ศิล8

กระทู้: ศิล8

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. tewada said:

    ศิล8

    ศิล5ไม่สงใสนะสงใสศิล8ข้อ6เว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล เว้นแล้วใด้บุญยังไงทำไมถึงใด้บุญกินไม่กินก็เหมือนกันคนอดมื้อกินมื้อละใด้บุญไหมประมานว่าไม่มีอะไรจะกิน

    ข้อ7เว้นจากการประดับตกแต่งด้วยเครื่องประดับและของหอม อันนี้พอเข้าใจนะแล้วคนบ้าไม่อาบน้ำใด้บุญไหม หมูหมากาไก้ไม่เคยทาแป้งทาครีมใด้บุญไหม

    ข้อ8เว้นจากการนอนบนที่นอนสูงใหญ่ อันนี้สิหนักใด้บุญยังไงทำไมถึงเป็นบุญ ขอทานคนจรจัดวนิภพพเนจรไม่ไปสวรรค์กันหมดเหลอ แบบนี้ใด้บุญก้ไม่ต่องฝึกจิตใจกันแล้วนอนหนังสือพิมแม้งเลยบุญทั้งนั้น หมาที่บ้านไม่เคยนอนที่นอนตายไปก็สวรรค์คาลัยแล้ว
    บุญคืออะไร
     
  2. tewada said:
    การปฏิบัตไม่ใด้ผลเริมสงใสในบุญละ
     
  3. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:
    .
    สวัสดีครับ คุณ Tewada
    สาธุ ที่แวะเวียนมาเสมอนะครับ

    ศีล นั้นมีนัยยะที่แสดงไว้กว้างขวาง
    แต่ถ้ากล่าวอย่างกระชับ เอาเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่สงสัย
    ศีล คืองดเว้นจากการประพฤติชั่วเบียดเบียนกัน

    ศีล 5 เป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
    ไม่กระทำอกุศลเบียดเบียนกัน
    จึงไม่สงสัยใช่ไหมครับ แต่สงสัยตรงศีล 8
    ข้อ 6. เว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล
    ข้อ 7. เว้นจากการฟ้อนรำขับร้องดูการละเล่น และการประดับตกแต่งลูบไล้ของหอม
    ข้อ 8. เว้นจากการนอนบนที่นอนสูงใหญ่

    3 ข้อนี้ไม่เห็นจะเบียดเบียนใครเลย
    ทำไมจึงต้องเว้นล่ะ?
    ก็เพราะเห็นโทษภัยของกิเลสอันเป็นไปด้วยความติดข้อง
    จึงสำรวมระวัง เพียรขัดเกลากิเลสยิ่งขึ้น
    ละความติดข้องต้องการให้น้อยลง

    อาหารเพียง 2 มื้อก็เพียงพอหล่อเลี้ยงแก่การดำรงชีวิต
    มื้อที่ 3 ในตอนเย็น กินแล้วก็นอน จึงเกินความจำเป็น
    (สอดคล้องกับโภชนาการในปัจจุบัน)
    (ที่มักแนะนำให้ลดมื้อเย็นเพื่อสุภาพใช่ไหมครับ)
    (เพราะกินแล้วมักกลายเป็นพลังงานส่วนเกิน)

    สิ่งบันเทิงเริงรมย์ทั้งหลาย
    มักทำให้จิตใจฟุ้งซ่านไปด้วยความเพลิดเพลินลุ่มหลง
    ไม่นำพาไปสู่มรรคผล จึงพึงเว้น
    การดูแลร่างกายก็เพื่อชำระสิ่งสกปรกออกไป
    อาบน้ำ แปรงฟัน สวมใส่เสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย ก็เพียงพอแล้ว
    ไม่จำเป็นต้องประพรมด้วยเครื่องหอม
    หรือประดับตกแต่งอะไรให้วุ่นวาย

    เวลาพักผ่อนหลับนอน
    ไม่จำเป็นต้องแสวงหาเตียงหรูหรา
    ฟูกใหญ่ๆ หนานุ่มเป็นฟุตๆ ราคาแพงๆ
    นอนแล้วก็ไม่อยากลุกไม่อยากตื่น
    ที่นอนเพียงง่ายๆ ก็นอนได้แล้ว

