24.12.55 ธรรมนำใจ ป.จิตธรรม
ศีล สมาธิ ปัญญา ศีลเป็นข้อจำกัดการเบียดเบียนต่อตัวเราเองและผู้อื่น ศีลจึงเป็นแม่บท เป็นทุกสิ่งของความดีทั้งหลายในโลก ที่ใดมีศีลที่นั้นมีความสงบสุข ที่ใดไม่มีศีลที่นั้นก็จะเป็นสถานที่ที่วุ่นวายก่อเกิดความรุนแรงได้ตลอด ศีลจึงเป็นข้อจำกัดเป็นข้อบังคับทำให้เราเป็นคนที่ไม่ละเมิดที่จะทำความเดือดร้อนให้กับตัวเองหรือบุคคลอื่น
ฉะนั้นการรักษาศีลจึงเป็นต้นทางของการทำความดี ถ้าศีลหมดจดบริสุทธิ์รักษาศีลได้มากก็เป็นบุญกุศล เป็นเหตุแห่งการกระทำที่เป็นมหากุศลทั้งสิ้น การจะไปก่อกรรมสร้างบาปนั้นไม่มี ศีลจึงเป็นรากเง้าของความเป็นคนที่สมบูรณ์ การรักษาศีลนั้นต้องพยายามกระทำด้วยสัจจะที่ตั้งมั่น ต้องทำให้ถึงพร้อม ต้องระมัดระวัง อย่าให้พลั้งเผลอหรือพลั้งพลาดทำให้ศีลนั้นมัวหมอง
สิ่งเล็กๆ น้อยๆที่ผ่านมาในชีวิตของเราถ้าเรามีองค์ศีลที่ตั้งมั่นเราก็จะไม่มีวันผิดพลาด การรักษาศีลอย่างเข้มข้น ย่อมเป็นผลบุญกุศลที่สูงสุด เพราะจิตไม่เป็นอกุศลกรรม จิตนั้นมีแต่กุศลกรรมทั้งสิ้น ไม่ว่าการกระทำใดๆ ที่มีองค์ศีลเป็นตัวกำกับสิ่งนั้นๆ ย่อมสำเร็จลุล่วง ถ้าสร้างทานก็ได้ทานที่เต็มบริบูรณ์ ถ้าสร้างบุญกุศลก็ได้บุญกุศลที่เต็มบริบูรณ์เฉกเช่นกัน
ศีลเป็นตัวรักษาจิต ทำให้จิตของเรานั้นมีความสดใสมีความสุข เพราะจิตนั้นจะระแวดระวังในเรื่องการผิดพลาดในเรื่องการล่วงละเมิดที่เป็นต้นเหตุของการก่อกรรม ฉะนั้นการรักษาศีลจึงเป็นสิ่งที่คนที่เกิดมาแล้วในโลกพึงกระทำให้ได้มาก ต้องพยายามตั้งสัจอธิฐานรักษาศีลอย่างเคร่งครัด ทุกวันนี้คนเราปฏิบัติภารกิจไม่ว่าการกระทำใดๆ ถ้ามีศีลเป็นตัวรองรับ สิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็เป็นไปด้วยเหตุแห่งความดีทั้งสิ้น ความผิดพลาดในการกระทำต่างๆ ย่อมไม่มี เมื่อสิ่งต่างๆ ที่ไม่มีความผิดพลาด ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นกุศลกรรมทั้งสิ้น
ชีวิตเราเกิดมาเราอาจเคยล่วงละเมิดมาแต่ครั้งอดีต แต่เนื่องด้วยสภาวะแวดล้อมต่างๆ จึงทำให้เราพลั้งพลาด แต่มาถึงวันนี้เรามีโอกาสแล้ว ต้องพยายามหมั่นปฏิบัติให้ถึงพร้อม ที่ใดมีศีลที่นั้นมีสุข ศีลเป็นหัวใจเป็นแม่บทของการปฏิบัติทั้งหลายในโลก คุณงามความดีต่างๆ ในองค์ศีลนั้นเป็นที่สิ้นสุดแห่งความดี และเป็นที่สิ้นสุดแห่งความไม่ดีทั้งหลาย ใจที่มีศีลเป็นประธานย่อมเป็นใจที่มีเมตตาธรรม เป็นใจที่มีความสุขสดชื่น เป็นใจที่มีความประเสริฐ
