เปรียบเทียบ โต๊ะเก้าอี้ กับ ความสัมพันธ์ชายหญิง

กระทู้: เปรียบเทียบ โต๊ะเก้าอี้ กับ ความสัมพันธ์ชายหญิง

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. รูปส่วนตัว DAO

    DAO said:

    เปรียบเทียบ โต๊ะเก้าอี้ กับ ความสัมพันธ์ชายหญิง

    โต๊ะกับเก้าอี้ ก็คือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งในบ้าน
    ที่แทบจะทุกบ้านต้องมี .....
    แต่ละบ้านก็จะมีโต๊ะและเก้าอี้แต่ละแบบไม่เหมือนกัน
    แตกต่างกันตามการใช้งานและฐานะของผู้เป็นเจ้าของ

    โต๊ะกับเก้าอี้นั้นเป็นของคู่กันที่ไม่จำเป็นต้องใช้คู่กันในทุกครั้ง
    บางทีเราอาจแค่ต้องการนั่งบนเก้าอี้
    และบางทีเราก็อาจแค่ต้องการโต๊ะไว้วางของเพียงอย่างเดียว
    แต่...ถ้ามันอยู่ด้วยกันก็จะดูสมบูรณ์แบบได้มากกว่า
    และประโยชน์ใช้สอยมันก็จะมากกว่าด้วย

    เหมือนกับผู้หญิงกับผู้ชายที่เป็นของคู่กัน
    ....อย่างไรอย่างนั้น


    มีเพื่อนคนหนึ่งถามฉันต่อว่า

    “ แล้วตกลงผู้หญิงหรือผู้ชาย ใครกันที่เป็นโต๊ะ ใครกันที่เป็นเก้าอี้ ”

    ฉันตอบไปว่า

    “ โต๊ะน่าจะเป็นผู้ชาย และเก้าอี้น่าจะเป็นผู้หญิง
    เพราะโต๊ะสามารถมีเก้าอี้ ได้มากกว่าหนึ่ง
    แต่ถ้าเมื่อไรก็ตาม ที่เก้าอี้ริจะมีโต๊ะมากกว่าหนึ่งจะดูไม่งาม
    และสังคมจะรุมประนามทันที ” (ฮา)

    แล้วเพื่อนคนเดิมมันก็ถามต่ออีกว่า

    “ ก็แล้วจะมีโต๊ะสักกี่ตัวในโลกนี้ ที่มันอยากจะมีเก้าอี้แค่เพียงตัวเดียว ”

    ฉันก็เลยตอบมันไปว่า

    “
    ก็โต๊ะเขียนหนังสือไงแก...แกเคยเห็นใครวางเก้าอี้ไว้ที่โต๊ะเขียนหนังสือมากกว่าหนึ่งตัวกันบ้าง
    ไม่เหมือนโต๊ะกินข้าวกับโต๊ะรับแขก พวกนี้เจ้าชู้ มีเก้าอี้ตั้งเยอะ
    บางบ้านก็ 4 ตัว บางบ้านก็ 6 ตัวหรืออาจมากกว่า ”

    “ อ๊ะ .. แต่โต๊ะเครื่องแป้งเค้าก็รักเดียวใจเดียวเหมือนกันนะ
    ..มีเก้าอี้ตัวเดียวเหมือนกัน ” มันเสริมให้

    “ เออ..จริงว่ะ ”

    “ อาจเป็นเรื่องของขนาดก็ได้มั้งแก..ก็โต๊ะกินข้าวน่ะมันมีขนาดใหญ่
    มันก็เลยต้องการเก้าอี้มาก ๆ เพื่อมาเสริมบารมี
    เหมือนคนรวย ๆ ชอบมีอีหนูเยอะ ๆ ไว้ประดับบารมี
    ส่วนโต๊ะเขียนหนังสือ โต๊ะเครื่องแป้งน่ะ ขนาดมันไม่ใหญ่
    เหมือนคนฐานะปานกลางไปจนถึงยากจน
    จะมีเมียมากกว่าหนึ่งก็เลี้ยงไม่ไหว ”

    มันอธิบายเสียยืดยาว แล้วฉันก็ฮาอีก ในความช่างคิดของทั้งมันและฉัน
    มานั่งนึกแล้วก็อดขำไม่ได้ ในความเหมือนโดยบังเอิญระหว่างโต๊ะกับเก้าอี้
    และความสัมพันธ์ระหว่างหญิงกับชาย

