จอมกษัตริย์นักรบไทย

กระทู้: จอมกษัตริย์นักรบไทย

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. Admax said:

    จอมกษัตริย์นักรบไทย






    พ่อ จอมกษัตริย์ นักปราชญ์ มหาราชนักรบไทย

    (พระผู้ทรงสู้รบกับความยากจนของทวยราษฎร์ทั้งประเทศ เพื่อให้ราษฎรของพระองค์ได้มีอยู่มีกินอย่างเพียงพอ)


    บนโลกนี้ ยังมีพ่อ อยู่คนหนึ่ง
    ที่ตราตรึง ซึ้งดวงใจ ลูกทั้งหลาย
    ถือกระดาษ วาดแผนที่ เหน็ดเหนื่อยกาย
    เฝ้าหาทาง คลายความจน หมดบ้านไป


    นับแต่ฉัน รู้ความ ก็ได้เห็น
    ผู้ที่เป็น ร่มโพธิ์เย็น ให้ปวงไทย
    ผู้ลำบาก ตรากเหงื่อหยด ด้วยหัวใจ
    ผู้หวังให้ ลูกทุกคน กินอยู่ดี

    ฉันรู้จัก ท่านในนาม ว่า.."ในหลวง"..
    ผู้ที่ปวง ชาวไทย เรียก.."พ่อ"..นี้

    ทรงเลี้ยงลูก หกสิบล้าน อิ่มเปรมปรีย์
    ไม่เคยมี เพื่อคำยอ สรรเสริญใด

    ทรงปิดทอง อยู่หลังพระ มาตลอด
    ไม่หมายคำ พูดพลอดยอ สรรเสริญใคร
    จนสิบสาม ตุลาคม ที่ปวงไทย
    โลกเทิดไท้ ประจักษ์ใน มหาคุณ..




    ธ ทรงก้าว เหยียบย่าง ไปที่ใด
    ที่นั้นไซร้ ได้ผลิต แลผลหนุน
    จะบนเขา เหล่าโคกไพร ทรงค้ำจุน
    เปลี่ยนเวียนหมุน กันดารให้ ฉ่ำขจี







    ทำลายฝิ่น สารเสพย์ติด นาเลื่อนลอย
    ปลูกพืชดอย ขั้นบันได ที่ทรงชี้
    มีไว้กิน ไม่ต้องจ่าย ใช้พอดี
    เกินกว่านี้ เอาไว้ขาย กำไรตน



















    ปลูกไร่นา สวนผสม ชะโลมดิน
    ขุดบ่อปลา เลี้ยงไว้กิน ไม่ขัดสน
    ขยายพันธ์ เอาแบ่งขาย จักไม่จน
    เสกฟ้าฝน สู้ภัยแล้ง แผ่นดินไทย









    ** จอมกษัตริย์ นักปราชญ์ แห่งสยาม
    มิครั่นคร้าม ไม่หวั่นกลัว แม้สิ่งใด

    (มิครั่นคร้าม แม้เหนื่อยยาก สักเพียงไหน)
    กำแผนที่ ขึ้นต่อสู้ เพื่อผองไทย
    รบฆ่าไป ไล่ศัตรู คือความจน

    ------------------------------------









    พลังงาน ใช้ทดแทน ธรรมชาติ
    ไม่ให้ขาด แร่ธาตุ ทรงคิดค้น
    ดินฟ้าเสื่อม น้ำเน่าเสีย สารพิษปน
    ขจัดพ้น พลิกฟื้นคืน ให้ชาวไทย










    ปลูกความรู้ สู้..ขยัน ให้ทุกคน
    เพียร..อดทน ฝึกฝนใน ความรู้ใหม่
    พอเพียงอยู่ สู่ยั่งยืน ตั้งมั่นไว้
    ไม่ท้อใจ ย่อมได้ผล ในเร็ววัน

    ความพอเพียง ที่พระองค์ ทรงสอนให้
    นั้นหาใช่ เพื่อพอกิน เพียงเท่านั้น
    เมื่อเอา "เพียง" ไว้หน้า "พอ" จะรู้พลัน
    ที่มีกัน ก็เหลือใช้ มากเพียงพอ