    หากสามารถประพฤติปฏิบัติได้ดังกล่าว
    จะเป็นผู้ที่กินง่ายอยู่ง่ายขึ้นเยอะเลยใช่ไหมครับ
    ลดละความติดข้องต้องการลงได้บ้าง
    ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยไปกับสิ่งที่เกินความจำเป็นในการดำรงชีพ

    ผู้ที่ประพฤติศีล 8 ซึ่งเพิ่มมาอีก 3 ข้อ
    ไม่ใช่เพราะเห็นเขาว่าถือศีล 8 แล้วจะได้บุญมาก จะได้ไปสวรรค์
    ก็เลยฝืนใจจำทนถือกับเขามั่ง
    เพราะอยากได้บุญมากๆ อยากไปเที่ยวสวรรค์

    แล้วก็ไม่ใช่ว่า ใครอดมื้อกินมื้อ ใครไม่อาบน้ำ
    ใครปูหนังสือพิมพ์นอน (ยังดีนะครับ ไม่ห่มหนังสือพิมพ์)
    แล้วจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ถือศีล 8 ได้บุญเยอะๆ

    บุญ หมายถึง ความดี การกระทำดี เป็นเครื่องชำระอกุศลธรรม
    ผู้ที่เห็นโทษของกิเลส ปัญญารู้ว่าการเจริญกุศลยิ่งๆ ขึ้น
    ช่วยขัดเกลาอกุศลให้เบาบางลง
    จึงน้อมใจไปสู่การประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในศีล 8
    ด้วยกุศลเจตนาในการขัดเกลาที่ละเอียดยิ่งขึ้น

    เห็นไหมครับว่า
    ต้องมีเจตนาคือความตั้งใจอันดี
    ในการประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในศีล 8
    เพื่อฝีกฝนอบรมตนเองในการขัดเกลากิเลสยิ่งขึ้น
    ไม่ใช่ทำไปงั้นๆ หรือทำตามๆ เขาไปเพราะอยากได้หวังผลโน่นนี่
    โดยไม่เข้าใจอะไรน่ะครับ

    อนุโมทนาครับ



    เดฟ
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดย D E V : 07-30-2016 เมื่อ 11:15 PM

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  4. Admax said:
    สาธุ
    ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
    ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
    รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
    การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ
     
  5. Admax said:
    ศีลอุโบสถ มีไว้เพื่อความปล่อยวางสิ่งอันเป็นเครื่องล่อใจทั้งหลาย

    ศีล ข้อ ๓ เปลี่ยนจากกามเมสุมิจฉาจาร เป็น อพรหมจริยา เวรมณี ละเว้นจากสิ่งอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ กล่าวคือ ไม่เสพย์สิ่งใดที่ทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน การเจริญในส่วนนี้ เพื่อละราคะโดยตรง มีเจตนาที่จะไม่เสพย์เมถุน ละความติดใจในการสัมผัสกายระหว่างชาย-หญิง ทำจิตให้ตั้งมั่นที่จะตัดขาดกามเมถุน

    ศีล ข้อ ๖ วิกาลโภชนา ไม่กินข้าวหลังเที่ยงตรงไปนี้ เราเจริญเพื่อละความละโมบติดอยากตามใจเกินความพอดี เกินความจำเป็น ท่านเรียกว่า รู้จักประมาณในโภชนา ในจรณะ ๑๕ คือ รู้จักความพอดีในการกิน
    - น้อมพิจารณาได้ว่า ข้าวที่เรากินอยู่นี้ๆก็เพื่อให้ร่างกายนี้คงอยู่ได้เท่านั้น เพราะเราอาศัยกายนี้เพื่อการปฏิบัติ และ ดำรงชีพ หากกินฟุ้งเฟ้อจุกจิกก็เกินความจำเป็นที่กายต้องการ มันเป็นไปเพื่อความอยากเท่านั้น
    - เวลาที่เรากินเยอะ ติดเป็นนิสัย คนบางจำพวกเมื่อกินอิ่มเกินไปจะขึ้เกียจเพราะหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน แล้วก็นอน ไม่มีความเพียรอยู่
    - เวลาที่เรากินเยอะ ติดเป็นนิสัย คนบางจำพวกเมื่อกินอิ่มอยู่ตลอดเวลาทำให้ร่างกายมีกำลังเกินความพอดี ทำให้เกิดการหลั่งสารฮอโมนด์ที่เป็นส่วนเกิดที่อัดเต็มต่างๆอยู่ในร่างกายออกมา เป็นเหตุให้เกิดอารมณ์ทางเพศบ้าง, คิดมากฟุ้งซ่านบ้าง, ระส่ำติดความอยากตามที่ใจต้องการบ้าง
    (เหตุแห่งวิกาลโภชนาโดยย่อง่ายๆมีประมาณนี้ ลองตั้งใจมั่นบริโภคให้น้อยแล้วพิจารณาดูความเป็นไปของตนว่าในขณะนั้นๆเป็นอย่างไร ต่างกับปกติที่เป็นอยู่อย่างไรได้ ก็จะรู้เองว่า วิกาลโภชนาหากตนที่มีจริตอย่างนี้ๆถือปฏิบัติจะให้ผลดีในส่วนใด ผู้ปฏิบัติจะรู้ได้เฉพาะตนครับ)

