วิสุทธิมรรค กรรมฐาน 40 กอง
--------------------------------------------------------------------------------
วิสุทธิมรรค ภาคสมาธิ
1. สมาธิ คืออะไร
สมาธิ คือ อารมณ์จิตมีความฉลาดตั้งมั่นอยู่ในกรรมฐาน 40 ตั้งมั่นอยู่ในมหาสติปัฏฐานสูตร อันใดอันหนึ่งใน 40 อย่างนั้น
2. จิตตั้งมั่น หมายความว่าอย่างไร
หมายความว่า มีสติความรู้อยู่ตลอดเวลากับลมหายใจเข้าออก โดยที่จิตไม่วอกแวกไม่ฟุ้งซ่านไปสู่อารมณ์อื่นๆ นอกจากรู้ลมหายใจเข้าออก หรือกรรมฐานอย่างใดอย่างหนึ่งชั่วเวลาใดเวลาหนึ่ง เรียกว่า มีสมาธิ คือ จิตตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียวไม่ส่ายไปส่ายมา
3. อะไรเป็นลักษณะ อะไรเป็นรส อะไรเป็นอาการปรากฏ และอะไรเป็นผลของสมาธิ
ตอบ ความไม่ฟุ้งซ่าน เป็นลักษณะของสมาธิ
ความมีพลังจิตเป็นหนึ่ง เป็นรสของสมาธิ
ความไม่หวั่นไหว ไม่หวาดกลัว เป็นอาการปรากฏของสมาธิ
ความสุข สงบ สดชื่น เป็นผลของสมาธิ
4. สมาธิมีกี่อย่าง
สมาธิมี 2 อย่าง คือ
1. มิจฉาสมาธิ สมาธิฝ่ายดำ ฝ่ายทำลายล้างกัน ฝ่ายเพิ่มทุกข์ ไสยศาสตร์เป็นต้น เป็นฝ่ายไม่ฉลาดมีอวิชชา ตัณหา อุปทาน ตายไปจิตก็ไปรับโทษทุกข์ทรมานในนรก
2. สัมมาสมาธิ สมาธิฝ่ายขาว ฝ่ายฉลาด ฝ่ายเมตตา คือพุทธศาสตร์ ฝ่ายเข้ากระแส
นิพพาน ฝ่ายเพิ่มความสุขกาย ใจเป็นบุญกุศล มีหลายแบบคือ
1. ขนิกสมาธิ 3. อัปปนาสมาธิ (ฌาณ)
2. อุปจารสมาธิ 4. โลกุตตระสมาธิ(ญาณ)
อารมณ์สมาธิแบ่งตามระดับขั้นองค์ฌานทั้ง 5 คือ
1. ปฐมฌาน มีอาการของจิต 5 อย่าง คือ มีวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตาสมาธิ ข้อสังเกต ลมหายใจเบาลงในเยือกเย็นสบายไม่มีความรำคาญในเสียงรอบนอก
2. ทุติยฌาน มีอาการของจิต 4 อย่าง คือ วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตาสมาธิ ลมหายใจช้าลงเบาลงมากจิตเป็นสุขชุ่มชื่นไม่ค่อยสนใจรู้ลมเข้าลมออก
3. ตติยฌาน มีอาการของจิต 3 อย่าง คือ ปีติ สุข เอกัคคตาสมาธิ สังเกตง่ายขึ้น ลมหายใจน้อยลงๆ ร่างกายคล้ายตึงเหมือนโดนมัดแน่นิ่งไม่กระดุกกระดิก อารมณ์แนบสนิท
4. จตุตถฌาน มีอาการของจิต 2 อย่าง คือ สุข เอกัคคตาสมาธิ จิตนิ่งเป็นหนึ่ง ลมหายใจละเอียดจนไม่รู้สึกว่าหายใจ จิตแยกจากกายจนไม่รู้สึกว่าหายใจ หูได้ยินเสียงข้างนอกเบามาก
5. ปัญจมฌาน มีอาการของจิต 2 อย่าง คือ อุเบกขา และจิตนิ่งเป็นหนึ่งเดียว จิตแยกจากกายไม่มีความรู้สึกทางกายเลยไม่ได้ยินเสียงจิตมีความสุขแน่นิ่ง และวางเฉย
