ความทุกข์...เพราะความพลัดพราก

กระทู้: ความทุกข์...เพราะความพลัดพราก

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. *8q* said:

    ความทุกข์...เพราะความพลัดพราก

    ความทุกข์...
    ทุกข์เพราะความพลัดพราก
    ทุกข์เพราะการสูญเสีย
    ในขณะที่ยังยึดเกาะอยู่
    กับสิ่งที่ต้องพลัดพราก
    กับสิ่งที่ต้องสูญเสีย
    เป็นทุกข์ที่มืดมน
    ปิดบังปัญญา
    ที่จะเพ่งมองให้ถึงความเป็นจริง
    แห่งความพลัดพราก
    แห่งความสูญเสียนั้น
    วันที่ฉันทุกข์
    เหตุจากความพลัดพรากจากแม่
    ที่กำลังใกล้เข้ามา
    "หมอบอกว่า
    เลือดออกในสมองมาก
    แก้ไขอะไรไม่ได้
    รอเวลาแล้วกันนะ"
    คำพูดของหมอ
    ทำให้ฉันต้องนับเวลาถอยหลัง
    สำหรับวันที่เหลืออยู่ของแม่
    เพียงน้อยนิด
    การได้เห็น
    ร่างแม่นอนนิ่ง
    ไม่รับรู้แล้ว
    และ
    กับทุกวันวันละหลายเวลา
    ที่พยาบาลมาดูดเสมหะ
    ทุกครั้งที่ดูดเสมหะ
    ร่างที่เหมือนไม่มีความรู้สึกรับรู้ของแม่
    จะเกร็งตัวแอ่นสูงขึ้นมาจากที่นอน
    น้ำตาซึมออกมาจากตาสองข้างที่หลับสนิท
    หน้าตาของแม่
    แสดงความเจ็บปวดเป็นที่สุด
    ออกมาให้เห็น
    สำหรับพยาบาล
    ร่างแม่
    ก็คงจะเหมือนอะไรที่ไม่มีความหมาย
    แต่สำหรับฉัน
    แม่คือหัวใจ
    เมื่อหัวใจต้องกระทบกับความเจ็บปวด
    ฉันย่อมรับรู้และมีความรู้สึกไม่แตกต่างจากนั้น
    ดังนั้น
    ภาพเหล่านั้น
    จึงบาดลึกเข้าไปในใจฉัน
    แต่ละครั้ง แต่ละครั้ง แต่ละครั้ง
    เป็นทุกข์ที่บีดอัดอยู่ตลอดเวลา
    และทวีเพิ่มขึ้น
    จนปิดบังธรรมที่ฉันควรจะยกขึ้นมาทบทวน
    เพื่อให้ยอมรับในทุกข์นี้
    ซึ่งเป็นทุกข์ที่หมดหนทางแก้ไขเยียวยาแล้ว
    หนึ่งวัน
    สองวัน
    สามวัน
    วันที่สาม
    ทุกข์นั้นท่วมท้นจนฉันไม่อาจจะรับไว้ได้
    เดินออกมา
    ร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้
    อย่างไม่อับอายผู้ใดเลย
    ฉันพยายามที่จะแหวกความมืดของทุกข์ออกมา
    เพื่อค้นหาหลักธรรมสักข้อ
    มาสอนตัวเอง
    แต่ก็
    ทำไม่ได้
    ระลึกถึงเพื่อนธรรมท่านหนึ่ง
    จึงโทรศัพท์ถึงท่าน
    ด้วยเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
    ท่านถามด้วยเมตตาว่า
    "เป็นอะไร ?
    ตั้งสติให้มั่นก่อนนะ
    เล่าไปซิ
    เป็นอะไร ?"
    ฉันเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ท่านทราบ
    และขอร้องท่าน
    ได้โปรดให้ธรรมฉันสักข้อหนึ่งเถิดเพื่อที่ฉันจะได้มองเห็นว่า
    ข้างหน้า....
    ต่อไปนั้น
    ฉันควรทำเช่นไร ?
    "สังขิตเตน ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา"
    เป็นธรรมที่เพื่อนธรรมท่านนั้น
    ให้มา
    ฉันกราบขอบพระคุณท่าน
    ติดต่อเรียกน้องชายมาเฝ้าแม่
    แล้วกลับบ้านเข้าห้องพระ
    นั่งสมาธิ
    ทบทวนธรรมข้อนั้น
    ข้อที่เพื่อนธรรมท่านนั้นให้มา
    ตอนนั้น
    ฉันไม่อาจจะหาความหมายของธรรมนั้นได้
    เพื่อนธรรมก็มิได้บอกความหมายไว้ให้
    ในขณะที่ฉันตัดกังวล
    นั่งสมาธิ
    ทบทวนอยู่กับธรรมะที่ว่า...
    "สังขิตเตน ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา"
    อยู่นั้น
    ฉันได้คำสอนขึ้นมาว่า
    หนึ่ง
    ให้หาหนทางทำให้ตนเอง
    ตัดอุปาทานในแม่
    ให้ได้
    สอง
    ให้หาหนทางทำให้แม่
    ตัดอุปาทาน
    ในลูกหลานเหลนทรัพย์สินเงินทองบ้านเรือน
    ให้ได้
    เป็นคำสอนคำเตือน
    เป็นธรรมะที่ทำให้ฉันสว่างขึ้น
    สว่างในการที่จะดูแลตนเองและดูแลแม่
    ไปพร้อม ๆ กัน
