View First Unread Thread Tools Search this Thread ให้คะเเนนกระทู้

10-05-2009, 05:30 PM #1
Candle..
ทีมงานอกาลิโก





เป็นสมาชิกเมื่อ: Nov 2007
สถานที่อยู่: มุมเล็กๆแห่งหนึ่งในประเทศไทย..
โพส: 839
ขอบคุณ: 11,931
ได้คำขอบคุณ 3,485 ครั้งจาก 784 โพส
บทความ Blog: 12


"กูไม่มีทุกข์".... ธรรมะในใจของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์

--------------------------------------------------------------------------------



"กูไม่มีทุกข์"....

ธรรมะในใจ ของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์






โลกมนุษย์นี้กูเดินทางมาแวบเดียว เมื่อมาดูมันแล้วกูก็จะไป
มันไม่มีค่าอะไรเลยสักอย่าง....




กดที่เเถบนี้เพื่อดูรูปขนาดดั้งเดิม



จากภาพที่เคยคุ้นชินว่า ศิลปิน จะต้องเป็นคนที่แต่งตัวเซอร์ ๆ ไว้ผมยาว มีหนวดเครา พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง และเมา

แต่ศิลปินที่ชื่อ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ กลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูสะอาดตา ในชุดม่อฮ่อม
พูดจาด้วยเสียงอันดังดุจฟ้าถล่มดินทลาย และมีท่าทีประกอบอันน่าตื่นเต้นเร้าใจ (จนบางคนบอกว่าโอเวอร์แอคติ้ง)
แต่ก็ดูมีชีวิตชีวา เปิดเผย และจริงใจ






งานเขียนในแนวพุทธศิลป์ ของอาจารย์ ก็สวยงาม ละเอียดอ่อน นุ่มนวล และทันสมัย ยากที่จะหาใครเทียบได้
งานชิ้นเอกของอาจารย์ ที่น่าชื่นชมและน่าจะจัดได้ว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของโลก คือ วัดร่องขุ่น ที่จังหวัดเชียงราย
ซึ่งรังสรรค์ด้วยศิลปะอันงดงาม
เป็นงานที่อาจารย์ทุ่มเทด้วยหัวใจ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และเป็นศิลป์สมบัติแก่แผ่นดิน
จนอาจารย์ถึงกับกล่าวว่า ถึงจะตายไปตอนนี้ก็ไม่เสียดาย เพราะได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตแล้ว




เมื่อสร้างวัดร่องขุ่นไปได้สามปี อาจารย์ก็ต้องประสบกับปัญหาสุขภาพ คือ เป็นกระดูกทับเส้นประสาท จนชาไปข้างหนึ่ง
เจ็บ ปวดทั้งตัวจนทำงานไม่ได้ ปวดแขนร้าวลงมา คอก็ยกไม่ขึ้น นอนได้ท่าเดียว ตลอด และต้องใส่ปลอกคอ ซึ่งอาจารย์เชื่อว่าเป็นเรื่องของกรรม โดยบอกว่า


"เราเป็นคน เชื่อเรื่องกรรม เชื่อว่า เฮ้ย!เป็นเรื่องส่วนตัวของกู ถ้ามีกรรมทำให้ไม่สามารถสร้างวัดได้ จงเป็น แล้วตายไป หรือเป็นอัมพาตเดี้ยงไปเลย แต่ถ้าบุญกูยังมีอยู่ กูต้องชนะ กูต้องรอด......เสร็จแล้วกลับมาวัด เข้า สมาธิ อดทนต่อสู้กับความเจ็บปวดของตัวเองอยู่สามเดือน เอาชนะความเจ็บปวดทุกอย่างด้วยตัวเราเอง จนหายเป็นปลิดทิ้ง"

ตอนที่เจ็บปวดทรมาน อาจารย์ไปหาหมอ หมอบอกต้องผ่า แต่อาจารย์ไม่ผ่า โดยบอกว่าจะกลับบ้านมาคิดดูก่อน

