หากวันนี้เรายอมถอยหลังกลับไป
โดยที่ไม่แม้แต่จะก้าวไปข้างหน้าหรือลงมือทำอะไร
เพียงเพราะใจเราบอกว่าไม่ไหวหรอก ทำไม่ได้หรอก
ก็สมควรแล้วที่จะกลายเป็นผู้แพ้ตลอดกาล
ผู้แพ้ที่ไม่เคยทำอะไรสำเร็จเลยสักอย่าง
แล้วอย่างนี้จะมีหน้าไปอวดใครได้
จะมีอะไรให้น่าภูมิใจ ให้น่าจดจำไหม
บางครั้งเราอาจจะเห็นคนอื่นทำในสิ่งที่เรากำลังจะลงมือทำ
เขาทำมาก่อน เขาทำได้ดีกว่า เราก็ท้อ ไม่อยากทำ
เพียงเพราะเรากลัวสู้เขาไม้ได้ กลัวจะถูกคนอื่นว่าด้อยฝีมือ ฯลฯ
แล้วถ้าเราไม่เคยลงมือทำเลยล่ะ นั่นก็หมายความว่าเราสู้เขาไม่ได้ตั้งแต่ต้นแล้วสิ
อย่างนี้ก็แสดงว่าเราเป็นผู้แพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงมือทำอะไรเลย
แล้วเราอยากผูกความเป็นผู้แพ้ไว้กับตัวตลอดไปอย่างนั้นหรือ
คงไม่มีใครอยากเป็นเช่นนั้น ว่าไหม
แต่ถ้าเราเริ่มต้นที่จะออกเดิน เริ่มต้นที่จะทำมัน
นั้นก็หมายความว่าเรามีโอกาสชนะ เราอาจจะสู้เขาได้
ถ้าเพียงวันนี้เราลองที่จะก้าวขาข้างหนึ่งออกเดินไป
ลองที่จะลงมือทำในสิ่งที่ตนตั้งใจ ก็คงจะไม่มีสิ่งใดเหลือบ่ากว่าแรงหรอก
ในอัตตภาพของมนุษย์นั้นได้เอื้ออำนวยประโยชน์ให้แก่การคิด
การสร้างสรรค์ รวมทั้งความสามารถที่จะลงมือทำสิ่งต่างๆ
ให้สำเร็จได้ แล้วเรายังจะต้องการอะไรอีก
เขามีมือ เราก็มีมือ เขามีสมอง เราก็มีสมอง
เราก็ไม่ได้มีอะไรด้อยไปกว่าเขาเลย
(ขอเสริม : เราจะไม่พูดกันถึงเรื่องเงินทอง รวมถึงเวลา เพราะถ้าเราพูดด้วยเรื่องนี้ เราก็จะเป็นผู้แพ้ตั้งแต่เริ่มคิดแล้ว มันเกี่ยวอะไรด้วยหรือในเรื่องเงินทองกับเวลา ทุกคนมีเวลาวันละ24ชั่วโมงเท่ากัน มันก็ไม่ต่างอะไร และอย่าบอกว่าไม่มีเวลา เพราะเราไม่รู้จักจัดการเวลา ไม่รู้จักค่าของเวลา มัวหลงระเริงกับการใช้ชีวิตเพื่อบำเรอตัณหาตนเอง จะโทษคนอื่นได้ไง แล้วในส่วนของเรื่องเงินทอง มันคือพระเจ้าหรือ มันเป็นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย โคตรเหง้าวงศ์ตระกูลหรือ ขอถามหน่อย มันเป็นทั้งหมดในชีวิตของเราหรือ เราเกิดมามันก็ติดมือออกมาจากท้องแม่เลยหรือ หรือว่ามันถูกส่งมาให้จากชาติที่แล้ว ถ้าแบบนี้ก็น่าคิดอยู่ อย่าเพียงได้อ้างว่าเพราะเขามีเงินมากกว่าเขาก็เลยทำอะไรได้มากกว่า ถ้าคิดแบบนั้น ก็ขอให้มีความสุขกับการเป็นผู้แพ้ไปทุกๆชาติเลยนะ หรือตัดมือ ตัดเท้า ควักสมองทิ้งเลยก็ได้ ถ้าเงินสำคัญมากนักสำหรับชีวิตนี้ ก็ต้องยอมรับว่าเงินสำคัญในการใช้ชีวิตอยู่พอสมควร แต่เราเลือกที่จะเป็นอะไรกับเงินล่ะ เป็นนายหรือเป็นทาส ใช่เราต้องเลือกเป็นนายสิ แล้วการกระทำล่ะ ดูเมือนเราจะเป็นทาสมันด้วยซ้ำ นั่นจะมีประโยชน์อะไร ก็คงจะไม่ต้องพูดกันอีก)
เมื่อเขาทำได้ เราก็ต้องทำได้สิ
เพียงแต่อาจจะยังได้ดีไม่เท่าเขา
แล้วจะเป็นไรไปล่ะ
ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเริ่มต้นลงมือทำ
ของมันพัฒนากันได้ สักวันเราอาจจะทำได้เท่าเขา หรือดีกว่าเขา
แต่นั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่า เราได้ลงมือทำแล้วต่างหาก
เราได้พิสูจน์ตัวเองในอัตตภาพของมนุษย์แล้ว
ที่เหลือก็อยู่ที่ความตั้งใจจริง และความพยายามให้ถึงที่สุดเท่านั้น
จะได้หรือไม่ได้ไว้ค่อยว่ากันอีกที
เก็บความผิดพลาดล้มเหลวไว้เป็นบทเรียน
เก็บชัยชนะและความภูมิใจไว้เป็นสิ่งเตือนสติ
ไม่มีใครกล้าติหรอกสำหรับคนที่ลงมือทำ
แต่สำหรับคนที่ไม่ลงมือทำนี่สิสมควรน่าติยิ่งนัก
เวลาให้โอกาสกับเราเสมอ
อยู่ที่เราพร้อมหรือยังที่จะรับโอกาสนั้น
ไม่มีโอกาสพิเศษสำหรับห้องแอร์
ไม่มีการตัดทอนโอกาสสำหรับกระท่อมมุงจาก
มันอยู่ที่ว่าใครจะเริ่มออกเดินและลงมือทำ
เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าเราไม่ใช่ผู้แพ้
และสมควรที่สุดที่จะได้รับเสียงปรบมือ