    ทั้งพื้นที่ ผลผลิต ที่มีอยู่
    เพียงเรียนรู้ คิดพลิกแพลง ประยุกต์ต่อ
    ก็ช่วยทำ เงินกำไร ได้มากพอ
    ใช้ถักทอ ทรัพย์ให้เรา นานสืบไป











    เทวดา เดินดิน ที่ฉันรู้
    โลกเชิดชู คู่ศรัทธา แลเลื่อมใส
    ประชาชน คนสยาม โลกเทิดไท้
    มหาราช ในหมู่ราชา ภูมิพล


    ** จอมกษัตริย์ นักปราชญ์ แห่งสยาม
    ย่ำเดินตาม ทางแห้งแล้ง ฝ่าแดดฝน
    เพียรฟื้นฟู ความกินอยู่ ให้ราษฎร์ชน
    ฆ่าสิ้นไป กับความจน ของคนไทย


    ------------------------------------









    บนโลกนี้ มีพ่อ อยู่คนหนึ่ง
    ที่ตราตรึง ซึ้งดวงใจ ลูกทั้งหลาย
    ถือกระดาษ วาดแผนที่ เหน็ดเหนื่อยกาย
    ฟันฝ่าทาง เพื่อทำลาย ความยากจน


    ------------------------------------



    บทกลอนทั้งปวงนี้ อาจไม่ใช่ข้อความที่ดีนัก
    แต่กลั่นออกมาด้วยใจ ที่ผมให้ความเคารพ รัก เทอดทูนเหนือเศียรเกล้า น้อมถวายพ่อหลวง
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกฏิ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
    จอมกษัตริย์นักปราชญ์ มหาราชนักรบไทยผู้กำแผนที่ ดินสอ ปากกา และ กล้องถ่ายรูป
    เพื่อต่อสู่กับความยากจนของคนไทยทั้งประเทศ ให้คนไทยทั้งประเทศได้มีอยู่มีกินเพียงพอไม่ทุกข์ยากลำบาก พระองค์ทรงเสด็จสู่สวรรคาลัย


    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า เกียรติคุณ





    พ่อ จอมกษัตริย์ นักปราชญ์ มหาราชนักรบไทย(พระผู้ทรงสู้รบกับความยากจนของทวยราษฎร์ทั้งประเทศ เพื่อให้ราษฎรของพระองค์ได้มีอยู่มีกินอย่างเพียงพอ)


    บนโลกนี้ ยังมีพ่อ อยู่คนหนึ่ง
    ที่ตราตรึง ซึ้งดวงใจ ลูกทั้งหลาย
    ถือกระดาษ วาดแผนที่ เหน็ดเหนื่อยกาย
    เฝ้าหาทาง คลายความจน หมดบ้านไป

    นับแต่ฉัน รู้ความ ก็ได้เห็น
    ผู้ที่เป็น ร่มโพธิ์เย็น ให้ปวงไทย
    ผู้ลำบาก ตรากเหงื่อหยด ด้วยหัวใจ
    ผู้หวังให้ ลูกทุกคน กินอยู่ดี

    ฉันรู้จัก ท่านในนาม ว่า.."ในหลวง"..
    ผู้ที่ปวง ชาวไทย เรียก.."พ่อ"..นี้
    ทรงเลี้ยงลูก หกสิบล้าน อิ่มเปรมปรีย์
    ไม่เคยมี เพื่อคำยอ สรรเสริญใด

    ทรงปิดทอง อยู่หลังพระ มาตลอด
    ไม่หมายคำ พูดพลอดยอ สรรเสริญใคร
    จนสิบสาม ตุลาคม ที่ปวงไทย
    โลกเทิดไท้ ประจักษ์ใน มหาคุณ..

