ขอเชิญร่วมอาเศียรวาทถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา

กระทู้: ขอเชิญร่วมอาเศียรวาทถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. รูปส่วนตัว noppakorn

    noppakorn said:

    ขอเชิญร่วมอาเศียรวาทถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา



    อาเศียรวาทราชสดุดี

    น้ำแล้งดินแห้งแข็ง ทรงพลิกแผลงด้วยฝนหลวง
    ธ.เป็นดั่งดวงทรวง คอยห่วงหวงราษฏร์แผ่นดิน
    กราบก้มบังคมบาท ภูวนาทผู้ทรงศีล
    หมู่ชนล้วนยลยิน พระภูมินทร์เปี่ยมพระทัย
    ทศพิธราชธรรม ทรงน้อมนำเอามาใช้
    เมตตาประชาไทย ร้อนสิ่งใดทรงดับพลัน
    เยาวชนล้นปัญญา ชาวประชาล้วนสุขสันต์
    ประทานศึกษากัน ทวยราษฏร์นั้นล้วนยินดี
    ทรงโปรดแนวเกษตร แก้สาเหตุไม่สุขศรี
    ดินแข็งแล้งไม่ดี แนะวิธีฟื้นฟูดิน
    ทรงแนะปลูกหญ้าแฝก ให้รากแทรกชำแรกสิ้น
    รากนั้นไชลงดิน ยึดทรายหินกันทะลาย
    แนะนำราษฏร ทั้งฝึกสอนการค้าขาย
    ยึดหลักพอเพียงกาย ปันส่วนขายเหลือไว้กิน
    พระซึ้งซึ่งดนตรี จอมกวีมณีศิลป์
    แซ่ซ้องก้องแผ่นดิน ทั้งทั่วถิ่นในโลกา
    ถวายพระพรชัย แด่จอมไทยได้คู่ฟ้า
    ขอปวงเทพเทวา ร่วมศรัทธาถวายพรชัย
    มหามงคลกาล โปรดประทานบันดาลให้
    เศวตพระจอมไตร ราชาชัยทรงสำราญ
    ขอพรพระไตรรัตน์ ดลจรัสเกษมศานต์
    เศวตฉัตรชัชวาลย์ แผ่ไพศาลพระบารมี
    นิรทุกข์ไม่กรายกล้ำ เกษมธรรมพิพัฒน์ศรี
    พระชนม์กว่าร้อยปี พระภูมีสง่าไกล
    พระพละทรงแข็งแรง กายาแกร่งสุดสดใส
    ประสงค์จำนงใด สมพระหฤทัยสฤษดิ์เทอญฯ


    ฑีฆายุโกโหตุ มหาราชา

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ข้าพระพุทธเจ้า นามปากกา อุบาสกนพกรณ์
    การตั้งชื่อและแปลชื่อโดยคุณอุบาสกนพกรณ์
    จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน
    - ของดตอบคำถามเป็นการส่วนตัว
    - ของดการแจ้งลบกระทู้ (โดยไม่มีเหตุอันควร) หลังจากที่ได้คำตอบแล้ว
    - กรุณาตั้งคำถามให้ตรงตามหมวดหมู่อักษร
    - ขอตอบวันละ 3 ชื่อ (กรุณารอคิวหากมีผู้ถามเข้ามามาก)


    ขอชื่อใหม่ต้อง...
    1. แจ้งชื่อนามสกุลหรือทักษาเลข
    2. วันเกิด(จ-อ)
    3. อาชีพ
    4. เหตุผล(เพื่อวิเคราะห์ชื่อมงคล)
     
  2. รูปส่วนตัว ทั่นยาย

    ทั่นยาย said:

    Re: ขอเชิญร่วมอาเศียรวาทถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา


    อาศิรวาทพระฉัตรแก้ว

    [color=brown]อาศิรวาทเบื้องพระบาทพระฉัตรแก้ว
    ทรงเพริศแพร้วพระเมตตา มหาศาล
    พระคือปิ่นปกเกล้าเฝ้าอภิบาล
    ให้ลูกหลานไทยนี้มีสุขครอง

    หย่อมหญ้าไหนแล้งกันดารท่านทรงเห็น
    ทุกข์ลำเค็ญเพียงใดไม่หม่นหมอง
    พระบารมี ธ ปกเกล้าเข้าคุ้มครอง
    ไทยทั้งผองสุขเกษมเปรมปรีดา

    ขอถวายพระพรชัยแด่ในหลวง
    พรทั้งปวงมากมายในแหล่งหล้า
    เป็นพลังให้พ่อหลวงของปวงประชา
    ธ สถิตย์เกริกเกียรติฟ้าสถาพร


    ฑีฆายุโกโหตุ มหาราชา

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ข้าพระพุทธเจ้า นามปากกา ทั่นยาย


     
  3. plyfha said:

    Re: ขอเชิญร่วมอาเศียรวาทถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา

    แผ่นดินแล้งน้ำนองพ่อมองเห็น
    พระทรงเป็นผู้ชี้ทางสว่างไสว
    เหงื่อพ่อหยดไหลรินผืนดินไทย
    ปราชญ์ยิ่งใหญ่กว่าใครในแผ่นดิน

    ขอน้อมนบกราบแทบบาทพระมิ่งขวัญ
    ชาวประชาเกษมสันต์ทั่วทุกถิ่น
    ทรงทำฝนจากฟ้ามาสู่ดิน
    ทั่วทุกถิ่นแซ่ซ้องปรองดองกัน

    พระทรงเป็นดวงใจไทยทั่วหล้า
    ชาวประชารวมใจให้มิ่งขวัญ
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วหล้ามารวมกัน
    ให้ทรงธรรม์แข็งแรงยั่งยืนนาน

    ฑีฆายุโกโหตุ มหาราชา
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ข้าพระพุทธเจ้า นามปากกา ปลายฟ้า
     
  4. bb said:

    Re: ขอเชิญร่วมอาเศียรวาทถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา


    ธ เป็นพ่อของแผ่นดินถิ่นไทยนี้ ทรงเป็นที่เทอดทูลไว้เหนือเศียร
    ธ ทรงนำไพร่ฟ้าด้านความเพียร ให้บทเรียนให้ตัวอย่างต่างไตร่ตรอง
    ทรงค้นคิดทรงตรากตรำย่ำทุกที่ ทรงเป็นที่ศูนย์ดวงใจไทยทั้งผอง
    ทรงเหนื่อยหนักเพื่อประชาทุกเหล่ากอง ธ ทรงมอง พัฒนาทั่วฟ้าไทย
    โครงการหลวงโครงการราษฏร์ทุกถิ่นที่ ธ ทรงมีเมตตาช่วยแก้ไข
    ทุกปัญหาใหญ่น้อยทรงใส่ใจ น้ำพระทัยท่วมล้นด้วยเมตตา
    5 ธันวามหาราษฏร์ มาบรรจบ ทรงผ่านภพชาวประชาต่างหรรษา
    ขอพระองค์ทรงเกษมทุกเวลา ข้าฯไพร่ฟ้า ขอน้อมถวายพระพร
    ด้วยเกล้าฯด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า
    นามปากกา บีบี
     
  5. plyfha said:

    Re: ขอเชิญร่วมอาเศียรวาทถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา



    พุทธรักษาปกปักษ์ไทยทั้งชาติ
    อาเศียรวาทภูมีเกษมศานต์
    มหาราชของไทยตราบชัวนาน
    พระทรงงานพัฒนามามากมาย


     
  6. รูปส่วนตัว DAO

    DAO said:

    Re: ขอเชิญร่วมอาเศียรวาทถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา


























    ขออัญเชิญเทพเทวามาสถิตย์ ร่วมส่งจิตอวยพรชัยให้ไพศาล

    แผ่ปกป้องพระทรงไทยตลอดกาล พระชนม์ยิ่งยืนนานอยู่คู่ไทย


    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ข้าพระพุทธเจ้า นามปากกา ดาว





    สิ้นทุกข์สุขที่แท้จึงได้พบพาน
     
  7. รูปส่วนตัว noppakorn

    noppakorn said:

    Re: ขอเชิญร่วมอาเศียรวาทถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา



    เนื่องในวาระอันสำคัญ"วันเฉลิมพระชนม์พรรษา" นี้ ผมขอนำเกล็ดเล่าที่เกี่ยวกับองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ที่มีพระเมตตาต่อประชาชนมาให้อ่านกันอีกครั้ง เป็นเรื่องที่ชาวเราอ่านกี่ครั้งๆ ก็ไม่เคยเบื่อ