    มาพูดถึงเก้าอี้กันบ้าง เพื่อนมันถามฉันต่อว่า

    “ แล้วแกว่าเก้าอี้แบบไหนในโลกวะ ที่มันจะชอบมีโต๊ะมากกว่าหนึ่ง ”

    มันเล่นเอาฉันคิดนานอยู่เหมือนกัน

    “ ก็เก้าอี้ล้อเลื่อนไงวะ พวกนี้ชอบเลื่อนไปโต๊ะโน้น ย้ายมาโต๊ะนี้
    เปลี่ยนโต๊ะอยู่เรื่อย ”

    คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นมันบ้างที่ขำ

    “ เค้าเรียกมีรักสำรองเผื่อเลือกใช่ไหมแบบนี้ ” มันว่า

    คงยุ่งน่าดูถ้าเก้าอี้ล้อเลื่อนมาเจอกับโต๊ะกินข้าว
    เราก็เลยไม่เคยเห็นใครเอา เก้าอี้ล้อเลื่อนมาตั้งกับโต๊ะกินข้าวเลยสักที

    มันก็คงเหมือนการที่แม่เหล็กขั้วเดียวกันมันจะผลักกันนั่นแหละ
    เราเลยไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่นัก
    ที่ผู้หญิงไวไฟจะมาจับคู่กับผู้ชายเจ้าชู้

    โดยมากถ้าอีกฝ่ายเจ้าชู้
    อีกฝ่ายจะสงบสยบอยู่เสียมากกว่า
    มันถึงจะอยู่ด้วยกันได้ ไปด้วยกันรอด

    ในความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน
    ฉันว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็นโต๊ะกับเก้าอี้ที่สวยหรูงดงามมากมายอะไรนัก
    แค่พอดูได้ ใช้งานได้ มันก็ไม่น่าเกลียดอะไรแล้วล่ะ
    เอาแค่แบบโต๊ะเขียนหนังสือ มีโต๊ะหนึ่งเก้าอี้หนึ่ง
    นั่งแล้วรู้สึกสบาย
    ถ้าเหนื่อยนักก็ฟุบหน้าหลับตาพักได้

    หรือถ้าจะสวยงามก็ขอให้มันดูสวยงามแค่อย่างโต๊ะเครื่องแป้ง
    ที่ดูดีสวยงาม เพราะหมั่นดูแลกันและกัน
    เป็นกระจกคอยสะท้อนซึ่งกันและกัน
    อยู่ร่วมกันโต๊ะหนึ่งเก้าอี้หนึ่งอย่างเข้าใจ
    อย่าให้ต้องเป็นเหมือนโต๊ะกินข้าว ที่ยิ่งใหญ่ร่ำรวย
    แต่ก็ไม่สามารถดูแลเก้าอี้ที่มีได้อย่างทั่วถึง
    กว่าจะแบ่งความห่วงใยมาใส่ใจแต่ละที
    ก็คงต้องรอจนเหงาเฉาตายกันไปเสียก่อน

    หรือไม่จำเป็นต้องสวยงามหรือหรูหรา ถึงขนาดโต๊ะรับแขก
    ที่มีเอาไว้แค่เพียงอวดชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมา
    ใครเห็นใครพบก็สบายใจ

    แต่เก้าอี้ (โชฟา) นี่สิช้ำ
    ต้องโดนโถมโดนทับไม่รู้จักเท่าไหร่
    เพราะใคร ๆ ก็พากันแวะ

    ถ้าจะมีความรักฉันอยากรักแบบโต๊ะเขียนหนังสือ
    หรือโต๊ะเครื่องแป้งก็พอ ไม่ยิ่งใหญ่ ไม่หรูหรา
    แต่อบอุ่นพอให้บ้านน่าอยู่อาศัย

    ฉันว่าถ้าแท้จริงแล้วคนเราวัดคุณค่ากันจากภายในจิตใจ
    โต๊ะกับเก้าอี้ก็คงไม่ต่าง
    ตรงที่เราวัดคุณค่ามันจากประโยชน์ใช้สอยมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก
    บางทีเก้าอี้อาจขาหักขาโยกไปบ้างนะ
    ถ้าตั้งเองไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อาศัยพิงโต๊ะเอาก็ได้
    ก็ไหน ๆ เราก็คู่กันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

    หรือบางที

    โต๊ะอาจสึกมีรอยบิ่นรอยขีดข่วนไปบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกนะ
    เพราะเก้าอี้เค้าจะคอยบดบังให้เอง