ศีลรักษาคนไม่ว่าเราไปสถานที่ใดเกิดสิ่งใดที่ไม่ดีไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุอันตรายทั้งหลาย ศีลนั้นก็สามารถคุ้มครองได้ ถ้าเรามีศีลประจำใจเหตุร้ายๆ ใดๆ ก็ไม่มี เพราะศีลเป็นตัวรักษาเป็นตัวป้องกันเป็นตัวคุ้มกัน เรารักษาศีลได้ยิ่งเคร่งครัดทุกสิ่งทุกอย่างในโลกที่เรากระทำจะผลสำเร็จอย่างแน่นอน ศีลนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ต่อผู้ถือศีลโดยเคร่งครัด ยามใดมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีไม่ว่าในบ้านเรือนชานหรือสถานที่ไหนก็ตาม ศีลที่เรารักษามาดีย่อมเป็นผู้ช่วยเหลือ เป็นผู้ปัดเป่า เป็นผู้คลี่คลายทำให้เราสามารถผ่านพ้นเหตุการณ์ต่างๆ ที่เลวร้ายได้ในที่สุด การรักษาศีลจึงเป็นภาวะมีความสำคัญของนักปฏิบัติทั้งหลาย
แม้กระทั่งเราใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ถ้าเรามีศีลอยู่ข้างกายเรา เราก็อาจจะเป็นคนที่มีความละมุน
ละม่อม เป็นคนที่มีจิตใจดี เพราะศีลสอนคนให้เป็นคน ศีลสอนคนให้เป็นมนุษย์ ถ้าเรากระทำกันอย่างต่อเนื่องรักษาศีลโดยไม่ขาดโดยไม่พลั้ง ศีลนั้นจะเป็นกำลังสำคัญ ศีลนั้นจะมีอำนาจที่สามารถทำให้จิตของเรานั้นมีกำลัง จิตนั้นจะไม่มีวันเศร้าหมอง จิตนั้นจะไม่มีวันทุกข์โศก จิตนั้นจะตัดซึ่งโลภ โกรธ หลง ได้โดยสิ้นเชิงเพราะมีศีลเป็นตัวระงับ ความโลภ ความโกรธ ความหลง เป็นของปุถุชนคนธรรมดาที่เกิดมาแล้วในโลกวนเวียนอยู่ในวัฏฏะไม่มีวันเสื่อมคลายจากสภาวะกระแสในโลก แต่ถ้าบุคคลใดมีศีลเป็นที่ตั้ง มีศีลเต็มบริบูรณ์ ความโลภ ความโกรธ ความหลงนั้นก็ไม่สามารถย่างกรายเข้ามาใกล้ เพราะผู้มีศีลย่อมสามารถตัดซึ่งความโลภ ตัดซึ่งความอยากมีอยากได้ ตัดซึ่งโมหะจริต คือความหลง หลงไปในโลกสงสาร ตัดซึ่งความโกรธเพราะความโกรธเป็นตัวทำลาย ความโกรธเป็นเหมือนไฟบัลลัยกัลป์ที่สามารถทำลายล้างได้ทุกสิ่ง ไม่ว่าครอบครัว ญาติมิตร บริวารหรือตัวตนของเราเอง ความโกรธมีมากโรคภัยไข้เจ็บตามมา คนเราขาดศีลทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเกิดขึ้นตามสภาวะ ความโลภทำให้เราหลงทางมานาน วันนี้มีมากพรุ่งนี้ก็อยากจะมีมากขึ้น สิ่งของที่อยากจะได้ต้องขวนขวายด้วยวิธีการต่างๆ บางครั้งวิธีการต่างๆ นั้นก็ทำให้เกิดโทษทำให้เกิดกรรม เพราะขาดความระแวดระวังเป็นไปตามอำนาจของจิตที่มีความอยากมีความโลภเป็นที่ตั้ง บางครั้งอาจจะก่อภัยที่ร้ายแรงช่วงชิง บางครั้งถึงกับฆ่าเพื่อให้ได้สิ่งของนั้นมา ฉะนั้นความอยากความโลภจึงทำให้เกิดโทษก่อบาปสร้างกรรม แต่สุดท้ายก็หนีกรรมไม่พ้น
