ทุกข์ทางใจ

กระทู้: ทุกข์ทางใจ

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. Vipawee said:

    ทุกข์ทางใจ

    ทำอย่างไรถึงจะพ้นทุกข์ทางใจเสียที ทั้งที่ทุกอย่างมันก็ผ่านไปนานพอสมควรแล้ว แต่พอมองเห็นของทุกอย่างที่เขาให้มา ก็ร้องไห้ทุกครั้งไป ทรมานมาก เลย ไปทำบุญทำสมาธิก็แล้ว ใจก็นึกถึงเรื่องเก่าอยู่ดี ท่านใดพอจะมีวิธีแนะนำบ้างค่ะ
     
  2. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:

    Re: ทุกข์ทางใจ


    เป็นธรรมดาที่เราทุกคนก็อาจมีเรื่องทุกข์ใจอ่ะคับ
    แต่ให้ทราบว่าขณะใดที่เรากำลังทุกข์ใจ
    ขณะนั้นเรากำลังทำร้ายตัวเราเอง

    เวลาที่เราคาดหวังสิ่งใด...แล้วไม่เป็นไปดังที่หวัง
    ขณะนั้นเป็นไปด้วยตัณหา ความติดข้องปรารถนา
    ความทะยานอยาก ความคาดหวังที่จะให้ทุกอย่างสมหวังดังใจ
    และเมื่อไม่เป็นไปดังที่อยาก...ดังที่คาดหวัง
    ก็เกิดโทสะ ความขุ่นข้องใจ ทุกข์ใจ เศร้าโศกเสียใจ
    ยิ่งติดข้องมากเท่าไหร่...ก็ยิ่งทุกข์ใจมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

    ไม่มีใครในโลกที่จะสมหวังไปหมดทุกเรื่อง
    ถ้าเราวางความติดข้องคาดหวังลงบ้าง
    ความทุกข์ใจนั้นก็จะทุเลาเบาบางลง
    ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการค่อยๆ คลายวางลงทีละน้อยๆ อ่ะคับ

    เรื่องราวที่ผ่านมาในอดีต...ยากที่จะลืม
    ยิ่งพยายามฝืนที่จะลืม...ก็คือยิ่งตอกย้ำ
    เวลาเห็นสิ่งของที่เค้าให้
    เราเลือกได้ว่าจะคิดถึงสิ่งดีๆ ที่เคยมอบให้แก่กัน
    หรือเลือกที่จะตอกย้ำความเจ็บช้ำให้กับใจเราเอง
    หากทุกครั้งที่เห็นสิ่งของนั้นแล้วบาดใจ...แม้จะทิ้งสิ่งของนั้นไป
    แต่แผลในใจก็ยังคงอยู่...เพราะเราเองที่คอยกรีดซ้ำแผลเก่าน่ะคับ

    เหตุการณ์ทั้งหลายผ่านไปนานแล้ว
    แต่เราเองกลับยึดมั่นมันไว้ไม่ปล่อยผ่าน
    ไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน...ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
    แม้จะนั่งสมาธิ (ต้องขออนุโมทนาด้วยนะคับ)
    ก็เพียงช่วยกลบเกลื่อนให้ลืมชั่วครั้งคราว
    แต่ยังไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ...คือแก้ที่ใจเราเอง
    เข้าใจและยอมรับในความเป็นจริงอันเป็นธรรมดา
    ทุกข์นี้เราว่าหนักหนา...แต่ลองมองไปรอบๆ ตัวจิคับ
    ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ด้อยโอกาส
    ยังต้องการความช่วยเหลือจากเราอีกมาก...มองเห็นใช่มั้ยคับ

    คุณ Vipawee เจ็บมือมั้ยคับ
    ตอนนี้กำลังกำก้อนหินไว้แน่น...ยิ่งกำแน่นก็ยิ่งเจ็บมือ
    แต่ถ้าค่อยๆ ปล่อยมือ...วางก้อนหินนั้นลงซะ
    ความเจ็บปวดก็จะค่อยๆ คลายจาง
    ลองวางลงสิคับ...ลองดูนะคับ
    เป็นกำลังใจให้คุณ Vipawee
    วางก้อนหินที่กำไว้ลงได้ในที่สุดนะคับ


    คลิกฟังบทสรุปของคำตอบ
    http://www.imeem.com/daruno/music/Ew5KXToY/rose_rose/




    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  3. *8q* said:

