๓. ทูเตนอุปสัมปทา[๑๐]
วิธีนี้ทรงมีพุทธานุญาตให้ภิกษุณีอุปสมบทอย่างเดียวกับวิธีอัฏฐวาจิกาทุกอย่าง ต่างแต่ผู้ปรารถนาจะบวชไม่สามารถไปรับอุปสมบทในสำนักของภิกษุได้ด้วยตนเอง เนื่องจากมีภัยอันตรายอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นแก่ผู้ต้องการจะบวช พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ส่งนางภิกษุณีตัวแทนของสตรีผู้ได้รับอุปสมบทจากภิกษุณีสงฆ์ฝ่ายเดียวไปสำนักภิกษุสงฆ์ ตัวแทนที่ทำหน้าที่เป็นทูตในการให้อุปสมบทนั้น จะต้องเป็นผู้ฉลาดสามารถที่จะสามารถทำกิจของตนดังกล่าวให้สำเร็จได้
ภิกษุณีในพระพุทธศาสนา
ความหมาย
ภิกษุณี หมายถึง พระผู้หญิงหรือสตรีที่บวชในพระพุทธศาสนา ในนิกายเถรวาท รักษาศีล ๓๑๑ ข้อ ภิกษุณีมีสภาพแตกต่างจากผู้ครองเรือน มีชีวิตอยู่โดยอาศัยผู้อื่นเลี้ยงดูเช่นเดียวกับภิกษุ ภิกษุณีต้องปลงผม ตัดเล็บ ไม่ตกแต่งร่างกายด้วยเครื่องหอม ครองผ้าย้อมน้ำผาดเพียง ๕ ผืน อยู่อาศัยในอาวาสใกล้กับภิกษุ และรับโอวาทจากภิกษุทุกกึ่งเดือน
ภิกษุณี หมายถึง หญิงที่ได้อุปสมบทแล้ว, พระผู้หญิงในพระพุทธศาสนา เทียบ ภิกษุ
(พระ,ธรรรปิฏก ป.อ.ปยุตฺโต,พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม กรุงเทพมหานคร โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรราชวิทยาลัย พิมพ์ครั้งที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๘)
ภิกษุณี หมายถึง หญิงที่บวชเป็นพระในพระพุทธศาสนา ปัจจุบันไม่มีแล้ว (คณะผู้จัดทำพจนานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติ, พจนานุกรม ฉบับเฉลิมพระเกียรติ กรุงเทพมหานคร โรงพิมพ์วัฒนาพานิช (พิมพ์ครั้งที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๐)
ภิกษุณี หมายถึง พระผู้หญิงของพระพุทธศาสนา เป็นบริษัทที่ ๒ ในบริษัท ๔ เป็นพระที่บวชจากสงฆ์ ๒ ฝ่าย คือ จากภิกษุณีสงฆ์ และภิกษุสงฆ์ รักษาสิกขาบท (ศีล) ๓๑๑ สิกขาบท( พันตรี ป.หลงสมบุญ, พจนานุกรมไทย-มคธ ฉบับสำนักเรียนวัดปากน้ำ กรุงเทพมหานคร อาทรการพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๔๐)
ประวัติความเป็นมาของ ปฐมภิกษุณี
พระบาลีคัมภ์จุลวรรค พระวินัยปิฏกแห่งภิกษุณีขันธกะและในพระบาลีคัมภีร์อังคุตตรนิกาย อัฏฐนิบาต สันธานวรรคที่ ๑ แห่งโคตมีสูตร มีเรื่องเล่าโดยพิสดารว่า
หลังจากที่พระพุทธเจ้า ทรงถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าสุทโธทนมหาราช พระพุทธบิดาแล้ว ยังประทับอยู่ ณ วิหารนิโครธาราม เขตกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ
วันหนึ่ง พระนางมหาปชาบดีโคตมี เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายบังคมแล้ว ประทับยืน ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วทรงกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขอประทานวโรกาส พระเจ้าข้า ขอให้สตรีได้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในพระธรรมวินัยที่พระตถาคตทรงประกาศไว้แล้วเถิด พระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสห้ามว่า ดูก่อนพระนางโคตมี พระนางอย่าทรงพอพระทัยที่จะให้สตรีออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิต ในพระธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศไว้เลย
