ในหลวง.....ดวงใจของคนทั้งชาติ
ผมเชื่ออย่างสุจริตใจว่า คนในผืนแผ่นดินไทยนี้ รักและเคารพ ในหลวง อย่างบริสุทธิ์ใจกันแทบทุคน
เพราะ ในหลวง หรือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้น พระองค์ทรง รัก พวกเราก่อนด้วยความบริสุทธิ์พระราชหฤทัย
ทรงรักและเป็นห่วงพวกเราๆ ท่านๆ ซึ่งเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน อย่างพ่อรักลูก
ถ้าคุณเจ็บไข้ป่วย อยู่ในถิ่นที่ห่างไกล การคมนาคมไม่สะดวก จะไปไหนมาไหนก็ไม่ได้สะดวก เต็มไปด้วยความทุรกันดาร อาจจะต้องขึ้นเขาลงห้วย หรือเดินกันเป็นวันๆ
จะมีใครมาช่วยเหลือคุณ จะมีใครเดินทางมาหาคุณ ถ้าการไปมาหาสู่นั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก หรือเต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆ
คนที่จะมาหาคุณได้นั้น ต้องเป็นคนที่ รัก คุณจริงๆ ต้องมีความ ห่วงใย ในความทุกข์ยากของคุณจริงๆ
จะมีก็แต่พ่อแม่เท่านั้นที่ความรักและห่วงใยคุณ อย่างที่ไม่ต้องการอะไรมาตอบแทน เป็นความรักและความห่วงใยที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ในหลวง ก็ทรงเป็นเช่นนั้น
ทรงเป็นพ่อที่ห่วงใยลูกๆ ของพระองค์ท่าน
แม้ว่าลูกของพระองค์ท่านจะมีมากมายถึง 60 กว่าล้านคน
แต่ก็ไม่เคยทำให้ลูกๆ ทั้ง 60 กว่าล้านคนรู้สึกเลยว่า พ่อของพวกเขาเหล่านี้ทอดทิ้งพวกเขา
เพราะเมื่อใดๆ ที่ลูกๆ กำลังมีความทุกข์ พ่อของพวกเขาก็จะเป็น กำลังใจ ให้ตลอด
ด้วยการ ปฏิบัติ ให้พวกลูกๆ เห็นว่ายังคงทรงห่วงใยพวกเขาเหล่านั้นอย่างจริงจัง
ไม่ว่าจะเป็นข่าวเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียน ปลอบขวัญ ให้กำลังใจ หรือพระราชทานสิ่งของ เงินทอง ให้ผู้ที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก หรือผู้ที่กำลังถูกธรรมชาติและสังคมรังแก
บางครั้งก็ทรงให้กำลังใจและข้อคิด ด้วยพระราชกระแส ด้วยพระราชดำริ เป็นคำแนะนำที่มนุษย์ธรรมดาสามัญทำได้ ไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็น ไม่ได้เกินกำลังความสามารถของคนธรรมดาสามัญที่สามารถทำได้
บางเรื่อง บางคำแนะนำที่พระราชทานให้นั้น เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แต่คนอื่นมองข้ามไป อาจจะด้วยเพราะความที่อวดตัวว่าเรียนมามาก มีความรู้สูง เรียนสูง จบมาจากต่างประเทศ หรือไม่ได้ใส่ใจความเป็นอยู่ที่อยู่รอบข้างตัวเอง...ด้วยความเป็นจริง
แต่ ในหลวง ทรงเห็น
ผมเชื่อโดยสุจริตใจว่า ไม่มีทุกข์ยากใดๆ ในแผ่นดินไทยนี้ที่พระองค์ไม่ทรงทราบ
พระองค์ทรงมีหูตาอยู่ทั่วไป
หูและตาที่ว่านี้ ก็คือข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ที่คอยถวายรายงานให้ทรงทราบ รวมทั้งประชาชนที่มีความจงรักภักดีในพระองค์ท่าน อย่างบริสุทธิ์ใจ
เมื่อทรงทราบแล้ว ไม่เคยไม่มีสักครั้งที่ทรงอยู่เฉย ทรงให้ ความช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน และตรงจุด
บางครั้งบางคราว ใครจะไปรู้ได้ว่า ความทุกข์ยากที่กำลังได้รับอยู่นั้น ถูกแบ่งเบาและได้รับความช่วยเหลืออย่างปัจจุบันทัน อย่างฉุกเฉิน ก็เพราะเป็นความช่วยเหลือจาก ในหลวง
แต่จะเป็นไปในรูปแบบใดนั้น เป็นอีกกรณีหนึ่ง
ยังมีอีกหลายเรื่องหลายกรณีที่เราๆ ท่านๆ ไม่รู้หรอกว่า มีสิ่งของ ความช่วยเหลือ และคำแนะนำ การแก้ไข ที่มาโดยตรงจาก ในหลวง
ในหลวง ไม่ได้ทรงทำให้คนรู้ แต่ทรงทำให้คนหายทุกข์ในเวลาที่ทุกข์
ข่าวคราวที่ปรากฏทางหน้าหนังสือพิมพ์ หรือทาง ข่าวในพระราชสำนัก ในโทรทัศน์นั้น เป็นแค่เพียง 1 ใน 1,000,000 หรือมากกว่านั้น ถ้าเทียบกับพระราชกรณียกิจที่พระองค์ท่านทรงทำ
เมื่อใดที่น้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร ก็เหมือนน้ำท่วมในพระราชหฤทัยในพระองค์ท่าน
เมื่อใดที่เกิดภัยพิบัติ สร้างความทุกข์ให้ราษฎร พระองค์ก็ทรงทุกข์กว่า
จะมีใครล่วงรู้ว่า กว่าที่ความช่วยเหลือของทางการบ้านเมือง (หน่วยงานราชการ) จะไปถึงมือผู้กำลังมีทุกข์ น้ำพระราชหฤทัยของ ในหลวง เดินทางไปแล้ว เดินทางไปถึงมือราษฎรของพระองค์ท่านแล้ว
ข้าวสาร อาหาร ถุงยังชีพ ฯลฯ เดินทางไปในทันที โดยผ่านทางหน่วยงานของพระองค์ท่าน
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ลูกๆ กว่า 60 ล้านคน รัก พ่อของพวกเขาได้อย่างไร ?
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.......ในหลวง.......พ่อของแผ่นดิน
ที่ผมเกริ่นมาข้างต้นนี้ ก็เพราะอยากจะบอกให้เห็นว่า การที่ใครสักคนหนึ่งห่วงเรา รักเรา ด้วยความบริสุทธิ์ใจนั้น สมควรหรือไม่ที่เราจะตอบแทนความรัก ความห่วงใยนั้น ด้วยการกระทำในสิ่งที่ดีๆ สิ่งที่มีคุณค่า เพื่อเป็นการตอบแทน
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความรัก ความห่วงใยพวกเราขนาดนี้แล้ว สมควรที่เราๆ ท่านๆ จะต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ ตอบแทนความรักของพระองค์ท่านให้มากที่สุด
แต่ไม่ใช่เป็นการตอบแทนด้วยลมปากเพียงว่า รัก
เรานั้นมักจะทำอะไรไปโดยขาดความไตร่ตรอง หรือทำอะไรไปตามกระแส และบ่อยครั้งทำอะไรไปโดยไม่คำนึงถึง คุณค่า และ สาระ เท่าที่ควร
ขอให้ดูในสิ่งที่ ในหลวง ได้ทรงทำ
ทุกอย่างที่ทรงทำ มี สาระ ตลอด
เวลาที่พระองค์ห่วงลูกหลานราษฎร พระองค์ไม่เพียงรับสั่ง (พูด) แต่พระองค์ทรงทำให้เห็น ให้เป็นเรื่องราว
พระราชทานสิ่งของ สิ่งยังชีพ เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หรือพระราชทานวิธีการแก้ไขความทุกข์นั้น ทรงหาทางแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นระยะยาว
ผมสังเกตอยู่เสมอว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมี วิสัยทัศน์ ในระยะไกล
การแก้ปัญหาของพระองค์ท่านนั้น แก้ทั้งระยะใกล้ คือแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แบบฉุกเฉิน เพื่อให้ความเดือดร้อนที่พสกนิกรได้รับนั้น บรรเทาความเดือดร้อนไปก่อน
คนเดือดร้อนจะเป็นจะตายอยู่แล้ว จะมานั่งรอให้คนมาช่วยเหลือ แล้วไม่มาสักที ไม่ช่วยสักที ไม่ดำเนินการสักที เกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา แย่งเอาหน้าเอาตา เอาความดีความชอบ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการ มูลนิธิ หน่วยงานการกุศล
แต่ ในหลวง ทรงช่วยเหลือทันที ตามกำลังของพระองค์ท่าน ไม่ว่าจะเป็นทางใดก็ทางหนึ่ง
ทรงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก่อน เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากเหล่านั้น
และบางเรื่องนั้น พระองค์ท่านก็ทรงมองไปในภายภาคหน้า บางเรื่องบางราวก็ทรงมองไปถึง 5 ปี หรือ 10 ปี หรือมากกว่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องที่เป็นต้นเหตุแห่งปัญหาได้เกิดเกิดขึ้น
จำเรื่องน้ำท่วมใหญ่ที่หาดใหญ่ได้มั้ย ?