    ศีล ข้อที่ ๗ นัจจคีตวาทิตวิสูกทัสสนมาลาคันธวิเลปนธารณมัณฑนวิภูสนัฏฐานา เว้นจากการฟ้อนรำ ฟังเพลง ขับร้อง ประโคมดนตรี เครื่องตกแต่งกาย เราเจริญเพื่อละราคะ ละความคิดฝักใฝ่ยินดีใน รูป รส กลิ่น เสียง ภายนอก ไม่ยินดี ยินร้ายกับ รูป รส กลิ่น เสียง อันเป็นที่น่ารักน่าจำเริฐใจทั้งสิ้นไป

    ศีล ข้อที่ ๘ อุจจาสยนมหาสยนา เว้นจากที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่ คือ ละความติดใจสัมผัสที่สบายกาย ถึงแม้ไม่นอนฟูกนุ่มๆเราก็ยังดำรงชีพอยู่ได้ ชีวิตคนไม่ได้ต้องการจำเป็นอะไรมากมายนอกจากปัจจัย ๔ ไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อตายไป รูปกายนี้ก็นอนอยู่เพียงไม้กระดานอันเดียวรองรับกายเราไว้ สุดท้ายกายนี้ก็อาศัยนอนได้แค่ไม้กระดานโรงศพเท่านั้น ดังนั้นแล้วมีอะไรที่เราจะยึดว่าสิ่งไรๆควรและไม่ควรต่อกายนี้ได้บ้าง ก็ยึดอะไรไม่ได้เลย เมื่อไม่มีอะไรที่จะเข้าไปตั้งได้ว่าสิ่งนี้ๆควรแก่เรา สิ่งนี้ๆไม่ควรแก่เราแล้ว เราก็พึงอยู่อย่างเรียกง่าย ไม่แสวงหาจนเกินความจำเป็นที่จะดำรงชีพอยู่ได้


    - หมดนี้เป็นสัมมาสังกัปปะ ความคิดชอบ คิดออกจากทุกข์ เนกขัมมะวิตก เป็นกรรมฐานต่อศีล ๘ ที่เรียกว่า ศีลอุโบสถ เพราะเป็นไปเพื่อความปล่อยวางหลุดพ้นความหน่วงเหนี่ยวยึดถือดังที่กล่าวไว้นั้นแหละ หากทำแล้วติดขัด อึดอัดกายใจ ทำไม่ได้ ก็แสดงว่ายังติดหลงสมมติอยู่เยอะ ทำได้ความติดใคร่ในสิ่งไรๆจะลดลง ผลที่ได้ผู้ปฏิบัติจะรู้ได้ด้วยตนเอง บางที่ท่านว่า ศีล ๘ เป็นศีลของพระอนาคามี

    ส่วนศีลที่เป็นไปในมุมของพระก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง พรหมจรรย์นี้หมายรวมทั้งการเสพย์กามเมถุนและศีลทั้งหมดทุกข้อ ซึ่งศีลของพระนั้นมีทั้งเจริญเพื่อความเหมาะสมแก่เพศสมณะ มีทั้งเป็นไปเพื่อความปล่อยวาง มีทั้งเป็นไปเพื่อความหลุดพ้นทุกข์ด้วยข้อละเว้นทั้ง 227 ข้อ นั้นแหละ

    ลองถือ ศีล ๘ ดูสิเพื่อสักอาทิตย์หนึ่ง อธิษฐานถือเอา แล้วจะเห็นชัดหลายอย่าง มีคนมาอธิบาย 108 ไม่สู้เราเห็นจริงจากการกระทำสัมผัสเอง

    ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
    ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
    รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
    การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