้าทั้งสาม
    ศรีสุดา ได้ดอกเข็ม เห็นเต็มงาม จะให้พราหมณ์ หน่อกษัตริย์ ขัตติยา
    นางโฉมยง ทรงตรัส ว่าผลัดเปลี่ยน เป็นเวรเวียน กันไป ให้บุบผา
    ทูลถวาย กว่าจะวาย ดอกมาลา วันนี้พี่ ศรีสุดา ไปประเดิม ฯ
    นางนารี ศรีสุดา หน้าเป็นเหม แสนเกษม แกล้งว่า อย่ามาเสริม
    มาลัยหลวง พวงหอม เป็นจอมเจิม ฉันพลอยเติม ตามประสา เป็นข้าไท
    แล้วเข้าห้อง ส่องกระจก จับกระเหม่า ขี้ผึ้งเข้า ชันย้อย สอยไม่ไหว
    เป็นการด่วน จวนจน ต้องลนไฟ กรีดจุไร รอบเรียบ ระเบียบกลม
    แล้วผัดหน้า ทาจันทน์ กระแจะแป้ง นุ่งยกแย่ง พื้นตอง ปักทองถม
    ทั้งกรองทอง รองปิด ให้ชิดชม ดูสวยสม เป็นบัลลังก์ ที่นั่งรอง

    จึงขึ้นบน มณเฑียร ทำเมียงมอง
    เจ้าพราหมณ์ร้อง เชิญว่า มาข้างนี้ ฯ
    พี้เลี้ยงนั่ง ตั้งพาน พวงบุบผา ไว้ตรงหน้า หมอบประณต บทศรี
    แล้วว่าองค์ นงนุช พระบุตรี ร้อยมาลี มลิลา มาประทาน
    ดอกเข็มขาว พวงนั้น หม่อมถวาย แต่กลิ่นอาย คลายพร้อม ไม่หอมหวาน
    สารภี ที่ใส่ มาในพาน ของเยาวมาลย์ แม่อุบล คนสำคัญ
    ดอกพิกุล คุณจงกล เป็นคนร้อย ประภาน้อย ดอกบุนนาค เขาฝากฉัน
    ให้สามพราหมณ์ ตามมี ไมตรีกัน แกล้งรำพรรณ ภ้อให้ ในทำนอง ฯ
    หน่อกษัตริย์ ตรัสตอบ ว่าขอบจิตต์ จะได้ชิด ชมพลาง ต่างเจ้าของ
    หยิบบุบ ผามาลัย มาใส่ลอง พอได้สอง หัตถา เป็นขวาซ้าย
    จึงตรัสว่า ดอกเข็ม นี้เต็มรัก จะเคียงพักตร พี่ไว้ มิให้หาย
    นางฟังคำ ทำเมิน สะเทิ้นอาย ทั้งสามนาย ยิ้มแย้ม กระแอมไอ
    เจ้าสานน นั่งชม ดมบุนนาค อุบลฝาก มาให้ชิด พิสมัย
    เจ้าวิเชียร เชยพิกุล ฉุนอาลัย ถึงสายใจ เจ้าจงกล เป็นคนเคย
    เจ้าโมรา ดมสารภีรื่น ช่างหอมชื่น เช่นประภา นิจจาเอ๋ย
    ต่างประคอง ของคู่ ขึ้นชูเชย ไฉนเลย หลบหน้า ไม่มาเยือน
    แล้วต่างสั่ง ศรีสุดา ว่าช่วยบอก ถึงได้ดอกไม้ไว้ ก็ไม่เหมือน
    แม้นเมตตา อีกสักห้า หกเจ็ดเดือน ขอเชิญเชือน มาบ้าง อย่าหมางเมิน
    ศรีสุดา ว่าคิด จะไปว่า ให้ได้มา แนบข้าง ไม่ห่างเหิน
    หน่อกษัตริย์ ตรัสว่าล้อ ให้พอเพลิน ค่าเชิงเดิน คงจะได้ เป็นไรมี
    ช่วยทูลแก้ว เกษรา เถิดหนาเจ้า พี่นอนเฝ้า ฝันว่า พากันหนี
    จะขอคำ ทำนาย ร้ายหรือดี รุ่งพรุ่งนี้ นะจงออก มาบอกกัน ฯ
    ศรีสุดา อภิวาท ฉลาดพูด เทวทูต ท่านมาเตือน จนเฟือนฝัน
    ข้ากับเจ้า คราวยาก จะจากกัน กระหม่อมฉัน นึกหมาย จะวายวาง ฯ
    พระแย้มยิ้ม พริ้มพราย ภิปรายตรัส เห็นไม่พลัด พรากน้อง อย่าหมองหมาง
    เจ้าร่วมจิตต์ ชิดใช้ อยู่ในนาง คงเคียงข้าง คู่กัน จนวันตาย ฯ
    ศรีสุดา ดีใจ ใครจะเหมือน แต่ไหลเลื่อน ลืมตน อยู่จนสาย
    ก็ลาพระ โฉมงาม กับสามนาย ค่อยนาถกราย กลับหลัง เข้าวังใน
    นางทูลความ ตามสั่ง มาทั้งหมด แล้วซ้ำปด เติมแต่ง แถลงไข
    ครั้นรุ่งเช้า สาวน้อย ร้อยมาลัย ลอบไปให้ ชู้ชาย ไม่วายวัน ฯ
    สมเด็จท้าว ทศวงศ์ พงศ์กษัตริย์ พูลสวัสดิ์ วายวิโยค ที่โศกศัลย์
    ครั้นรุ่งแสง สุริย์ฉาย ขี้นพรายพรรณ จะรางวัล โยธา ที่ราวี
    จึงออกนั่ง ยังท้อง พระโรงหลวง พร้อมกระทรวง เสนาบดีศรี
    หน่อกษัตริย์ กับสาม เจ้าพราหมณ์ชี มาอยู่ที่ เฝ้าพร้อม น้อมประณต
    ต่างบังคม บดินทร์สูรย์ ทูลถวาย ว่าศึกฝ่าย นอกที่มา ล่าไปหมด
    สมเด็จท้าว ทศวงศ์ ทรงพระยศ จึงเผยพจนาตถ์ ประภาษพลัน
    ให้เอาเงิน เสื้อผ้า มาประทาน เหล่าทหาร ชาญกำแหง แข็งขยัน
    พวกนายมูล ขุนนาง ได้รางวัล ทั้งบ่าวบรรดาได้ ไปสงคราม
    แม้พระองค์ ทรงตรัส กับข้าเฝ้า บุรีเรา ราบเตียน ที่เสี้ยนหนาม
    จะรางวัล ฉันใด ให้เจ้าพราหมณ์ จะสมตาม ความชอบ ประกอบการ ฯ
