วันเฉลิมพระชนมพรรษา




งานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา มีทั้งพิธีสงฆ์ และพิธีพราหมณ์ พิธีโหรและสวดนพเคราะห์
เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา จะวงสายสิญจน์ รอบพระที่นั่ง อมรินทรวินิจฉัยโยงเข้าไปในพิธีมณฑล รอบพระแท่นพระมหาเศวตฉัตร โยงไปรอบโต๊ะบูชาพระพุทธรูปไชยวัฒน์ เทวรูปนพเคราะห์ เทียนมหามงคล เทียนเท่าพระองค์ แล้วโยงไปที่อาสนสงฆ์ อีกสายหนึ่งโยงจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เข้าสู่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วงรอบฐานองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร โยงมาที่โต๊ะบูชา และโต๊ะบูชาเทวดาพระเคราะห์ แล้วโยงไปที่อาสนสงฆ์สวดนวัคคหายุสมธัมม์ สำหรับพระสงฆ์คือสวดนพเคราะห์ และโหรคือสวดบูชาเทพยดานพเคราะห์
บรรพชิตจีนนิกาย และอนัมนิกายถวายพระพร จัดที่หน้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในตอนบ่ายของวันงาน ก่อนเวลา ๑๖ นาฬิกา ๓๐ นาที พระสงฆ์ทั้งสองนิกายถือพัดยศเข้ายืนเรียงแถวที่มุขหน้าพระอุโบสถ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินถึงประทับยืนตรงหัวแถว เจ้าคณะใหญ่ (ผลัดกันคณะละปี) ขึ้นสวดนำถวายพระพรชัยมงคลด้วยคำสวดฝ่ายมหายาน จบแล้วเจ้าคณะใหญ่อีกฝ่ายหนึ่ง อ่านรายงานถวายพระพรชัยเป็นภาษาไทย เสร็จแล้วทูลถวายเทียนมังกร พร้อมด้วยเครื่องสักการะบูชาตามธรรมเนียมฝ่ายมหายาน แล้วเสด็จขึ้นสู่พระอุโบสถ
พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธรูปฉลองพระองค์ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ แล้วทรงจุดธูปเทียนที่พระสงฆ์สวดนวัคคหายุสมธัมม์ และเทียนที่บูชาเทพยดานพเคราะห์ สังฆการีอาราธนาพระปริตร พระสงฆ์ห้ารูปเจริญพระพุทธมนต์ นวัคคหายุสมธัมม์ โหรสวดบูชาเทพยดานพเคราะห์ เสด็จลงสู่มุขหน้าพระอุโบสถ พระราชทานราชสังคหวัตถุ คือพระราชทานเงินแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้สูงอายุตั้งแต่อายุ ๗๒ ปีขึ้นไป แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย
การสวดมนต์ นวัคคหายุสมธัมม์ หรือสวดนพเคราะห์นั้น พนักงานโหรสวดชุมนุมเทวดาก่อน จบแล้วสังฆการีจึงอาราธนาพระปริตร พระสงฆ์สวดมนต์เจ็ดตำนาน แต่ใส่สูตรตามลำดับนพเคราะห์ หยุดเว้นระยะให้โหรบูชาเทวดาพระเคราะห์ พอโหรบูชาจบลงก็สวดต่อสลับกันไปจนกว่าจะจบ พอสวดจบก็กลับวัด วันรุ่งขึ้นจึงไปรวมกันกับพระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ ในการพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๖๐ รูป เพื่อถวายพระพร และรับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
