สงสัยเรื่องของฌานจิต กับการตรัสรู้ธรรม

กระทู้: สงสัยเรื่องของฌานจิต กับการตรัสรู้ธรรม

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. ponchario said:

    สงสัยเรื่องของฌานจิต กับการตรัสรู้ธรรม

    อยากทราบว่า ขณะที่เป็นฌานจิต เช่น จตุตถฌาน ขณะนั่นจิตตั้งมั่น สติบริสุทธิ์ และมีอารมณ์เดียว อารมณ์ขณะนั้น มีอะไรเป็นอารมณ์ ?? และในขณะที่พระพุทธองค์หรือพระอรหันต์สาวก จะตรัสรู้ธรรม ที่กล่าวว่า จิตท่านน้อมไปเพื่อ ญานต่างๆ เช่น ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อาสวกขยญาณ เป็นต้น ขณะนั้นจิตต้องออกจากฌานจิตก่อนหรือเปล่า หรือแค่เปลี่ยนอารมณ์ไปเป็นอย่างอื่น ??
     
  2. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:
    .
    สวัสดีครับ คุณ Ponchario

    อยากทราบว่า ขณะที่เป็นฌานจิต เช่น จตุตถฌาน ขณะนั่นจิตตั้งมั่น สติบริสุทธิ์ และมีอารมณ์เดียว อารมณ์ขณะนั้น มีอะไรเป็นอารมณ์ ??
    ขณะนั้นกำลังเจริญกรรมฐานใด
    ก็มีอารมณ์ที่ใช้เป็นกรรมฐานในขณะนั้นนั่นเองครับ


    และในขณะที่พระพุทธองค์หรือพระอรหันต์สาวก จะตรัสรู้ธรรม ที่กล่าวว่า จิตท่านน้อมไปเพื่อ ญานต่างๆ เช่น ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อาสวกขยญาณ เป็นต้น ขณะนั้นจิตต้องออกจากฌานจิตก่อนหรือเปล่า หรือแค่เปลี่ยนอารมณ์ไปเป็นอย่างอื่น ??]

    ขณะที่เป็นฌานจิต
    จะรับรู้อยู่ที่อารมณ์เดียวที่เป็นกรรมฐานในขณะนั้น
    เมื่อรับรู้อารมณ์อื่น ขณะนั้นไม่ใช่ฌานจิตครับ

    ถ้าเกิดปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
    ก็เป็นมหากุศลจิตญาณสัมปยุตต์
    หรือมหากิริยาจิตญาณสัมปยุตต์ (ตามควรแก่บุคคลนั้น)

    สำหรับอาสวักขยญาณ
    เกิดด้วยปัญญาเจตสิกในอรหัตตมัคคจิตครับ



    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  3. ponchario said:
    สาธุธรรมครับคุณ DEV ขอถามเพิ่มเติมหน่อยนะครับ
    1. ที่กล่าวว่า ขณะนั้นกำลังเจริญกรรมฐานใด ก็มีอารมณ์ที่ใช้เป็นกรรมฐานในขณะนั้นนั่นเอง ผมยังไม่ค่อยแจ้ง คือ ถ้าเราเจริญอานาปานสติ เท่าที่ศึกษามา ลมหายใจจะละเอียดจนราวกับว่าระงับไป อาจเกิดนิมิตรอื่นขึ้นมาแทน เช่น อุคคหนิมิต ปฏิภาคนิมิต ตามลำดับ จากนั้นจิตจึงค่อยรวมเข้าเข้าสู่ปฐมฌาน ซึ่งผมเข้าใจว่าขณะนั้น คงไม่ได้ใส่ใจลมหายใจแล้ว ไม่น่ามีลมหายใจเป็นอารมณ์แล้ว มันควรเป็นอะไรที่ละเอียดกว่านั้น ไม่ทราบว่าผมเข้าใจผิดไปหรือเปล่า??
    2. ในเรื่องของฌาน สรุปว่า ถ้าเป็นไปในเรื่องของญาน ขณะนั้นต้องไม่ใช่ฌานจิต แต่ มหากุศลญานสัมปยุตต์ แล้วกรณีนี้ เราสรุปได้ไหมว่า จิตที่ออกจากฌานจิตใหม่ๆ จะถือว่าเป็นจิตที่มีคุณภาพ หรือ ศักยภาพ มากกว่าธรรมดาได้มั้ยครับ ญานต่างๆถึงมาเกิดได้ในช่วงนั้น (เพราะก่อนหน้านี้ ที่ไม่ได้ฌานนำมาก่อน ญานต่างๆ กลับไม่ปรากฏ??) หรือถ้าจะกล่าวว่า วันที่ตรัสรู้นั้น เป็นวันที่โพธิปักขิธรรมบริบูรณ์พอดี ก่อนหน้านั้นยังไม่บริบูรณ์ จึงเป็นเหตุให้ญานเกิดขึ้นในระหว่างนั้น ถามว่า ถ้าคืนนั้น ถ้าพระพุทธเจ้าไม่เข้าฌานก่อน ญานต่างๆ สามารถเกิดขึ้นเองได้หรือไม่ (เพราะเหตุปัจจัยถึงพร้อมแล้ว) .... คือประเด็นจริงๆที่ผมอยากทราบมากคือ จริงๆแล้วฌานต่างๆหรือการเจริญสมถภาวนานั้น มีผลต่อการตรัสรู้ธรรมมากน้อยเพียงไร คุณ Dev ช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ ขอบคุณมาก (หรือ พูดอีกนัยหนึ่ง เป็นไปได้หรือไม่ถ้าจะกล่าวว่า ถ้าที่จิตไม่ผ่านฌานก่อน จิตจะไม่มีคุณภาพพอจะเกิดญานต่างๆได้??)
     