    ฝ่ายอำมาตย์ เสนา พฤฒามาตย์ เฝ้าพระบาท ดาษดา อยู่หน้าฉาน
    ทูลสนอง ต้องตาม ความโบราณ พระอวตาร พูลบำเหน็จ เมื่อเสร็จทัพ
    ให้เสนา พานรินทร์ ไปกินเมือง ได้เจียดทองรองเรือง เครื่องประดับ
    ซึ่งเจ้าพราหมณ์ รบแขก ให้แตกยับ ก็ต้องกับ มีนัย พระอัยการ
    ควรจะให้ ไปรักษา อาณาเขต ครองประเทศ ธานินทร์ เป็นถิ่นฐาน
    ทั้งเครื่องทรง มงกุฎ สร้อยสังวาล ควรประทาน ให้เจ้าพราหมณ์ ตามทำนองฯ
    สมเด็จท้าวเจ้าบุรินทร์บดินทร์สรูย์ ได้ฟังทูลถูกระบอบตอบสนอง
    ยังมีต่อ
     
  2. 8ocdj said:

    Re: พระอภัยมณีตอนที่ 7 ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา

    สมเด็จท้าว เจ้าบุรินทร์ บดินทร์สูรย์ ได้ฟังทูล ถูกระบอบ ตอบสนอง
    ซึ่งปรึกษา เหมือนเรานึก ที่ตรึกตรอง จะให้ครอง จันตประเทศ เป็นเขตต์คัน
    มีเครื่องอาน พานพระศรี ที่ลูกหลวง ทุกกระทรวง เร่งรัด ไปจัดสรรค์
    ตาบประดับ ทับทรวง สังวาลย์วรรณ ให้ครบครัน เครื่องทรง อลงการ ฯ
    เจ้าพราหมณ์ฟัง บังคม บรมนาถ เชิงฉลาด ผันผ่อน ให้อ่อนหวาน
    ซึ่งพระองค์ ทรงศักดิ์ จักรวาล จะประทาน บ้านเมือง และเครื่องทรง
    ขอคืนไว้ ในท้อง พระคลังหลวง ข้าทั้งปวง พี่น้อง ไม่ต้องประสงค์
    ซึ่งอาสา มาประจญ รณรงค์ หวังพระองค์ ทรงฤทธิ์ เหมือนบิดา
    ด้วยท่องเที่ยว เปลี่ยวองค์ เหมือนนกไร้ ไม่มีไม้ รวงรัง เป็นฝั่งฝา
    อันโฉมงาม พราหมณ์น้อย ผู้น้องยา ขอฝากไว้ ใต้ฝ่า บาทบงสุ์
    แต่ข้าสาม พราหมณ์พี่ จะลีลาศ เที่ยวประพาส หิมวา ป่าระหง
    ควรมิควร ข้อใด ที่ใจจง ขอพระองค์ ออกโอษฐ์ ช่วยโปรดปราน ฯ
    พระฟังคำ ทำเชือน เบือนพระพักตร์ รู้ว่ารัก พระธิดา ไม่ว่าขาน
    แต่นิ่งนึก ตรึกตรอง อยู่ช้านาน จะคิดอ่าน เอาใจ ฉันใดดี
    ครั้นจะให้ ธิดา วายุพักตร์ จะเสียศักดิ์ กษัตรา น่าบัดสี
    แม้นมิให้ ก็ไม่อยู่ ในบูรี เสียดายฝี มือณรงค์ ทรงกำลัง
    จะเล้าโลม เอาใจ เขาไว้ก่อน ค่อยบิดผ่อน เพทุบาย ต่อภายหลัง
    จึงว่าเจ้า ข้าวของ ให้คืนคลัง เพราะเยาว์ยัง ไม่ได้อยู่ กับคู่ครอง
    เป็นไรมี ที่ประสงค์ จำนงนึก เราก็ตรึก อยู่ดอกเจ้า อย่าเศร้าหมอง
    จะเลี้ยงไว้ ในบุรี ทั้งพี่น้อง เป็นบุตรของ บิดา อย่าอาดูร
    ทั้งแว่นแควัน แดนสุธา อาณาจักร เจ้าจงรัก สิ่งใด มิให้สูญ
    เว้นแต่ดวง ดาวตะวัน อันจำรูญ จงเพิ่มพูน ผาสุก ทุกเวลา
    พ่อนึกหวัง ตั้งจิตต์ มิคิดจาก จะได้ฝาก ซากศพ โอรสา
    พระโอนอ่อน ผ่อนผัน จำนรรจา แล้วลีลา กลับหลัง เข้าวังใน ฯ
    ฝ่ายเสนา ข้าเฝ้า กับเจ้าพราหมณ์ ต่างไต่ถาม พูดจา อัชฌาไสย
    ที่รู้เท่า เย้าหยอก ให้ยวนใจ พ่อคงได้ สิ่งของ ที่ต้องการ ฯ
    พระแย้มยิ้ม พริ้มพราย สบายจิตต์ ขึ้นสถิต แท่นวิเชียร มณเฑียรสถาน
    พราหมณ์พี่เลี้ยง เคียงสำรวล ชวนสำราญ พระโปรดปราน เปรื่องนักหนา นุชาเรา
    แต่เดือนสาม ห้ามฤกษ์ มงคลราช จะต้องคลาด แคล้วเคลื่อน ไปเดือนเก้า
    น่าหัวเราะ เคราะห์กระไร ไม่บรรเทา แกล้งหยอกเย้า ยวนยี ศรีสุวรรณ ฯ
    หน่อกษัตริย์ ตรัสว่า นิจจาเอ๋ย อย่าพักเย้ย ยิ้มเยาะ หัวเราะฉัน
    ถึงอกพี่ ที่เป็น ก็เช่นกัน ต่างสรวลสันต์ สนทนา สุขาใจ ฯ
    ฝ่ายท่านเท้า เจ้าบุรี รมจักร กับองค์อรรคชายา อัชฌาไสย
    ครั้นพลบค่ำ ย่ำประถมยามไชย สถิตใน แท่นทอง ทั้งสององค์
    กรุงกษัตริย์ ตรัสเล่า ถึงเจ้าพราหมณ์ ที่ทูลความ เกี่ยวข้อง ต้องประสงค์
    เห็นท่วงที ศรีสุวรรณ นั้นจำนง ในโฉมยง ยุพเรศ เกษรา
    นี่แน่เจ้า เราจะทำ กระไรได้ วิไสยไพร่ กับกษัตริย์ ขัดหนักหนา