การทรงตั้งสมณศักดิ์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย สังฆการีนิมนต์พระสงฆ์ที่ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์ และได้รับสมณศักดิ์ขึ้นใหม่ เดินเรียงแถวเข้าไปรับพัดยศสัญญาบัตร และผ้าไตรจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่ทรงประเคนตั้งแต่วาระแรก ไปจนถึงรูปสุดท้ายนั้น พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ผู้ใหญ่ ๑๐ รูป มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานสวด ชยนฺโต นำตั้งเรื่อยไปจนกว่าจะถึงรูปสุดท้าย พระสงฆ์ที่ได้รับเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์ขึ้นใหม่ ออกไปครองผ้าข้างนอก เสร็จแล้วกับมานั่งยังอาสนะ รูปที่ได้รับสมณศักดิ์ชั้นสูงสุดตั้งพัด รูปอื่นก็ตั้งพัดพร้อมกันขึ้น ยถา ฯลฯ จบลงเพียง สุขํ พลํ แล้วสมเด็จพระสังฆราชผู้เป็นประธาน ถวายอดิเรกจบ ภวตุ สพฺ พมงฺคลํ ฯลฯ แล้วรูปที่สองถวายพระพรลาลุกกลับออกไป พระสงฆ์ที่ได้รับสมณศักดิ์ใหม่ บางรูปที่เป็นพระราชาคณะชั้นสูง หรือเป็นพระราชาคณะหัวเมืองต้องรออยู่สวดมนต์ก่อน ส่วนรูปที่ไม่ถูกสวดมนต์กลับวัดไป
การเจริญพระพุทธมนต์ มีจำนวน ๖๐ รูป นิมนต์คณะธรรมยุติ ๓๐ รูป คณะมหานิกาย ๓๐ รูป ตามลำดับสมณศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนมงคล เทียนเท่าพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูป บูชาเทวรูปนพเคราะห์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ สังฆการี อาราธนาศีล ทรงศีลจบแล้ว เสด็จ ฯ ขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช แล้วเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย สังฆการีเข้าไปอาราธนาพระปริตร พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ การพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
พระสงฆ์รูปที่สาม ขัดตำนานชุมนุมเทวดา สรชฺชํ สเสนํ สพนฺธํ , นรินทํ ปริตฺตานุภาโว สทา รกฺขตูติ ฯลฯ สคฺเค กาเม จ รูเป ฯลฯ ธมฺมสฺสวนกาโล อยมฺภทนฺตา
สมเด็จพระสังฆราชขึ้นนำสวดมนต์ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุทฺธสฺส พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ ฯลฯ ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
โย จกฺ ขุมา โมหมลาปกฏฺโฐ ฯลฯ สพฺพนฺตรายา จ วินาสเมนฺตุ
นโม อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส มเหสิโน ฯลฯ วิธิมฺหิโหมิ เตชวา
หยุดเพียงนี้แล้ว พระสงฆ์รูปที่สามตั้งพัดขัดตำนานสวด ธมฺจกฺกปฺวตฺตนสูตร ขึ้นบท เย สนฺตา สนฺตจิตฺตา ติสรณสรณา ฯลฯ สห สพฺเพหิ ญาติภิ แล้วขัดต่อบทขัด ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสูตร อนุตฺตรํ อภิสมฺโพธึ สมฺพุชฌิตฺวา ตถาคโต ฯลฯ เวยฺยากรณปาเฐน สงฺคีตมฺภณามเห แล้วสวด ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสูตร จนจบ แล้วสวดเจ็ดตำนานย่อ อเสวนา จ พาลานํ ฯลฯ ถึงบทมงคลสูตรนี้ เริ่มทำน้ำพระพุทธมนต์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จ ฯ ไปทรงจุดเทียนที่หม้อน้ำมนต์ คือพระกริ่งครอบ แล้วทรงประเคนสมเด็จพระสังฆราช ต่อไปสวดบท ยงฺกิญฺจิ วิตฺตํ อิธ วา หุรํ วา ฯลฯ ถึงวัตนสูตรบทนี้เริ่มหยดเทียนลงหม้อน้ำมนต์ พอสวดถึง นิพฺพนฺติ ธีรา ยถายมฺปทีโป ก็จุ่มเทียนลงในหม้อน้ำมนต์
