มหาเวสสันดรชาดกฉบับวิงวอนหลวง(ล้านนา)

กระทู้: มหาเวสสันดรชาดกฉบับวิงวอนหลวง(ล้านนา)

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. ปีศาจ said:

    Re: มหาเวสสันดรชาดกฉบับวิงวอนหลวง(ล้านนา)

    มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ที่ ๑๒
    สัคคติ
    ฉบับวิงวอนหลวง(ล้านนา)
    สัคคติ ๓๖ คาถา
    ... ....ว่าควรกูอินทาหดหล่อ หื้อฝนตกต่อเสนา กับทังพระยาหน่อไธ้ หื้อทั่วด้าวอาสรม เนรมิตฝนตกลงสะสอด หื้อเป็นโบกขรวัสทอดทาลงมาทั่วด้าว กลางชุ่มนุมท้าวขัตติยราชหกพระองค์ ในเมื่อฝนตกลงถูกต้อง ทั่วแห่งห้องอาสรม ฅนฝูงใดบ่มักใคร่ชุ่มน้ำฝน ก็ปลิวแต่บนหนีพราก กลับจากเว้นหนีไกลไปพลันบ่ต้อง บ่ถูกต้องสักฅน ฝนตกลงไปพลันดูหลาก เป็นดั่งน้ำกลับจากใบบัว ลวดได้ชื่อว่าโปกขรพัสว่าอั้น.. ...

    นโม ตสฺสตฺถุ ฯ ชาลีกุมาโร มุจฺจลินฺทสรตีเร ขนฺธวรํ นิวาสาเปตฺวา จุทฺทสรถหสฺสานิ อาคตมคฺคาภิมุขา เนว ฐเปตฺวา ตสฺมึ ปเทเสสิ หพฺยคฺฆทีปิ ขคฺคาทีสุ อารกฺขํ สุสํวิทหิฯ
    ล่ำดับเทสนามา ส่วนว่าเจ้าชาลีสรีหนุ่มเหน้า อันเป็นนายหมู่เจ้านำพล ก็เข้าไปสู่ไพรสณฑ์ป่ากว้าง จิ่งหื้อตั้งทับที่ข้างมุจจลินทสระ สัพพัตถเครื่องพร้อม นะนุ่มน้อมดูงาม ยามเมื่อรถยังผ้งอว่ายหน้า ลูกเจ้าฟ้าแต่งมาควร รถทังมวลมีมี่หมื่นสี่พันเหล้ม ก็หื้อบ่ายหน้าสะเพราะเซิ่งมัคคา หื้อฅนรักษาอยู่บ่ขาด เพื่อบ่หื้อเนื้อร้ายราชสีห์สิงห์ ทังหมู่กระทิงและแรดช้าง เสือโคร่งอ้างกินฅน บ่หื้อกระทำร้ายแก่ริพลมวลหมู่ หื้อฅนได้อยู่สบาย อันว่าเสียงริพลหลายเกิดก้อง นันทั่วท้องหิมพานต์ ดุจดั่งแผ่นดินดานจักแอ่น เป็นต้นว่าช้างร้องแส่นสะเฅียน ตัวแรงเวียนสอนยาก ม้ามณีกากอานฅำ สองมือกำหิแห่น ช้างแกว่นแก้วสงความ พลหลามไหลตามชุจอด ลางพร่องก็กอดกำแฅม กุบละแอแอมห้อยบ่า ร้องสวะสว่าชุฅน ช้างม้าสนกันไปฅะฅืด เสียงรถดังอะอืดทั่วดงรี ฝุ่นผงธุลีมืดกุ้ม อากาศคุ้มพายบน ช่อทุงสนหลายส่ำ มีพร้อมพร่ำหลายส่ำ มีพร้อมพร่ำหลายสี ก็มีและฯ
    เมื่อนั้น พระมหาสัตว์เจ้า ได้ยินเสียงคลื่นเคล้าแห่งริพล เสียงหมู่ฅนโห่ร้อง ดังสนั่นก้องดงไพร เจ้าก็ตกใจเหลือหลาก รอยว่าข้าเสิกมากเหลือหลาย ได้ข้าตายเสียแล้ว ยังตนแก้วสรีสญไชย แล้วพร้อมกันมาทังหมู่ เข้ามาสู่ศาลา เพื่อจักข้าสองราพี่น้อง อันอยู่แห่งห้องดงรี ยามนั้นพระระสีเวสสันตระราช จิ่งชวนอัคคราชนงเลา ขึ้นไปสู่จอมเขาสูงใหญ่ สองเจ้าค่อยไต่บนดอย แล้วชวนนางมัททีเล็งคอยผกผ่อ ยังริพลพระเจ้าพ่อแห่งตน ก็มีแล ฯ
    ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห เทสํ สุตฺวาน นิคฺโคสํ ภีโต ดั่งนี้ ภิกฺขเว ดูราภิกขุทังหลาย อันว่าพระยาเวสสันตระราชา ได้ยินเสียงโยธาตึบแถบ ร้องไห้แหบกังวล มีตัวตนอันสั่น ร้องไห้ปั่นกลัวตาย เพราะตัวเดียวดายไร้หมู่ ไห้สะสู่เจียรจา ว่าดูรามัททีน้องเหน้า อันว่าเสียงฅะเฅ้าโกลา ริพลโยธาหนาหนืด ปูนดีงืดเพิงกลัว ฝุ่นผงมัวมืดฝ้า หันฅนและช้างม้าหลั่งกันมา บ่อาจคณานับได้ ดั่งป่าไม้เถื่อนจักพัง ช่อทุงยังยายยื่นซ้อง เต็มทั่วท้องหิมพานต์ ฯ
    ดูรานางนงคราญเจ้าพี่ เราทังสองนี้เหมือนดั่งเนื้อในดง อันพรานป่าจงใจจอด หื้อเมี้ยนมอดมรณา ล้อมกันมาทุกช่อง หื้อตกปล่องรูขุม แล้วก็รุมกันแทงด้วยหอกเถี่ยนกล้า ฟันด้วยพร้าอันฅม หื้อชีวิตจมม้วยมอด บ่หื้อรอดทางตาย ชาวเมืองทังหลายปองกระทำโทษ เขากริ้วโกรธว่าเราบ่ดี ขับสองราหนีมาอยู่ป่า กูพี่นี้นาหาก่ำลังบ่ได้ ตระหมอดไร้หมู่โยธา บัดนี้สองราพี่น้อง จักถูกต้องอนธะราย ขาดใจตายในป่า บ่หล้างว่าจักฅืนไปเมือง ฯ

    ส่วนนางบุญเรืองมัทที ได้ยินพระระสีกล่าว นางก็เล็งถี่จั้นหมู่เสนา ริพลโยธาหลายบ่หน้อย ยายเป็นถ้อยดูงาม นางก็รู้ฅวามว่าเสนาตนแต่ก่อน จักมาโลมพระหม่อนเจ้าจอมหัว บ่หื้อตกใจกลัวสะดุ้ง จิตแตกฟุ้งเวทนา จิ่งกล่าวว่าข้าแด่พระจอมเหง้า เจ้าอย่าได้สลั้งในปารมี ตนเจ้าก็จักได้ตรัสประญาสัพพัญญูบ่พราก นำสัตว์จากโอฆะสงสาร เข้าสู่นิพพานเวียงแก้ว ข้าเสิกใดมาพาลปองร้าย ก็จักพ่ายปารมี ดั่งอัคคีไฟอันหน้อยนึ่ง จักมาเผาเซิ่งน้ำมหาสมุทร บ่หลอนจักหลุดแห้งได้ ไฟอันนั้นไส้ก็จักดับไป เจ้าหน่อไท้มีคุณเนรนาถ ดุจดั่งเขาสิเนนุราชปัพพตา อันนึ่งรอยว่าพระปิตาธิราช จักยุรยาตรโยธา เข้าสู่อรัญญาป่าไม้ มาอัญเชิญพระเหง้าไธ้เมือเมือง และคาฯ ยามเมื่อมหาระสีได้ยินนางมัททีกล่าวแก้ เจ้าก็ว่าแท้บ่ผิดผวน จิ่งชวนนางงามล้วนถ้วนถี่ เข้าสู่ที่ปัณณศาลาก็มีแลฯ
    ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห นิวตฺติยิตฺวาน รถํ วุฏฺฐา เปตฺวา ภิกฺขเว ดูราภิกขุทังหลาย ตนทรงศีลใสเก้าพันโกฎิ์ ผู้รุ่งโรจน์ด้วยสมาธิญาณ พระยาสญไชยผ่านแผ้ว จิ่งจากับด้วยนางแก้วผุสสดี ว่าเราทังสองจักเข้าสู่พระระสีลูกไธ้ ก็จักร้องไห้ขาดใจตาย กูพี่จักผันผายเข้าไปก่อน หื้อเจ้าผ่อนทวยไป ส่วนหลานนงไวยทังคู่ ค่อยเข้าไปสู่พายหลัง กระทำสังปิรักษาแด่ เจ้าก็ลงจากฅอช้างแก้วเร็วพลัน รีบผันผายเข้าสู่ ยังที่อยู่เวสสันตระระสี เพื่ออภิเษกสองสรีลูกเต้า หื้อปราบด้าวสีพี หื้อยสเรืองมีดั่งเก่า เป็นท้าวเล่าพอสองฯ
    มหาสตฺโต พระมหาสัตว์เจ้า กับนางเหน้าราชะมัทที ร่ำเพิงดีคึดรอด ว่าพ่อพระเจ้ายอดสญไชย จักคลาไคลมาสู่ ในแก้วกู่ศาลา ลวดหายภัยยาอันกลัวบ่ได้ สองแก่นไธ้อยู่ศาลา หันพระปิตาธิราช ยุรยาตรเทียวมา ก็แล่นไปต้อนปิตาแก่นไธ้ ยกมือไหว้แทบปาทา นางมัททีก็วันทาตีนตนพ่อ ก้มเกล้าต่อปาทา แล้วเจียรจาเสียงหวาน ว่าข้าแด่พระภูบาลเจ้าข้อย ข้าน้อยชื่อมัทที ทรงเกษีหมวดเกล้า ขอไหว้ตีนพ่อเจ้าชอบตามคลอง
    ในเมื่อทังสองไหว้กราบ พระบาทเจ้าสญไชย ยินดีใจรักลูก ท้าวก็ลูบหลังปุตตา มีน้ำตานองหลั่งไหลต่อ ลูกรักพ่อสิเนหา ในเมื่อโสการ่ำงับแล้ว ตนพ่อแก้วพระยา จักปราไสรกับลูกท้าว จิ่งต้านกล่าวคาถาว่า
    กจฺจิ นุ กุสลํ ปุตต อนามยํ ดูราเจ้าทังสองพี่น้อง ยังอยู่บ่ต้องโสกอันใด บ่มีภัยอาพาธ บ่มีพยาธิ์หวัดไอ สองจอมใจลูกรักพ่อ ยังค่อยเลี้ยงชีวิตต่อสบาย หัวมันหลายเหลือแหล่ ยังค่อยได้นักแก่พอสัน ในอรัญมีหมู่ริ้น ยุงปีกปลิ้นเป็นช่อ บ่มาหล้มล่อขบตน งูสิงสนในป่า บ่มาผกผ่ามัคคา ในดงหนาป่าใหญ่ เสือโคร่งใช่สามานย์ บ่พบพานลูกแล้ว กลับหลีกแล้วหนีไกล อั้นชาฯ