    ธ ทรงก้าว เหยียบย่าง ไปที่ใด
    ที่นั้นไซร้ ได้ผลิต แลผลหนุน
    จะบนเขา เหล่าโคกไพร ทรงค้ำจุน
    เปลี่ยนเวียนหมุน กันดารให้ ฉ่ำขจี

    ทำลายฝิ่น สารเสพย์ติด นาเลื่อนลอย
    ปลูกพืชดอย ขั้นบันได ที่ทรงชี้
    มีไว้กิน ไม่ต้องจ่าย ใช้พอดี
    เกินกว่านี้ เอาไว้ขาย กำไรตน

    ปลูกไร่นา สวนผสม ชะโลมดิน
    ขุดบ่อปลา เลี้ยงไว้กิน ไม่ขัดสน
    ขยายพันธ์ เอาแบ่งขาย จักไม่จน
    เสกฟ้าฝน สู้ภัยแล้ง แผ่นดินไทย

    ** จอมกษัตริย์ นักปราชญ์ แห่งสยาม
    มิครั่นคร้าม ไม่หวั่นกลัว แม้สิ่งใด
    (มิครั่นคร้าม แม้เหนื่อยยาก สักเพียงไหน)
    กำแผนที่ ขึ้นต่อสู้ เพื่อผองไทย
    รบฆ่าไป ไล่ศัตรู คือความจน

    -----------------------------------

    พลังงาน ใช้ทดแทน ธรรมชาติ
    ไม่ให้ขาด แร่ธาตุ ทรงคิดค้น
    ดินฟ้าเสื่อม น้ำเน่าเสีย สารพิษปน
    ขจัดพ้น พลิกฟื้นคืน ให้ชาวไทย

    ปลูกความรู้ สู้..ขยัน ให้ทุกคน
    เพียร..อดทน ฝึกฝนใน ความรู้ใหม่
    ู่พอเพียงอยู่ สู่ยั่งยืน ตั้งมั่นไว้
    ไม่ท้อใจ ย่อมได้ผล ในเร็ววัน

    ความพอเพียง ที่พระองค์ ทรงสอนให้
    นั้นหาใช่ เพื่อพอกิน เพียงเท่านั้น
    เมื่อเอา "เพียง" ไว้หน้า "พอ" จะรู้พลัน
    ที่มีกัน ก็เหลือใช้ มากเพียงพอ

    ทั้งพื้นที่ ผลผลิต ที่มีอยู่
    เพียงเรียนรู้ คิดพลิกแพลง ประยุกต์ต่อ
    ก็ช่วยทำ เงินกำไร ได้มากพอ
    ใช้ถักทอ ทรัพย์ให้เรา นานสืบไป

    เทวดา เดินดิน ที่ฉันรู้
    โลกเชิดชู คู่ศรัทธา แลเลื่อมใส
    ประชาชน คนสยาม โลกเทิดไท้
    มหาราช ในหมู่ราชา ภูมิพล

    ** จอมกษัตริย์ นักปราชญ์ แห่งสยาม
    ย่ำเดินตาม ทางแห้งแล้ง ฝ่าแดดฝน
    เพียรฟื้นฟู ความกินอยู่ ให้ราษฎร์ชน
    ฆ่าสิ้นไป กับความจน ของคนไทย

    ------------------------------------

    บนโลกนี้ มีพ่อ อยู่คนหนึ่ง
    ที่ตราตรึง ซึ้งดวงใจ ลูกทั้งหลาย
    ถือกระดาษ วาดแผนที่ เหน็ดเหนื่อยกาย
    ฟันฝ่าทาง เพื่อทำลาย ความยากจน

    ------------------------------------


    บทกลอนทั้งปวงนี้ อาจไม่ใช่ข้อความที่ดีนัก แต่กลั่นออกมาด้วยใจ ที่ผมให้ความเคารพ รัก เทอดทูนเหนือเศียรเกล้า น้อมถวายพ่อหลวง
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกฏิ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร จอมกษัตริย์นักปราชญ์ มหาราชนักรบไทยผู้กำแผนที่ ดินสอ ปากกา และ กล้องถ่ายรูป เพื่อต่อสู่กับความยากจนของคนไทยทั้งประเทศ ให้คนไทยทั้งประเทศได้มีอยู่มีกินเพียงพอไม่ทุกข์ยากลำบาก พระองค์ทรงเสด็จสู่สวรรคาลัย