5. อะไรเป็นความเศร้าหมองของสมาธิ
กิเลสนิวรณ์ 5 มี กามราคะ ปฏิฆะ ความฟุ้งซ่าน ความหงุดหงิดรำคาญใจ ความเกียจคร้าน ง่วงเหงาหาวนอน เป็นความเศร้าหมองของสมาธิ
6. อะไรคือความผ่องแผ้วเบิกบานของสมาธิ
ความสุขในการเข้าใจในธรรมชาติของกาย และจิตเป็นคนละส่วนกัน เป็นคุณวิเศษทำให้จิตสะอาดฉลาดเข้าถึงกระแสพระนิพพานได้ไม่ยากเลย เป็นจิตที่อยู่ในฌานมีความสุขสดชื่น
เบิกบาน
7. สมาธินั้นจะพึงเจริญภาวนาอย่างไร
ตอบ วิธีภาวนาสมาธิ เริ่มแรกให้ตัดเครื่องกังวล 10 ประการออกจากจิตใจ
ไม่กังวลเรื่องที่อยู่อาศัย ไม่กังวลเรื่องชาติตระกูล ไม่ห่วงใยเรื่องลาภสักการะ
ไม่ห่วงใยเรื่องหมู่คณะ ไม่กังวลเรื่องการงานที่ยังทำไม่เสร็จ
ไม่กังวลเรื่องการเดินทาง ไม่กังวลเรื่องญาติครอบครัว
ไม่กังวลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ไม่กังวลเรื่องการเล่าเรียน
ไม่กังวลเรื่องการแสดงอิทธิฤทธิ์ความดีความเด่นไม่สนใจในความสุขทางโลก เพราะเป็นของชั่วคราว
สมาธิกรรมฐาน 2 อย่าง ที่ต้องทำตลอดเวลา คืออะไร
ตอบ 1. สมาธิกรรมฐานในการแผ่เมตตาตลอดเวลา แผ่ให้ตนเอง ผู้อื่นทั้งโลกทั่วจักรวาลทั่ว 3 โลก คือ นรกโลก มนุษย์โลก เทวโลก ให้มีความสุขความเจริญ
2. มรณานุสติกรรมฐาน ระลึกนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออกเป็นการไม่ประมาทตามพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนไว้
จริยา หรือจริต หรืออุปนิสัยของคนมี 6 ประเภท
1. ราคะจริต มีนิสัยรักความเป็นระเบียบงดงาม รักความสวยงาม
2. โทสะจริต เป็นคนมีนิสัยโมโหหงุดหงิดง่ายชอบทำอะไรเร็วไว
3. โมหะจริต ชอบหลงรักง่ายๆ
4. ศรัทธาจริต เป็นคนว่าง่ายสอนง่ายเชื่อฟังง่ายไม่ดื้อ
5. พุทธะจริต มีนิสัยอยากรู้ อยากเห็น อยากพิสูจน์ชอบค้นคว้า
6. วิตกจริต เป็นคนชอบคิดมาก วิตกกังวลด้วยเรื่องเล็กเรื่องใหญ่เก็บมาคิด
ทั้งหมด
การที่จะเรียนปฏิบัติกรรมฐาน 40 วิธี ผู้ปฏิบัติ หรืออาจารย์ผู้สอนศิษย์ควรจะรู้อารมณ์อุปนิสัยของตนเอง หรือลูกศิษย์เสียก่อน ถ้าไม่แน่ใจว่ามีจริตอะไรมากกว่าจริตอื่นๆ ใน 6 จริต ก็ให้เรียนพระกรรมฐาน แบบกลางๆ เหมาะกับอุปนิสัยจริตทุกอย่าง เรื่องกรรมฐานกับจริตมีความสำคัญมาก ถ้าไปปฏิบัติไม่ถูกจริตจะไม่ก้าวหน้าทางธรรม ทำให้ถึงจุดหมายปลายทางพระนิพพานช้ามาก คือ ต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป
กรรมฐาน 40 แบ่งเป็น 7 หมวดคือ
1. กสิณกรรมฐาน 10 อย่าง
2. อสุภกรรมฐาน 10 อย่าง