    ยามนั้นพระมหาสัตว์เจ้า จักเล่าคำมา จิ่งกล่าวคาถาว่า อตฺถิโน ชีวิกา เทว สา ยาทิสิ จ กีทิสา ดั่งนี้ ข้าแด่พ่อพระยาเป็นเจ้า อันว่าสองลูกเต้าอยู่ดงไพร ไกลเมืองเราแฅวนมาก เผือข้าหากดอมดาย เหตุขงขวายหาลูกไม้ หาได้จิ่งเอามากิน ขุดหัวมันดินและหัวชวาก ขุดได้หากนำมา เลี้ยงตนราพายหน้า ชีวิตเผือข้าจิ่งหันมา มีอาการหลายหลาก กระทำได้ยากหนักหนา เผือข้าเป็นตาปสาระสีทุกข์ยาก เหตุได้พลัดพรากสมบัติ ไร้ถนัดใจโสกต้อง ก็มาสอนใจเผือพี่น้อง หื้อรู้เยื่องถ้องคลองดี คือดั่งสารถีถ้วนหน้า มาสอนหื้อม้าอยู่ในคำ และพ่อเฮยฯ
    ข้าแต่พ่อพระยาตนยสมาก แต่เมื่อเผือข้าพรากสีพี ไพร่ขับหนีมาอยู่ เท่ามีคู่พอสองฅน ตนข้าผอมเหลืองหลายหลาก เพราะได้พรากหน้าพระปิตา และนางพระยาตนแม่ ทุกข์นักแก่นานหัน เผือข้าสันลูกไม้ ทุกข์โสกไหม้หัวใจ เหตุบ่หันนางสรีไวยออกเจ้า ทุกฅ่ำเช้าตระหมอดใจและพ่อเฮยฯ
    เยปิ เต สิวิ เสฏฺฐสฺส ข้าแด่พ่อพระยาเป็นเจ้า ข้าลูกเต้าพ่อพระยา มีคำปรารถนาใคร่ได้ ยังไม้ไต้แก่โลกา คือประญาอันรู้ยิ่ง รู้ชุสิ่งเญยธัมม์ ข้าก็ได้กระทำเจ้าชาลีและนางกัณหา หื้อเป็นปารมีบ่แผก แลกเอาประญาสัพพัญญู ลูกข้าเป็นสายสืบเชื้อ เป็นที่เอื้อใจเทิง ไป่ได้เถิงมุทธาภิเษก อดิเรกราชา พราหมณ์บาปหนานำกว่า ตีแล้วด่าจำไป ตีหลังไสจำแล่น ดั่งชายน้อยแกว่นตีงัว พราหมณ์หลังโคโลภล้น ใจบาปพ้นประหมาณ มันนำหลานท้าวกว่า พ้นป่าไม้ดงรี ยังบ่รู้ว่าชาลีกัณหาลูกรักข้า ไปรอดแจ่งฟ้าเมืองใดนั้นชา หลอนพ่อพระยาเป็นเจ้า ยังรู้ลูกเต้าไปรอดเมืองใด สองสายใจทังคู่ ผิว่าพ่อยังรู้ข่าวสองสรี จุ่งนำเอาข่าวสารดีมาเล่า หื้อลูกเต้ารู้สับพลัน เผือข้าคองหันบ่หน้อย พระยอดสร้อยสองสรี โสกทุกข์มีใช่ช้า ฅนิงหาลูกก่ำพร้ายินผลาญฯ

    เมื่อนั้นท้าวองค์ฅานสญไชย จักไขข่าวสารนิทานหื้อแจ้ง จิ่งแสร้งสวาดคาถาว่า อุโภ กุมารา นิคคิตา ดั่งนี้เป็นต้น ดูราลูกรักแก่พ่อ อันว่าลูกน้อยหน่อสองเขือ พราหมณ์นำเมือรอดแล้ว หลานแก้วปู่เถิงเมือง พ่อบ่หื้อเฅืองใจเจ้า ลวดไถ่เอาลูกเต้าออกเป็นไท ของอันใดบ่หน้อย และอันและร้อยไถ่กุมารตาม ดั่งอาการแห่งเจ้าสั่งไว้ บัดนี้พ่อก็ได้หลานทังสอง ยังมาชอมหลังลูกกู อันจักเข้าล่อศาลานี้และฯ
    มหาสตฺโต พระมหาสัตว์เจ้า ได้รู้ข่าวสาร นิทานลูกตนพ้นจากข้า อว่ายหน้าออกเป็นไท เจ้ามีใจชมชื่นแล้ว ตนแก้วจิ่งกล่าวคำจา ว่าข้าแด่พ่อพระยาเป็นเจ้า ยสทั่วท้าวสีพี พ่อแม่ยังค่อยอยู่ดีบ่ไข้ ยังบ่ได้ต้องโสกการใด ยังสุขใจพร้อมพร่ำ บ่ล้ำบากการใด อันนึ่งนางสรีนงไวยตนแม่ บ่เถ้าแก่ปานใด สองตาใสแผผอด ยังค่อยเหลื้อมปลอดทังมวล อั้นชาฯ

    ท้าวปรมสญไชยตนพ่อ ตั้งหน้าต่อไขขาน ว่าดูราเจ้าลูกรักแก่พ่อ พ่อก็ยังค่อยอยู่ สุขสวัสสดีทุกฅ่ำเช้า บ่ล้ำบากด้วยโรคา พระมารดาตนแม่เจ้า บ่ถ่อยเถ้าเสียวัย ตายังใสไวยิ่ง งามสมสิ่งเสมอดีและลูกเฮยฯ
    พระมหาสัตว์เจ้าฅนิงแล้วเล่าหันควร จักใคร่ถามหายานทังมวลกับพ่อ ท้าวจิ่งถ้อยต่อคาถาว่า ข้าแด่พ่อพระยาเป็นเจ้า รถงามเลามีหลายคู่ ยังตั้งอยู่เป็นดี ช้างสารงารีตัวใหญ่ ม้าตัวใส่อานฅำ ยังจำนำดีรือเล่า เป็นดั่งเก่าอั้นชา ฝูงโยธาถี่ถ้วน ยังค่อยตั้งม่วนอยู่เป็นสันดี ฝนมีหลายแต่ฟ้า ไพร่ฟ้าอยู่กระทำนาและรือฯ
    พระยาสญไชยเป็นเจ้า ก็กล่าวต้านสับพลัน ว่าดูราเจ้าจอมธรรม์ลูกรักแก่พ่อ เป็นท้าวหน่อสีพี รถเรายังมีหลายส่ำ บ่หลุฅ่ำสักอัน ช้างพลายสารตัวใหญ่ ม้าตัวใส่อานฅำ ยังค่อยจำนำดีถ้วนถี่ หื้อพ่อขี่เที่ยวไป หมู่ไพร่ไทยสุขมาก เข้าของหากเจือจาน ฝนตกดีบ่ช้า ไพร่ฟ้าอยู่ยินดี มากนักแล ฯ