ฉะนั้นศีลจึงมีความสำคัญที่เราพึงรักษาไว้เพื่อกำจัดเพื่อเป็นกรอบในการกระทำของเรา ขจัดแล้วซึ่งความโลภ ขจัดแล้วซึ่งความโกรธ ขจัดได้แล้วซึ่งความหลง ฉะนั้นโลภ โกรธ หลง เป็นสิ่งที่ติดตัวเรามาในตั้งแต่เกิด และโลภ โกรธ หลง ก็เป็นสิ่งที่ก่อกรรมเป็นเหตุแห่งกรรมทั้งสิ้น ทั้ง 3 สิ่งนี้เป็นของตัวเราและเป็นของคู่โลก ก็เรียกว่าอวิชาคือผู้ไม่รู้หรือผู้หลงทาง ถ้าโลภ โกรธ หลง เราสามารถขจัดให้เบาบางลงได้ อานิสงส์ย่อมเกิด ศีลเราก็มั่นคง
ศีลนั้นเป็นอาหารใจที่สามารถนำมาหล่อเลี้ยงทำให้ใจนั้นมีกำลัง มีกำลังจิตที่ตั้งมั่น เป็นอาหารชั้นเลิศของนักปฏิบัติทุกคน ศีล สมาธิ ปัญญานั้นเป็นของสูง เมื่อศีลเรามั่นคงสมาธิของเราก็มั่นคง สมาธิจิตในขณะปฏิบัติก็ได้มีความสงบนิ่ง ความสงบจะก่อเกิดได้ด้วยศีลที่เต็มเปี่ยม เพราะในยามที่เราปฏิบัตินั้นสิ่งที่จะมารบกวนจิตใจ สิ่งที่ทุกข์ร้อนต่างๆ ย่อมไม่มี เนื่องจากศีลเป็นตัววางกรอบ ขจัดแล้วซึ่งอกุศลต่างๆ ทำให้เราสามารถปฏิบัติภาวนาได้อย่างไม่มีข้อติดข้องหมองใจ ขจัดแล้วซึ่งสิ่งรบกวนทั้งหลายที่จะทำให้การปฏิบัติของเรานั้นไม่สามารถบรรลุได้ ฉะนั้นศีล สมาธิ จึงเป็นของคู่กันที่ขาดมิได้ สมาธิยิ่งสูงศีลก็ยิ่งสมบูรณ์ เมื่อศีลสมบูรณ์สมาธิสมบูรณ์ การภาวนาก็สมบูรณ์ เหตุเพราะความหมดจดความบริสุทธิ์ของศีล
ทุกข์เกิดจากการละเมิดศีล แต่ถ้าศีลเราหมดจดแล้วสิ่งที่กระทำต่างๆ ย่อมไม่มีตัวถ่วง อกุศลกรรมนั้นเป็นตัวถ่วงของผู้ที่จะเจริญจิตภาวนา การรักษาศีลเป็นต้นทาง ถือว่าเป็นทั้งหมดก็ได้ การที่รักษาศีลเพื่อจะสู่สมาธิปัญญาขั้นสูงนั้นมีความสำคัญอย่างสูงสุด ว่าด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งมีมาแต่เดิมในสมัยพุทธกาล ศีลในเบื้องต้น สมาธิในขั้นกลาง ปัญญาถึงวิมุติ ฉะนั้นศีลจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดที่เราจะต้องกระทำให้ได้อย่างสม่ำเสมอในทุกๆ วัน
ฉะนั้นในการปฏิบัติว่าด้วยเรื่องศีลว่าด้วยเรื่องสมาธิเข้าสู่ปัญญาอันเป็นเลิศ เมื่อถึงวาระนั้นการปฏิบัติธรรมของเราก็จะลุล่วงเป็นไปด้วยดีไม่มีการติดขัด ฉะนั้นศีลจึงเป็นต้นแบบเป็นต้นทาง ขอให้ตั้งใจให้ถึงพร้อม ตั้งจิตให้มีกำลังใจให้มีความมั่นคงต่อแนวทางการปฏิบัติที่ทำได้อย่างสม่ำเสมอ ขอให้รู้ว่าสิ่งต่างๆ ในโลกนั้นล้วนไม่ยั่งยืน แต่ศีล สมาธิ และปัญญานั้นเมื่อปฏิบัติได้ถึงขั้นภูมิย่อมเป็นสิ่งที่แน่นอนที่จะติดตามตัวเราไป ไม่มีวันที่จะถอยห่างจากตัวเราไปได้ถ้าเรารักษาศีลอย่างมั่นคง บุญกุศลนั้นย่อมเกิดอย่างเปี่ยมล้น สมาธิจิตก็ขึ้นสู่ที่สูงตลอด ปัญญาของวิมุติย่อมไปถึงแก่นแห่งธรรมทั้งหลายที่มีในโลก ไม่มีสิ่งต่างๆ ที่เลวร้ายจะมาเคลือบแฝงหรือจะมาแฝงอยู่ในใจได้ เพราะเป็นอานิสงส์ในขั้นสูง ที่สามารถพาดวงจิตวิญญาณของเรานั้นหลุดพ้นจากบ่วงแห่งกรรมทั้งหลาย ทำให้เราไม่สามารถที่จะกระทำในสิ่งที่ไม่ดีได้ เพราะจิตนั้นจะบังเกิดความละอายขึ้นในทันทีที่เรากระทำผิด
เมื่อจิตมีความละอายการก่อบาปสร้างกรรมย่อมไม่มี ฉะนั้นขอให้เคร่งครัดในศีลให้มาก อย่าละเลยเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ ศีลเป็นรากเง้าเป็นหัวใจของความเป็นคนและเป็นคนสมบูรณ์ เราจึงพยายามต้องใฝ่ฝึกปฏิบัติให้ได้ถึงพร้อม พยายามจำกัดตั้งสัจจะอธิฐานด้วยการรักษาศีลให้มั่นคง ไม่ละเลยไม่พร่อง ไม่กระทำการใดๆ ที่จะเป็นแนวศัตรูแห่งศีลนั้น เพราะปรปักษ์ของศีลก็คือการละเมิดศีล ผู้ไม่มีศีลย่อมเป็นผู้เดือดร้อนตลอดวันเวลาที่มีชีวิตอยู่ ก็จะสร้างกรรมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ผู้มีศีลแล้วย่อมมีกาย วาจา ใจที่สะอาดหมดจด มีจิตใจที่เบิกบานสดใส มีครอบครัวที่อบอุ่น มีกิจการค้าที่รุ่งเรือง เพราะอำนาจของศีลนั้นสูงยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในโลก เป็นความศักดิ์สิทธิ์เป็นทุกสิ่ง ทำอะไรก็มีความศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นขอให้ตั้งใจรักษาศีลให้มั่นคง เพื่อนำมาใช้ในการปฏิบัติสมาธิ เพื่อให้เข้าถึงปัญญาอันเป็นวิมุติในการหลุดพ้นจากการเกิดของเราได้ในอนาคต ฉะนั้นขอให้ตั้งใจให้ดี สิ่งใดที่จะทำให้ศีลมัวหมองนั้นก็ต้องพยายามลด ละ เลิก ให้ได้ เราเกิดเป็นคนมีความประเสริฐอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่สามารถที่จะนำสิ่งประเสริฐนั้นมาใช้เพราะว่าเราขาดการอบรม ขาดการเรียนรู้ จึงทำให้เราหลงตกอยู่ในวัฏฏะ อยู่ในสภาวะแวดล้อมของโลก ทำให้ชีวิตของเรานั้นไปเกลือกกลั้วอยู่ในสิ่งไม่ดีอยู่ตลอด แต่เมื่อเรานับหนึ่ง ก็ยังสามารถที่จะขึ้นมาลุกนั่ง ขึ้นมาประกอบกรรมดี เพื่อให้จิตนั้นมีความสบาย คนทำความดีมากๆ จิตนั้นมีปีติสุข มีความสุขอยู่ตลอดเวลา