    Re: ทุกข์ทางใจ

    เยี่ยมหันมากำนุ่นแทน
    ก่อนเกิดใครเป็นเรา<br />เมื่อเกิดแล้วเราเป็นใคร<br /><br />สิ่งที่ทำอยู่คือกรรมใหม่<br />ผลที่ได้รับคือกรรมเก่า<br /><br />ฟังในสิ่งที่ไม่ได้ยิน<br />มองในสิ่งที่ไม่เห็น<br />ทำในสื่งที่ไม่มี
     
  4. StromyNight said:

    Re: ทุกข์ทางใจ

    ก้อนหินก้อนนั้น

    เคยมีใครสักคนได้บอกฉันมา
    ว่าเวลาใครมาทำกับเราให้เจ็บช้ำใจ
    ลองไปเก็บก้อนหินขึ้นมาสักอัน
    ถือมันอยู่อย่างนั้นและบีบมันไว้

    บีบให้แรงจนสุดแรง ให้มือทั้งมือมันเริ่มสั่น
    ใครคนนั้นยิ้มให้ฉัน ถามว่าเจ็บมือใช่ไหม

    ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง
    ให้เธอคิดเอาเอง ว่าชีวิตของเธอเป็นของใคร
    ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ถ้าเธอไม่รับมันมาใส่ใจ
    ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอแบกรับมันเอง

    ใครมาทำกับเธอให้เจ็บหัวใจ
    ก็แค่ให้ก้อนหินก้อนนั้นให้เธอรับมา
    เพียงเธอจับมันโยนให้ไกลสายตา
    หรือเธอปรารถนาจะเก็บมันไว้

    หากยิ่งยอมยิ่งแบกไป หัวใจของเธอก็ต้องสั่น
    หากยังทำตัวแบบนั้น ถามว่าปวดใจใช่ไหม

    ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง
    ให้เธอคิดเอาเอง ว่าชีวิตของเธอเป็นของใคร
    ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ถ้าเธอไม่รับมันมาใส่ใจ
    ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอแบกรับมันเอง

    ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง
    ให้เธอคิดเอาเอง ว่าชีวิตของเธอเป็นของใคร
    ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ถ้าเธอไม่รับมันมาใส่ใจ
    ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอแบกรับมันเอง

    ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอรับไว้เอง


    น้ำตาไหลทุกครั้งที่ฟังเพลงนี้
     
  5. Vipawee said:

    Re: ทุกข์ทางใจ

    ขอบคุณทุกท่านที่ชี้แนะ เรื่องที่ทุกข์ทางใจ ไม่ใช่ทุกข์ เพราะคู่รักทำ แต่เป็นทุกข์เพราะบุพกาลี ได้จากไปไม่กลับตลอดชีวิต เพราะเรามีกันอยู่สองคนเท่านั้น เลยทำใจลำบาก
     
  6. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:

    Re: ทุกข์ทางใจ


    อ่ะคับ ทุกข์ใจนั้นไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด
    ก็เป็นเพราะใจเราเองทั้งสิ้นเลยน่ะคับ
    ไม่ว่าจะทุกข์เพราะผิดหวังจากคนรัก
    หรือทุกข์เพราะบุคคลอันเป็นที่รักจากไป
    ไม่ว่าจะเป็นบุพการี บุตรหลาน มิตรสหาย ฯลฯ
    ล้วนเป็นเพราะใจเรายึดมั่นไว้...ไม่อาจปล่อยวางได้

    ลองดูพระสูตรนี้เทียบเคียงนะคับ
    เพียงแต่ในพระสูตรนี้กลับกัน
    แทนที่จะเป็นบุพการีตายจาก
    แต่เป็นหลานได้ตายจากไป
    (แต่ไม่ว่าจะเป็นใครตายจากไป ก็ใช้เทียบเคียงกันได้น่ะคับ)


    ******************************************************


    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
    ขุททกนิกาย-ขุททกปาทะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต

    ๘. วิสาขาสูตร

    [๑๗๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ บุพพารามปราสาท
    ของนางวิสาขามิคารมารดา ใกล้พระนครสาวัตถี
    ก็สมัยนั้นแล หลานของนางวิสาขามิคารมารดาเป็นที่รักที่พอใจ ทำกาละลง
    (ทำกาละลงหมายถึงตายลงนะคับ)