    ในเมื่อท้าวทังสามพ่อลูก ยังผ้งผูกจาไขไป่ทันแล้ว ส่วนนางแก้วราชะผุสสดี จิ่งมีใจคึดจอด เถิงท้าวยอดทังสาม ว่าจักบันเทาฅวามโสกเส้า หื้อน้อยถ่อยเบาบาง บัดนี้ควรกูนางเข้าไปสู่ ยังลูกแก้วกู่แห่งตน นางแขวดรู้สันนี้แล้ว นางแก้วราชะผุสสดี มียสดีบริวารมวลหมู่ ก็เข้าไปสู่ลูกแห่งตน ยอประนมมือใส่เกล้า อิ่นดูสองเจ้าเป็นทุกข์ หนีเสียสุขมาล้ำบาก ไพร่ฟ้าหากขับหนี หื้อลูกพรากสีพีแหล่งหล้า หื้อลูกพลัดไพร่ฟ้าและเสนา หื้อลูกกูมากลางดงพรากแม่ หื้อลูกกูมาแผ่อยู่สันนี้ หื้อลูกกูมาเป็นระสีทุกข์ยาก หื้อได้พรากจากกูนาง คันลูกกูบ่หล้างหนีม่อ ไพรฟ้าก็บ่เพิงใจ นางมีน้ำตาไหลอาบหน้า หันลูกก่ำพร้าตระหมอดตายฯ
    ยามนั้นพระระสีทังสองพี่น้อง อันอยู่แห่งห้องศาลา คันหันพระมารดาออกเจ้า อันคติรักลูกเต้าเทียวมา ส่วนพระยาเวสสันตระราช ก็รีบยัวรยาตเทียวมา นางมัททีพิมพาตนองค์แอ่น ก็ลุดแล่นตามผัว เอามือทูนหัวใส่เกล้า ชวนกันก้มเกล้ากราบตีนออกเจ้านางผุสสดี นางมัททีงามแง่ หันเจ้าแม่เหนือหัว อันเป็นแม่ผัวมาสู่ อยู่บ่ได้ลุกไป นางสรีนงไวยงามแง่ ไหว้ตีนแม่ผัวตน ว่าข้าเป็นฅนสะไพ้แม่เจ้า ข้าขอกราบก้มเกล้าปลายตีน คันนางมัททีไหว้แล้ว ส่วนลูกแก้วชาลีและกัณหา อันเทียวมาตามหลังแม่ฅะฅ้อย มีเด็กอ่อนน้อยเป็นปริวาร ก็เข้ามาสู่อารามตนแม่ ด้วยสวัสสดีแต่ไกลตา นางมัททียังอยู่ ในแก้วกู่ศาลา นางไกวตาเล็งแล้ว ยังหนทางอันลูกแก้วจักมา ก็หันสองปุตตาอ่อนอ้อย มีหมู่เด็กน้อยเป็นปริวาร นางบ่อาจจักตั้งตนอยู่ได้ ก็ร้องไห้แล่นเข้าไปหา เหมือนดั่งแม่งัวนมลูกอ่อน อันวิ่งไปต้อนลูกแห่งตน ส่วนกุมารสองฅนงามแง่ หันแม่มาแต่ที่ไกล ก็แล่นเข้าไปหาตนแม่ ร้องไห้แผ่ปูนปรานี นางมัททีมีน้ำตาไหลหลั่ง ไห้สะอื้นคัดคั่งตกใจมาก พรากลูกน้อยหากฅืนสม นางปรารมภ์เถิงแล้วเล่า หันลูกแก้วเก่าจอมขวัญ นางก็รีบพลันไปรับลูกเต้า แล้วก็นำเข้าสู่อาสรม นางอารมณ์รักลูก ร้อนร้ายถูกเถิงใจ ตนนางไหวยะยั่น ดั่งแม่มดอันผีเข้าปั่นหัวใจ มีน้ำนมไหลออกมานอกตนนาง ไหลแผวคางรอดท้อง เยียะร้องไห้ก็เยียะไหลหลั่งแลนาฯ
    นางแก้วแม่มัทที นางมีเสียงแหบไห้ ตนแก่นไธ้นักหนา คุ้มตาดำมืดเส้า สยุบท่าวทังชัน ทอดตนพลันลวงแหน้น เหนือพื้นแผ่นธรณี ส่วนเจ้าชาลีและนางกัณหางามแง่ หันนางแก้วแม่สยุบตาย ท่าวนอนหงายถะแบ่น สองเจ้าแล่นมาพลัน ท่าวกองกันเหนือแม่ เจ้าน้องแผ่ตนตาย เมื่อสองโสมสายกลิ้งเหนืออกแม่ น้ำนมแผ่นองไหล เข้าไปในปากลูกแก้ว ชุ่มรอดแล้วหัวใจ ผิว่าน้ำนมบ่ไหลหลาก เข้าสู่ปากสองนงไวย แดนว่าหัวใจหมองแห้งแล้ว สองหน่อแก้วแดนตาย เหตุน้ำลายไข่แห้ง หิวหอดแล้งตายไป ในเมื่อลูกรักสยุบท่าวแล้ว ท้าวเวสสันดร มีใจอาวรณ์โสกไหม้ บ่อาจจักตั้งตนไว้ได้ ท้าวก็แล่นเข้าไปใกล้ท่าวสยุบตายวันนั้นแลฯ
    มาตาปิตโร อันว่าพระยาพ่อแม่เลิศแล้ว หันสองลูกแก้วและหลาน หัวใจบานผ่องแผ้ว สยุบแล้วท่าวกองกัน สองจอมธรรม์บ่อาจจักตั้งตนอยู่ได้ ก็ร้องไห้สยุบตาย ฯ
    ตโต ในกาละยามนั้น เสนาหลายหกหมื่นฅน หันเจ้าตนสยุบท่าวแล้ว อามาตย์แก้วก็สยุบท่าวไปพลัน ฅนทังหลายอันเข้าไปสู่ ที่แก้วกู่อาสรมบท บ่อาจจักอดตนอยู่ ก็ร้องไห้สยุบท่าวไปทังมวล ควรกรุณามีมาก อาสรมบทหากเย็นวัง ดั่งป่าไม้รังสูงองอาจ อันลมยุคันธราชมาพัดหื้อท่าวไป ก็มีและนาฯ

    ตสฺสมึ ขเณ ในขณะยามนั้น โกลาหลหลายหลาก ก็เกิดมีมากนักหนา ทั่วปัพพตาและแม่น้ำ ทังเถื่อนถ้ำและคีรี มหาปัฐพีไหวหวั่นก้อง สนั่นร้องปูนกลัว เขาสิเนโรก็อ่อนน้อม ไหวหวั่นค้อมไปมา น้ำสมุทรคงคาก็ข้ำเขือก ยะย้าวเยือกตีฟอง สองสวรรค์แดนชั้นฟ้า ทุกถ้วนหน้ารอดมหาพรหม ก็เป็นโกลาหลใหญ่หม้า สะเพราะหน้าเซิ่งท้าวพระยา และเสนาหกหมื่น ท่าวบ่ชื่นสักฅนก็มีแล ฯ
    สกฺโก ส่วนว่าพระยาอินทร์ทิพย์เทศ ท้าวไธ้เวทนา ว่าควรกูอินทาหดหล่อ หื้อฝนตกต่อเสนา กับทังพระยาหน่อไธ้ หื้อทั่วด้าวอาสรม เนรมิตฝนตกลงสะสอด หื้อเป็นโบกขรวัสทอดทาลงมาทั่วด้าว กลางชุ่มนุมท้าวขัตติยราชหกพระองค์ ในเมื่อฝนตกลงถูกต้อง ทั่วแห่งห้องอาสรม ฅนฝูงใดบ่มักใคร่ชุ่มน้ำฝน ก็ปลิวแต่บนหนีพราก กลับจากเว้นหนีไกลไปพลันบ่ต้อง บ่ถูกต้องสักฅน ฝนตกลงไปพลันดูหลาก เป็นดั่งน้ำกลับจากใบบัว ลวดได้ชื่อว่าโปกขรพัสว่าอั้น ฯ
    ฝนนั้นตกลงมาชุ่มท้าวขัตติยา กับหมู่เสนาหกหมื่น เขานั้นชื่นแล้วลวดอัศจรรย์ เหตุบ่เคยหันปางก่อน ใจอ่อนด้วยสมพาร ในพระภูบาลตนวิเศษ ในห้องเขตอาราม วันนั้นแล ฯ

    ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห สมาคตานํ ญาตีนํ มหาโฆโส อชายถ ดั่งนี้เป็นต้น ภิกฺขเว ดูราภิกขุทังหลาย ตนทรงศีลใสสะอาด ในเมื่อพระยาเวสสันตระราชราชา ก็ชุ่มนุมยังญาติกาพี่น้อง ในแห่งห้องอาสรมบท ฝนหลวงตกไหลหลั่ง ถั่งทั่วท้องธรณี ในคิรีไหลชุก้ำ แม่น้ำใหญ่ตีฟอง แผ่นดินร้องไหวหวั่น ผับทั่วแคว้นก้องจักรวาล ฝนตกนันมี่ก้อง ฟ้าร่วนร้องเสียงกม ปางเมื่อพระอุดมสมสู่ ชุ่มนุมหมู่เสนา กับทังญาติกาพี่น้อง ในแห่งห้องหิมพานต์ เมื่อนั้นและนาฯ
    ในกาละนั้น ท้าวขัตติยราชหกตน คือพระยาสญไชยตนพ่อ มาต้านต่อผุสสดี เวสสันตรระสีอะคร้าว นางหน่อท้าวแม่มัทที ทังชาลีสรีงามแง่ นางแก้วแก่กัณหา มาชุ่มนุ่มในศาลาแก้วกู่ อันมีอยู่ยามใด พระยาสญไชยะราช พระบาทท้าวบุญเรือง และนางเมืองตนแม่ อามาตย์แก่เสนา กับทังโยธาพร้อมคู่ อันเข้ามาสู่อาสรม ก็ประนมมือใส่เกล้า ไหว้กื่นเค้าชุฅน ๆ ก็อาราธนาตนพระเจ้า ขอเชิญลูกเต้าเมือเมือง เสียงนันเนืองไหว้กราบ ก้มหน้าราบอาราธนา
    ว่าข้าแด่พระปุตตาตนวิเศษ เจ้าจุ่งละเพศระสี เจ้าอย่าอดเป็นชีล้ำบาก อย่าอดอยากกินลูกไม้ในดง อย่าทรงหนังเสือลายเหม็นสาบ เจ้าอย่าหึกหยาบภาวนา จุ่งไปเป็นพระยาเสวยราช เป็นเจ้าช้างเผือกอาจลือซา จุ่งเป็นพระยาตนใหญ่ หื้อไพร่ฟ้าชมบาน เป็นเจ้าช้างสารงามเลิศแล้ว เป็นเจ้าม้าแก้วใส่อานฅำ ทังเกวียนกำม้าลาก อัศดรหากเทียมไป เป็นเจ้าแก่ไพร่ไทยไพร่ฟ้า ขออาราธนานางมัททีเมือแด่ ควรแก่เจ้ามัทที จุ่งละขอคันรีวางไว้ กับทังกระเช้าลูกไม้ใส่ผลา ละไว้ทังเสียมคันเลาจอดบ้อง ขออาราธนาเจ้าพี่น้องดาเมือแด่เทอะ ว่าอั้นก็มีวันนั้นและเดฯ