ต่อไปสวดบท เมตญฺจ สพฺพโลกสฺมึ ฯลฯ คพฺภเสยฺยํ ปุนเรตีติ แล้วสวดบท อปฺปมาโณ พุทฺโธ ฯลฯ นโม สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ แล้วสวดบท อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ฯลฯ ปุญญกฺเขตตํ โลกสฺสาติ แล้วสวดบท วิปสฺสิสฺส นมตฺถุ จกฺขุมนฺตสฺส สิริมโต ฯลฯ พุทฺธํ วนฺทามิ โคตมนฺติ แล้วสวดบท ยโตหํ ภคินี อริยาย ชาติยา ชาโต นาภิชานามิ ฯลฯ โสตฺถิ เตโหตุ สพฺพทา
ต่อไปสวดท้ายเจ็ดตำนาน นตฺถิ เม สรณํ อญฺญํ พุทฺโธ เม สรณํ วรํ ฯลฯ โหตุ เต ชยมงฺคลํ แล้วสวดต่อ ยงฺ กิญจิ รตนํ โลเก วิชฺชติ วิวิธํ ปุถุ ฯลฯ ตสฺมา โสตฺถี ภวนฺตุ เต แล้วสวดบท รตนตฺตยปฺปภาวสิทฺธิคาถา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลกานํ อนุกมฺปโก ฯลฯ ธนุสฺฐาเนน สมฺปทาติ แล้วสวดบท ทุกฺ ขปฺปตฺตา จ นิทฺทุกขา ฯลฯ คจฺฉนฺตุ เทวตาคตา สพฺเพพุทฺธา พลปฺปตฺตา ฯลฯ รกฺขํ พนฺธามิ สพฺพโส แล้วสวดบท ภวตุสพฺพมงฺคลํ รกฺขนฺตุสพฺพเทวตา ฯลฯ สทา โสตถี ภวนฺตุเต แล้วขึ้นบท นกฺขตฺตยกฺขภูตานํ ปาปคฺคหนิวารณา ฯลฯ หนฺตวา เตสํ อุปทฺทเว สวดมนต์จบแล้วฉันน้ำชา ตั้งพัดถวายอดิเรก และถวายพระพรลาตามระเบียบพิธีหลวง
สวดถวายพระพรและรับประทานฉัน รุ่งขึ้นจากวันพระราชพิธี หรือวันที่ ๖ ธันวาคม พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ ๖๐ รูป และพระสงฆ์ที่เจริญนวัคคหายุสมธัมม์ ๕ รูป เข้าสู่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย การฉันภัตตาหารในงานพิธีหลวงต้องใช้บาตรใส่ถลกด้วย สังฆการีจะรับบาตรไปตั้งที่โต๊ะสำหรับซึ่งอยู่หน้าอาสนสงฆ์ เวลา ๑๐ นาฬิกา ๓๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จ ฯ ถึงพระบรมมหาราชวัง เสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณก่อน ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช และเสด็จออกพระที่นั่ง อมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปบูชา บูชาเทวรูปพระเคราะห์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทรงกราบแล้วประทับนั่ง พระสงฆ์สวดถวายพระพร
สมเด็จพระสังฆราชขึ้นนำถวายพระพรด้วยบท นโม ตสฺส ภควโต ฯลฯ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ ฯลฯ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
ค อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมา สมฺพุทฺโธ ฯลฯ ปุญฺญัก เขตฺตํ โลกสฺสาติ
ค พาหุ ํ สหสฺ สมภินิมฺมิตสาวุธนฺตํ ฯลฯ โมกฺขํ สุขํ อธิคเมยฺยนโรสปญฺโญ
ค มหาการุณิโก นาโถ หิตาย สพฺพปาณินํ ฯลฯ ลภนฺตตฺเถ ปทกฺขิเณ
ค ภวตุ สพฺพมงฺคลํ รกฺขนฺตุ สพฺพเทวตา ฯลฯ สทา โสตถี ภวนฺตุเต
สวดถวายพระพรจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จ ฯ ไปทรงประเคนภัตตาหาร ทรงสนทนาอยู่จนกว่าพระจะฉันหวาน และน้ำชา จึงเสด็จไปประทับยังพระเก้าอี้ จากนั้นก็เป็นวาระที่ทรงสดับพระธรรมเทศนามงคลวิเศษกถา