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า เกียรติคุณ

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดย Admax : 11-11-2016 เมื่อ 09:59 AM
    ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
    ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
    รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
    การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ
     
  2. Admax said:


    กระทู้นี้ ผมเขียนขึ้นมาด้วยความจงรักภักดีต่อพ่อหลวง
    ผมเห็นผู้คนมากหมายเสียใจ ร้องไห้ บอกรักในหลวง แต่ไม่ว่าจะเป้นใคร เพลงที่แต่ง กลอนที่เขียน บทความที่สร้าง มีแต่บอกเสียใจน้ำตาร่วง แต่ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่า รักในหลวงเพราะเหตุใด ทำไมจึงเสียใจมากมายอย่างนี้ พระองค์ทรงทำสิ่งใดให้ไว้แก่เราบ้าง เราถึงจดจำพระองค์ถึงความดีนั้น การกระทำนั้น ความเพียรอยู่นั้น ศีลนั้นๆ ปัญญานั้นๆ


    ผมปารถนาอยากให้กระทู้นี้เมื่อทุกคนที่ได้อ่าน หรือ หากกระทู้นี้คงอยู่ถึงหลายปี ชนรุ่นหลังที่เกิดไม่ทัน รัชกาลที่ ๙ เมื่อได้มาอ่านกระทู้นี้ เห็นกระทู้นี้ เขาจะเข้าใจและจดจำว่า บนโลกนี้มีมหาราชอยู่องค์หนึ่ง ซึ่งเป็นทั้งพระผู้ให้ เป็นพระผู้ทรงธรรม เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นทั้งพ่อ เป็นทั้งจอมกษัตริย์ เป็นทั้งนักปราชญ์ เป็นทั้งมหาราชนักรบ ซึ่งพระองค์ไม่ได้จับถือมีด ดาบ ปืน ศาสตราวุธขึ้นออกรบ แต่พระองค์มีเพียงกระดาษ แผนที่ ปากกาขึ้นสู้รบ
    พระองค์ทรงรบกับอะไร รบกับความยากจนของคนทั้งประเทศ รบกับความไม่มีโอกาสได้ศึกษาเรียนรู้และทำมาหากินของผู้ยากจน ผู้ด้อยโอกาส พระองค์เป็นมหาเทพผู้ทรงเดินบนดิน อยู่กินกับปุถุชน ใช้ชีวิตกับชาวบ้านผู้ยากจน ทรงใช้พระปัญญาอันยิ่งแล้วพลิกแพลง ศึกษาหาแนวทางแก้ไขความยากจนของชาวบ้านที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ที่ปลายเหตุ ไม่ใช่โยนเงินโยนทรัพย์สินให้ เพราะทรัพย์สินเงินทองใช้แล้วก็หมดไป พอหมดก็ทุกข์อีก เพราะไม่มีความรู้ที่จะจัดการดูแลรักษาใช้จ่ายใช้ประโยชน์ในการทำมาหากินให้ตนเองมีกินอย่างยั่งยืนได้ ด้วยเหตุดังนี้พระองค์จึงทรงให้ความรู้ก่อนเป็นหลัก และให้ดูแลรักษาสภาพแวดล้อมภูมิประเทศที่เขาอาศัยอยู่พร้อมกันนั้นในขณะเดียวกันก็ชี้แนะวิธีทำมาหากินทำเงินห่างไกลยาเสพย์ติดมีความเป็นอยู่ยั่งยืน เริ่มจากเรียนรู้ที่จะทำงานสุจริต ไม่ทำลายสภาพแวดล้อมพื้นที่อู่ข้าวอู่น้ำของตน เรียนรู้พลิกแพลงใช้พื้นที่ สิ่งของ ทรัพยากรณ์ที่ตนมีอยู่นำมาเปลี่ยนแปลงประยุกต์ใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเองและผู้อื่น โดยไม่ทำลายสิ่งที่มีอยู่ เช่น มีพื้นที่เท่านี้ อยู่ในป่าเขา ปกติทำไร่สวน ทำนาเลื่อนลอย ปลูกฝิ่น ปลูกกัญชา ไม่มีน้ำ ก็ทรงให้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมา ทรงให้ทำฝายชลอน้ำ สร้างเขื่อน ให้เลี้ยงสัตว์ ไก่ เป็ด ปลา หมู วัว ควาย ทรงให้เลี้ยงกุ้งลอบสเตอร์ก้ามแดงในนาข้าว ปลูกกาแฟ ปลูกพืชผัก ผลไม้ ปลูกชา โดยทำแบบขั้นบันได้ไม่ให้เสียหน้าดินและธาตุในดิน จักสาน ทอผ้า ฯลฯ เพื่อให้เขาเหล่านั้นมีงานทำ ค้าขายแลกเงิน เมื่อเขาเห็นเงินที่ได้มาอย่างยั่งยืนก็จะเลิกไปซึ่งการปลูกฝิ่น กัญชา สารเสพย์ติด ไม่ตัเไม้ทำลายป่า ไม่ทำนาเลื่อนลอย แล้วเริ่มที่จะศึกษาหาความรู้เพิอ่มเติมแนวทางใหม่ๆ รู้จักหัดคิด หัดพลิกแพลงใช้จ่ายใช้ทำกับสิ่งที่ตนมีให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ได้ทำลายหรือสร้างความเสียหายใดๆ

