.
ก่อนตายของชาติที่แล้ว
เราทุกคนจะมีกรรมนำเกิด (ชนกกรรม)
มาปรากฏเป็นอารมณ์ตอนใกล้จะตายใช่ครับตรงนี้ คือ กรรมอารมณ์ กรรมนิมิตอารมณ์ หรือ คตินิมิตอารมณ์ จะปรากฏเป็นอารมณื คือกรรมนำเกิด
แล้วจิตดับจากชาติที่แล้ว ซื่งจุติจิต จะทำหน้าที่จุติกิจ
ในวิถีจิตสุดท้ายตอนจะตาย
เมื่อกรรมนำเกิดมาปรากฏ
เป็นอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งก่อนที่จุติจิตจะเกิด
คือมาปรากฏเป็น กรรมอารมณ์ กรรมนิมิตอารมณ์ หรือคตินิมิตอารมณ์
หลังจากนั้นแล้ว จุติจิตซึ่งเป็นจิตสุดท้ายของชาติที่แล้วก็ดับลง
ก็เคลื่อนจากภพชาตินั้นทันที
ปฏิสนธิจิตนี้เป็นวิบากจิต เป็นผลของกรรม
ถ้าเป็นผลของกุศลกรรม ก็เกิดในสุคติภูมิ
เช่น มนุษย์ เทวดา พรหม ฯลฯ
สำหรับคนทั่วๆ ไป ก็จะปฏิสนธิ
ด้วยมหาวิบากจิตดวงใดดวงหนึ่งใน 8 ดวง
ส่วนผู้ที่เกิดด้วยผลของกุศลซึ่งมีกำลังอ่อน
ก็จะปฏิสนธิด้วยอุเบกขาสันตีรณกุศลวิบากจิต
เป็นผู้ที่พิการแต่กำเนิดใช่ครับเมื่อจุติจิตดับ ปฏิสนธิจิตจะเกิดต่อ ทำหน้าที่ปฏิสนธิกิจ ตามอารมณ์ที่ปรากฏเป็นอารมณ์สุดท้าย ของกุศลกรมมและอกุศลกรรม
ปฏิสนธิจิตเกิดสืบต่อในภพชาติใหม่ทันที
โดยมีกรรมนำเกิดที่ปรากฏเป็นอารมณ์ก่อนตายของชาติที่แล้วนั้นเองเป็นปัจจัย
หากเป็นผลของกุศลกรรม ก็เกิดในสุคติภูมิ
ปฏิสนธิด้วยมหาวิบากจิตดวงใดดวงหนึ่งใน 8 ดวง
หรือถ้าเป็นผลของกุศลกรรมที่มีกำลังอ่อน
ก็ปฏิสนธิด้วยอุเบกขาสันตีรณกุศลวิบากจิต
เป็นผู้ที่พิการแต่กำเนิด
แต่หากเป็นผลของอกุศลกรรม ก็เกิดในทุคติภูมิ
ปฏิสนธิด้วยอุเบกขาสันตีรณอกุศลวิบากจิต
ผู้ใดเกิดด้วยจิตประเภทใด
จิตประเภทนั้นก็จะรักษาภพชาตินั้นไว้
จนกว่าจะตายก็ทำหน้าที่เคลื่อนจากภพชาติถูกต้องครับภวังคจิต ทำหน้า้ที่ภวังคกิจ รักษาภพชาตินั้นไว้จนกว่าจะเคลื่อนจากชาตินั้นคือจุติจิตอีกครั้ง
ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต จุติจิต ที่เกิดขึ้นนี้
ยังไม่ใช่วิถีจิตที่จะไปรับรู้อารมณ์ใดๆ ของภพชาตินั้น
ไม่ได้อาศัยทวารใดเป็นทางรับรู้อารมณ์ของภพชาตินั้นเลย
ยังไม่มีการเห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รส ไม่รู้สัมผัส
ไม่มีการนึกคิดเป็นเรื่องราวใดๆ เลยถ้าเป็นผู้ที่กำเนิดในครรภ์ตรงนี้กล่าวถึงที่อยู่ในท้องใช่ป่ะค่ะ
ขณะที่ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นก็แน่นอนว่ายังอยู่ในครรภ์
หลังจากที่ปฏิสนธิจิตดับลง
จิตดวงต่อไปที่เกิดต่อก็เป็นภวังคจิต
แล้วก็เป็นภวังคจิตเกิดสืบต่อกันไปเรื่อยๆ
(จนกว่าจะมีวิถีจิตเกิดขึ้น แต่จะยังไม่เกล่าวถึง)
ช่วงระยะนี้ก็ยังอยู่ในครรภ์
และดังที่เรียนให้ทราบว่า
ภวังคจิตนี้ทำหน้าที่รักษาภพชาติให้ดำรงไว้...ให้ยังไม่ตาย
ดังนั้น ภวังคจิตนี้ก็จะต้องเกิดดับสืบต่อกันไปเรื่อยๆ อยู่เสมอ
ตั้งแต่ในครรภ์ จนกระทั่งคลอดออกมา
จนกระทั่งโต จนกระทั่งก่อนจุติจิตจะเกิดน่ะครับ
แต่...ชีวิตนี้ไม่ได้มีแค่ภวังคจิตที่รักษาภพชาติ
แต่ยังมีวิถีจิตเกิดขึ้นรับรู้อารมณ์ต่างๆ ด้วย
จึงมีการเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัส และนึกคิดต่างๆ นาๆ
เกิดขึ้นสลับกันไปด้วยอย่างมากมายน่ะครับ
ขณะใดที่เราพอจะรู้ว่านี้คือภวังคจิต
ก็คือขณะที่กำลังหลับสนิทนั่นเองคับ
ขณะที่กำลังหลับสนิทนั่นแหละ
คือภวังคจิตที่เกิดดับสืบต่อไปเรื่อยๆ นั่นเองครับ
แต่กระนั้น ชื่อว่าจิตแล้วก็ต้องมีอารมณ์ของจิตเสมอ
ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต จุติจิต ในภพชาติเดียวกันนั้นจะมีอารมณ์เดียวกัน
คืออารมณ์ใกล้ตายของชาติที่แล้ว
ซึ่งก็ได้แก่ กรรมอารมณ์ กรรมนิมิตอารมณ์ หรือ คตินิมิตอารมณ์
อย่างใดอย่างหนึ่งนั่นเอง ซึ่งก็คือกรรมนำเกิด
ที่ปรากฏเป็นอารมณ์สุดท้ายก่อนตายของชาติที่แล้วนั่นเองครับตั้งแต่อยู่ในท้องจนกระทั่งคลอดคืออารมณ์เดียวกัน นี้คือขณะที่อยู่ในท้องหรือค่ะ
กระทั่งโต กระทั่งจะตายอีกรอบนึงเลยครับ
ถ้าอ่านหัวข้อก่อนหน้านี้ ก็จะเข้าใจครับ
อนุโมทนาอย่างยิ่งเลยครับ
เริ่มค่อยๆ เข้าใจเป็นลำดับขึ้นแล้ว
สาธุครับ
เดฟ