จิตกับสมอง

กระทู้: จิตกับสมอง

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. Peerawit said:
    สวัสดีค่ะ อ.เดฟ
    1. ที่บอกว่าเห็นสภาวะเดิมๆ รูปธรรม นามปธรรมหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็เบื่อเพราะเหมือนเดิมๆทุกวัน แล้วเห็นใจที่อยากได้อารมณ์ที่เป็นสุข ก็ไปกิน ไปเดินซื้อของ ถ้าไม่ปล่อยหลง มันจะไม่สุข ไม่ In มันก็เฉยๆเหมือนเดิม แต่ตามธรรมดา มั่นคงไม่ท้อถอยค่ะไม่เลิกปฏิบัติแน่นอนค่ะ เท่าที่ดูไม่เห็นโลภะซ่อนอยู่จริงๆ เด๋วลองไปสังเกตุดู ที่เห็นคือ มันไม่สุข ไม่สนุก ทุกอย่างเคลื่อนไหวผ่านมาผ่านไปเหมือนๆเดิม มีแค่รูปธรรม นามปธรรม เลยเบื่อค่ะ
    ( ไปอ่านกระทู้เดิมที่อ.เดฟเคยตอบ ก็สภาวะที่เกิดตรงหน้าปัจจุบันขณะนี่แหระคือสภาวะใหม่เสมอ )

    2. แม้ห่างการปฏิบัติไปหรือย่อหย่อนแต่สิ่งทีเคยสั่งสมมาไม่หายไปไหนเมื่อกลับมาปฏิบัติก็ยังคงเห็นรูปธรรมนามธรรมได้ไม่ยาก รูปที่เคยเห็นบ่อยๆก็เห็นได้ไม่ยาก ก้าวขาเดินก็เห็นรูปธรรมได้เป็นธรรมดาเลยเหมือนจิตมีถิระสัญญา ( ใช้ศัพย์สูงๆบ้าง อิอิ ปรกติใช้แต่ภาษาบ้านนอกคอกนา อ.เดฟ ยังอุตส่าเข้าใจ )

    3. พากเพียรไม่เลิกค่ะ ตอนนี้ไม่รู้สึกทัอนะคะ ถึงท้อก็ไม่เลิก ขนาดเบื่อสุดๆจะปล่อยหลงไปหาอารมณ์ ให้มัน In ๆ ไป สนุกๆ ก็ยังมีสติอดทนปฏิบัติ ก็คิดเอาให้กำลังใจตัวเองเด๋วก็ผ่านไป เดินไปแบบนี้นะคะ ไม่มีที่พึ่งแล้ว มัวท้อก็พึ่งตัวเองไม่ได้ ดูสภาพธรรมตามจริงปัจุบันขณะ เจริญปัญญาขั้นที 1 นามรูปปริเฉธิญาณไปแบบนี้ ส่วนปัญญาขั้นอื่นๆที่มี 4 ขั้นที่อ.เดฟเคยสอน ไม่สนใจค่ะ ชาตินี้ถ้ามีปัญญาเท่านี้ก็อดทนเอาเท่านี้ไว้ไปต่อเอาชาติหน้าค่ะ..คงไม่สูญหาย

    4. ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ อิอิ ก็ไม่สูญหายเช่นกัน กี่ปีๆก็ยังกลับมา เคยคิดถ้ามาไม่เจอจะไปหาที่ไหน อิอิ ต้องพึ่งตัวเองให้ได้เนอะ
     
  2. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:
    .
    อ่านแล้วชื่นใจ อนุโมทนาครับ



    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  3. Peerawit said:
    สวัสดีค่ะ อ.เดฟ

    1. เมื่อวานปวดศรีษะ เลยค่อยๆฝึกดูเวทนา ไม่ทานยา ก็รู้เเป็นขณะๆสะสมสมาธิ จะดูเวทนา ก็ลำบากนิดนึงทุกขเวทนาจะตามหลังด้วยโทสะสุดท้ายก็เหมือนๆเดิม พอสติเกิดความปวดดับวับเลย แล้วก็ปวดใหม่ สติเกิด ความปวดดับอีก พอไปจับที่ความปวดทนเอาจะดู เหมือนหลงไปจดจ่อ สติเคยเกิดก็เกิดอีก สภาวะจดจ่อดับอีก เป็นขณะ ๆ สลับวนไป ไม่เห็นมีอะไรให้ดู เลยไปทานยาดีกว่า อิอิ ( แต่ไม่ได้หนีค่ะ ค่อยๆดู )

    2. ไม่ค่อยได้ทำสมถะมากๆค่ะ ภาระเยอะ อาศัยสมาธิชั่วขณะๆเอา ปรกติถ้าสมาธิเกื้อหนุนมันเหมือนสบายค่ะ เหมือนสิ่งแวดล้อมมันแยกห่างออกไปมากไม่กระทบใจ เหลือแต่สภาพละลึกรู้ภายในเป็นขณะๆ เวทนานึ่สบายๆเลย วั๊บๆ เป็นขณะๆ ใจไม่ปรุงต่อ ไม่มีชอบไม่ชอบเลย สบายมากเลย..แต่เอาเท่าที่ได้ ค่อยสะสมไป