    สายสมร ผ่อนผัน ด้วยปัญญา จะพูดจา คิดอ่าน ประการใด ฯ
    นางโฉมยง ทรงฟัง รับสั่งตรัส ชุลีหัตถ์ ยิ้มย่อง สนองไข
    เพราะพระมา ถึงปรางค์ ที่ข้างใน แล้วซ้ำให้ เสกเสดาะ เคราะห์ธิดา
    อันลูกสาว เท้าไท ถ้าใครเห็น ไม่วายเว้น หวังสวาท ปรารถนา
    แต่พราหมณ์น้อย น่ารัก ลักขณา สมกับแก้ว เกษรา วิลาวรรณ
    น้องพิศดู ภูษา จินดาประดับ เครื่องสำหรับ พงศ์กษัตริย์ ล้วนจัดสรรค์
    ทั้งกิริยา พาที ก็ดีครัน เหมือนพงศ์พันธุ์ ท้าพระยา มาแต่ไกล
    แต่สามพราหมณ์ นั้นแลงาม เป็นพราหมณ์แท้ กระนี้แน่ แล้วพระองค์ อย่าสงไสย
    คุณของเขา เล่าก็อยู่ กับภูวนัย พระตรึกไตร ตรองความ ดูตามควร ฯ
    พระฟังนาง อย่างจะให้ มิได้ห้าม เห็นรักพราหมณ์ ลุ่มหลง ทรงพระสรวล
    จึงว่าพี่ นี้คเน ยังเรรวน สงสารนวล ลูกน้อย จะถอยยศ
    แม้นเชื้อวงศ์ พงศ์เผ่า เหมือนเจ้าว่า จะเษกสอง ครองภารา ให้ปรากฏ
    จะค่อยลอบ ปลอบถาม ให้งามงด แล้วทรงยศ ไสยา ในราตรี ฯ
    ครั้นรุ่งเช้า ท้าวออก พระโรงรัตน์ แกล้งทรงตรัส ไต่ถาม ความกรุงศรี
    ศรีสุวรรณ นั้นเฝ้า ฟังคดี ถึงสิบสี่ สิบห้า ทิวาวัน
    จะโปรดให้ หรือไม่ให้ ไม่ได้ข่าว ไปเฝ้าท้าว เธอก็ชวน แต่สรวลสันต์
    เสด็จขึ้น คืนมา ปรึกษากัน ศรีสุวรรณ ว่าฉันเห็น ไม่เป็นการ
    พวกในวัง ฟังข่าว ก็เปล่าหมด เห็นจะปด แต่หาก ว่าปากหวาน
    จะลักแก้ว เกษรา ยุพาพาล ไปสำราญ แรมป่า พนาไลย
    พี่จัดแจง แต่งผูก สำเภาน้อย พาล่องลอย ไปตาม แม่น้ำไหล
    เจ้าพราหมณ์ตอบ ปลอบน้อง ไม่ต้องใจ ถึงจะไป ก็ให้งาม ตามธรรมเนียม
    ด้วยชนก ชนนี เป็นที่รัก ทำหาญหัก โฉมฉาย จะอายเหนียม
    คิดเพลงยาว น้าวโน้ม ประโลมเลียม ว่ากรมเกรียม ตรอมอุรา จะลาจร
    นางโฉมยง คงจะตาม เจ้าพราหมณ์น้อย อย่าเศร้าสร้อย ทรงประดิษฐ์ คิดอักษร
    พระฟังความ สามนาย ค่อยคลายร้อน จึงเขียนกลอน แกล้งไว้ อาไลยลาน
    ครั้นเสร็จสรรพ พับผนิด ติดขี้ผึ้ง พอประภา มาถึง มณเฑียรสถาน
    ถวายพวง มาลัย ที่ในพาน แล้วก้มกราน คอยฟัง จะสั่งความ ฯ
    ศรีสุวรรณ รันทด ถอนใจใหญ่ แล้วว่าใจ ฉันนี้เจ็บ ดังเหน็บหนาม
    สู้เหนื่อยยาก พากเพียร พยายาม ไม่สมความ ปรารถนา น่าเสียดาย
    ไม่ขออยู่ สู้ซน ไปจนม้วย หนังสือนี้ พี่ช่วย เอาไปถวาย
    ส่งให้นาง พลางทำ ระทวยกาย ทั้งสามนาย แกล้งสะท้อน ถอนฤทัย
    นางประภา พิศดู ไม่รู้เท่า สงสารเจ้า โมรา น้ำตาไหล
    จะไต่ถาม ความเขิน สะเทิ้นใจ ถอนใจใหญ่ แล้วลา เข้ามาวัง
    ถึงพระนุช บุตรี ที่ในห้อง ทูลฉลอง เล่าตาม เนื้อความหลัง
    พระโฉมยง ทรงโศก เพียงทรวงพัง แล้วหยิบหนัง สือถวาย สายสุดใจ ฯ
    ยุพยง ทรงสดับ รับกระดาษ นึกประหลาด หลากจิตต์ คิดสงสัย
    ธุระเรื่อง เคืองเข็ญ เป็นเช่นไร แล้วทรามวัย คลี่สาร ออกอ่านกลอน
    ในสารา ว่าพระองค์ ทรงสวัสดิ์ ขอเสี่ยงสัตย์ ศุภลักษณ์ เป็นอักษร
    ให้ดวงเนตร เกษรา พงางอน ด้วยอาวรณ์ หวังสวาท ไม่ขาดวัน
    เมื่ออยู่สวน ครวญถึง คะนึงน้อง แม้นจะรอง ชลนา ก็กว่าขัน
    คราวเสดาะ เคราะห์พา ประสบกัน กับถึงวัน สงคราม เป็นสามครั้ง
    ครั้นกลับทัพ ลับนุช สุดสวาท ใจจะขาด คิดหมาย ไม่วายหวัง
    ถึงอยู่นอก แต่น้ำใจ อยู่ในวัง จะนอนนั่ง ในอารมณ์ ให้กรมกรอม
    โอ้อนาถ วาสนา พี่หาไม่ จึงมิได้ ชิดเชื้อ แม่เนื้อหอม
    เหมือนมดแดง แฝงพวง มะม่วงงอม เที่ยวไต่ตอม เต็มอยู่ ไม่รู้รส
    พี่รักเจ้า เอาชีวา เข้ามาแลก ช่วยรบแขก แตกทัพ กลับไปหมด
    มาอยู่วัง ตั้งเดือน ดูเหมือนมด ละอายอด สูใจ กระไรเลย
    เมื่อเสร็จศึก นึกจะสม อารมณ์มาด พระปิตุราช รู้แจ้ง ก็แกล้งเฉย