    สคฺคติตฺติยปพฺพํ นิฏฺฐิตํ กรียาอันสังวัณณนาห้องเหตุสัคคติ อันประดับประดาด้วยคาถาว่าได้ ๓๖ คาถา ก็บังฅมสมเร็จ เสด็จฯ
    เพราะเจ้ามาจากดิน
    แม้ว่าเจ้าจะโบยบินไปไกลแสนไกล
    แต่สุดท้าย...เจ้าก็ต้องกลับคืนสู่ดิน...
    ...ดิน...ที่เจ้าจากมา...
    http://learnkaweethai.blogspot.com
     
  2. ปีศาจ said:

    Re: มหาเวสสันดรชาดกฉบับวิงวอนหลวง(ล้านนา)

    มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ที่ ๑๓
    นครกัณฑ์
    ฉบับวิงวอนหลวง(ล้านนา)
    นครกัณฑ์ ๔๘ คาถา
    ... ท่านจุ่งลีลาไปก่อน เราจักผ่อนไปตาม ฅนตีนชามไหลหลั่ง หมู่ม้าถั่งแถวไป หมู่รถแก้วแกว่งกวัดไกว ไปตามช้างลามแหนแห่ ขุนนางแวดแว่ท่ำกลาง เจ้าชาลีนำทางไปก่อน นางกัณหาแก้วหย่อนไปชอม พระเวสสันดรจอมนาถ ถัดนั้นหมู่นางแก้วราชกัณหา หมู่นางมัททีงามใช่ช้า ไปถัดเจ้าฟ้าเวสสันดร หมู่พระภูธรไอยกาตนปู่ ไปถัดหมู่นางแก้วราชมัทที หมู่นางผุสสดีตนแม่ ไปชอมแก่ท่านทังหลาย หมู่เด็กชายไปตามหลังหมู่ ไปสะสู่สะแสน เต็มขอกแดนชิงกันย่าง เมื่อนั้นและฯ ...

    นโม ตสฺสตฺถุ ฯ ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ปิตรา สทฺธึ สลฺลปนฺโต อิมํ คาถามห ฯ สาธโว
    ฟังราสัปปุริสสะทังหลาย จุ่งจักฟังนิยายอันวิเศษ อันจาห้องเหตุนครกัณฑ์ ส่วนพระนักธัมม์ตนสักสวาด เวสสันตระราชบัวบาน ได้ยินข่าวสารสุภวาท อันปชานะราษฎร์ถวายเมือง เพื่อหื้อตนบุญเรืองเลิศแล้ว เมือนั่งแท่นแก้วอัคคสถาน ตามโบราณขัตติยชาติ หื้อเป็นท้าวราชพอสอง ท้างปองเจียรจากับท้าวตนพ่อ กล่าวถ้อยต่อพายหลังว่า ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺตํ รฏฺฐา ปพฺพยิตฺถ มํ ตวญฺจ ชานปทาเยว เนคมา สมาคตา ดั่งนี้
    ข้าแต่พระปิตาธิราช ขอเชิญปรมนาถดาฟัง ปางเมื่อข้ายังเสวยราช ตามขัตติยชาติคลองธัมม์ ตามโปรณากัมม์อันชอบ บ่ลักเลี้ยวลอบแท้ดีหลี เยียวว่าโทษข้านี้มีข้ำเขือก เพราะหื้อช้างเผือกเป็นทาน บ่ใช่การอันไพร่ดีปาก ช้างแก้วหากของเรา เกิดเทียมเงาร่วมข้า ปานหยาดฟ้าลงมา บ่ใช่ช้างพระยาแต่เก่า ช้างแก้วเก่ากับเมือง หากเป็นของเบื้องฅิ่นข้อย เมื่อยังน้อยหน้อยเกิดกับมือ ดั่งรือเขาพ้อยเคียด จาส้มเสียดบ่นิยม ชาวนิคมเมืองนอก บ้านน้อยขอกพันนา ทังขุนเสนาอามาตย์ ปชานราษฎร์เรียงราย แล่นหาขุนนายทุกหมู่ มาสะสู่สะสน มาระรนระราก ขับข้าน้อยพรากเมืองมา อยู่ศาลาเถื่อนถ้อง เผือข้าพี่น้องหากเอากันมา จาศีลภาวนาเสพสร้าง ในประเทศท้างดงหนา ดังรือพ้อยมาอาราธนาข้าเมือเล่า หื้อเป็นท้าวเก่าเสวยเมือง ข้ายินเฅืองใช่ช้า ยินเผิดหน้าแก่ฝูงฅน ขอพระปิตาเอาริพลฅืนเมือสู่ ที่ท้าวอยู่เสวยรมณ์ก่อนทะราฯ
    ตโต ในกาละเมื่อนั้นท้าวสญไชยนรินทร์ ได้ยินคำลูกกล่าวร้อนผ่าวหนักอก ท้าวทรงยศชุด้าว จักหื้อท้าวโอรสา หื้อขมาเสียยังโทษ อันได้โกรธกระทำผิด ในพระบัวพิตรา(อ่านบัวพิตถรา)ตนลูก จิ่งต้านถ้อยถูกคาถาว่า ทุกฺตญฺจ หิ ปุตฺต ภูนฺหจฺจํ ดั่งนี้เป็นเค้า
    ดูราลูกรักแก่พ่อเฮย พ่อนี้คลาคลาดจากปัญญา เหตุว่าได้ฟังคำจาสนส่อ เป็นคำม่อแห่งชาวเมือง ได้ขับพระบุญเรืองเจียรจาก หื้อพลัดพรากเมืองมา พระปุตตาบ่มีโทษ พ่อนี้โสดกระทำผิด เป็นทุจริตอันใหญ่ สิ่งนี้ใช่จักดี หื้อเสียสรีตนลูก เป็นที่ดูถูกแก่ฅนทังหลาย พ่อนี้หลงดายเสียเปล่า เยียะแก่เถ้าก็เยียะเสียสติและลูกเฮยฯ
    ดูราเจ้าลูกรักแก่พ่อ อันว่าลูกน้อยหน่อญิงชาย เกิดเป็นสายสืบเชื้อ เป็นที่เอื้อแก่วงศ์วาน ย่อมบันดาลยังทุกข์โทษ อันร้ายโสดกังวล อันเกิดเถิงตนแก่พ่อแม่พี่น้องแก่ลุงตา ทังน้าอาวอาป้าปู่ ครูบาหมู่มิตรสหาย แม้นควรตายก็หล้างตายได้ ละพ่อแม่ไว้เป็นคุณ เชิญเจ้าตนบุญลูกพ่อ สิกสร้างก่อไปกินเมือง หื้อยศเรืองดั่งเก่า เป็นท้าวเล่าสองทีแด่เทอะฯ