  4. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:
    .
    สำหรับพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
    เป็นที่ทราบกันดีว่าท่านเป็นมหาบุรุษผู้เลิศยิ่ง
    เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น
    เนื่องด้วยพระบารมีที่ทรงสั่งสมมามากยิ่งกว่าบุคคลใด

    ดังนั้น จึงขอกล่าวโดยกรณีทั่วไปแล้วกันนะครับ

    อานาปานสติ ที่เป็นอารมณ์ของสมถกรรมฐาน
    คือมีลมหายใจเข้า-ออกนั้นเป็นอารมณ์
    ซึ่งแรกๆ ยังเป็นลมที่หยาบใช่มั้ยครับ
    เมื่อลมละเอียดขึ้นๆ ลมหายใจที่ละเอียดนี้คือกายสังขารที่สงบระงับ
    จิตมั่นคงดีแล้วที่ลมละเอียดนั้น
    ไม่มีอารมณ์อื่นใดแทรกคั่น ปิดกั้นนิวรณ์ต่างๆ ไว้ได้

    เมื่อละเอียดมากขึ้นจนเสมือนว่าลมหายไป
    อาจมีนิมิตเกิดขึ้นใช่มั้ยครับ
    นิมิตอันเนื่องด้วยอานาปานสติกรรมฐานนี้
    แสดงไว้หลายลักษณะ เช่น เสมือนปุยนุ่นบางเบา
    บ้างเหมือนดวงดาว เก็จมณี สายสังวาล ฯลฯ เป็นต้น
    แต่ถ้าเป็นอย่างอื่น ไปเห็นผีสาง นรกสวรรค์
    ก็เป็นนิมิตนอกกรรมฐานน่ะครับ

    ฌานจิต เป็นจิตที่สงบระงับจากนิวรณ์
    จิตที่เกิดสืบต่อมาไม่นานหลังจากฌานจิต
    ก็ยังมีกำลังอยู่ เป็นจิตที่ควรแก่การงาน
    เอื้อต่อการพิจารณาสภาพธรรมต่างๆ
    เพื่อต่อยอดให้เกิดการอบรมเจริญปัญญาในขั้นต่อๆ ไป

    แต่...ผู้ที่ไม่ได้มีอัธยาศัยในการเจริญสมถกรรมฐาน
    ไม่ได้เกิดฌานจิตมาก่อนเลย
    ก็อบรมเจริญปัญญาบนขณิกสมาธิในชีวิตประจำวันนี้เอง
    สั่งสมไปทีละเล็กละน้อยจนกว่าจะบริบูรณ์
    เมื่อมัคคจิตเกิดขึ้น ย่อมถึงซึ่งปฐมฌานด้วย
    เรียกว่า "มัคคสิทธิฌาน"
    คือเป็นไปโดยปริยายของสภาพธรรมนั้น
    เป็นลักขณูปนิชฌานครับ



    เดฟ
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดย D E V : 11-29-2015 เมื่อ 11:34 PM

    สรณะคือพระรัตนตรัย