    ชะรอยเคราะห์ เพราะบุญ ไม่คุ้นเคย ขอลาเลย ล่วงสวรรค ครรไลย
    จะขืนอยู่ สู้โศก ก็สุดปล้ำ ในทรวงช้ำ เช่นเขาเชือด ให้เลือดไหล
    เหลือกำลัง จะประทัง ฤทัยไป พี่จำไกล กลอยสวาท ในชาตินี้
    เมื่อชาติหน้า อย่าให้แคล้ว กับแก้วเนตร ให้กอดเกษราชม ประสมศรี
    เป็นมนุษย์ ครุฑา วาสุกรี ขอให้พี่ พิศวาส ทุกชาติเอย ฯ
    นางอ่านจบ ตบอก ตกประหม่า อนิจจา พระทอง ของน้องเอ๋ย
    ยังมีต่อ
     
  3. 8ocdj said:

    Re: พระอภัยมณีตอนที่ 7 ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา

    นางอ่านจบ ตบอก ตกประหม่า อนิจจา พระทอง ของน้องเอ๋ย
    ที่คับแค้น แสนเข็ญ ไม่เห็นเลย ขืนว่าเฉย เชือนช้า ไม่ปราณี
    กรรมเอ๋ยกรรม ซ้ำร้าย อายอดสู จะมีคู่ คู่ก็อาง ขนางหนี
    ไหนจะทุกข์ ไหนจะตรม ระทมทวี ทรวงเท่านี้ หรือจะรับ อัประมาณ
    จะจากจริง ทิ้งน้อง หรือลองจิตต์ โอ้คิดคิด ถึงพระองค์ น่าสงสาร
    จะบรรไลย เสียให้พ้น ทนทรมาน พิษฐาน ขอครอง กับน้องน้อย
    ทุกข้อคำ ร่ำว่า น่าสมเพช ชลเนตร หยดเหยาะ ลงเผาะผ๋อย
    พระละห้อย คอยน้อง น้องก็คอย โอ้บุญน้อย น้อยใจ กระไรเลย
    สอื้นอ้อน อ่อนอารมณ์ จนลมจับ สลบหลับ แน่นิ่ง อิงเขนย
    ทั้งสี่นาง ต่างแล ชแง้เงย เอะทรามเชย เป็นไฉน ไม่ไหวติง
    เข้าประคอง ร้องหวีด เสียงกรีดกราด ใจจะขาด ซบเสือก ลงเกลือกกลิ้ง
    ทุกข์ระทม ลมประทะ ศีร์ษะวิง สลบนิ่ง อยู่กับที่ ทั้งสี่นาง ฯ
    ฝ่ายแสนสาว ชาวแม่ มาแลเห็น น้ำตากระเด็น ค่อนทรวง เข้าผางผาง
    แม่ปิ่นเกล้าเจ้านาย มาวายวาง สาวสุรางค์ร้องเรียก กันเพรียกไป
    บ้างโศกีตีอก ชกศีรษะ สงสารพระธิดา น้ำตาไหล
    บ้างรีบไปทูลฉลอง สองท้าวไท พระตกใจจับภูษา ละล้าละลัง
    ลงจากปรางค์ ต่างองค์ ทรงกรรแสง ทุกตำแหน่งนางห้าม มาตามหลัง
    ถึงปราสาทราชบุตร ไม่หยุดยั้ง ขึ้นบรรลังก์เห็นพี่เลี้ยง เคียงลูกยา
    ไม่ไหวติงนิ่งแน่ แลสลด ต้องกำสรดซบกาย ทั้งซ้ายขวา
    พระมารดรช้อนเกศ กอดธิดา ทรงโศกาสองกร เข้าค่อนทรวง ฯ
    กรุงกษัตริย์ตรัสเร่ง ให้เรียกหมอ วิ่งกันสอเสียงดัง ทั้งวังหลวง
    นางโขลนจ่าพาพวก แพทย์ทั้งปวง ทุกกระทรวงมาพร้อม น้อมประณต
    กรุงกษัตริย์ตรัสว่า บรรดาหมอ อย่ารั้งรอเร่งรักษา หาโอสถ
    หมอคำนับจับถ้วย สุธารส ละลายบดยาถวาย ให้หายฟื้น ฯ
    พระบุตรีพี่เลี้ยง ค่อยรู้สึก ทรวงสะอึกถอนใจ ให้สะอื้น
    เป็นโรครักปักจิตต์ ดังพิษปืน อุสาห์ฝืนองค์นั่ง ประทังกาย
    ทั้งหิวโหยโดยมิได้ จะไสยาสน์ เตโชธาตุหย่อนยิ่ง สวิงสวาย
    ผิดสังเกตเนตรนาง ก็พร่างพราย ให้คลับคล้ายเคลิ้มอารมณ์ ไม่สมประดี
    เหมือนหนึ่งในใจจะขาด ประหวาดหวั่น ว่าศรีสุวรรณกับสาม เจ้าพราหมณ์หนี
    ยิ่งแสนโศกโรคทับ กลับทวี ไม่พาทีซวนซบ สลบไป ฯ
    พระปิตุราชมาตุรงค์ พระองค์สั่น หมอทั้งนั้นเซ็งแซ่ เข้าแก้ไข
    ไม่ฟื้นองค์สงสาร สายสุดใจ ร่ำร้องไห้แซ่เสียง ทั้งเวียงวัง
    พระชนนีตีทรวงสอื้นอ้อน โอ้ขวัญอ่อนแม่ไม่ฟื้นคืนมานั่ง
    แต่ร่ำร้องเรียกลูกน้อย สักร้อยครั้ง ไม่เหลียวหลังมาทาง แม่บ้างเลย
    เมื่อมดหมอก็สุด ฝีมือแล้ว สงสารแก้วเกษรา นิจจาเอ๋ย
    มีอันเป็นเช่นนี้ ยังมิเคย นางบ่นเบยครวญคร่ำ ร่ำพิไร ฯ
    พระบิดาอาดรู ทูลเทวษ ชลเนตรหยดย้อย ละห้อยไห้
    เสียดายบุตรสุดสวาท จะขาดใจ พอคิดได้เหลียวหลัง สั่งกำนัล
    ไปเชิญพราหมณ์ข้างหน้า เข้ามานี่ เขาล้วนมีมนต์เวท วิเศษขยัน
    พวกผู้หญิงวิ่งมา ข้างหน้าพลัน อภิวันท์แจ้งความ ให้พราหมณ์ฟัง ฯ
    ศรีสุวรรณขวัญหาย หมายว่าม้วย จะไปช่วยฉุดเจ้าพราหมณ์ มาตามหลัง