    จากนั้น
    เบื้องแรก
    ฉันพยายามทำใจของฉัน
    ให้ยอมรับกับการพลัดพรากครั้งนี้
    ยอมรับความจริงแห่งชีวิตว่า
    ชีวิตที่เกิดมาชีวิตหนึ่ง
    ย่อมมีการดับไปเป็นธรรมดา
    และเป็นการดับไปในวัยที่สมควรแล้ว
    จะยึดแม่ไว้
    ก็ใช่ว่าจะยึดได้ตลอดกาลเสียเมื่อไหร่
    เกิด - ดับ
    เป็นไปตามธรรมดาของโลก
    เมื่อพอทำใจได้บ้างแล้ว
    ก็เริ่มมองหาทางว่า
    ในระหว่างนี้
    จะทำอย่างไรหนอ ?
    ให้แม่รับรู้ได้ว่า
    แม่ควรตัดอุปาทาน
    ในลูกหลานเหลนทรัพย์สินเงินทองบ้านเรือน
    เคยรับรู้ว่า
    ผู้ที่อยู่ในช่วงวิกฤติเช่นนี้
    ธาตุหูจะดีมาก
    แม้ตาและร่างกายจะไม่รับรู้ใด ๆ
    แต่หูจะรับรู้ได้ชัดเจนมาก
    ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
    การให้แม่ได้ฟัง
    เป็นหนทางเดียว
    เพราะขณะที่ฟัง
    ผู้ฟังจะจับยึดและหน่วงสิ่งที่ฟังไว้ที่จิต
    จะให้แม่ฟังอะไรหนอ ?
    ที่ฟังแล้ว
    จิตของแม่จะหน่วงอยู่ในสิ่งที่ฟังนั้น
    จนไม่สามารถออกไปจับยึดติด
    ในลูกหลานเหลนทรัพย์สินเงินทองและบ้านเรือน
    ที่สุด
    ตัดสินใจให้แม่
    ได้ฟังในสิ่งที่แม่ท่องบ่นอยู่เป็นประจำจนขึ้นใจ
    "บทสวดมนต์คาถาพระชินบัญชร"
    คิดว่า
    เมื่อหูของแม่ จิตของแม่
    จับอยู่ที่เสียงสวดมนต์นี้ได้
    จิตแม่จะนิ่งอยู่ที่จุดเดียวนี้
    จิตแม่ก็จะไม่รับอุปาทานต่าง ๆ เหล่านั้น
    เข้ามาเป็นอารมณ์
    นอกจากนั้น
    เมื่อจบบทสวดมนต์
    ฉันกระซิบที่หูแม่ว่า
    "แม่เห็นหลวงพ่อไหม ?
    แม่กำหนดภาพหลวงพ่อไว้ที่กลางหน้าอกนะ
    แม่เห็นภาพหลวงพ่อชัดแล้วใช่ไหม ?
    แม่จับชายจีวรของหลวงพ่อไว้
    จับให้แน่น ๆ นะ
    แล้วเดินตามหลวงพ่อไปเลย
    เดินไปเลย
    ไม่ต้องหันหลังกลับมานะ
    ไม่ต้องหันหลังกลับมานะ"
    หนึ่งวันกับหนึ่งคืน
    ที่แม่ได้ยินเสียงสวดมนต์
    และเสียงฉัน
    เวลาสุดท้ายมาถึง
    เท้าแม่เย็นมือแม่เย็น
    ไล่เข้ามาเรื่อย ๆ
    หน้าแม่คล้ำลงและผิวหน้าเหี่ยวย่นเห็นได้ชัด
    ปากเริ่มซีดขาว
    ไร้สีเลือดขึ้นเรื่อย ๆ
    มุมปากกระตุก
    จังหวะการกระตุกช้าลง ช้าลง ช้าลง และช้าลง
    ที่สุด
    ทุกอย่างเงียบสงบ
    ผิวหน้าแม่ตึงขึ้น
    และขาวผ่องใสขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
    สิ้นสุดการเดินทางของแม่
    ทุกข์ในชาตินี้ภพนี้ของแม่
    สิ้นสุดลงแล้ว
    ขอเพียงการเดินทางในภพใหม่
    และภพต่อ ๆ ไปของแม่
    มีเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น
    เป็นเส้นทางที่จะน้อมนำแม่
    เข้าสู่กระแสพระนิพพาน
    เพื่อความสิ้นทุกข์
    อย่างถาวร
    สาธุ
    สาธุ
    สาธุ.
    บทความนี้
    สำหรับแม่
    ในเดือนที่ให้กำเนิดลูก
    (มิถุนายน ๒๕๕๑)
    ซึ่งแม่จะบอกเสมอว่า
    "ลูกทุกคน
    แม่ตั้งใจให้เกิดมานะ."
    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=25811
    ก่อนเกิดใครเป็นเรา<br />เมื่อเกิดแล้วเราเป็นใคร<br /><br />สิ่งที่ทำอยู่คือกรรมใหม่<br />ผลที่ได้รับคือกรรมเก่า<br /><br />ฟังในสิ่งที่ไม่ได้ยิน<br />มองในสิ่งที่ไม่เห็น<br />ทำในสื่งที่ไม่มี
     
  2. Vipawee said:

    Re: ความทุกข์...เพราะความพลัดพราก

    อนุโมทนาสาธุค่ะ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็น สัจธรรมของมนุษย์โลก วิ ก็ พึ่งผ่านมาไม่นานคะ แต่ ก็ ได้ยึด พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ก็ทำให้คลายความทุกข์ ลงได้มาก เข้าช่วยเหลือ สังคม และช่วยงานการกุศลต่างๆ ค่ะ