    มหาสตฺโต ส่วนมหาสัตว์เจ้าตนองอาจ แม่นใคร่เสวยราชะสมบัติ เจ้าก็จัดคำจา เป็นคาถาคำเก่า แสร้งชักมาเล่าแก่ปิตา ฯ ส่วนพระยาสญไชยขัตติยชาติ ซ้ำอาราธนา ยังปุตตาลูกหน้อย กล่าวอ่อนอ้อยคำควร ฯ เมื่อนั้นอามาตย์ทังมวลหกหมื่น หน้าช้อยชื่นชุฅน เกิดมาตามตนพระบาท เขาก็รู้ว่าเจ้าจะรับราชะนิมนต์ อันเป็นมงคลวิเศษ ทรงเกล้าเกษราชา ส่วนพระบุญหนาตนสักสวาด ก็กล่าวสีหนาทคาถาว่า ดูราเสนาหลายชื่นช้อย สูจุ่งยั้งหั้นหน้อยก่อนทะรา ฯ
    ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา พระนรินทร์ตนใจม่อ ก็อว่ายหน้าล่อศาลา ก็แก้เครื่องระสีมาเรียงแลบไว้ ยังผ้าเปลือกไม้คองฅา นุ่งผ้าผืนขาวงามสะอาด หอยสังข์วาดมีเพียร เจ้าเสด็จเวียนพรากออก ยังพายนอกศาลา ก็กล่าวคาถาว่า อิทํ ปัณณศาลาอันนี้วิเศษ ประเทศท้องวงกฎ เป็นที่กูมาอดอยู่สร้าง ม้างกิเลสภาวนา เจ็ดเดือนตรานานซะร่ำ อยู่สร้างพร่ำปารมีญาณ หื้อทานเจ้าชาลีสรีสะอาด ทังนางกัณหานาฏดวงดี ทังนางมัททีสรีอ่อนหน้า แก่เจ้าฟ้าชื่อขุนอินทร์ แผ่นดินดานไหวหวั่น สะท้านลั่นไปมา พระราชาถวายแล้ว ท้าวตนแก้วนรินทร์ ก็ปทักสินสามรอบ ไหว้นบนอบอำลา ปัญจังคาติดต่อ อว่ายหน้าล่ออาสรม ช่างตัดผมผู้ฉลาด ก็มาแปลงเกล้าราชราชา หมู่เสนาแลพราหมณ์จบเพท ก็มาสรงเกษราชา น้ำอบมาหลายหลาก ไหเงินมากนานา ไหฅำตราพร้อมกู่ ไหแก้วหมู่สระสรี ประดับดีภิเสก เป็นท้าวเอกราชา ดั่งอินทาแหล่งหล้า เสวยฟากฟ้าแดนสวรรค์นั้นแลฯ
    เทน วุตฺตํ เหตุดั่งอั้นพันธนอันวิเศษ พระพุทธเจ้าเทสนา ในจริยาปิฏกะว่า ตโต เสสนฺตโร ราชา รโช ชลฺลํ ปวาหยิ ดูราสารีบุตต์ อันว่าพระยาเวสสันตระนรินทร์ ได้ยินข่าวสารเรียงราบ ชาวเมืองมากราบนิมนต์ ก็ชำระตนผ่านเผ้า ละเครื่องเจ้าระสี ทรงเพศดีชื่นย้าว เข้าเครื่องท้าวลวดดูงาม เสนาหลามไหลหลาก ชุด้าวคั่งกันมา หมู่พราหมณามวลมาก พร้อมทุกปากถวายพร ตุริยนนตรีดังซะซ้าว ผับด่านด้าวปูนฟัง เสียงดังครางเกิดก้อง ดั่งเมฆร้องที่สาคร นายกุญชรผ่านแผ้ว ประดับช้างแก้วเรียงราย นำมาถวายบาทไธ้ ที่จิ่มใกล้พระนรินทร์ พระภูมินทร์เลิศแล้ว สะพายดาบด้ามแก้วสรีกัญไชย รังษีใสหลายสิ่ง เป็นเจ้ายิ่งสามานย์ ขึ้นนั่งช้างสารตัวองอาจ กระพุ่มฉัตร์ดาดมุงบน อันว่าตนอามาตย์หกหมื่น หน้าช้อยชื่นชุฅน สหชาตาอันเกิดมากับตนพระบาท เข้าเครื่องอาจดูฅาน เป็นปริวารแวดล้อม อ้อมตีนช้างทุกพาย นางสรีวิกัญญา พร้อมทุกภาคนานา ชวนกันมาชุด้าว ทังลูกท้าวและพระยา นายเสนาและอามาตย์ ประชานราษฏร์เศรษฐี ก็นิมนต์มัททีสรีหนุ่มเหน้า อาราธนาเจ้าสิกลง แล้วสรงเกล้าเกษ อันว่าราชาภิเสกเบิกบายสรี หดหล่อดีเลิศแล้ว ควรเป็นนางแก้วเทียมเมือง และนาฯ
    ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห สิสณฺกาโต สุจิวตฺโถ สพฺพลํการภูสิโต ปจฺจยํ นากมามุยฺห ขกฺกํ พนฺธิ ปรนฺตปํ ภิกฺขเว ดูราภิกขุทังหลาย อันว่าพระยาเวสสันตระบัวบาน ชำระองค์ฅานเกล้าเกษ ทรงผ้าเทศผืนฅาน เครื่องอลังการสุบสอดแล้ว สะพายดาบด้ามแก้วกัญไชย รังษีใสมะมาบ ข้าเสิกกราบขืนวาน ขี่ช้างพลายสารตัวใหญ่ งามแท้ใช่สามานย์ อามาตย์หาญหกหมื่น หน้าช้อยชื่นเชียงฅาน เป็นปริวารแวดล้อม แห่แหนอ้อมถวายพร ว่าพระเวสสันดรตนสักสวาด จุ่งเป็นเจ้าช้างอาจเสวยเมือง ในกาละยามนั้นนางสีวิกัญญา ก็เข้ามาอภิเสก นางแก้วเอกมัทที ย่อมนางดีใสสว่าง เจียรจาช่างถวายพร แก่พระเวสสันดรผ่านเผ้า ว่าสมเด็จเจ้าจุ่งรักษา นางหนุ่มเหน้าแม่เทวี ส่วนเจ้าชาลีกัณหาทังคู่ จุ่งค่อยอยู่รักษา ยังนางพระยาตนแม่ อย่าหื้อโสกแต่อันใด ส่วนพระยาสญไชยตนพ่อ กับทังนางหน่อผุสสดี จุ่งรักษาแม่เทวีเป็นเจ้า ยิ่งกว่าเก่าแสนดีแด่เทอะฯ
    อิทญฺจ ปจฺจยํ ลทฺธา สองโสภาน้อยนาฏ ได้เสวยราชเมืองขวาง ร่ำเพิงเถิงปางล้ำบาก เสวยทุกข์ยากในไพร ในกาลเมื่อปางก่อน ใจเจ้าอ่อนยินดี ด้วยสัมปัตติสรีอันตนได้ เจ้าจิ่งใช้ตีกลองไชยปกป่าว กล่าวหื้อเหล้นมหรสรัพ เพื่อหื้อดับทุกข์ไหม้ ในป่าเขาวงกฏนั้นแลฯ สองกระษัตริย์ได้เสวยเมืองเก่า ปราบโลกเล่าสองที เจ้ายินดีชื่นช้อย ได้ปะลูกน้อยสองสรี ส่วนนางราชะมัทที ได้ปะสองสรีลูกน้อย หน้าชื่นช้อยยินดี จักเจียรจาเซิ่งลูกแก้ว จูบชมแล้วกล่าวคาถาว่า เอกภตฺตํ ปุเร อาสิ นิจฺจํ กณฺฑิลฺยาสินี อิตอ เม ตํ วตฺตํ อาสิ ดั่งนี้
    ดูราเจ้าลูกรักแม่ เมื่อพราหมณ์เถ้าแก่นำไป สุดวิสัยซะร่ำ แม่จักไปชอมก็พร่ำยินไกล เมื่อสองลูกไปแม่ก็ยินทุกข์ยาก กินลูกไม้หมากเพลางาย นอนเหนือดินทรายบ่มีสาด ใบไม้ลวาดรองเจือ หนังเสือเหลืองหุ้มห้อย หนาวจะจ้อยถนัดใจ ลูกสายใจเฮยเจ้าแม่ เมื่อพราหมณ์เถ้าแก่นำไป สองนงไวยพรากห้อง เอาสองพี่น้องพรากไคลคลา แม่ก็มาอธวานั่งถ้า คึดเถิงลูกก่ำพร้าทุกฅืนวัน แม่หาหัวมันและลูกไม้ มาบ่ได้เป็นลาง เหตุเสือสิงห์สางมานั่งถ้า จักดาคั้นคาบข้าหื้อแม่มรณา เข้าสู่ศาลาก็เป็นอันเย็นเยือก แม่ก็มาร้องเรียกหาสองเขือ แล่นไปใต้เหนือทุกที่ เย็นสงัดจี่บ่หันไหน อกแม่ลุกเป็นไฟผะผ่าว บ่รู้ข่าวว่าลูกแม่อยู่หนใด แม่เยียวว่าตายเสือข้า(ฆ่า) เยียวว่าราชะสีห์คว้าเอาไปกิน เยียวว่านกหัสดีลิงค์ลงซูด แม่เยียวว่าช้างร้ายผูดผกแทง ฝูงหมาฝูงแมงงูงอด คั้นเคี้ยวกอดตนตาย กลางกองทรายและป่าไม้ แม่ไปเซาะไซ้ผันหา ทุกพูผาแม่ก็ขึ้นผ่อ บ่หันแก้วหน่อทางใด แม่ก็ซ้ำฅืนไปแถมเล่า ฅุ่มไม้แม่ก็ไต่ไปเล็งดู บ่หันสองบุญชูพี่น้อง ในแห่งห้องหนใด แม่ก็เยียวว่าสองเขือไปสู่ท่า เงือกคาบคว้าตกวัง แม่เทียวหายังบ่ยั้ง แม่จิ่งตั้งสัจจะ ว่าด้วยผละบุญอันแม่ได้สร้าง ขอหื้อลูกพระเจ้าช้างฅืนมา แม่ซ้ำไปหาแถมเล่า ครบที่เก่าหลายที ฅืนมาสู่กุฎีร้องไห้ ยกมือไหว้ท้าวพระยา น้ำตาแม่นี้นาอาบหน้า ทุกข์เท่าฟ้าอาลัย นอนกลางฅืนไหลคลั่งค้า ไห้หาลูกก่ำพร้ายามนอน ลางฅาบดั่งจักมาเปิดผ้าแม่กินนม ลางฅาบดั่งเป็นมาอยู่อาสรมเทาะต่อย ล่าเหล้นอ่อยกับกัน ลางฅาบเป็นดั่งมาร้องเรียกนันซะซ้าว ว่าพี่นางแก้วแม่รามา จัดแท้หาบ่ได้ เต็มแม่ร้องไห้หอดหิวตายฯ สองสายใจเฮยพระแม่ เคราะห์ร้ายแก่จุ่งหายสูญ ผละบุญอันเกิดมาแต่พ่อแม่ ได้สร้างแผ่แก่สองรา อย่าได้มีโรคาโสกเส้า อายุยืนเที่ยงเท้าทีฆา อย่าฟั่งชราแก่เถ้า หื้อยืนเที่ยงเท้าแทนเมืองแด่เทอะฯ

