กสินรูปแบบใหม่

กระทู้: กสินรูปแบบใหม่

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:
    แต่ละบุคคลนั้นสั่งสมมาต่างๆ กันไปน่ะครับ
    ได้หรือไม่ได้...คุณ Tewada ได้ลองแล้ว ผลเป็นอย่างไรครับ?

    สำหรับการเจริญอาโลกกสิณนั้น
    หากต้องการจริงๆ ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคมีแสดงรายละเอียดไว้แล้ว
    ว่าแสงสว่างที่ใช้เป็นอารมณ์ของกสิณที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไรน่ะครับ



    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  2. Admax said:








































    (เวลาที่เทวดาหลับตาเพ่งดูแสงที่มันเกิดมีขึ้นตอนหลับตานั้น ให้เพ่งตั้งไว้ที่ตรงกลาง รวมจิตไว้ที่เบื้องหน้าตรงกลางในที่มืดนั้น เห็นแสงไปซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ก็พึงระลึกแสงๆ แต่ตั้งจิตรวมไว้ตรงกลาง ตั้งจิตอธิษฐานให้แสงเหล่านั้นมารวมกันใหญ่ขึ้นเกิดขึ้นเป็นจุดเดียวที่ตรงกลางเบื้องหน้าตน ห้ามไปเหลือบมองตามแสงที่มันเลื่อนไปซ้ายบ้าง ขวาบ้างเด็ดขาด เราแค่รู้ว่าแสงเกิดมีขึ้นที่ตรงนั้นตรงนี้พอ แต่ปักหลักปักตอรวมจิตไว้ที่เบื้องหน้าเท่านั้น หากเข้าขณิกสมาธิได้มันจะวูบวาบๆ เหมือนเราเข้าไปอยู่ในนิมิตเบื้องหน้า แล้วมันมองเห็นแสงเป็นไปแบบประมาณนี้ เพ่งนิ่งไปค่อยๆอธิษฐานให้แสงใหญ่ขึ้น จิตตั้งมั่นมากเท่าไหร่ ยิ่งอธิษฐานได้มากเท่านั้น แล้วถ้ามันเข้านิมิตได้นะมันจะเหมือนเรามองเข้าไปในแสง เกิดนิมิตเรื่องราวให้เห็น ตรงนี้สำคัญมาก ถ้าไม่มีสติจะไม่รู้ได้ว่าเกิดจากความหน่วงนึกตรึกคิดสมมติของตน หรือเป็นนิมิตที่เกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญา

    ถ้าอยากเอาตามธรรมมาแต่โบรานก็ไปหาช่องที่มีแสงอาทิตย์ลอดผ่านได้ แล้วไปนั้งเพ่งเอาแสงที่เป็นประกา่ยออกมาจากปล่องนั้น ที่เราเห็นว่ามันมีฝุ่นลอยยุกยิกๆในพื้นที่ๆมีแสงสองมานั้นๆนั้นแหละ)






















    แสงไฟหรือดวงอาทิตย์








    ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
    ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
    รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
    การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ
     
  3. Admax said:
    ลืมบอก มี 2 แบบที่จะทำให้เราไปเห็นได้ตามกำลังสมาธิคือ
    1. ไม่ต้องไปคิดว่าตนฝึกกสิน ทำกสิน แต่เห็นว่าเป็นการฝึกรวมจิตเพื่อให้มีพลังจิตสูง ไปเห็นอะไรก็ได้ตามปารถนา จิตมันจะดิ่งลงไปเห็นอะไรก็ปล่อยมันดูตามมันไปจิตมันจะแนบนิมิตตั้นไปได้ หากไปเฮ๊ยเห็นแระ เห็นนี่แล้ว นั่นแล้ว โน้นแล้ว มันจะหลุดทันทีถ้าจิตไม่ถึงปฐมฌาณ ให้ทำไปอย่างนี้เป็นต้น
    2. อีกประการคือ ทำเพื่อให้จิตรวมๆ กำหนดนิมิตไปให้จิตมีกำลังตั้งมั่นควรแก่งาน เข้าอุปจาระสมาธิ ถึงปฐมฌาณ แล้วอธิษฐานดูนิมิต อาการทั้ง 32 บ้าง ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟในกายบ้าง เห็นอสุภะบ้าง เพื่อละอัตตาในรูปขันธ์ อันนี้คือทางพ้นทุกข์ที่ผู้รู้สรรเสริญ ซึ่งในสมาธินั้นอธิษฐานอะไรมันเป็นไปให้หมดเลยนะ เหมือนนั่งดูหนังเลยนะ และเป็นตัวเราที่เป็นตัวสำคัญเข้าไปกระทำในหนังนั้น เวลาเห็นดังนี้อย่าไปถอนสมาธิออกหรือเปลี่ยนไปทำนั่นโน่นนี่เด็ดขาด จังนี้นี้เหมาะแก่พิจารณาธรรมมากๆ พระป่าท่านม้างกายท่านก็ห้เข้าไปม้างในฌาณอย่างนี้แหละ ถ้าเกินนี้ไปหากเราเคยเข้าฌาณได้จะเห็นว่า มันไม่มีอะไรทั้งสิ้นในกายใจเรานี้ มันว่าง มันแปลนไปหมด คือ ราบเรียบไปไม่มีอะไรนอกจากจิตโดดๆ
    ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
    ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
    รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
    การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ
     
  4. Admax said:

    กรรมฐานทั้ง 40 กอง เข้าถึงไม่ยาก แค่ทำไว้ในใจเป็น ลองดูครับ
    ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
    ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
    รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
    การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ
     
  5. Admax said:
    แถม ดวงกสินไปให้ครับ











    ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
    ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
    รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
    การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ
     
  6. Admax said:
    ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
    ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
    รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
    การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ
     
  7. tewada said:
    ขอบใจมากตอนนี้ฝึกความชำนาญในการเข้าสมาธิไปก่อนละกัน