ถวายเทศน์มงคลวิเศษกถา นับว่าเป็นพิเศษต่างจากถวายเทศน์ในงานพระราชพิธีอื่น ๆ พระสงฆ์ผู้รับหน้าที่ถวายเทศน์มงคลวิเศษกถานี้ จะต้องนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระพระบรมราชานุญาตก่อน เมื่อมีพระบรมราชานุญาตลงมาแล้วก็ถือเป็นหน้าที่ประจำที่จะต้องถวายเทศน์ทุกปี จนกว่าจะมีเหตุจำเป็น จึงกราบทูลขอพระบรมราชานุญาตเปลี่ยนรูปอื่น สำนวนเทศนามงคลวิเศษกถานั้น โดยปกติก็พรรณาถึงพระราชกรณียกิจ และพระราชจริยาวัตรขององค์พระมหากษัตริยาธิราชเจ้า ที่พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถในการดำเนินรัฐประศาสโนบายบริหารประเทศชาติ และปกครองพสกนิกรให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุข โดยอาศัยหลักทศพิธราชธรรมจริยานุวัตรสิบประการ ท่านผู้ถวายเทศน์ต้องแต่งสำนวนเทศน์ให้เสร็จล่วงหน้า พิมพ์สำเนาส่งให้สำนักพระราชวังนำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายก่อนวันงานพระราชพิธี เป็นสำนวนเทศน์กัณฑ์ใหญ่มีเนื้อความมาก ต้องใช้เวลาถวายเทศน์ตั้งแต่ ๔๕ นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง ถวายมงคลวิเศษกถาจบลงแล้ว จะลงจากธรรมาสน์มานั่งยังอาสนเดิมในแถว แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จ ฯ ไปประเคนเครื่องไทยธรรมกัณฑ์เทศน์พร้อมทั้งใบปวารณาแล้วพระผู้ถวายเทศน์จึงสวด ยถา วาริวหา ฯลฯ พระสงฆ์ทั้งหมดรับ สพฺพีติโย ฯลฯ
ค อคฺคปสาทสูตร
ค ยงฺกิญฺจิ วิตฺตํ ฯลฯ
ค โส อตฺถ ลทฺโธ ฯลฯ
ค ถวายอดิเรก
ค สพฺพพุทฺธานุภาเวน ฯลฯ
เมื่อพระสงฆ์กลับออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินกลับ แต่พระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี และบรรดาข้าราชการทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และพลเรือน ต้องรออยู่เวียนเทียนสมโภชดวงพระบรมราชสมภพ อีกระยะหนึ่ง พระครูหัวหน้าพราหมณ์ ตั้งพิธีบายศรี แก้ว ทอง เงิน บรรดาผู้ที่อยู่ในที่เฝ้า ฯ ยืนเข้าแถวเรียงราย รอบพระมหาเศวตฉัตร รับแว่นเวียนเทียน แว่นแก้ว ทอง เงิน จากพระมหาราชครู ส่งเวียนเทียนต่อกันไปจนครบถ้วนสามรอบ จึงเสร็จพิธีเวียนเทียนและกลับ
เวลา ๑๖ นาฬิกา ๓๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ ฯ มาสู่พระบรมมหาราชวังอีกวาระหนึ่ง เสด็จ ฯ ออกท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท คณะทูตานุทูตต่างประเทศเข้าเฝ้ากราบบังคมทูล ถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบ แล้วเสด็จกลับ
งานราชอุทยานสโมสร เป็นงานเนื่องในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ทรงกำหนดให้จัดขึ้นในบ่ายวันที่ ๘ ธันวาคมทุกปี ที่สนามหญ้าพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โปรดเกล้า ฯ ให้ราชเลขาธิการพระราชวัง เชิญพระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต สมาชิกรัฐสภา ข้าราชการฝ่ายทหาร พลเรือน ตำรวจ ที่มียศตั้งแต่ พันเอก พันตำรวจเอก และข้าราชการพลเรือนชั้นเอกขึ้นไป ไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท บรรดาผู้ได้รับเชิญแต่งตัวด้วยครึ่งยศไปรอเฝ้าพร้อมกัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าลูกเธอ เสด็จพระราชดำเนินลงสู่สนามหญ้า ทั้งสองพระองค์เสด็จ ฯ ไปทรงปฏิสันถารตามลำดับ เมื่อเสด็จผ่านแถวข้าราชการกระทรวงใด ปลัดกระทรวงพร้อมด้วยข้าราชการกระทรวงถวายความเคารพ ปลัดกระทรวงกราบถวายบังคมทูลให้ทรงทราบว่าเป็นข้าราชการกระทรวงนั้น เมื่อเสด็จ ฯ ไปทรงปฏิสันถารทุกกระทรวงแล้ว จึงเสด็จ ฯ เข้ากลางสนามทรงสนทนากับพระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี และนายกรัฐมนตรี โปรดเกล้า ฯ พระราชทานเลี้ยงน้ำชา เครื่องว่าง ระหว่างนั้นนายกรัฐมนตรีกล่าวปราศรัยกราบบังคมทูลถวายพระพร เชิญชวนผู้ที่มาในงานดื่มถวายพระพรชัยมงคล ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบ ทรงสนทนาปราศรัยกับพระบรมวงศานุวงศ์ และนายกรัฐมนตรี จนได้เวลาพอสมควรจึงเสด็จขึ้น
งานราชอุทยานสโมสรเว้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๖
งานพระราชพิธีที่โปรดเกล้า ฯ ให้จัดทุกปี ได้แก่การถวายพระพรของบรรพชิตญวนนิกาย และจีนนิกายการสวดนพเคราะห์ การพระราชราชสังคหวัตถุ การทรงตั้งสมณศักดิ์ ซึ่งอาจโปรดเกล้า ฯ ให้จัดวันหนึ่งวันใดที่ใกล้เคียงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษา มีการยิงปืนใหญ่เฉลิมพระชนมพรรษา เวลา ๑๒.๐๐ น. สำนักพระราชวังจัดที่สำหรับลงพระนามถวายพระพร ในนามพระบรมมหาราชวัง การแต่งกายของข้าราชบริพารที่ร่วมในการพระราชพิธี แต่งเครื่องแบบเต็มยศสายสะพายจุลจอมเกล้า การลงนามถวายพระพรเครื่องแบบชุดปกติขาว ทางราชการกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการหนึ่งวัน การมีการชักธง และประดับธงชาติตามสถานที่ราชการ และอาคารบ้านเรือน กับตามประทีปโคมไฟในเวลากลางคืน
วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
ในตอนเช้าเป็นการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลส่วนพระองค์ นิมนต์พระสงฆ์เท่าพระชนมพรรษา เข้าไปรับพระราชทานอาหารบิณฑบาตที่พระตำหนักจิตรลดา ฯ พระราชพิธีจัดให้มีที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เจ้าหน้าที่สังฆการีจัดสายสิญจน์ปเข้าพิธี และถวายพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ พระสงฆ์ที่นิมนต์มาเจริญพระพุทธมนต์ ในพระราชพิธีนี้มีทั้งฝ่ายธรรมยุต และมหานิกาย มีจำนวนเท่ากันหรือไล่เลี่ยกัน เจริญพระพุทธมนต์ตอนบ่าย รุ่งขึ้นรับพระราชทานฉันภัตตาหารเพล เสร็จแล้วสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม สมเด็จพระราชาคณะนั้น เสด็จไปทรงประเคนที่อาสนะกับที่นั่ง พระราชาคณะรองลงมาจากนั้นต้องลุกจากอาสนสงฆ์เรียงแถวเข้ารับ เจ้าพนักงานจัดโต๊ะปูลาดผ้าขาวตั้งตรง ที่สมเด็จพระบรมราชินีนาถประทับยืน พระสงฆ์ที่เข้ารับนำผ้ากราบไปยืนวางบนโต๊ะ สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงประเคนโดยทรงวางใบปวารณา หรือเครื่องไทยธรรมลงบนผ้ากราบ พระสงฆ์รับประเคนแล้วกับไปนั่งยังอาสนสงฆ์ที่เดิม สมเด็จพระสังฆราชถวายอนุโมทนา ยถา ฯลฯ สพฺพี ฯลฯ สา อทฺถลทฺธา ฯลฯ ถวายอดิเรก ฯลฯ ภวตุ สพฺพมงฺคลํ ฯลฯ จบแล้วถวายพระพรลา



ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.heritage.thaigov.net/reli...ny/relcer1.htm