    ความจริงแล้ว
    คนเรารักกันมันไม่ต้องการองค์ประกอบอะไรที่มากมายเลย
    แค่หมั่นเติมเต็มซึ่งกันและกันก็พอแล้ว
    เพราะโต๊ะกับเก้าอี้ที่ไม่เข้าชุดกัน
    เมื่อจับมาวางคู่กัน
    ประโยชน์ใช้สอยมันก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป
    แค่ความสวยงามมัน(อาจจะ)ลดน้อยลงไปเท่านั้นเอง

    แล้วบ้านของคุณเองล่ะอยากให้มีโต๊ะกับเก้าอี้แบบไหนเคยคิดเอาไว้บ้างหรือเปล่า.........

    อับราฮัม ลินคอร์น เคยกล่าวไว้ว่า

    “ คนเราจะมีความสุขได้เสมอทุกเมื่อถ้าตั้งใจจะให้ตนเองมีความสุข ”

    ในความเป็นจริงเราไม่สามารถเลือกได้ดังใจเราทุกอย่าง
    ถ้าคุณเป็นเก้าอี้
    คุณไม่มีทางรู้ได้ในทั้งหมดทุกส่วนว่าโต๊ะของคุณเขาจะเป็นอย่างไร
    คุณอาจไม่จำเป็นที่จะต้องชอบในทั้งหมดของโต๊ะของคุณ
    และถ้าคุณเองเป็นโต๊ะ
    คุณก็คงไม่มีทางที่จะพอใจในทุกส่วนที่เก้าอี้ของคุณมีเพราะความสมบูรณ์แบบที่แท้จริง
    ไม่มีอยู่บนโลกใบนี้....
    ฉันเชื่ออย่างนั้น หากแต่
    ศิลปะสุดยอดของการอยู่ร่วมกันคือ

    การให้อภัย

    อะไรที่เค้าขาดไปบ้างเราก็หมั่นเติม
    อะไรที่เค้าเกินไปบ้างเราก็เอามาเติมให้เราเอง
    ถ้าเป็นแบบนี้เราจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างงดงามมากกว่าไหม

    ว่าไหม ?


    ขอขอบคุณที่มาคะ http://board.palungjit.com/archive/i.../t-132031.html





    สิ้นทุกข์สุขที่แท้จึงได้พบพาน
     
  2. furniroom said:

    Re: เปรียบเทียบ โต๊ะเก้าอี้ กับ ความสัมพันธ์ชายหญิง

    อ้างอิง โพสต์ต้นฉบับโดยคุณ DAO
    โต๊ะกับเก้าอี้ ก็คือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งในบ้าน
    ที่แทบจะทุกบ้านต้องมี .....
    แต่ละบ้านก็จะมีโต๊ะและเก้าอี้แต่ละแบบไม่เหมือนกัน
    แตกต่างกันตามการใช้งานและฐานะของผู้เป็นเจ้าของ

    โต๊ะกับเก้าอี้นั้นเป็นของคู่กันที่ไม่จำเป็นต้องใช้คู่กันในทุกครั้ง
    บางทีเราอาจแค่ต้องการนั่งบนเก้าอี้
    และบางทีเราก็อาจแค่ต้องการโต๊ะไว้วางของเพียงอย่างเดียว
    แต่...ถ้ามันอยู่ด้วยกันก็จะดูสมบูรณ์แบบได้มากกว่า
    และประโยชน์ใช้สอยมันก็จะมากกว่าด้วย

    เหมือนกับผู้หญิงกับผู้ชายที่เป็นของคู่กัน
    ....อย่างไรอย่างนั้น


    มีเพื่อนคนหนึ่งถามฉันต่อว่า

    “ แล้วตกลงผู้หญิงหรือผู้ชาย ใครกันที่เป็นโต๊ะ ใครกันที่เป็นเก้าอี้ ”

    ฉันตอบไปว่า

    “ โต๊ะน่าจะเป็นผู้ชาย และเก้าอี้น่าจะเป็นผู้หญิง
    เพราะโต๊ะสามารถมีเก้าอี้ ได้มากกว่าหนึ่ง
    แต่ถ้าเมื่อไรก็ตาม ที่เก้าอี้ริจะมีโต๊ะมากกว่าหนึ่งจะดูไม่งาม
    และสังคมจะรุมประนามทันที ” (ฮา)