ถ้าจิตของเรานั้นไม่ก่อบาปสร้างกรรมทำแต่คุณงามความดีจิตนั้นไปสวรรค์ จิตนั้นปิดอบาย คุณความดีต่างๆ ย่อมเป็นเชื้อเป็นตัวนำเกิดกี่ภพกี่ชาติก็ไปเกิดดี จิตนั้นไม่มีวันหล่นอบายอีก ตั้งหลักให้ดีตั้งใจให้มั่น อย่าหลงความฟุ้งเฟื้อของโลกซึ่งเป็นอนิจจังไม่เที่ยง ตัดแล้วซึ่งความโลภ โกรธ หลงให้ได้ ตัดแล้วซึ่งสิ่งที่มัวเมาทำให้จิตเราเสื่อมให้ได้ ยึดถือศีลเป็นแนวป้องกัน เป็นตัวที่จะต้องรักษาให้คงสภาวะอยู่ในจิตในใจของเราให้ได้ เราจะหลุดพ้นจากความเป็นคนดิบได้อย่างแน่นอน กลายเป็นบุคคลที่มีคุณประโยชน์ที่สามารถสร้างสรรค์ในสิ่งที่ดีในสิ่งที่ถูกสุดท้ายก็สามารถนำสิ่งต่างๆ ที่ประกอบขึ้นมาแล้วเป็นคุณความดีทั้งหมดนำไปเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือเยียวยาแก้ไขสิ่งต่างๆ ของคนรอบข้างของเรา เมื่อจิตเรามีเมตตาจิตเรามีความหมดจด จิตเรามีศีลที่เต็มพร้อมบริบูรณ์แล้วย่อมเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ เป็นอาริยะบุคคลคนหนึ่งที่ทำคุณประโยชน์ให้โลกได้ในอนาคต
ขอให้หมั่นรักษาศีลเพื่อจะได้ตั้งองค์ภาวนาที่หมดจด สู่วิมุติความหลุดพ้นในที่สุด ไม่มีสิ่งใดในโลกที่เราสามารถยึดถือและยึดติดไว้ได้นอกจากบุญกุศล ไม่มีสิ่งใดที่จะติดตามเราไปนอกจากบาปและบุญกุศลเท่านั้น ฉะนั้นเราต้องพยายามขจัดในอกุศลกรรมและบาปกรรมต่างๆ ให้หมดไป อย่าให้ติดตามเราไปเป็นเจ้ากรรมนายเวร เพื่อไปทำร้ายหรือเป็นตัวถ่วงของเราในชาติอนาคต ชาตินี้เราก็ผจญภัยกับเจ้ากรรมนายเวรมามาก บางครั้งสิ่งเราควรได้กลับไม่ได้ สิ่งที่เราควรมีกลับไม่มีเพราเหตุแห่งกรรมที่เคยสร้างเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่ตามทวง ที่คอยยึด คอยฉุด คอยรั้งมิให้เราก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ฉะนั้นสิ่งต่างๆ ในโลกเราก็ได้เห็นอยู่ทุกวัน เพียงแต่เราไม่มีความสงบเพื่อมาพิจารณาในสิ่งต่างๆ ที่เกิดกับตัวของเรา ฉะนั้นการปฏิบัติสมาธิจึงเป็นต้นทาง เป็นวิถีแห่งการพิจารณา สิ่งต่างๆ ที่ล้วนแต่ผ่านมาแล้วในอดีตเพื่อเราจะได้ไม่ต้องผิดพลาดได้ในอนาคตอีก ความสมบูรณ์ของสมาธิและปัญญาก็จะเพิ่มพูนขึ้นในทุกๆ วัน ทำให้เรานั้นสามารถพ้นผ่านหรือหลุดพ้นซึ่งสิ่งต่างๆ ที่ไม่ดีได้ในวันข้างหน้า ขอให้เราตั้งใจให้มั่น ตั้งจิตให้ถึงพร้อม รักษาศีลให้มั่นคง ปฏิบัติภาวนาให้ถึงวิมุติเพื่อความหลุดพ้นของเราในภายภาคหน้า
ป.จิตธรรม
24-7-56
............................................