ทรงเตือนมาตั้งนานเป็น 10 ปี ว่าถ้าทำอย่างนี้น้ำจะท่วม
แต่มีใครปฏิบัติตามมั้ย
ไม่มี !
แล้วสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น ก็เกิดขึ้น เพราะความดื้อรั้น และไม่ทำตามอย่างที่ พ่อ แนะนำ
หรือเรื่อง น้ำท่วม .ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำ
ในหลวงก็ทรงแก้ปัญหาอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ฝืนธรรมชาติ
ฝนตกก็เรื่องของฝนตก ห้ามกันไม่ได้
มีใครห้ามฝนตกได้
เมื่อฝนตก น้ำก็มาก มันเป็นเรื่องธรรมดาธรรมชาติ
ฝนมาก น้ำก็ต้องมาก ใครห้ามได้บ้าง
เมื่อมีน้ำมาก น้ำก็ท่วม ท่วมในเมือง หรือในกรุงเทพ ฯ นี่แหละ
ทรงมองว่า น้ำมีมาก เพราะไม่มีที่พักน้ำ น้ำรีบเข้ามามาก เพราะไม่มีที่พักน้ำ น้ำจึงทะลักเข้ามา
การระบายน้ำทำไม่ทัน
โครงการ แก้มลิง จึงเกิดขึ้น
ก็เป็นเรื่องธรรมชาติแท้ๆ
ลิงนั้น เวลาที่เห็นอะไรน่ากิน มันก็จะกิน และกินมากๆ ด้วยความที่มันงก ต้องการเก็บตุนอาหารไว้ให้ได้มากๆ
มันก็ตุนอาหารไว้ที่กระพุ้งแก้ม เพื่อเก็บเอาไว้กินในเวลาต่อมา
แก้มลิง ก็คือการเก็บตุนเอาไว้
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ
และคนที่เรียนมาสูงๆ อวดภูมิอวดเก่ง มากมายด้วยโครงการร้อยแปดพันเก้า
คิดไม่ออก คิดกันไม่เป็น
ไปนั่งแก้ปัญหาด้วยนั่นด้วยนี่ ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย หมดเงิน (งบประมาณแผ่นดิน) ไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ และสุดท้ายก็แก้ปัญหาไม่ได้ หรือได้ก็ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไป
แล้วมานั่งอ้างว่า เป็นเพราะกรุงเทพ ฯ เป็นเมืองต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ยังงัยๆ น้ำก็ต้องท่วม คงแก้ไขได้ยาก
ไม่รู้เอาอะไรคิด !
แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแก้ปัญหาธรรมชาติด้วยธรรมชาติ
เพราะไม่มีอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าธรรมชาติ
ธรรมชาติชนะสิ่งทั้งหลายได้อย่างเด็ดขาด และเที่ยงตรง
เพราะฉะนั้น การจะแก้ปัญหาที่เกิดจากธรรมชาติ......ก็ต้องด้วยธรรมชาติเท่านั้น
เมื่อมีน้ำมาก ระบายไม่มัน ก็ต้องมีที่พักน้ำ ไม่ให้ทะลักเข้ามามากเกินไป เมื่อมีที่พักน้ำ น้ำไม่รีบทะลักเข้ามา ถ้าไม่มีฝนตกเพิ่ม น้ำทะเลไม่หนุน น้ำที่พักไว้นั้น ก็ค่อยๆ ระบายไปเรื่อยๆ น้ำที่ท่วมก็จะลดน้อยลง
ก็ที่พักน้ำนี่แหละครับ คือโครงการแก้มลิง
ก็คือการพักน้ำเอาไว้ เหมือนที่ลิงพัก (เก็บตุน) อาหารไว้ที่กระพุงแก้ม
เป็นเรื่องง่ายๆ ที่มาจากธรรมชาติ เอาธรรมชาติแก้ไขธรรมชาติ
พวกที่เรียนมาสูงๆ อายกันบ้างมั้ย ?