    ผุสฺสติปิโข เทวี ส่วนนางผุสสดีตนไวแว่นฟ้า ก็เลือกแผ่นผ้าผืนแพง ค่าแสนฅำแดงเป็นขนาด ควรแก่สะไพ้ราชเคยทรง แหวนธำมรงค์สุบสอด ต่างแก้วสอดดูดี ส่องแสงสรีใช่ช้า สมแก่หน้าแม่มัทที นางผุสสดีแม่แก้ว แต่งแล้วใส่ขะอูบฅำ หื้อสาวจำนำแล่นใช้ ไปหื้อแก้วแก่นไธ้มัททีและนา ฯ
    ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห กปฺปาสิกญฺจ โกสยฺยํ โขมฺโกมุทปรานิ ดั่งนี้ ภิกฺขเว ดูราภิกขุทังหลาย ตนทรงสีลใสสักสวาด เป็นขีณาสวชาติอันดี บัดนี้จักกล่าวเถิงปุตตีแม่ท้าว ชมชื่นย้าวยินดี กับด้วยนางมัททีสรีสะไพ้ แก้วแก่นไท้จิ่งนำมา ยังวัตถามวลมาก ผ้าหลายหลากนานา คือผ้ากัปปาสิกาใสส่องซ้ำ เส้นแลบล้ำใยบัว เชิงชายหัวสนแส่ว เหลื้อมฅะแฅ้วแสนฅำ โกไสยยังงามแพ้พอด แล้วด้วยยอดใยไหม มาแต่เมืองไกลเทศท้าว ควรค่าได้แสนเมือง ผืนนึ่งชื่ออุทุมพราเรืองร่ามฟ้า ดูหลากผ้าทังหลาย เป็นตายายใยรอด ปูนดีดาสอดแยงดู ตานึ่งชื่อว่าสีเนรูหมายทวีป ตานึ่งน้ำสมุทรถีบตีฟอง ตานึ่งรูปอุดรขูทวีปใหญ่ ตานึ่งชื่อว่ารูปบุปปะวิเทหะใส่ปูนดู ตานึ่งรูปชมพูยาวย่านกว้าง ตานึ่งรูปอมรโคยานสร้างสมบัติ ตานึ่งชื่อว่าพระยาจักกวัตติเสวยราช ตานึ่งชื่อว่าเทวดาอยู่ปราสาทแก้ววิมานฅำ ตานึ่งชื่อท้าวจตุโลกบาลอาจหน้า ตานึ่งรูปอินทร์เจ้าฟ้าอยู่เสวยรมย์ ตานึ่งรูปพระยาพรหมตนสักสวาด ตานึ่งรูปรามาธิราชปราบปรินิมมิตตาวสวดี ตานึ่งรูปกินนรีไล่เลยชม ตานึ่งรูปญิงชายชมสมสู่สร้าง ตานึ่งรูปแม่ร้างถือแว่นแยงเงา ตานึ่งรูปแม่กำลังเอาขอช้าง ตานึ่งรูปบ่าวสาวสร้างการเรือน ตานึ่งรูปพ่อค้าเดินเทียวเทศ ตานึ่งรูปแม่น้ำเดินเขตแดนเรา ตานึ่งรูปสะเพาฅำหว้ายท่า ตานึ่งรูปช้างล่าดงไพร ตานึ่งรูปเนื้อไปเป็นหมู่ ตานึ่งรูปม้าอยู่ศาลา ตานึ่งรูปเสือสิงห์ดาแอ่วเหล้น ตานึ่งรูปกระต่ายเต้นเดินดง ตานึ่งรูปราชะหงษ์บินอากาศ ตานึ่งรูปกุญชราชเมามัน ตานึ่งรูปเสตพัณณ์ช้างเผือก ตานึ่งรูปฤกษ์เดือนดาว ตานึ่งรูปพระจันทร์ขาวใสส่อง ตานึ่งรูปนางเหยี้ยมปล่องคองชาย ตานึ่งรูปแม่หม้ายไห้หาผัว ตานึ่งรูปงัวอุสุภราช ตานึ่งรูปกวางทรายและนาคน้ำ ตานึ่งรูปไก่เถื่อนถ้ำและราชะหงษา ตานึ่งรูปสัตว์นานาและนาคน้ำ ตานึ่งรูปอกนางช้ำ ตานึ่งรูปแม่น้ำไหล จิ่งไขวัตถาผ้าวิเศษ อันเกิดแต่โขมราชจีบผ้าผืนแพง เพิงใส่ขะอูบฅำแดงเลิศแล้ว แม่จิ่งใช้ไปถวายแก่แก้วมัทที สมนางดีใช่ช้า เยียะทะรงผ้าผืนก็เยียะดูงามแลนาฯ
    มีต่อ
    เพราะเจ้ามาจากดิน
    แม้ว่าเจ้าจะโบยบินไปไกลแสนไกล
    แต่สุดท้าย...เจ้าก็ต้องกลับคืนสู่ดิน...
    ...ดิน...ที่เจ้าจากมา...
    http://learnkaweethai.blogspot.com
     
  3. ปีศาจ said:

    Re: มหาเวสสันดรชาดกฉบับวิงวอนหลวง(ล้านนา)

    ต่อกัณฑ์ ๑๓
    ตโต โขมญฺจ แหวนธำรงสุบสอดนิ้วนางนาฏ แอวนางแก้วฅาดใบสรี สร้อยสังวาลย์ดีสุบสอดแล้ว ประดับด้วยแก้วมากมวลมี นางผุสสดีสรีอะคร้าว เป็นแม่ท้าวบรม มีใจชมชื่นแล้ว อันว่านางแก้วมัทที ทรงผ้าผืนดีงามสะอาด ควรแก่นางท้าวราชเทวีและนาฯ ส่วนนางผุสสดีตนแม่ ก็ใช้ไปถวายแก่มัทที คือหมากปัดฅำดีแลบร้อย ประดับสร้อยสังวาลย์ ดูเชียงฅานใช่ช้า ใสส่องหน้าจำนำ เกิบฅำรองรับบาท ควรแก่นางราชอุดม สองนางนมฅำฅาด แก้วมุกมาดสะแอว เป็นของแพงนางนาฏ อันลูกสะไพ้หากเคยทรง ประดับองค์ให้ตลอด บ่หื้อค้างรอดหลอไฉน ตามเพิงใจจะไจ้ แก่ลูกสะไพ้มัทที สมนางดีชื่นย้าว แขนสอดม้าวงามฅม นางนาฎสนมรับใช้ ก็นั่งใกล้ถวายสาร เป็นปริวารแวดล้อม ทุกปากพร้อมยินดี
    ส่วนท้าวสรีสญไชยบรมนาถ จักหื้อโอกาสแก่มนตรี สิบสองอโขเภณีสักสวาด ท้าวก็ปลงราชรางวัล แบ่งปันกันหลายสิ่ง เหล้นมโหรสพยิ่งเมืองสวรรค์ พร่องฟ้อนฟันเชิงดาบ พร่องคาบของลืน ลางพร่องก็กลืนเรือลำใหญ่ ลางพร่องก็ไต่สะเบียงหนัง ลางพร่องก็สังสะหลืด ขึ้นพื้นอากาศกลางหาว ลางพร่องก็ปาวชนดาบ ลางพร่องก็ปราบฟันแทง ลางพร่องก็แทงฅอหอก ลางพร่องก็ตอกปาวลง ลางพร่องก็ขับสนเป็นระบำอื่อมาด ลางพร่องก็สวาดอุสสา ลางพร่องก็ตกสักกาลูกใหญ่ ลางพร่องก็ซอใส่ขับขานกัน พร่องก็ขับสับสันลองมาด พร่องก็ดีดเพียะพาทย์เสียงหวาน หลายสิ่งอันพาทย์ปี่เป่า เมื่อนั้นเล่าปูนดีฟัง อภิเสกบุญธัมม์เมือเมือง ริพลเรืองเต็มเถื่อน พูดอยเกลื่อนผาพัง ในดงตันป่าไม้ นับว่าได้สิบสองอโขเภณี เบิกบายสรีพระบาท พอขนาดเต็มเดือนและนา ฯ ตมตฺถํ ปกาเสนโต สตฺถา อาห สพฺพมฺหิ ตํ อรญฺญมฺหิ ภิกฺขเว ดูราภิกขุทังหลาย ตนทรงสีลใสบัวริยาต เป็นขีณาสวชาติอรหันตา อันว่าหมู่มิคคามวลมาก เต็มทุกภาคป่าหิมพานต์ มีใจชมบานยอยื่น ตัวใหญ่น้อยชื่นยินดี บ่ราวีเคียดกล้า บ่กระทำโทษข้าเบียนกัน ด้วยเตชะเมตตาธัมม์ท้าวทอด ไมตรีรอดทุกชุม เขายินดีหุมกว่า เหล้นทั่วป่าหิมวา นกทังหลายมวลหมู่ ร้องสะสู่สะสน จับสาขาพายบนจิ่มใกล้ เหนือหมู่ไม้นานา ด้วยเมตตาธัมม์มวลมาก ทุกตัวหากเสถียร บ่บีบเบียนเคียดกล้า บ่กระทำร้ายล่าหิงสา ปางเมื่อพระยาเวสสันตระราช เจียรจากอาวาสมาเมือง เตชะเรืองไรเรื่อ สุขทุกเมื่อลืมการ ท้าวสญไชยบานผ่านเผ้า ก็หื้อเหล้นทั่วเท้าหิมพานต์ พร้อมสัพพะการทุกสิ่ง เดือนนึ่งจิ่งบัวระมวลเล่า ก็เอาลูกเต้าเมืองเมือง

    แล้วตนบุญเรืองศักดิ์ใหญ่ ก็แต่งใช้ไปหา ยังเสนาผู้ฉลาด อันท้าวราชใส่ไว้แทนตา ว่าดูราเสนา ท่านจุ่งลีลาไปก่อน เราจักผ่อนไปตาม ฅนตีนชามไหลหลั่ง หมู่ม้าถั่งแถวไป หมู่รถแก้วแกว่งกวัดไกว ไปตามช้างลามแหนแห่ ขุนนางแวดแว่ท่ำกลาง เจ้าชาลีนำทางไปก่อน นางกัณหาแก้วหย่อนไปชอม พระเวสสันดรจอมนาถ ถัดนั้นหมู่นางแก้วราชกัณหา หมู่นางมัททีงามใช่ช้า ไปถัดเจ้าฟ้าเวสสันดร หมู่พระภูธรไอยกาตนปู่ ไปถัดหมู่นางแก้วราชมัทที หมู่นางผุสสดีตนแม่ ไปชอมแก่ท่านทังหลาย หมู่เด็กชายไปตามหลังหมู่ ไปสะสู่สะแสน เต็มขอกแดนชิงกันย่าง เมื่อนั้นและฯ
    สนฺฐิโยชนมคฺคํ ส่วนพระยาสญไชยตนใหญ่ ไปด้วยมัคคาไกลบ่โหด ได้หกสิบโยชน์คณนา สองเดือนตราจิ่งรอด เวียงแก้วยอดนคร พระภูธรผ่านเผ้า ก็เสด็จเข้าเวียงไชยเมื่อนั้นและนาฯ