พระนางมหาปชาบดีโคตมี ได้ทรงกราบทูลเป็นครั้งที่ ๒ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสห้ามอีกและพระนางจึงทรงกราบทูลเป็นครั้งที่ ๓ แต่พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสห้ามอีกเช่นเดียวกันเมื่อพระนางไม่ได้รับพระพุทธานุญาตให้สตรีบรรพชาใพระพุทธศาสนา ก็ทรงเป็นทุกข์เสียพระทัย มีพระพักตร์ไหลนองด้วยน้ำพระเนตร ทรงกรรแสง พร้อมกับพลางถวายพระพรลาเสด็จกลับพระราชนิเวศน์ต่อมาเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทับอยู่ที่พระวิหารนิโครธาราม ในกรุงกบิลพัสด์ ตามพุทธประสงค์แล้ว จึงได้เสด็จจาริกไปทางพระนครเวสาลีและได้ทรงประทับ ณ กูฎาคารศาลา ในป่ามหาวันพระนครเวสาลี (บางแห่งเรียก ไพศาลี)
ครั้งนั้น พระนางมหาปชาบดีโคตมี โปรดให้ปลงพระเกศาของพระนาง และทรงนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ทรงตั้งเจตนาบรรพชาพร้อมกับนางสากิยาณีเป็นจำนวนมาก ได้เสด็จจากกรุงกบิลพัสดุ์ไปที่กูฎาคารศาลา ในป่ามหาวัน พระนครเวสาลี เวลานั้น พระนางมหาปชาบดีโคตมี มีพระบาททั้ง ๒ พองพระกายเกลือกกลั้วด้วยธุลี ทรงเป็นทุกข์เสียพระหทัย มีพระพักตร์นองด้วยน้ำพระเนตร ประทับยืนกรรแสงอยู่ที่ซุ้มประตูภายนอกวิหาร
พระอานนท์ได้เห็นพระนางมหาปชาบดีโคตมีจึงถามว่า ขอถวายพระพร เหตุไรพระนางจึงมีพระบาททั้ง ๒ ข้างพองขึ้นมีพระกายเกลือกกลั้วด้วยฝุ่นละอองทรงเป็นทุกข์เสียพระหทัยมีพระอัสสุชลไหลออกจากดวงพรพะเนตร เสด็จมาประทับยืนทรงกรรแสงอยู่ที่นี่ ขอถวายพระพร
พระนางมหาปชาบดีโคตมี ได้มีพระราชดำรัสตอบว่า ท่านพระอานนท์เจ้าข้า เพราะเหตุที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่อนุญาตให้สตรีบรรพชา ในพระธรรมวินัยที่พระตถาคตทรงประกาศแล้วเจ้าค่ะ
พระอานนท์เถระ ถวายพระพรว่า ถ้าเช่นนั้น ขอพระนางจงทรงรออยู่ที่นี่สักครู่หนึ่ง จนกว่าอาตมาจะกราบทูลขออนุญาตพระผู้มีพระภาคเจ้าให้สตรีได้บรรพชาเป็นบรรพชิตในพระธรรมวินัยที่พระตถาคตทรงประกาศแล้ว ขอถวายพระพร
หลังจากพระอานนท์กล่าวอย่างนั้นแล้ว จึงเจ้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายบังคมแล้วนั่งลง ณ สถานที่ที่สมควรแก่ตน แล้วกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระนางมหาปชาบดีโคตมี มีพระบาททั้ง ๒ พอง พระกายเกลือกกลั้วด้วยธุลี ทรงเป็นทุกข์ เสียพระหทัย มีพระพักตร์นองด้วยน้ำพระเนตร ประทับยืนกรรแสงอยู่ที่ซุ้มประตูภายนอกวิหาร ด้วยพระนางทรงน้อยพระหทัยว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ทรงอนุญาตให้สตรีบรรพชา ในพระธรรมวินัยที่พระตถาคตทรงประกาศแล้ว ขอประทานวโรกาส ขอให้สตรีได้บรรพชาในพระธรรมวินัยที่พระตถาคตทรงประกาศไว้แล้วเถิด พระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสห้ามว่า อย่าเลยอานนท์ เธออย่าพอใจให้สตรีบรรพชาในพระธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศไว้เลย
<!-- / message -->