ถ้าพูดถึงเรื่องน้ำท่วมนั้น ผมว่า ในหลวง ท่านแนะนำการแก้ปัญหามาเป็นสิบๆ ปีแล้ว
ทรงให้แก้ที่ ต้นเหตุ
ไม่ได้ให้แก้ที่ ปลายเหตุ
พระองค์ไม่ได้ละเลยเรื่องธรรมชาติ
น้ำมาก.....เพราะฝนตก ถึงแม้จะมีน้ำทะเลหนุน แต่น้ำทะเลก็มาจากฝนเป็นเรื่องสำคัญ
เมื่อมีน้ำมาก ก็ต้องป้องกันไม่ให้น้ำมันไหลเข้ามาในบ้านในเมือง หรือในป่าด้วยปริมาณที่มีมาก
ต้องมี ตัวหยุด น้ำ
ตัวหยุดน้ำที่ดีที่สุด ที่ดีกว่าเขื่อน ก็คือ ป่าไม้
ทรงมีพระราชดำรัสเรื่อง ป่าไม้ มานาน นานมากเป็นหลายๆ สิบปี
ถ้าเป็นภาษาชาวบ้าน ก็ต้องบอกว่า ปากเปียกปากแฉะ
แต่ถ้าเป็นราชาศัพท์ ไม่รู้ว่าจะเขียนอย่างไร ? กลัวผิด
แต่เป็นอย่างนั้นจริงๆ
พระองค์ทรงบอกแล้วว่า ป่าไม้ ป้องกันน้ำท่วมได้
แล้วใครเชื่อพระองค์ท่านบ้าง ?
หรือเชื่อ แต่ก็ไม่ทำตาม
แบบปากว่าตาขยิบ บอกว่าเชื่อที่ ในหลวง พูด แต่ไม่ทำตามที่ ในหลวง บอก
อาจจะเพราะมีเรื่องของผลประโยชน์ยังหูบังตา ยังบังสติปัญญาเอาไว้
ทุกวันนี้ ยังมีการลักลอบ ตัดและทำลายป่าไม้กันไม่เว้นแต่ละวัน
ด้วยสาเหตุเดียว ก็คือเงิน
พวกรับจ้างนายทุนตัดไม้ทำลายป่า ก็เพราะได้รับ ค่าจ้าง ซึ่งก็คือเงิน
พวกที่เป็นนายทุน ก็ต้องการ เงิน ไม่ว่าจะเป็นการขายไม้ที่ลักลอบตัด หรือผลประโยชน์ต่างๆ ที่มาจากการตัดไม้ทำลายป่า
โลภ กันทั้งนั้น
ยังตัดไม้ทำลายป่ากันอยู่
ถ้าไปถามพวกนี้ว่า รู้มั้ยว่า ในหลวง ไม่อยากให้ตัดไม้ทำลายป่า
พวกนี้ก็ต้องตอบว่า รู้
แล้วถ้าถามว่า แล้วรักในหลวงมั้ย
ก็ต้องตอบว่า รักซิ
แล้วถ้ายิงคำถามไปอีกว่า ถ้ารักในหลวง แล้วในหลวงไม่อยากให้ตัดไม้ทำลายป่า แล้วคุณไม่ทำตามคนที่รักได้บอกบ้างหรือ
ใบ้รับประทานกันเป็นแถว
แล้วนี่หรือที่ปากบอกว่า เรารักในหลวง
รักแต่ปากนี่ (หว่า !)
เราๆ ท่านๆ นั้นนั่งบ่นนั่งรำพรรณกันว่า เรารักในหลวง
เห็นพูดกันทุกวัน พูดกันบ่อยๆ แต่ไม่ค่อยได้เคยเห็นใครแสดงให้เห็นจริงๆ จังๆ เลยว่า รักในหลวงจริงหรือเปล่า
หรือจริงใจกับความรักที่มีต่อ ในหลวง อย่างจริงจังแค่ไหน ?
ผมก็เชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า ทุกคนรักในหลวงจริง
รักมากด้วย
รักแบบถวายชีวิตได้ด้วย
แต่ถ้าเรารักแล้ว ไม่ได้แสดงออกให้เห็นได้ว่าเรารักในหลวงอย่างจริงจังนั้น ผมว่ายังไม่ครบถ้วน
ยังไม่ถูกต้อง
ยังไม่จริงใจในความรักนั้น
และยังไม่บริสุทธิ์ใจในความรักนั้น อย่างแท้จริง
อย่างที่ผมบอกว่า เวลาที่ในหลวงรักราษฎร ในหลวงไม่ได้เพียงแต่พูด (รับสั่ง) แต่ (ทรง) ทำให้เห็น