    ส่วนชาวสีพีไพร่ฟ้า เขาก็มากวัดแกว่งผ้าปูชา พากันมากราบไหว้ ว่าพระแก่นไท้ปราบชุมพู จุ่งมีสุขทีหาเที่ยงเท้า เป็นเอกราชเจ้าศักดิ์ใหญ่ เป็นเจ้าใหม่แดนเมืองแด่เทอะ ฯ
    ในกาละนั้นท้าวก็หื้อตีกลองร้องป่าว ในเขตด้าวแดนเรือน ว่าอาชญามีหื้อเตือนไพร่ไว้ ว่าอย่าได้ข้าสัตว์ อย่าผูกมัดตีต่อย แม่นควรข้าก็หื้อปล่อยกรุณา ฅนผิดอาชญาอยู่ฅอก ฝูงผูกตอกคังคา จุ่งหื้อปล่อยออกมาหื้อเสี้ยง อย่าหื้อเขาเฅืองวิโยค บ่หื้อเส้าโสกกังวล ฝูงหมู่ฅนอย่าได้ประมาท จุ่งฟังโอวาทของเราเทอะฯ ส่วนพระยาเวสสันตระราช ก็ขึ้นนั่งเหนืออาสนา มีปัญญาคึดขุ่ง ใจห้อยมุ่งเทิงทาน ว่าวันพรูกเวลากาลเมื่อเช้า ยาจกจักเข้ามาขอ กูจักยกยออันใดหื้อง่าย จกจ่ายหื้อเป็นทานนั้นชาฯ

    เมื่อนั้นหินปัณฑุกัทพลสีลาอาสน์ แห่งท้าวราชอินทา ก็อุณหาร้อนกระด้างแข็ง ส่ำแดงหื้อเป็นเหตุ แก่พระยาเวสสันดร อันมีใจวอนติดต่อ คึดใจล่อเถิงทาน พระยาอินทาตนผ่านแผ้ว ก็หื้อห่าฝนแก้วเจ็ดประการตกลงมาระรานระรม ย่อมแก้วอุดมแฅวนยิ่ง บ่ใช่แก้วกริ่งชัดแหว ย่อมเป็นแก้วเมืองควรค่า ตกแต่ฟ้าลงมา ตกในราชนิเวสน์ฅุ้มน้อย ตกถี่ถ้อยหลายแถว ตกเพียงแอวบ่มีหว่างและนา ฯ
    ในวันลูนพรุ่งเช้า ก็หื้ออามาตย์ทังหลาย ไปหมายยังหมู่แก้ววิเศษ ตกเขตฅุ้มฅนใด จุ่งไว้หื้อแก่ฅนผู้นั้นแล้ว ท้าวตนแก้วราชา หื้อฅนนำมายังแก้ว อันตกแล้วพายนอก แดนด้าวขอกหนทาง เอามาไว้ในเหล้มฉางอันใหญ่ เข้าของเก่าใหม่ถมถองฯ ส่วนเหล้มฉางแห่งพระเวสสันดรมีเจ็ดหลัง และหลังและเจ็ดวา เหล้มปฐมาอันก่อน บ่ห่อนได้บกบาง เทียรย่อมเต็มฉางหลายส่ำ เงินฅำพร่ำชืนทอง หลังถ้วนสองมีมาก เหล้มฅำหากดูงาม หลังถ้วนสามเลิศแล้ว เต็มไปด้วยแก้วมุกดาหาร ของเชียงฅานถ้วนถี่ หลังถ้วนสี่เชียงชิน มีแก้วมหานิลใช่ช้า หลังถ้วนห้าแก่นดูดี มีแก้วมณีชื่นช้อย แถวมุกน้อยร้อยพันพก หลังถ้วนหกนั้นนา เต็มไปด้วยแก้วพาวาล้ำเลิศ วชิระเพ็กเกิดกับบุญ หลังถ้วนเจ็ดคุณวิเศษ วิทูรเทศเชียงฅานและนา ฯ

    ตโต เวสฺสนฺตโราชา ทานํ ตตฺวาน ขตฺติโย เมื่อนั้นพระยาเวสสันตระราช เกิดในขัตติยชาติวงษา อยู่พ่ำเพ็งปารมีธัมม์ไปไจ้ ๆ ตราบได้อายุร้อยซาวปี คันเมี้ยนอินทรีย์คลาคลาด ก็ไปเกิดบนปราสาททิพวิมาน เทวสถานกาญจนวิโรจน์ ชื่อว่าชั้นสันตุสิตเทวราช อุตมวรเทศ ในห้องเขตดุสิตาสวรรค์ก็มีแลฯ
    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตวา ชาตกํ สโมธาเนสิ สัพพัญญูพระพุทธเจ้า นำเอายังมหาเวสสันตรชาดก อันประดับคาถาได้พันนึ่งแล้ว ที่นี้พระตนแก้วจักนิคม หลบสมธัมม์เทสน์หื้อแจ้ง พระจิ่งแสร้งเทสนาว่า
    ภิกฺขเว ดูราภิกขุทังหลาย อันว่าห่าฝนโบกขรวัสนี้นา ตกลงในที่ชุ่มนุมญาติกายามนี้ บ่ใช่ตกแต่ที่หนี้โครธาราม ห่าฝนงามก็เคยไหลหลั่งถั่งตกลงมา ในชุ่มนุมญาติกาล่วงแล้ว ในเขตป่าแก้วหิมพานต์ ด้วยประการดังกล่าวมาแล้วนี้แลฯ