    แล้วเพื่อนคนเดิมมันก็ถามต่ออีกว่า

    “ ก็แล้วจะมีโต๊ะสักกี่ตัวในโลกนี้ ที่มันอยากจะมีเก้าอี้แค่เพียงตัวเดียว ”

    ฉันก็เลยตอบมันไปว่า

    “
    ก็โต๊ะเขียนหนังสือไงแก...แกเคยเห็นใครวางเก้าอี้ไว้ที่โต๊ะเขียนหนังสือมากกว่าหนึ่งตัวกันบ้าง
    ไม่เหมือนโต๊ะกินข้าวกับโต๊ะรับแขก พวกนี้เจ้าชู้ มีเก้าอี้ตั้งเยอะ
    บางบ้านก็ 4 ตัว บางบ้านก็ 6 ตัวหรืออาจมากกว่า ”

    “ อ๊ะ .. แต่โต๊ะเครื่องแป้งเค้าก็รักเดียวใจเดียวเหมือนกันนะ
    ..มีเก้าอี้ตัวเดียวเหมือนกัน ” มันเสริมให้

    “ เออ..จริงว่ะ ”

    “ อาจเป็นเรื่องของขนาดก็ได้มั้งแก..ก็โต๊ะกินข้าวน่ะมันมีขนาดใหญ่
    มันก็เลยต้องการเก้าอี้มาก ๆ เพื่อมาเสริมบารมี
    เหมือนคนรวย ๆ ชอบมีอีหนูเยอะ ๆ ไว้ประดับบารมี
    ส่วนโต๊ะเขียนหนังสือ โต๊ะเครื่องแป้งน่ะ ขนาดมันไม่ใหญ่
    เหมือนคนฐานะปานกลางไปจนถึงยากจน
    จะมีเมียมากกว่าหนึ่งก็เลี้ยงไม่ไหว ”

    มันอธิบายเสียยืดยาว แล้วฉันก็ฮาอีก ในความช่างคิดของทั้งมันและฉัน
    มานั่งนึกแล้วก็อดขำไม่ได้ ในความเหมือนโดยบังเอิญระหว่างโต๊ะกับเก้าอี้
    และความสัมพันธ์ระหว่างหญิงกับชาย

    มาพูดถึงเก้าอี้กันบ้าง เพื่อนมันถามฉันต่อว่า

    “ แล้วแกว่าเก้าอี้แบบไหนในโลกวะ ที่มันจะชอบมีโต๊ะมากกว่าหนึ่ง ”

    มันเล่นเอาฉันคิดนานอยู่เหมือนกัน

    “ ก็เก้าอี้ล้อเลื่อนไงวะ พวกนี้ชอบเลื่อนไปโต๊ะโน้น ย้ายมาโต๊ะนี้
    เปลี่ยนโต๊ะอยู่เรื่อย ”

    คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นมันบ้างที่ขำ

    “ เค้าเรียกมีรักสำรองเผื่อเลือกใช่ไหมแบบนี้ ” มันว่า

    คงยุ่งน่าดูถ้าเก้าอี้ล้อเลื่อนมาเจอกับโต๊ะกินข้าว
    เราก็เลยไม่เคยเห็นใครเอา เก้าอี้ล้อเลื่อนมาตั้งกับโต๊ะกินข้าวเลยสักที

    มันก็คงเหมือนการที่แม่เหล็กขั้วเดียวกันมันจะผลักกันนั่นแหละ
    เราเลยไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่นัก
    ที่ผู้หญิงไวไฟจะมาจับคู่กับผู้ชายเจ้าชู้

    โดยมากถ้าอีกฝ่ายเจ้าชู้
    อีกฝ่ายจะสงบสยบอยู่เสียมากกว่า
    มันถึงจะอยู่ด้วยกันได้ ไปด้วยกันรอด

    ในความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน
    ฉันว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็นโต๊ะกับเก้าอี้ที่สวยหรูงดงามมากมายอะไรนัก
    แค่พอดูได้ ใช้งานได้ มันก็ไม่น่าเกลียดอะไรแล้วล่ะ
    เอาแค่แบบโต๊ะเขียนหนังสือ มีโต๊ะหนึ่งเก้าอี้หนึ่ง
    นั่งแล้วรู้สึกสบาย
    ถ้าเหนื่อยนักก็ฟุบหน้าหลับตาพักได้