    เรื่องเล่าจากในวัง- อ่านแล้วอ่านอีกก็ยังไม่เบื่อ
    ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์เกิดทีจังหวัดตาก
    เมื่อพระเทพทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ
    และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสด
    และถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา
    ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า 'ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ'
    แม่ค้าตอบว่า 'ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท
    และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ'
    เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
    ---------------------------------------
    เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า
    นางสนองพระโอษฐ์ของฟ้าหญิงองค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับฟ้าหญิง
    ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย
    ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์
    นางสนองพระโอฐก็ งง...งง ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่า
    แต่พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ
    ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์
    แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ............ ขนลุกเลย ทรงตรัสกับในหลวงท่านอยู่นั่นเอง
    ------------------------------------
    อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน
    เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง
    ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูล
    ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
    เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า
    'ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่าบัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้า..'
    มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
    ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว..
    พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
    มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
    ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
    และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว'
    เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง
    -------------------------------------
    เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น
    เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
    ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า 'ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์'
    --------------------------------------
    เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
    ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน
    ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงาน
    ว่า 'ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม
    ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ'
    เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวล อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า
    'เออ ดี เราชื่อเดียวกัน...'
    ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย
    เพราะผู้รายงานตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้
    -----------------------------------
    มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย
    ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า 'ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า'
    ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับอธิการบดีว่า
    'เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก'
    ------------------------------------
    เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร
    อยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
    แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
    'ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์'
    ในหลวงทรงตรัสว่า 'ขอเดชะ พระหมดแล้ว '
    ------------------------------------
    วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด
    ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย
    พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท
    ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท
    แล้วก็เอามือของแกมาจับพระหัตถ์ของในหลวง แล้วก็พูดว่า
    'ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง'
    แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมาย
    แต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร
    แต่พวกข้าราชบริพารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัย หรือไม่
    แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบว่ากับหญิงชราคนนั้น
    ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า
    'เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อนกว่าแม่ฉันตั้งเยอะ
    ต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก'
    -------------------
    ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว
    พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน
    มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา

    คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์
    ก็กราบบังคมทูลว่า 'เอ้อ - ทรง... อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ
    อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ'
    พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า 'ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง'
    แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ
    ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้า พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ
    เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป
    ------------------------------

    เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่า
    มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร
    อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่า มีเหตุขัดข้องบางประการ
    ทำให้อ่านขาดตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว
    ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า
    'เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว'
    และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ...
    ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป
    พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว
    ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท
    ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง
    เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม
    ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน>**


    ฑีฆายุโก โหตุ มหาราชา
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ
    ข้าพระพุทธเจ้า นามปากกา อุบาสกนพกรณ์
    การตั้งชื่อและแปลชื่อโดยคุณอุบาสกนพกรณ์
    จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทาน
    - ของดตอบคำถามเป็นการส่วนตัว
    - ของดการแจ้งลบกระทู้ (โดยไม่มีเหตุอันควร) หลังจากที่ได้คำตอบแล้ว
    - กรุณาตั้งคำถามให้ตรงตามหมวดหมู่อักษร
    - ขอตอบวันละ 3 ชื่อ (กรุณารอคิวหากมีผู้ถามเข้ามามาก)


    ขอชื่อใหม่ต้อง...
    1. แจ้งชื่อนามสกุลหรือทักษาเลข
    2. วันเกิด(จ-อ)
    3. อาชีพ
    4. เหตุผล(เพื่อวิเคราะห์ชื่อมงคล)
     
  8. plyfha said:

    Re: ขอเชิญร่วมอาเศียรวาทถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา

    ขอบคุณค่ะพี่นพ
    ปลายฟ้าเคยมีหนังสือแล้วถูกขอลืมไป
    อ่านกี่ครั้งไม่เคยเบื่อ
    80 เรื่องในหลวง ไปอ่านเจอเลยเก็บไว้ค่ะ

    1. ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.
    2. นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ มีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์
    3. พระนาม”ภูมิพล”ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
    4. พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช
    5. ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
    6. ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่
    โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า “H.H Bhummibol Mahidol”หมายเลขประจำตัว
    449
    7. ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า”แม่”
    8. สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
    9. แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผัก
    มาปลูกเพิ่ม
    10. สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้ง
    หนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต
    11. สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า”บ๊อบบี้”
    12. ทรงฉลองพระเนตร (แว่นสายตา) ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกต
    เห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำจะต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
    13. สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะ
    ทรงต่อรอง 3 ที มากเกินไป 2ทีพอแล้ว
    14. ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์ โดยระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทย
    กับสมเด็จย่าเสมอ
    15. ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก”การให้”โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า”กระป๋องคน
    จน”หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก”เก็บภาษี”หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือน
    สมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด
    มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
    16. ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆเขามีจักรยานกัน
    สมเด็จย่าก็ตอบว่า”ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก
    ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน”
    17. กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์
    เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
    18. ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง
    19. พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก”การเล่น”สมัยพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่น
    อะไร ต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับ พระเชษฐาซื้อชิ้นส่วนวิทยุที
    ละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง
    20. สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้
    โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็น
    จิ๊กซอว์
    21. ทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่
    ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง (แอกคอร์เดียน)
    22. ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300
    ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
    23. ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
    24. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนม์พรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ”แสง
    เทียน” จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
    25. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรง
    เกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลาย
    เป็นเพลง”เราสู้”
    26. รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5
    27. - - - -
    28. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วน
    พระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวม
    ทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
    29. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง”นายอินทร์”และ”ติโต” ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์แต่
    พระมหาชนก ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
    30. ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และเรือใบ ทรงเคย
    ได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น”กีฬา
    ซีเกมส์”) ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
    31. ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่งตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับ
    เข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้
    เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน
    32. ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ์คิดค้นเครื่องกลเติม
    อากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ “กังหันชัยพัฒนา” เมื่อปี 2536
    33. ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊ส
    โซฮอล์, ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20ปีแล้ว
    34. องค์การสหประชาชาติ ได้ถวาย รางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วัน
    ที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของ
    ประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง

    35. พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรามหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามา
    ธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
    36. รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระ
    บรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า”น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่า รักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่า
    จะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง
    37. ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษก
    สมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ข้อความใน
    สมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
    38. หลังอภิเษกสมรส ทรง”ฮันนีมูน”ที่หัวหิน
    39. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมืองวันที่ 22 ตุลาคม
    2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
    40. ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
    41. ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพง ต้องแบรนด์เนม ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำ
    เป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น

    42. เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยก
    เว้น นาฬิกา
    43. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้าง
    วัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
    44. หลอดยาสีพระทน ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏ
    รอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม
    45. วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรณคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้า
    แม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ ถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์
    แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยู่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่
    ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง

    46. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบันมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ
    47. ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่งคือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง
    (ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ
    48. ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียว กระดาษที่จะนำมาให้ข้อราชการที่
    เข้าเฝ้าฯถวายงาน
    49. เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมา
    ถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็น
    ดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรทั้งกลางสายฝน
    50. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯร่วมกับข้อมูลจากต่าง
    ประเทศที่หามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน
    51. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73 บาท ซึ่ง
    ได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆ เติบโตเป็นโครงการพัฒนามา
    จนเป็นอย่างที่เราเห้นกันทุกวันนี้
    52. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯ สวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯ ลงมา
    อธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
    53. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า
    “ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูง
    เหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
    54. ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5
    ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้
    เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน
    55. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
    56. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังช่าย
    57. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
    58. ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระ
    ตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
    59. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง
    60. ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศสของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก
    61. ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที่ จส.100 ด้วย โดย
    ใช้พระนามแฝง
    62. หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุก
    ฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
    63. ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูดลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อ
    ในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ
    จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
    64. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด
    3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่อง
    พยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ
    65. สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกล
    กังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว
    66. ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า “นายหลวง” ภายหลัง
    จึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง
    67. ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน
    68. อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆ ทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ
    ของพระองค์ว่า “ทำราชการ”
    69. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์
    สวิสเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมี
    อายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุข
    ประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี
    70. ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็น
    แซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า”อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนัก
    มาก ยกไม่ไหวหรอก”
    71. ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด
    72. หัวใจทรงเต้นไม่ปกติด ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อ
    ไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
    73. รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์
    จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์
    74. ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ
    60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค มีประชาชนเข้าชมรวม 6ล้านคน
    75. ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493 จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่า
    เสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000
    ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน
    76. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
    77. สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง
    78. นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง ให้นั่ง
    รวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด
    79 - - - -
    80. พระราชประวัติในหลวง ฉบับการ์ตูน




     
  9. piangfan said:

    Re: ขอเชิญร่วมอาเศียรวาทถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา




    5 ธันวา มหาราช วันเกิดพ่อ
    ลูกทุกคน เชิญขอ เทพแห่แหน
    อำนวยพร พ่อไร้ทุกข์ สุขทดแทน
    เป็นมิ่งแคว้น สยามพ่อ ขอประทาน

    ขอก้มกราบ แทบพระบาท เท้าของพ่อ
    ลูกทุกคน รักเทิดพ่อ สุดไพศาล
    ขอพ่ออยู่ คู่ไทย ไปเนิ่นนาน
    เหล่าลูกขาน ขอพ่อจง ทรงพระเจริญ

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
    ข้าพระพุทธเจ้านามปากกาเพียงฝัน



    ตะวันส่องแสงธรรมนำ มิตรภาพไร้พรมแดน
     
  10. พญามาร said:

    Re: ขอเชิญร่วมอาเศียรวาทถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา


    ปกเกศเศวตฉัตร
    สยามรัฐวัฒนา
    มหาราชราชา
    ของไพร่ฟ้าทั่วแผ่นดิน

    พรชัยแห่งไตรรัตน์
    ดลพิพัฒน์จอมภูมินทร์
    เกษมเปรมชีวิน
    ไทยทั้งสิ้นถวายพระพร


    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ข้าพระพุทธเจ้า นามปากกา พญามาร