    ไม่รอรั้งวิ่งเหย่า เข้าในวัง เห็นคนพรั่งพร้อมกัน กลั้นน้ำตา
    ขึ้นปรางค์ทองมองเมียง อยู่เพียงฉาก ไม่เห็นซากศพมิตร ขนิษฐา
    กรุงกษัตริย์เห็นพราหมณ์ ตามกันมา จึงบอกว่าบุตรี มีอันเป็น
    ครั้นแก้ฟื้นคืนแล้ว กลับสลบ ไม่เคยพบพ่อเอ๋ย ไม่เคยเห็น
    ทั้งกายาหน้าหลัง ยังไม่เย็น จะกลับเป็นหรือจะม้วย พ่อช่วยดู ฯ
    ศรีสุวรรณนั้นจะใคร่ เข้าใกล้น้อง จึงว่าต้องเทวดา พระราหู
    เคยแก้หายหลายคน ด้วยมนต์ครู จะขอดูกายา ยุพาพาล ฯ
    พระทรงฟังสั่งให้ ไขวิสูตร พอม่านรูดแลเห็นองค์ น่าสงสาร
    พระพักตรผ่องหมองคล้ำ ด้วยรำคาญ ทั้งซ้ำอ่านอักขรา ก็พาเฟือน
    ศรีสุวรรณนั้นหลง ทรงกรรแสง โอ้เสียแรงรักใคร่ ใครจะเหมือน
    สู้อุตสาห์พยายาม มาสามเดือน เจ้าพราหมณ์เตือนตกใจ กระไรเลย
    พระปิตุราชมาตุรงค์ พลอยสงสาร ไม่ว่าขานขวยเขิน ทำเมินเฉย
    พวกแสนสาวชาวแม่ ชะแง้เงย ไฉนเลยพราหมณ์น้อย พลอยโศกา ฯ
    หน่อกษัตริย์อัดอั้น กลั้นสะอื้น น้ำตาชื้นพรั่งพราย ทั้งซ้ายขวา
    แข็งพระทัยให้เอา น้ำอบมา ภาวนานึกความ ไปตามจน
    ขอเทวัญชั้นฟ้า สุธาทิพย์ อันลอยลิบเหาะเหิน เที่ยวเดินหน
    ทั้งปู่เจ้าเขาหลวง ข้าบวงบน ขอนิมนต์มาด้วย ช่วยชีวี
    แม้นแก้วเนตรเกษรา กับข้าบาท เคยร่วมอาสน์เชยชม ประสมศรี
    ขอให้น้ำในขัน สุวรรณนี้ ดังวารีท้าวสุทัศน์ สหัสไนย
    แล้วเข้าเคียงเตียงสุวรรณ บรรจถรณ์ เห็นนิ่งนอนนึกน่า น้ำตาไหล
    ค่อยปัดเป่าพรมพรำ น้ำดอกไม้ ชายสไบโบกปัด ช่วยพัดวี
    เดชะสัตย์อัธิษฐาน สำราญรื่น ค่อยพลิกฟื้นกายา มารศรี
    เห็นพราหมณ์น้อยเคียงข้าง นางยินดี อัญชลีแล้วก็หลบ ซบพักตรา ฯ
    พระปิตุราชมาตุรงค์ ตรงเข้าใกล้ ประคองให้ทรงกาย ทั้งซ้ายขวา
    เจ้าพราหมณ์น้อยถอยหลัง หลีกออดมา นั่งอยู่หน้าม่านทอง ที่ห้องกลาง
    สองกษัตริย์ตรัสปลอบ พระลูกแก้ว ไม่ม้วยแล้วนวลละออง อย่าหมองหมาง
    แม่เป็นไรกายสั่น ทั้งสรรพางค์ อย่าครวญครางบอกแม่ จะแก้กัน ฯ
    สงสารนุชบุตรีศรีสมร กำเริบร้อนโรคาเพียงอาสัญ
    ยังมีต่อ
     
  4. 8ocdj said:

    Re: พระอภัยมณีตอนที่ 7 ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา

    สงสารนุชบุตรี ศรีสมร กำเริบร้อนโรคา เพียงอาสัญ
    ได้เห็นคู่ชูชื่น ขึ้นครันครัน อภิวันท์ทูลฉลอง สองพระองค์
    ลูกฟั่นเฟือนเหมือนกับ จะดับจิตต์ ให้มืดมิดมึนตึง ตลึงหลง
    สุดจะฝืนขืนแข็ง แรงดำรง หากพระองค์ช่วยรอด ไม่วอดวาย ฯ
    สองกษัตริย์ ตรัสแจ้ง แถลงเล่า เพราะมนต์เจ้าพราหมณ์น้อย จึงค่อยหาย
    แต่โรคร้ายภายใน ยังไม่คลาย จงสบายบรรทม อย่าก้มกราน
    หลังสั่งสี่พี่เลี้ยง จงโลมเล้า ให้กินข้าวกินปลา กระยาหาร
    พวกสาวสาวเหล่านาง พนักงาน เอาอาการคอยออก ไปบอกความ
    แล้วลีลามานั่ง บัลลังก์รัตน์ โองการตรัส เรียกศรีสุวรรณถาม
    อันโรคแก้วเกษรา พงางาม ใจเจ้าพราหมณ์เห็นจะรอด หรือวอดวาย ฯ
    พระยิ้มพลางทางบังคม บรมนาถ อันโรคราชธิดา จะช้าหาย
    ถึงจะแก้แต่ไข้ ไม่คลาย ด้วยโรคร้ายรวนเร รำเพรำพัด
    ให้พวกแพทย์หมอยา รักษาด้วย จะได้ช่วยแรงเขา ช่วยเป่าปัด
    หม่อมฉันกับหมอขอค้าง อยู่ปรางค์รัตน์ จะได้ผลัดนอนนั่ง ฟังอาการ
    ถ้าทีนี้มีอันเป็น เหมือนเช่นนั้น แก้ไม่ทันถึงตัด อัติสาร
    จะลงยันต์กันไว้ ทุกใบบาน อ่านโองการแก้กัน อันตราย น
    สมเด็จท้าวทศวงศ์ ทรงสดับ เจ้าพราหมณ์รับอาสา ว่าช้าหาย
    ก็รู้เท่าเข้าใจ ในอุบาย อันแยบคายคิดจะอยู่ ดูธิดา
    เดิมก็หวัง ตั้งใจ จะให้เขา เดี๋ยวนี้เล่าเขาก็กลับ รับรักษา