    หรือถ้าจะสวยงามก็ขอให้มันดูสวยงามแค่อย่างโต๊ะเครื่องแป้ง
    ที่ดูดีสวยงาม เพราะหมั่นดูแลกันและกัน
    เป็นกระจกคอยสะท้อนซึ่งกันและกัน
    อยู่ร่วมกันโต๊ะหนึ่งเก้าอี้หนึ่งอย่างเข้าใจ
    อย่าให้ต้องเป็นเหมือนโต๊ะกินข้าว ที่ยิ่งใหญ่ร่ำรวย
    แต่ก็ไม่สามารถดูแลเก้าอี้ที่มีได้อย่างทั่วถึง
    กว่าจะแบ่งความห่วงใยมาใส่ใจแต่ละที
    ก็คงต้องรอจนเหงาเฉาตายกันไปเสียก่อน

    หรือไม่จำเป็นต้องสวยงามหรือหรูหรา ถึงขนาดโต๊ะรับแขก
    ที่มีเอาไว้แค่เพียงอวดชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมา
    ใครเห็นใครพบก็สบายใจ

    แต่เก้าอี้ (โชฟา) นี่สิช้ำ
    ต้องโดนโถมโดนทับไม่รู้จักเท่าไหร่
    เพราะใคร ๆ ก็พากันแวะ

    ถ้าจะมีความรักฉันอยากรักแบบโต๊ะเขียนหนังสือ
    หรือโต๊ะเครื่องแป้งก็พอ ไม่ยิ่งใหญ่ ไม่หรูหรา
    แต่อบอุ่นพอให้บ้านน่าอยู่อาศัย

    ฉันว่าถ้าแท้จริงแล้วคนเราวัดคุณค่ากันจากภายในจิตใจ
    โต๊ะกับเก้าอี้ก็คงไม่ต่าง
    ตรงที่เราวัดคุณค่ามันจากประโยชน์ใช้สอยมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก
    บางทีเก้าอี้อาจขาหักขาโยกไปบ้างนะ
    ถ้าตั้งเองไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อาศัยพิงโต๊ะเอาก็ได้
    ก็ไหน ๆ เราก็คู่กันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

    หรือบางที

    โต๊ะอาจสึกมีรอยบิ่นรอยขีดข่วนไปบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกนะ
    เพราะเก้าอี้เค้าจะคอยบดบังให้เอง

    ความจริงแล้ว
    คนเรารักกันมันไม่ต้องการองค์ประกอบอะไรที่มากมายเลย
    แค่หมั่นเติมเต็มซึ่งกันและกันก็พอแล้ว
    เพราะโต๊ะกับเก้าอี้ที่ไม่เข้าชุดกัน
    เมื่อจับมาวางคู่กัน
    ประโยชน์ใช้สอยมันก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป
    แค่ความสวยงามมัน(อาจจะ)ลดน้อยลงไปเท่านั้นเอง

    แล้วบ้านของคุณเองล่ะอยากให้มีโต๊ะกับเก้าอี้แบบไหนเคยคิดเอาไว้บ้างหรือเปล่า.........

    อับราฮัม ลินคอร์น เคยกล่าวไว้ว่า

    “ คนเราจะมีความสุขได้เสมอทุกเมื่อถ้าตั้งใจจะให้ตนเองมีความสุข ”

    ในความเป็นจริงเราไม่สามารถเลือกได้ดังใจเราทุกอย่าง
    ถ้าคุณเป็นเก้าอี้
    คุณไม่มีทางรู้ได้ในทั้งหมดทุกส่วนว่าโต๊ะของคุณเขาจะเป็นอย่างไร
    คุณอาจไม่จำเป็นที่จะต้องชอบในทั้งหมดของโต๊ะของคุณ
    และถ้าคุณเองเป็นโต๊ะ
    คุณก็คงไม่มีทางที่จะพอใจในทุกส่วนที่เก้าอี้ของคุณมีเพราะความสมบูรณ์แบบที่แท้จริง
    ไม่มีอยู่บนโลกใบนี้....
    ฉันเชื่ออย่างนั้น หากแต่
    ศิลปะสุดยอดของการอยู่ร่วมกันคือ

    การให้อภัย

    อะไรที่เค้าขาดไปบ้างเราก็หมั่นเติม
    อะไรที่เค้าเกินไปบ้างเราก็เอามาเติมให้เราเอง
    ถ้าเป็นแบบนี้เราจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างงดงามมากกว่าไหม

    ว่าไหม ?


    ขอขอบคุณที่มาคะ http://board.palungjit.com/archive/i.../t-132031.html
    คับ..พึ่งรู้นะเนี่ย