คุณพ่อวิษณุ ธัญญอนันต์ ปลัดสมณสภาเพื่อการเสวนาระหว่างศาสนา เปิดเผยสาเหตุที่สาส์นแสดงความยินดีจากพระสันตะปาปาเนื่องในโอกาสวันวิสาข บูชา เน้นหนักไปที่เรื่องความยากจน ก็เพราะวาติกันอยากจะขอบคุณพุทธศาสนิกชนสำหรับการดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์ พยาน ด้วยการไม่ยึดติดกับสิ่งของทางโลกและพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่
ปีนี้ สาส์นแสดงความยินดีวันวิสาขบูชาของวาติกัน เน้นเรื่องความยากจนเป็นอย่างมาก โดยเนื้อหาสำคัญมีใจความว่า "สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ตรัสไว้เมื่อไม่นานมานี้ว่า ความยากจนอาจแบ่งได้เป็นสองประเภทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ ความยากจน "ที่เลือกเอง" กับความยากจน "ที่ต้องกำจัดให้หมดไป" (บทเทศน์ วันที่ 1 มกราคม 2009)"
มอนซินญอร์วิษณุ ในฐานะผู้ร่างสาส์นนี้ด้วยตนเอง ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่เลือกความยากจนมาเป็นหัวข้อหลักว่า "ในการร่างสาส์นนี้ เราได้ยึดตามพระประสงค์ของพระสันตะปาปาที่ตรัสไว้ในวันที่ 1 มกราคมซึ่งเป็นวันสันติภาพสากล พระองค์ย้ำว่า เราต้องกำจัดความยากจนให้หมดไปจากโลก สิ่งนี้สอดคล้องอย่างยิ่งกับหลักคำสอนของพุทธศาสนา เราเห็นว่า หลักธรรมคำสอนของศาสนาพุทธกล่าวถึงความยากจนไว้เยอะมาก เราก็เลยสนใจประสบการณ์ฝ่ายจิตของพุทธศาสนิกชน"
"ปีนี้ พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงกล่าวถึงการต่อสู้กับความยากจนบ่อยมาก ดังที่เราเห็นในสารและบทเทศน์วันสันติภาพสากล การเสด็จเยือนทวีปแอฟริกาช่วงกลางเดือนมีนาคม และใน
จดหมายที่พระองค์ทรงส่งถึงผู้นำกลุ่ม จี 20 ซึ่งมาร่วมประชุมกันที่ลอนดอน พระสันตะปาปาน่าจะเน้นย้ำเรื่องนี้อีกครั้งในสมณสาส์นฉบับต่อไป ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พระองค์จะกล่าวถึงสภาพสังคม" มอนซินญอร์วิษณุ กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ในตอนท้ายของสาส์นแสดงความยินดีวันวิสาขบูชา ระบุไว้ว่า "บรรดาพระภิกษุ แม่ชี และฆราวาสเป็นจำนวนมากสมัครใจถือปฏิบัติความยากจน "แบบเลือกเอง" อันเป็นการบำรุงเลี้ยงชีวิตจิตของมนุษย์ ก่อให้เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความหมายของชีวิตแท้ที่มั่งคั่ง อีกทั้งค้ำจุนความตั้งใจที่จะส่งเสริมการมีน้ำใจดีของประชาคมโลกอีกด้วย"
มอนซินญอร์วิษณุ สงฆ์ชาวไทยองค์เดียวที่ปฏิบัติงานในวาติกัน ก็ได้อธิบายเรื่องนี้ว่า "เราต้องการแสดงออกถึงมิตรภาพและความปรารถนาดีไปยังเพื่อนชาวพุทธทุกคน เราต้องการจะขอบคุณพวกเขาสำหรับการเป็นประจักษ์พยานทางแรงบันดาลใจที่พวกเขา ได้มอบให้กับจิตวิญญาณแห่งความยากจน ผ่านทางการไม่ยึดติดกับสิ่งของทางโลกและพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่"
แม้พระสันตะปาปาจะไม่ได้เป็นผู้ เขียนสาส์นวันวิสาชบูชา แต่คุณพ่อวิษณุก็ยืนยันว่าพระสันตะบิดาเจ้าทรงตรวจและอนุมัติสาส์นดังกล่าว ด้วยพระองค์เอง "พระสันตะปาปาทรงตรวจและอนุมัติสาส์นวันวิสาขบูชาด้วยพระองค์เอง จากนั้น เราก็ส่งสาส์นนี้ไปยังสถานทูตวาติกันประจำประเทศต่างๆ เพื่อส่งต่อไปยังหน่วยงานของสภาพระสังฆราชท้องถิ่นที่รับผิดชอบงานศาสน สัมพันธ์กับชาวพุทธ กับหน่วยงานของรัฐบาล กับผู้นำชาวพุทธของทั่วโลก และส่งให้กับเอกอัครราชทูตทั้ง 176 ประเทศที่มีเจริญสัมพันธไมตรีกับสันตะสำนัก (มีประเทศไทยด้วย)"
"ต้นฉบับของสาส์นนี้ถูกเขียนขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ และได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆมากกว่า 10 ภาษา อาทิ จีน ญี่ปุ่น เขมร เกาหลี พม่า ไทย เวียดนาม นอกจากนี้ ยังแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสและอิตาเลี่ยน อีกด้วย"
"พุทธศาสนิกชนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของสาส์นวันวิสาขบูชาอยู่ เสมอ พวกเขาใส่ใจและอ่านมันด้วยความจริงจัง พวกเขายังส่งสาส์นขอบคุณกลับมายังวาติกัน รวมถึงส่งคำอวยพรมาให้ในโอกาสวันสมโภชสำคัญทางคริสตศาสนา อาทิ วันคริสต์มาส เป็นต้น" มอนซินญอร์วิษณุ กล่าวปิดท้าย
อนึ่ง วันวิสาขบูชาตามประเทศต่างๆจะไม่ตรงกัน เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของประเทศต่างกัน ทำให้วันเวลาคลาดเคลื่อนไปด้วย โดยปีนี้ (ค.ศ.2009) วันวิสาขบูชาในไต้หวันและญี่ปุ่น ตรงกับวันที่ 8 เมษายน ขณะที่จีนและเกาหลี ตรงกับวันที่ 2 พฤษภาคม ส่วนไทยและประเทศอื่นๆทั่วโลก ตรงกับวันที่ 8 พฤษภาคม