    ตามกุศลผลกรรม ที่ทำมา วาสนาลูกน้อย กลอยฤทัย
    จึงแกล้งตรัสกลบเกลื่อน เหมือนไม่รู้ เออเอ็นดูเราด้วย ช่วยแก้ไข
    แล้วสั่งเหล่าชาวที่ บรรทมใน จงจัดให้หลับนอน ผ่อนสบาย
    ศรีสุวรรณกันเอง อย่าเกรงขาม กับสามพราหมณ์อยู่รักษา กว่าจะหาย
    แล้วถามถึงลูกน้อย ว่าค่อยคลาย ชวนกำนัลผันผาย ไปสู่ปรางค์ ฯ
    ฝ่ายชาวที่ทอดยี่ภู่ ปูบรรจ์ฐรณ์ ให้พราหมณ์นอนผาสุก ที่มุขขวาง
    ทั้งสุหนี่ยี่ภู่ ปูสำอาง เอาฉากกางกั้นห้อง ตรงช่องแกล
    ที่หมอบอยู่ปูพรม ให้สมหน้า กับเครื่องยาเอามาวาง ไม่ห่างแห
    พวกโขลนจ่ามาอยู่ คอยดูแล กับเถ้าแก่ที่สำหรับ กำกับกัน ฯ
    สงสารเจ้าเกษรา ธิดาราช ทรงไสยาสน์ ยามวิโยค ให้โศกศัลย์
    ทั้งไข้ใจไข้ฉลุ ประจุบัน ให้ป่วนปั่นปวดเศียร อาเจียนลม
    หมอประกอบยาถวาย หลายขนาน พระอาหารกลั้วกลืน ยังขื่นขม
    ให้หิวโหยโรยรา ในอารมณ์ นิ่งบรรทมพอประทัง กำลังองค์
    สี่พี่เลี้ยงเคียงข้าง ไม่ห่างโฉม ปลอบประโลมทรามสงวน นวลหงส์
    นางชูชื่นขืนแข็ง แรงดำรง ถามถึงองค์หน่อไท ไปหรือยัง ฯ
    พี่เลี้ยงยิ้มพริ้มพราย ค่อยคลายโศก จะดับโรคในอารมณ์ ให้สมหวัง
    ค่อยกระซิบเบาเบา เล่าให้ฟัง พระองค์ยังอยู่รักษา พยาบาล
    เขาจัดให้ไสยา ตรงหน้ามุข เป็นผาสุกร่วมปราสาท ราชฐาน
    แต่แรกรู้ดูรีบ มาลนลาน น่าสงสารโศกา ต่อหน้าคน ฯ
    นางฟังคำร่ำเล่า ถึงทรงเดช ชลเนตรหยดย้อย ดังฝอยฝน
    แต่ค่อยชื่นฝืนกำลัง ประทังทน บรรทมบนแท่นรัตน์ ชัชวาล ฯ
    ฝ่ายพระหน่อบพิตร อดิสร ยามสมรมีโรค โศกสงสาร
    คอยเรียกเหล่าสาวสรรค พนักงาน ถามอาการกัลยา ทุกนารี
    ที่นึกรักซักไซ้ มิใคร่จบ ชำเลืองพบสาวน้อย ชม้อยหนี
    ครั้นโพล้เพล้เพลาเวลา จะราตรี แสงอัคคีโคมสว่าง ดังกลางวัน
    สำเนียงนางครางครวญ หวนละห้อย พระเศร้าสร้อยพลอยทรง กรรแสงศัลย์
    แสนรัญจวนป่วนใจ ด้วยไกลกัน สุดจะกลั้นกลัวความ เมื่อยามร้อน
    จึงเสแสร้งแกล้งว่า เวลาค่ำ จะต้องทำกันกาย สายสมร
    ถือใบตาลกระบองเพชร เสด็จจร ไปบรรจ์ฐรณ์แท่นสถิต พระธิดา ฯ
    พี่เลี้ยงน้อมพร้อมพรั่ง เชิญนั่งอาสน์ พระหน่อนาถนิ่งพินิจ ขนิษฐา
    ดูเผือดผิวหิวโหย เห็นโรยรา ทั้งนวลหน้าน้องรันทด สลดลง
    แล้วผอมซูบรูปองค์ ทรงสัณฐาน แสนสงสารทรามสงวน นวลหงส์
    เงียบระงับหลับอยู่ ไม่รู้องค์ พระเคลิ้มหลงลูบนาง ทางประโลม ฯ
    พระธิดาว้าหวั่น กระสันเสียว ชำเลืองเหลียวเห็นองค์ พระทรงโฉม
    มานั่งเรียงเคียงข้าง สว่างโคม ที่ทุกข์โทมนัสนั้น ค่อยบันเทา
    อุสาห์ทรงองค์ขยับ อภิวาท น้องไสยาสน์ยกโทษ จงโปรดเกล้า
    ด้วยหนาวเหน็บเจ็บปวด ให้รวดร้าว พระมาเฝ้าอยู่ไย ไม่ไสยา ฯ
    พระรับขวัญขวัญใจ วิไลลักษณ์ เพราะความรักพี่จึงอยู่ สู้รักษา
    ให้น้องน้อยค่อยสบาย คลายโรคา จึงจะลาโฉลา เยาวมาลย์
    ซึ่งซูบกายสายสมร เพราะร้อนโรค พี่พลอยโศกซูบลง เพราะสงสาร
    แม่เจ็บไข้พี่ก็ไข้ ใจรำคาญ เยาวมาลย์ม้วยหมาย จะตายตาม
    พี่รักน้องสองกษัตริย์ ก็ทราบสิ้น ยุพาพินเจ้าอย่าหมาง ระคางขาม
    ขอฟูมฟักรักษา พงางาม ให้สมความรักใคร่ อาลัยลาน
    แม่แก้วเนตรเกษรา อุตสาห์เสวย อย่าละเลยโภชนา กระยาหาร
    นางคำนับรับรส พจมาน พระสงสารรับขวัญ ให้บรรทม
    คอยระวังนั่งเฝ้า แต่เป่าปัด สองกษัตริย์สุจริต สนิทสนม
    ไม่เดียงสาน่าเอ็นดู เหมือนคู่ชม นางบรรทมพระประทับ ให้หลับไป ฯ
    ฝ่ายโขลนจ่าข้าหลวง ที่ล่วงรู้ สังเกตดูมั่นคง ไม่สงสัย
    ต่างปรึกษาว่ากรรม ทำอย่างไร ถ้าใครใครเขามาเห็น ไม่เป็นการ
    เจ้าพราหมณ์น้อยพลอยเข้าไป อยู่ในห้อง เคียงประคองพระธิดา น่าสงสาร