3. อนุสสติกรรมฐาน 10 อย่าง
4. พรหมวิหารกรรมฐาน 4 อย่าง
5. อรูปกรรมฐาน 4 อย่าง
6. อาหาเรปฏิกูลสัญญา 1 อย่าง
7. จตุธาตุววัฏฐาน 1 อย่าง
รวมทั้ง 7 หมวดเป็น 40 อย่างพอดี
นักปฏิบัติเพื่อฌานโลกีย์ หรือเพื่อมรรคผลนิพพานก็ตาม ควรรู้อาการ หรืออารมณ์ หรือจริตอุปนิสัยของจิต เพราะเป็นผลดีมีกำไรในการปฏิบัติเพื่อการละกิเลสตัณหาอุปาทานได้รวดเร็ว สมาธิก็ตั้งมั่นวิปัสสนาญาณจะแจ่มใส มรรคผลนิพพานก็ปรากฏเร็วไว
1. กสิณกรรมฐาน 10 อย่าง คือ
กสิณแปลว่า เพ่งเป็นสภาพหยาบ สำหรับให้ผู้ฝึกจับให้ติดตาติดใจ ให้จิตใจจับอยู่ในกสิณใดกสิณหนึ่งใน 10 อย่าง ให้มีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียว จิตจะได้อยู่นิ่งไม่ฟุ้งซ่าน มีสภาวะให้จิตจับง่ายมีการทรงฌานถึงฌาน 4 ได้ทั้งหมด กสิณทั้ง 10 เป็นพื้นฐานของอภิญญาสมาบัติ
กสิณทั้ง 10 อย่าง แบ่งออกเป็น 2 พวก
พวกที่หนึ่ง คือ กสิณกลาง มี 6 อย่าง คนทุกจริตฝึกกสิณได้ทั้ง 6 เพราะเหมาะกับทุกอารมณ์ ทุกอุปนิสัยของคน
1. ปฐวีกสิณ จิตเพ่งดิน นึกถึงภาพดิน ภาวนาว่า ปฐวี กสิณังๆๆๆ
2. เตโชกสิณ จิตเพ่งไฟ นึกถึงภาพไฟ ภาวนาว่า เตโช กสิณังๆๆๆ
3. วาโยกสิณ จิตเพ่งอยู่กับลม นึกถึงภาพลม ภาวนาว่า วาโย กสิณังๆๆๆ
4. อากาสกสิณ จิตเพ่งอยู่กับอากาศ นึกถึงอากาศ ภาวนาว่า อากาส กสิณังๆๆๆ
5. อาโลกสิณ จิตเพ่งอยู่กับแสงสว่าง นึกถึงแสงสว่าง ภาวนาว่า อาโลก กสิณังๆๆๆ
6. อาโปกสิณ จิตนึกถึงน้ำเพ่งน้ำไว้ ภาวนาว่า อาโป กสิณังๆๆๆ
ให้เลือกภาวนากสิณใดกสิณหนึ่งให้ได้ถึงฌาน 4 หรือฌาน 5 กสิณอื่นๆ ก็ทำได้ง่ายทั้งหมด
พวกที่สองคือกสิณเฉพาะอุปนิสัยหรือเฉพาะจริตมี 4 อย่าง สำหรับคนโกรธง่าย คือพวกโทสะจริต
7. โลหิตกสิณ เพ่งกสิณ หรือนิมิตสีแดงจะเป็นดอกไม้แดง เลือดแดง หรือผ้าสีแดงก็ได้ทั้งนั้นจิตนึกภาพสีแดงแล้วภาวนาว่า โลหิต กสิณังๆๆๆ
8. นีลกสิณ ตาดูสีเขียวใบไม้ หญ้า หรืออะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียว แล้วหลับตาจิตนึกถึงภาพสีเขียว ภาวนาว่า นีล กสิณังๆๆๆ
9. ปีตกสิณ จิตเพ่งของอะไรก็ได้ที่เป็นสีเหลือง ภาวนาว่า ปีต กสิณังๆๆๆ
10. โอทากสิณ ตาเพ่งสีขาวอะไรก็ได้แล้วแต่สะดวก แล้วหลับตานึกถึงภาพสีขาว ภาวนาโอทา กสิณังๆๆๆ จนจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งไม่วอกแวกไม่รู้ลมหายใจภาพกสิณชัดเจน
ท่านว่าจิตเข้าถึงฌาน 4 พอถึงฌานที่ 5 ก็เป็นจิตเฉยมีอุเบกขาอยู่กับภาพกสิณต่างๆ ที่จิตจับเอาไว้