    3. ตอนฝึกใหม่ๆ ยังไม่มีลูกน้อยกลอยใจไปอยู่วัดบ่อย ทำสมถะเยอะ เคยเกิดสภาวะข้อ 2 ตอนไปเดินตลาด ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไรแต่รู้ว่าจิตทรงสมาธิมากแยกสิ่งแวดล้อมออกไปเหมือนหน่วงสภาวะธรรมให้ช้าลงและทำให้เห็นสภาวะธรรมชัดขึ้นเห็นดับวั๊บๆๆๆ เป็นขณะๆแต่ไม่เห็นเกิด แต่ไม่ได้สนใจอะไรค่ะ ก็คิดว่าคงผลของ สติ สมาธิ

    4. ไม่มีคำถาม มีแต่ประโยคบอกเล่า อิอิ

    ขอบคุณมากค่ะ
     
  4. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:
    .
    สาธุ ขออนุโมทนากับความหมั่นเพียรรดน้ำพรวนดินนะ



    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  5. Peerawit said:
    สวัสดีค่ะ อ.เดฟ
    ขอภาษาบ้านๆนะคะ ขี้เกียจเรียบเรียง
    1.หัดดูเวทนามาสักพัก ไม่หนีนะคะ รู้ตามจริงที่ปรากฏ หลังๆมาจะเห็นว่าพอปวดหัวสติละลึกรู้ไปเนืองๆสักพักเหมือนจิตรู้ถอยห่างออกจากกาย เหมือนไม่เข้าไปยึดกาย ละลึกรู้นามปธรรมเป็นขณะๆ สลับสับเปลี่ยนไม่ค่อยปรุงต่อ มันสบายๆค่ะ ไม่เกิดโทสะแรงๆเหมือนก่อนๆเวลาปวดหัว แบบนี้ไม่ถือเป็นการหนีใช่มั้ยคะ เกิดเองค่ะ ไม่ได้น้อมแบบตั้งใจรู้อย่างอื่น

    2. จากข้อ 1 สมมุติว่า ขณะใกล้ตายทิ้งกายไม่รู้รูป เห็นกายไม่ใช่เราแน่ๆอ่ะ รู้แต่จิตละลึกรู้นามปธรรมเป็นขณะๆ แล้วจิตดวงสุดท้ายที่ดับลงประกอบด้วยสติปัฐฐาน + ปัญญา สภาพจิตแบบนี้จะนำเกิดสุขคติและได้กลับมาภวนาอีกครั้งหรือไม่คะ

    3. คุณแม่เริ่มป่วย สอนท่านภวนามาตลอดตั้งแต่ก่อนป่วย แต่ใจท่านไม่ค่อยเชื่อในพระธรรม โทสะจริต ทั้งชีวิตท่าน เด่นเรื่องการทำทาน เลยสอนให้ทำใจให้สบายๆ หมั่นนึกถึงบุญ ทาน ที่เคยทำ ไม่รู้ท่านเชื่อและทำบ้างมั้ย กังวลค่ะ สมมุติถ้าเหลือช่วงวาระสุดท้าย ก็คิดว่าพอส่งท่านได้ตามกำลัง ให้นึกถึงบุญ ทาน ทำใจสบายๆ ถ้าไม่มีเวลาเหลือปุปปับ กลัวท่านจะเอาตัวไม่รอด สู่ทุขคติภูมิ ..ทำไมแม่ลูกแท้ๆถึงมีศรัทราความเชื่อคนแบบ ไม่ใกล้กันเลย อย่าว่าแต่แม่ลูกเลย คนใกล้ชิด ใกล้ตัว หาคนเชื่อและภวนาได้ยากมาก แต่ไม่สนใจค่ะ ตัวใครก็ตัวมันไม่มีใครรู้ว่าภวนาอยู่ค่ะ อยู่ในสังคมได้ปรกติ แต่ไม่พูดเรื่องสภาวะธรรม เพราะมันเข้าใจยากด้วยคิด มีหลวงพ่อท่าน กับ อ.เดฟ นี่แหระที่จะพูดให้ฟัง กลัวคนอื่นว่าเป็นบ้า อิอิ..
     
  6. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:
    .
    สวัสดีครับ คุณ Peerawit
    จากที่เล่ามา.....

    1. ครับ จิตละคลายเอง ไม่ใช่มีความเป็นตัวตนไปสั่งหรือบังคับให้หนี

    2. ขึ้นกับกรรมใดมีกำลังให้ผลเป็นกรรมนำเกิด (ซึ่งไม่มีใครรู้หรือบอกได้)
    หากกรรมนี้ให้ผลเป็นกรรมนำเกิด ก็เป็นไปได้ตามที่คุณ Peerawit กล่าวมาน่ะครับ

    รายละเอียดเพิ่มเติม เรื่องกรรมและการให้ผล เผื่อสนใจดูพอเป็นแนวทางนะครับ
    http://www.thepathofpurity.com/%E0%B...%97-%E0%B9%92/


    3. ครับ เราทำได้คือพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่
    แต่สุดท้ายแล้วทุกคน (รวมทั้งเราเองด้วย) ก็ย่อมมีกรรมเป็นของตนๆ อ่ะครับ

    ขออนุโมทนากับคุณ Peerawit ครับ




    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  7. hyiphyip said:
    ขอบคุณทุกๆคนนะคะสำหรับข้อมูล
    ขอบคุณเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะสำหรับคำถามดีๆ
    เอามาแชร์กันค่ะเผื่อจะเป็นประโยชน์ค่ะ บทสวดมนต์ก่อนนอน ไว้แบ่งปันคนที่คุณรัก แชร์กุศลกันไปเนอะ