"เชื่อว่ามันเป็นสภาวะของกรรมซึ่งเข้ามาทดสอบใจเรา รู้เลยว่านี่เป็นเรื่องระหว่างกูกับกรรมเก่า ไม่เกี่ยวกับหมอ ไม่เกี่ยวกับใคร"





แต่โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่อาจทำให้อาจารย์ ประหวั่นพรั่นพรึงว่าจะสร้างวัดไม่สำเร็จ
"สร้าง ได้ ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ ถ้าเราเชื่อในตัวเรา เชื่อว่าธรรมะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว เป็นหนทางที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ชีวิตเราจะมีความสุข โคตรความสุข

เราจะมองว่าสรรพสิ่ง สรรพสัตว์ในโลก ล้วนกระจอกงอกง่อย
ไร้สาระ ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร

โลกมนุษย์นี้กูเดินทางมาแวบเดียว เมื่อมาดูมันแล้วกูก็จะไป
มันไม่มีค่าอะไรเลยสักอย่าง

ป่วยก็ไม่อยากให้ใครมายุ่งเกี่ยว เป็นอัมพาตอัมพฤกษ์ กูก็ยินดี
กูจะนั่งรถเข็นด้วยใจที่เบิกบาน
บอกเมียเตรียมรถเข็นไว้เลย ไม่ต้องห่วง
ถ้าเดี้ยงก็จะบอกลูกศิษย์ลูกหาให้มาดูวัด แล้วกูก็สั่งการมึง
กูนั่งรถเข็น กูเดี้ยงข้างหนึ่ง
ถึงปากกูเบี้ยว หน้ากูยังยิ้ม กูก็ยังมีความสุข
แล้วกูก็ป่วยไปเรื่อยๆ แล้วกูก็ตาย จบที่สุดของวิบากกรรม
ไม่เห็นเป็นไรเลย วัดนี้สร้างได้อยู่ดี"


กดที่เเถบนี้เพื่อดูรูปขนาดดั้งเดิม



"ที่โรคภัยไข้เจ็บหายได้ เพราะนั่งสมาธิอย่างเดียว นั่งมากที่สุด
เป็นความว่างอย่างเดียว ดับสมอง ดับทุกอย่าง
แล้วก็จี้ไปตรงความเจ็บปวด จนไร้ความเจ็บปวด

ไม่ไปคิดว่า "ทำไมกูถึงมีกรรมขนาดนี้"
ทนรับกรรมด้วยความเบิกบาน ไม่หดหู่ใจ ไม่เสียใจ ไม่รู้สึกรำคาญ
ไม่อยากฆ่าตัวตาย"

อาจารย์ไม่ได้มองว่าตัวเองเหนือผู้อื่น และมองค่าของจิตใจมากกว่าวัตถุ

"วัตถุเดี๋ยวมันก็ผุพังไปตามกาลเวลา มันไม่คงทน ไม่ได้งดงามอย่างนี้ไปตลอด
สุดท้ายมันก็เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นของไม่เที่ยง แต่สิ่งสำคัญ คือ ใจเรา...ไม่เคยเย่อหยิ่งทะนงว่าพิเศษเหนือกว่าคนอื่น"



สิ่งเดียวที่พิเศษเหนือกว่าคนอื่น คือ "กูไม่มีทุกข์"










ขอขอบคุณ : ข้อมูลจาก นิตยสาร Secret

หนังสือ "ไม่ธรรมดา" โดย เพชรยุพา บูรณ์สิริจรุงรัฐ , SINGINGINTHERAIN ฺฺBLOG

ภาพประกอบทุกภาพจาก : เว็บไซต์ในอินเตอร์เน็ท มา ณ. ที่นี้ด้วยค่ะ ..














__________________


จิตอ่อนน้อมเป็นกุศล จิตถ่อมตนเป็นบารมี ..
รักษาสุขภาพนะคะ คุณพระคุ้มครอง ความดีรักษาค่ะ .. ('',•)