    ครั้งนั้น นางวิสาขามิคารมารดามีผ้าเปียก ผมเปียก
    (มีผ้าเปียก ผมเปียก คือ ร่ำไห้จนน้ำตาเปียกปอนไปหมด)
    เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับในเวลาเที่ยง
    ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะนางวิสาขามิคารมารดาว่า
    เชิญเถิดนางวิสาขา ท่านมาแต่ไหนหนอ
    มีผ้าเปียก มีผมเปียก เข้ามา ณ ที่นี้ในเวลาเที่ยง

    นางวิสาขากราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
    หลานของหม่อมฉัน เป็นที่รักที่พอใจ ทำกาละเสียแล้ว
    เพราะฉะนั้น หม่อมฉันจึงมีผ้าเปียกมีผมเปียก เข้ามา ณ ที่นี้ในเวลาเที่ยง เจ้าค่ะ ฯ

    พ. ดูกรนางวิสาขา ท่านพึงปรารถนาบุตรและหลานเท่ามนุษย์ในพระนครสาวัตถีหรือ ฯ

    วิ. ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้เจริญ หม่อมฉันพึงปรารถนาบุตรและหลานเท่ามนุษย์ในพระนครสาวัตถี เจ้าค่ะ ฯ

    พ. ดูกรนางวิสาขา มนุษย์ในพระนครสาวัตถีมากเพียงไร ทำกาละอยู่ทุกวันๆ ฯ

    วิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มนุษย์ในพระนครสาวัตถี ๑๐ คนบ้าง ๙ คนบ้าง ๘ คนบ้าง
    ๗ คนบ้าง ๖ คนบ้าง ๕ คนบ้าง ๔ คนบ้าง ๓ คนบ้าง ๒ คนบ้าง ๑ คนบ้าง ทำกาละอยู่ทุกวันๆ ฯ

    พ. ดูกรนางวิสาขา ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
    ท่านพึงเป็นผู้มีผ้าเปียกหรือมีผมเปียกเป็นบางครั้งบางคราวหรือหนอ ฯ

    วิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ไม่ใช่อย่างนั้น เจ้าค่ะ
    พอเพียงแล้วด้วยบุตรและหลานมากเพียงนั้นแก่หม่อมฉัน ฯ

    พ. ดูกรนางวิสาขา
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๑๐๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๑๐๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๙๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๙๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๘๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๘๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๗๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๗๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๖๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๖๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๕๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๕๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๔๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๔๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๓๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๓๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๒๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๒๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๑๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๑๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๙ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๙
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๘ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๘
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๗ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๗
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๖ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๖
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๕ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๕
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๔ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๔
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๓ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๓
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๒ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๒
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๑ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๑

    ผู้ใดไม่มีสิ่งที่รัก ผู้นั้นก็ไม่มีทุกข์
    เรากล่าวว่าผู้นั้นไม่มีความโศก ปราศจากกิเลสดุจธุลี ไม่มีอุปายาส ฯ

    ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว
    ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
    ความโศกก็ดี ความร่ำไรก็ดี ความทุกข์ก็ดี
    มากมายหลายอย่างนี้มีอยู่ในโลก
    เพราะอาศัยสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รัก
    เมื่อไม่มีสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รัก
    ความโศก ความร่ำไร และความทุกข์เหล่านี้ย่อมไม่มี

    เพราะเหตุนั้นแล ผู้ใดไม่มีสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รักในโลกไหนๆ
    ผู้นั้นเป็นผู้มีความสุข ปราศจากความโศก
    เพราะเหตุนั้น ผู้ปรารถนาความไม่โศก อันปราศจากกิเลสดุจธุลี
    ไม่พึงทำสัตว์หรือสังขารให้เป็นที่รักในโลกไหนๆ ฯ

    จบสูตรที่ ๘



    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  7. Vipawee said:

    Re: ทุกข์ทางใจ

    สาธุค่ะอาจารย์เดฟ
     
  8. รูปส่วนตัว ทั่นยาย

    ทั่นยาย said:

    Re: ทุกข์ทางใจ

    อนุโมทนาสาธุ ขอติดกัณฑ์เทศน์ท่านอาจารย์เดฟด้วยคนค่ะ

    อ่านความทุกข์ของเจ้าของกระทู้แล้วอยากขออนุญาติออกความคิดเห็นด้วยสักนิดค่ะ
    ไม่ทราบว่าคุณอยากพ้นทุกข์แบบระยะสั้น หรือระยะยาวคะ ม่ายได้ป่วนนะคะถามจริงๆค่ะ
    หากอยากพ้นทุกข์แบบระยะยาวก็ต้องไม่เกิดอีก คือบรรลุธรรมเข้านิพพานเท่านั้นค่ะ
    หากพ้นทุกข์แบบระยะสั้นก็อย่างที่อาจารย์เดฟท่านเทศนามานั่นแหล่ะค่ะ ว่กันเป็นข้อๆไป
    และขอเพิ่มอีกนิดค่ะ คุณก้อรู้ว่าสรรพสิ่งในโลกเกิดมาแล้วก้อต้องจากไป วันหนึ่งคุณเองก้อต้องจากไป
    เช่นกัน เป็นความรู้ขขั้นพื้นฐานที่ทุกคนทราบกันดีใช่มั้ยคะ
    การจากไปคือการไปเริ่มต้นใหม่ หากคนเราไม่รู้จักตายจะเกิดอะไรขึ้นหนอ ทำบุญไว้มากมายจะไปเกิด
    เป็นเทวดาก็ไม่ได้จะไปเกิดเป็นคนสวยทีสุด หล่อที่สุดก้อไม่ได้

    เมื่อบุพการีจากไปความรู้สึกผูกพันเมื่อท่านจากไปย่อมมีเป้ฯของธรรมดา จึงเสียใจมาก ทุกข์มาก
    เป็นธรรมดาของลูกกตัญญูค่ะ แต่ลองพิจารณาดูนะคะ หากท่านอยู่แล้วต้องทรมานด้วยกาย หรือด้วยใจก้อตาม
    คุณอยากให้ท่านต้องอยู่ทนทรมานเต่อไปหรือไม่คะ การที่ต้องทนอยู่กับสังขารที่มีแต่ความเจ็บปวดด้วยอาการ
    เจ็บป่วยต่างๆนานา ย่อมทรมานทั้งกายและใจค่ะ อยากให้คุณเอาความทุกข์ที่เกิดจากความรักความผูกพันที่มีต่อท่าน
    มาแปรเปลี่ยนเป็นการทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์แทนค่ะ เช่นการไปทำบุญมากๆ การทำบุญที่ว่านี้ไม่จำเป็นต้องไป
    เสียเงินทองมากมายก็ได้นะคะ หาโอกาสไปปฎิบัติภาวนาบ้าง หรือไปช่วยวัดทำงานบางอย่างที่พอทำได้ก้อค่ะ
    หรือไปช่วยองค์การกุศลต่างๆเช่นอ่านหนังสือให้คนตาบอดฟัง หรือไปช่วยเลี้ยงดูสัตว์ที่ป่วยหรือมีปัญหาก้อได้ค่ะ
    การเอาเวลามาคิดทำนั่นนี่จะทำให้ลืมความทุกข์ไปได้บ้าง และการทีเราได้ทำบูญ ได้ทำความดีก้อจะเกิดปิติใจขึ้น
    ทำให้เราพลอยมีความสุขใจไปด้วย พ้นทุกข์ใจไปโดยปริยายค่ะ และกุศลผลบุญทั้งหมดนี้เราสามารถอุทิศผลบุญ
    ให้กับบุพการีได้มากายเลยค่ะ

    ขอให้หายจากความทุกข์ระยะสั้นๆ แต่สุขระยะยาโดยเร็วนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ
     
  9. Vipawee said:

    Re: ทุกข์ทางใจ

    สาธุค่ะ ขอบพระคุณมากคะท่านยาย ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วค่ะได้ปฏิบัติธรรม และช่วยเหลือสังคม ทำให้ลืมไปได้บ้าง
     
  10. tal said:

    Re: ทุกข์ทางใจ

    สาธุค่ะคุณวิภาวี

    สิ่งทั้งหลายย่อมเป็นไปตามธรรมชาติ
    แม้แต่ตัวของเราเองก้ต้องไปเช่นกันค่ะ
    ข้อนี้เป็นสัจธรรมของชีวิตที่เราทุกคนย่อมรู้อยู่แล้ว
    ความทุกข์ที่มาจากใจต้องใช้ใจแก้
    สาเหตุของทุกข์เพราะเรายังไปยึดติดอยู่
    ถ้าไม่อยากทุกข์ก็อย่าไปยึดติดให้มาก สู้ ๆ นะคะ

    เป็นกำลังใจให้ด้วยคนนะคะ คุณวิภาวี
    http://image.dek-d.com/15/1200662/14459648<br />อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน <br />อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด <br />&nbsp;