    ชาตกํ สโมธาเนนฺโต พระพุทธเจ้าจักส่ำแดงชาดก อันเป็นอดีตและปัจจุบัน มาเทียมกันหื้อแจ้ง พระก็แสร้งเทสนาว่า โลเภนุเปนฺโต ชูชโก เทวทตฺโต อโหสิ ฯ
    ภิกฺขเว ดูราภิกขุทังหลาย อันว่าชูชกพราหมณ์ ผู้เถิงชรารามเก่าเกื้อ ไปรั้งเรื้อแรมขอ ในเมืองกลิฏฐาพอถ่อยเถ้า เซซาทั่วเท้าชุพายพราหมณ์ทังหลายมาสะพรู่ พร่องก็ว่าปู่พร่องก็ว่าพ่อลุง บาปมาจูงใจล่อ คึดติดต่อวันดี อัคคิทัตตะมันก็ปูชาไฟ ผีบ่เพิงใจเยียะบาป ไฟวู่วาบไหม้เรือนมัน ฅนหันพอเรืองรุ่งชุกล้ำ หมู่ฅนซ้ำตั้งชื่อมันว่าชูชก ตกมาในบัดนี้คือมาได้ท่านเทวทัต พี่แม่เจ้าราหุล เป็นลูกพระยาสุปปพุทธะ ออกบวชในสาสนาพระตถาคตะได้อิทธิฤทธิ์แล้ว พ้อยบังเกิดใจผิดเป็นเหตุ ม้างสังฆเภทและโลหิตตุปปบาท แผ่นดินบ่อาจจอดอยู่ได้ ยะจ่องไว้ลวดกลืนกิน ไปตกไว้ในอเวจีนารก คันพ้นวิบากอันนั้นแล้ว จักได้มาเกิดเป็นพระปัจเจกพุทธตนนึ่งชื่อว่าอติสสโร อยู่ได้ ๗ วันก็จักนิพพาน กาลหมื่นชะแลฯ
    ส่วนนางอมิตตาพันนา ไปมาก็ได้มาเป็นข้า พราหมณ์คุ่มคว้าเอาเป็นเมีย จักปองหนีเสียก็บ่ได้ เงินท่านแพ้ไหว้วอนตา เป็นเมียสายจิตเจตน์ ทังพราหมณ์เถ้าเพศชรา นางกลับมาได้เกิด เอาก่ำเนิดปัจจุบัน ดั่งเราหันมานี้ไส้ หากได้นางจิญจามานวิกาผู้มักสนส่อ อุ้มท้องล่อพระตถาคตะในกาลบัดนี้แล ฯ
    อันว่าพรานป่าเจตบุตร อันชาวเจตราชใช้ รู้ด้วยกลัวพูดอย คอยหนทางป่าไม้ วันนั้นคือหากได้ฉันนะอามาตย์ เป็นนายม้าแก้วราชกัณฐัก เกาะหางม้าชักปีนเปี่ยง มาตามพระตถาคตะในกลบัดนี้แล ฯ
    อินทราชา ส่วนพระยาอินทาธิราช อันอยู่เหนือเขาสุเมรุราชเขาทอง เสวยสองสวรรค์ชั้นฟ้า กลายกับเพศหน้าเป็นพราหมณ์ มาขอชายางามท่านท้าว ในด่านด้าวหิมพานต์ บัดนี้กลับสงสารมาเล่า เกิดในเชื้อเผ่าภูบาล ชื่อว่าอนุรุทธะกุมารผู้น้อง เกิดร่วมท้องติดตาม พระยามหานามะผู้เป็นพี่ ชัดถี่แท้ก็เชื้อตถาคตะในกาละบัดนี้แลฯ
    อจุตตระสีวันนั้นโสด สร้างพระโหดสมณธัมม์ บัดนี้บุญจำนำเกิดกว้าง ได้มานั่งป่างข้างหนขวา คือพระธัมม์เสนาสารีบุตตเถรในกาละบัดนี้แลฯ
    สญฺชโย ราชา ส่วนพระยาสญไชยพระยาเกิด เป็นท้าวเลิศโลกา คือปิตาธิราช แห่งพระยาเวสสันตรราชโอรส บัดนี้ปรากฏมา คือพระยาสรีสุทโธทนะพ่อแห่งกูพระตถาคตะบัดนี้แลฯ
    อันว่านางผุสสดีตนแม่ ได้สร้างบุญแต่ปางหลังมา นางได้ปูชาพระพุทธเจ้าด้วยจวงจันทร์ บุญมาทันยอดไธ้ ปรารถนาได้สมพร เป็นแม่พระเวสสันดรท่านท้าว บ่เกิดด่านด้าวแดนใด คือได้นางสรีมหามายาตนฉลาด สมองอาจเหนือฅน ประสูติตนพระสมเด็จ อยู่นานได้เจ็ดวัน ลวดจุติพลันไปเกิด ในห้องเลิศตุสิตา แผ่เพศมาบัวริสุทธิ์ ชื่อว่าสรีมหามายาเทวบุตร ในกาละบัดนี้แล ฯ
    มทฺทีปิโข อันว่านางราชมัทที สรีโสภาอะคร้าว ดูหลากเล่าเหลือฅน บ่มีกังวลใจล่อ บ่หยิ้วหน้าต่อตาชัง บ่มีหวังอิงอ้าง นางนั้นสร้างบุญมา บ่ใช่ใครใดไทยต่างหน้า บัดนี้ได้แก่นางยโสธราพิมพางามแง่ ตนเป็นแม่เจ้าราหุลในกาละบัดนี้แลฯ
    ชาลีกุมาโร ส่วนลูกชายสายสืบเชื้อ งามอะเฅื้อชื่อชื่อชาลี มีคุณดีอันงาม ย่อมติดตามช่วยสร้าง บ่หื้อห่อนร้างปารมี บ่ใช่ใครต่างหน้า บัดนี้คือลูกหล้าเกิดเทียมเงา เอากำเนิดมาเป็นโอรสราช แห่งมุนีนาถชื่อว่าราหุล ในกาละบัดนี้แลฯ
    กณฺหาชินา ส่วนนางกัณหาลูกพ่อ ลูกน้อยหน่อสงสาร พ่อเททานบ่ไว้ ลูกน้อยไห้ร่ำรัก ว่าพ่อเฮยผียักษ์เปรต มันกลับกลายเพศเป็นฅน เอาตัวตนเผือข้าพราก คันมันอยากก็จักกิน เมื่อนั้นพระนรินทร์ท่านท้าว ยินเยือกย้าวกระสด บ่อาจจักอดอยู่ได้ อกร้องไห้โกธา ว่าจักไปตามเอาฅืนมาดั่งเก่า จักข้าพราหมณ์เถ้าหื้อตาย เพราะนางสายใจช่างฟ้อง เป็นลูกน้อยหน่องนางมัทที บักนี้ก็ได้เกิดมาเป็นนางอุปวัณณา ลูกสาวเศรษฐีสัมปัตติมีบ่โหด ในเมืองสาวัตถีโสดเมืองขวาง ในกาละบัดนี้แลฯ
    เสสา ปริสา อันว่าปริษัทอันเหลือนี้ไส้ คือหากมาได้ปริษัทสาม คือภิกขุ อุปาสกะ อุปาสิกา บัดนี้แลฯ
    เหตุใดว่าปริษัทสามอั้นชา หิด้วยมีแท้และ ยามนั้นนางปชาปติโคตมียังไป่ทันบวชเทื่อและ จิ่งได้ปริษัทสามจ่ำพวกเพื่อนั้นแล ฯ
    เวสฺสนฺตโร ราชา โลกนาโถ เอวํ ธาเรถ ภิกฺขเว ดูราภิกขุทังหลาย อันว่าพระยาเวสสันตรราช เป็นนักปราชญ์หน่อพุทธางกูร เป็นวงศ์ขุนเอกราช คันออกจากคัพภาวาสไคลคลา รู้จักปากจากับด้วยแม่ บ่ทันแก่เท่าใด
    ยังมีแม่ช้างตัวนึ่งไปในอากาศ เป็นลูกช้างชาติกระกูล ขาวเผือกปูนปานไกรลาศ เป็นช้างราชมงคล ไปในที่ใดฝนตกละลุ่ม บ้านเมืองชุ่มเย็นใจ ช้างตัวนี้ได้ฅืนหนี้ เป็นหนี้ซีกเงินเดียว แต่ชาติหลังมามากแล้ว แห่งหน่อแก้วธรณี ปางเมื่อเป็นคหบดีกฎุมพีก บ่หลีกฟีกหมายแทนไป เท่าบ่มีอันใดแทนใช้ หลอนตายไปด้วยง่าย วิบากนั้นมาก่ายสนอง มาเป็นช้างรองที่นั่ง หนี้สินมั่งมูลมี มาตอบคุณเจ้าหนี้ วิบากอันนี้บ่ห่อนหาย เมื่อนั้นเมืองกลิงคราษฎร์ตายเกิดแล้ว พีชะเข้ากล้าเหี่ยวแห้งตายฝอย ฝูงพราหมณ์พ้อยมาขอเอาช้าง ท้าวก็แต่งห้างเป็นทาน ชาวเมืองก็มาสนส่อ หื้อท้าวตนพ่อขับหนี
    เพราะวิบากมีมาแต่ก่อน หื้อท้าวข้อนหมองใจ ปางเมื่อเป็นพระยาสญไชยราช พาอามาตย์และปริวาร ไปเหล้นสวนอุทยานสะสู่ ยามเมื่อฅนหมู่หยาดยายใย หัวหน้าเข้าไปแล่น พวกดาบง้าวลองแทง ปะเจ้าระสีสางตนนึ่งวิเศษ จบแจ้งเจตน์ญาณงาม อันมาตามหนทางแห่งนั้น เขาเร่งซั้นอาชญา หื้อเจ้าระสีคลาหนีพราก เพราะอาชญาหนีบแต่งมี เจ้าระสีก็รีบหนีงะงั่ว เพราะกลัวฅะฅูด ก็หยุดอยู่โทมนัส บาปอันนั้นและฅืนมาครอบ พ้อยมาตอบสนอง ทางช้างปองเป็นโทษ ท่านขับมะโมดจากเมืองไป อันนึ่งเจ้าไปพรางพระจอมใจน้องนาฏ เมื่อนางฝันร้ายหลากตกใจ พระจอมใจรู้แล้ว ว่าพราหมณ์จักมาขอเอาลูกแก้วทังสอง ท้าวยังปองจุล่ายแล้ว หื้อนางแก้วหลงใจ ว่าสรีนางไวยเคยทุกข์ยาก บ่เคยทุกข์ยากการใด บัดนี้มาอยู่ในดงไพรยากไร้ กินลูกไม้ใส่เหนือตอง หากเป็นคลองหันนิมิตอันถ่อยยอบ ประกอบด้วยอันกลัว ท้าวได้พรางนางเท่านี้ วิบากกี้ครอบสนอง เมื่อเสนานองสะพรู่ ช้างม้าหมู่โยธา แห่งพระปิตาตนพ่อ เข้ามาล่อในไพร โมหะใจยินมืด หายใจฝืดกลัวตาย หากเอาพรดายล่าหลง ได้ล่ายพระองค์ท้าวพ่อ นางมัททียืนผ่อดู จิ่งเล้าโลมพระชมพูหน่อท้าว เวสสันดรว่าเจ้าจุ่งฅนิงดูพรเมื่อก่อน ปางเมื่อหื้อข้าม่อนเป็นทาน ว่าบ่นานท้าวตนพ่อ จักร่ำเพิงต่อเอาริพลโยธา เข้ามาอาราธนาเมือเล่า เสวยเมืองเก่าถ้วนสอง พระยาอินทร์ก็สนองกล่าวไว้ ราอย่าได้เกากลัว จิ่งพาพระจอมหัวลงมาสู่ที่เก่า วิบากอันนี้เล่าคือได้ล่ายนางมัทที เมื่อฝันบ่ดีไปแก้ ท้าวเพียรแพ้ไปมา ท้าวนั้นใช่ใครใดไทยต่างหน้า อหํ เอว คือหากได้กูพระตถาคตะตนประเสริฐ ตนเป็นที่จั้งที่เพิ่งแก่โลกาในกาละบัดนี้แลฯ

    ตุมฺเห ภวนฺตา สูท่านทังหลาย อันปรารถนาหื้อได้สุขสามประการ มีนิพพานอันเป็นที่แล้วดั่งอั้น จุ่งตั้งโสตาปราสาทหูดาฟังด้วยคารวะครบยำ และทรงจำไว้หื้อหมั้น แล้วพากันปฏิบัติตาม ไปยังมหาเวสสันตระชาดกอันนี้ ด้วยดั่งกูตถาคตะหากเทสนามานี้เทอะ ด้วยอันพ่ำเพ็งทานะสีละภาวนาไปไจ้ ๆ ก็จักได้เสวยสุขสามประการ มีนิพพานเป็นที่แล้ว ชุตนชุฅนบ่อย่า ชะแลนาฯ
    นครกณฺฑํ นิฏฺฐิตํ กรียาอันกล่าวยังนครกัณฑ์ปริเฉท อันประดับประดาคาถาว่าได้ ๔๘ คาถา ก็บังคมสมเร็จ เสด็จ ฯ
    เพราะเจ้ามาจากดิน
    แม้ว่าเจ้าจะโบยบินไปไกลแสนไกล
    แต่สุดท้าย...เจ้าก็ต้องกลับคืนสู่ดิน...
    ...ดิน...ที่เจ้าจากมา...
    http://learnkaweethai.blogspot.com
     
  4. ปีศาจ said:

    Re: มหาเวสสันดรชาดกฉบับวิงวอนหลวง(ล้านนา)

    มหาเวสสันดรชาดก ฉบับวิงวอนหลวง(ล้านนา)
    ก็มีด้วยประการฉะนี้
    ขอขอบพระคุณแหล่งที่มา
    สวัสดีครับ
    เพราะเจ้ามาจากดิน
    แม้ว่าเจ้าจะโบยบินไปไกลแสนไกล
    แต่สุดท้าย...เจ้าก็ต้องกลับคืนสู่ดิน...
    ...ดิน...ที่เจ้าจากมา...
    http://learnkaweethai.blogspot.com
     
  5. kingawolf147 said:

    Re: มหาเวสสันดรชาดกฉบับวิงวอนหลวง(ล้านนา)

    สุทินฺนํ วตเมทานํ อาสาวขยาวหํ นิพฺพานปจฺจโย โหนฺตุ
    สาธุ