    ดูสนิทชิดเชื้อ เหลือประมาณ จะมินานแล้วกระมัง จึงอย่างนี้
    บ้างบ่นว่าถ้าทราบ ถึงทรงเดช พวกเรานี้มีวิเสท ก็โรงสี
    บางคนว่าน่าชม สมกันดี เราจะมีผิดไย มิใช่การ
    พวกท้าวนางต่างห้าม ให้ความหมาย อย่าวุ่นวายว่ากล่าว ให้ร้าวฉาน
    นางประชวรส่วนเธอมา พยาบาล น่าสงสารสงสัย ทำไมมี ฯ
    ฝ่ายพระหน่อบพิตร อดิศร สู้อดนอนมารักษา มารศรี
    เห็นนางหลับ จับพัชนีวี อยู่ข้างที่แท่นทอง จนสองยาม ฯ
    ฝ่ายทั้งสี่พี่เลี้ยง เคียงบรรจ์ฐรณ์ ต่างว่าวอนทรงฤทธิ์ ด้วยคิดขาม
    ยังมีต่อ
     
  5. 8ocdj said:

    Re: พระอภัยมณีตอนที่ 7 ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา

    ฝ่ายทั้งสี่พี่เลี้ยง เคียงบรรจ์ฐรณ์ ต่างว่าวอนทรงฤทธิ์ ด้วยคิดขาม
    เข้าฟูมฟักรักษา ชล่าลาม ท้าวทราบความเคืองขุ่น จะวุ่นวาย
    คำโบราณท่านว่า อย่าละโมภ ถ้าหลงโลภลาภน้อย จะพลอยหาย
    พวกแสนสาวท้าวนาง เจ้าขรัวนาย รู้ระคายเขาจะว่า น่ารำคาญ ฯ
    พระเคืองคำทำตอบ ว่าชอบอยู่ พี่ไม่รู้หรือว่า รัก สมัครสมาน
    ได้ทูลขอรอมา ก็ช้านาน ไม่เป็นการย่อมรู้ อยู่ด้วยกัน
    เพราะเจียมตัวกลัวผิด จึงปิดป้อง แทบพระน้องเกษรา จะอาสัญ
    เดชะบุญหนุนมา รักษาทัน จะให้ฉันทิ้งนาง เสียอย่างไร
    ถึงผิดพลั้งครั้งนี้ เมื่อวิบาก จะจรจากแก้วตา อย่าสงสัย
    ไม่ว่าเล่นเป็นไร ก็เป็นไป ได้เจ็บใจแล้วไม่คิด ชีวิตเลย
    พอแปดทุ่มพระธิดา ผวาผวาด พระหน่อนาถนั่งประคอง รองเขนย
    ปลอบประโลมโฉมงาม ว่าทรามเชย เชิญเสวยโอสถ สะกดลม ฯ
    นางคำนับรับจอก จากพระหัตถ์ ไม่ข้องขัดอุตสาห์กลืน ทั้งขื่นขม
    สงสารองค์ทรงยศ อดบรรทม พลอยปรารมภ์ร่ำว่า สาระพัน
    พระผ่านเกล้าเฝ้านั่ง ระวังน้อง จะหม่นหมองมีพระโรค ให้โศกศัลย์
    เสด็จไปไสยาสน์ อาสน์สุวรรณ พอแก้กันครหา ไม่ราคิน
    ด้วยแสนสาวท้าวนาง ในปรางค์มาศ จะประหลาดหลากจิตต์ คิดถวิล
    ถึงมิชั่วก็เหมือนชั่ว มั่วราคิน เขาจะนินทาทำ ให้รำคาญ
    ถึงชนกชนนี จะมิว่า เห็นแก่หน้าน้องรัก อย่าหักหาญ
    คำผู้ใหญ่ย่อมว่า ช้าเป็นการ ยิ่งเนิ่นนานก็จะเห็น ยิ่งเป็นคุณ
    พระรักน้องน้องก็รู้ อยู่ว่ารัก แต่คิดหักหน่วงเหนี่ยว อย่าเฉียวฉุน
    มาฟูมฟักรักษา เพราะการุญ ขอบพระคุณควรคิด เหมือนบิดา
    แม้นชีวิตน้องมิตาย ก็หมายมาด จะรองบาทบทเรศ พระเชษฐา
    แม้นผิดองค์ทรงเดช ของเกษรา ถึงลอยฟ้ามาก็ไม่ อาลัยแล
    ยังมิดมิดอยู่ก็ปิด ไว้ก่อนเถิด อย่าเพิ่งเปิดให้เขาเห็น ว่าเป็นแผล
    ใช่ไกลใกล้ไปมา เพียงหน้าแกล ไม่ห่างแหเห็นกัน ทุกวันคืน
    อดบรรทมลมล่อย จะพลอยจับ ไปนอนหลับผ่อนพัก เสียสักตื่น
    เช้าสามยามย่ำประโคม อยู่โครมครื้น พระมาขืนเนตรนั่ง ไม่บังควร ฯ
    พระรับขวัญขวัญอ่อน อย่าร้อนเร่า ไม่ขัดเจ้าโฉมงาม ทรามสงวน
    พี่เหมือนหมอขอช่วย ด้วยประชวร ใช่จะกวนแก้วตา ให้ราคี
    อย่าตรึกตราปรารมภ์ บรรทมเถิด โรคจะเกิดกวนน้อง ให้หมองศรี
    พลางปลอบให้ไสยา ด้วยปราณี แล้วช่วยคลี่คลุมบรรทม ห่มให้นาง
    เห็นม่อยหลับกลับหลัง มายังอาสน์ อิงเขนยเผยสิงหาสน์ ให้กว้างขวาง
    เล่าแถลงแจ้งความ ให้พราหมณ์พลาง พระนุชนางน้องน้อย เห็นค่อยคลาย ฯ
    เจ้าพราหมณ์ ยิ้มพริ้มเพรา เข้ากระซิบ วางยาทิพย์แล้วเป็นไร จะไม่หาย
    ประเดี๋ยวนี้พี่ก็พลอย ค่อยสบาย ด้วยกลิ่นอายเกสร ขจรมา
    แล้วเลียมลูบจูบหัตถ์ ทั้งสองข้าง น้อยหรือช่างหอมกระทั่ง พระมังสา
    ประหลาดจิตต์ผิดรส สุคนธา หรือดอกฟ้าติดต้อง ลอองนวล ฯ
    พระยิ้มพลางทางตอบ ว่าขอบจิตต์ กลิ่นชาววังยังติด มาแต่สวน