    Link เศรษฐกิจพอเพียงโครงการในพระราชดำริ http://xn--12cmc4a2ea2ac8bl2czera7lj.net/

    ยกตัวอย่างเช่น คุณสุชล สุขเกษม บุคคลตัวอย่างผู้เรียนรู้ศึกษาและทำในเศรษฐกิจพอเพียง ปราชญ์ชาวบ้าน
    ซึ่งคุณสุชลได้ศึกษาเรียนรู้ เป็นผู้ที่ใฝ่รู้ พลิกแพลงประยุกต์ใช้นำไปก่อเกิดประโยชน์สูงสุด คือ ไก่ที่ถูกเลี้ยงบนตะกร้า ไก่หลุม ไก่ชิงช้าสวรรค์ ล้วนดัดแปลงพลิกแพลงจากแนวทางพระราชดำริในส่วนต่างๆ นำมาดัดแปลงประยุกต์ใช้สิ่งที่ตนมีอยู่ให้เกิดความเพียงพอกับทรัพยากรที่มีอยู่โดยไม่ทำลาย ไม่สร้างความเสียหาย ทำให้เกิดความเป้นอยู่ที่พอเพียง และผลกำไรที่เพียงพอตามความต้องการ ดูข้อมูลได้ตาม Link นี้ครับ

    http://www.juth.net/?p=2068

    https://www.thaich8.com/news_detail/17403

    เพราะพระองค์ทรงสั่งสอนให้ความรู้ แนวทางอย่างนี้ ช่วยประชาชนอย่างนี้ จึงเป็นที่รักที่เคารพหวงแหนยิ่งของคนไทยทั้งชาติ เมื่อพระองค์ทรงเสด็จสู่สวรรคาลัย ชาวไทยทั้งประเทศจึงเสียใจยิ่งนัก ดังนี้ครับ
    ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
    ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
    รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
    การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ
     
  3. Admax said:


    ๙ สิ่งหลักๆเบื้องต้นที่จะทำใน
    เศรษฐกิจพอเพียงโครงการในพระราชดำริ
    ขององค์ภูมิพลมหาราช รัชกาลที่ ๙ มีดังนี้

    ๑. ไม่โลภมาก
    ๒. ขยันหมั่นเพียร
    ๓. ซื่อสัตย์
    ๔. อดทน
    ๕. ใฝ่เรียนรู้
    ๖. ความคิดสร้างสรรค์
    ๗. เอื้อเฟื้อแบ่งปัน
    ๘. สัจจะ
    ๙. อิทธิบาท ๔



    แก้ไขครั้งล่าสุดโดย Admax : 11-11-2016 เมื่อ 12:44 PM
    ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
    ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
    รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
    การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