    อย่าอาวรณ์ร้อนเล่า เฝ้าคร่ำครวญ จะช่วยชวนมาในฉาก ไม่ยากเย็น
    พราหมณ์หัวเราะเยาะว่า มาอยู่ใกล้ เมื่อคราวไข้ก็เป็นแต่ ได้แลเห็น
    ถ้าขัดข้องต้องพา น้ำตากระเด็น พูดกันเล่นอยู่จนแจ้ง แสงอุทัย ฯ
    ฝ่ายโฉมยง องค์ชนนีนาถ พอภานุมาศไตรตรัส จรัสไข
    มาปราสาทพระธิดา ด้วยอาลัย เข้าห้องในแท่นทอง ประคององค์
    เห็นลูกน้อยค่อยคลาย วายวิโยค ถามถึงโรคที่ประชวร นวลหงส์
    ที่วิงเวียนเศียรสมร ค่อยหย่อนลง หรือโฉมยงยังรำคาญ ประการใด ฯ
    พระบุตรีกราบก้ม บังคมบาท นุชนาฏเล่าแจ้ง แถลงไข
    ได้โอสถรสรื่น ค่อยชื่นใจ แต่ยังให้หิวโหย โรยกำลัง ฯ
    พระมารดาวอนว่า อุตสาห์เสวย แม่ทรามเชยจะได้ชื่น ขึ้นมามั่ง
    จงหลับนอนผ่อนใจ ให้ประทัง รำพรรณสั่งบุตรี แล้วลีลา
    มานั่งแท่นที่กลาง ปรางค์ปราสาท กำนัลนาฏหมอบราย ทั้งซ้ายขวา
    หน่อกษัตริย์ตรัสชวน พราหมณ์พี่ยา กับหมอมากราบกราน พระมารดร ฯ
    นางกษัตริย์ตรัสเล่า ถึงลูกน้อย โรคาค่อยเบาทรวง ดวงสมร
    แต่ลุกนั่งยังไม่ตรง องค์บังอร ประเดี๋ยวร้อนประเดี๋ยวเย็น เป็นอย่างไร ฯ
    เจ้ากรมหมอขอรับ อภิวาท สันนิบาตเพื่อเส้น เป็นกษัย
    บ้างทูลว่าอาโป นั้นหย่อนไป ทั้งติดไข้เพศเหนือ เพื่อฤดู
    บ้างว่าลมแล่นใน ไม่สะดวก หมอทั้งพวกเถียงกัน สนั่นหู
    นางพระยาว่าเจ้าพราหมณ์ มีความรู้ สังเกตดูโรคเห็น เป็นอย่างไร ฯ
    ศรีสุวรรณทูลว่า อย่าปรารภ ข้าเคยพบแก้หาย มาหลายไข้
    จะรักษาพยายาม นางทรามวัย ให้หายในเดือนหน้า ไม่ช้านาน ฯ
    นางฟังคำชำเลือง ดูพราหมณ์น้อย ดูเศร้าสร้อยซูบลง ก็สงสาร
    เพราะจงจิตต์พระธิดา ยุพาพาล พลอยรำคาญขุ่นข้อง จึงหมองนวล
    พินิจพลางนางกษัตริย์ ตรัสปราสัย แม่ขอบใจแล้วเจ้าพราหมณ์ ทรามสงวน
    มาอยู่ด้วยป่วยไข้ ก็ได้กวน พระคุณควรจะสนอง ให้ต้องใจ
    อันทรงฤทธิ์บิดา ชราภาพ จะปรามปราบยุคเข็ญ เห็นไม่ไหว
    เจ้าเหมือนบุตรสุดรัก ร่วมฤทัย พ่อคงได้แว่นแคว้น ทั้งแดนดาว
    ขอแก้วเกษรา ธิดาด้วย เอ็นดูช่วยปกป้อง เหมือนน้องสาว
    ศรีสุวรรณนั้นเหมือนหุ่น พึ่งรุ่นราว จะคราวคราวกันกับแก้ว เกษรา
    แล้วถามไถ่ไล่ปี ดูพี่น้อง เห็นถูกต้องคืนวัน ชันษา
    เจ้าพราหมณ์ยิ้มพริ้มพราย อายวิญญา พระมารดาซ้ำช่วย อำนวยพร
    แล้วว่าเจ้าพราหมณ์มา รักษาน้อง พลอยหม่นหมองไม่มีสุข สโมสร
    ขืนอารมณ์ลมจะจับ จงหลับนอน สายสมรนั้นแม่เห็น ไม่เป็นไร ฯ
    ศรีสุวรรณปัญญา ฉลาดแหลม ทำแช่มแช่มช่างว่า อัชฌาสัย
    ถึงคับที่นอนหลับ ไม่คับใจ ลูกจะไว้ชีวาตม์ ใต้บาทมูล
    แม้นผิดพลั้งอย่างไร จงได้โปรด ประทานโทษอนุญาต ให้ขาดสูญ
    ถ้าชุบเลี้ยงเพียงวงศ์ พงศ์ประยูร จะเพิ่มพูนผาสุก ทุกเวลา
    ซึ่งโฉมงามทรามสงวน ประชวรโรค ลูกพลอยโศกเศร้านัก จะรักษา
    ไม่โหยกเหยกเสกสรร จำนรรจา พระมารดาอย่าเป็นห่วง ด้วยดวงใจ ฯ
    นางฟังคำล้ำลึก แล้วนึกยิ้ม เห็นหงิมหงิมพูดจา จะหาไหน
    สายอยู่แล้วพระมารดา จะคลาไคล เจ้าจงไปหลับนอน ผ่อนสำราญ
    แล้วถามถึงลูกน้อย ว่าค่อยชื่น เสด็จคืนขึ้นปราสาท ราชฐาน
    แต่พิทักษ์รักษา พยาบาล กำหนดนานถึงสิบห้า ทิวาวัน ฯ
    ฝ่ายพระนุชบุตรี นารีราช สุดสวาทวายวิโยค ที่โศกศัลย์
    ด้วยได้หมอหน่อกษัตริย์ ชงัดครัน จึงหายวันหายคืน ชื่นอารมณ์
    พวกพี่เลี้ยงสี่นาง ค่อยสร่างทุกข์ ถอนใจจุกแล้วก็ผลัด กันตัดผม
    พระบุตรีมิได้จาก แท่นบรรทม ทำระบมบอกป่วย ด้วยมารยา
    จะบอกหายฝ่ายองค์ ทรงสวัสดิ์ จะพรากพลัดเสียให้ห่าง เสน่หา
    ถึงสร่างโศกโรครัก หนักอุรา เสวยยาอย่างอื่น ไม่ชื่นองค์ ฯ
    โปรดติดตามอ่านตอนที่ 8 อภิเษกศรีสุวรรณ