<ต่อค่ะ>ตอนที่๕
เมื่อเอียฮูฟื้นขึ้นมาแล้วก็ร้องไห้คร่ำครวญถึงแม่อยู่ต่อไปชาวบ้านก็
พากันมาช่วยปลอบใจ จนกระทั่งเอียฮูคลายความเศร้าโศกลงบ้าง จึงจัดแจง
ปลงศพมารดาแล้วนำไปฝังตามธรรมเนียมประเพณีต่อไป
เอียฮูไปเยี่ยมมารดาที่หลุมฝังศพเป็นประจำทุกวัน ถึงมารดาจะตายไป
แล้วหลายวัน แต่เขาก็หาได้คลายความเศร้าโศกลงไปได้ไม่ อยู่มาวันหนึ่ง
บ้านที่อยู่ใกล้เคียงมีงิ้วอันเป็นมหรสพประจำปี เอียฮูจึงคิดที่จะไปดูงิ้วให้
หายคลายทุกข์ไปชั่วขณะหนึ่ง จึงเดินทางออกจากบ้านไปดูงิ้ว เผอิญงิ้วคืนนั้น
ก็แสดงถึงเรื่องลูกที่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ ในเนื้อเรื่องนั้นมีอยู่ตอนหนึ่งที่
ลูกผู้ตั้งมั่นในความกตัญญู เมื่อแม่ตายแล้วก็เอาไม้มาแกะเป็นรูปแม่ เอาไปตั้ง
ไว้บนหิ้งบูชา เซ่นไหว้เป็นประจำ
สาเหตุที่เอาไม้มาแกะเป็นรูปแม่ไว้บูชานี้มีอยู่ว่า เด็กหนุ่มผู้นี้มีอาชีพ
เลี้ยงแกะ เช้าขึ้นก็ไล่แกะไปกลางทุ่ง เย็นลงก็ไล่แกะกลับบ้าน เด็กหนุ่มผู้นี้เป็น
คนโหดร้ายมาก ไม่มีความเคารพบิดามารดาของตน เป็นคนอกตัญญู
อยู่ต่อมาพ่อก็ตายลง ทิ้งให้ผู้เป็นแม่อยู่กับตนสองคนเท่านั้น ถ้าวันใดมารดา
หุงหาอาหาร ไปส่งกลางทุ่งช้าไปก็เกิดโทสะดุด่าว่าผู้เป็นมารดาต่าง ๆ นานา
บางครั้งก็ตบตีแม่ผู้แก่เฒ่านั้นอย่างไม่ปราณีเด็กหนุ่มผู้นี้ประพฤติตนอย่างนี้
เป็นอาจิณ ผู้เป็นแม่ก็ร้องห่มร้องไห้เป็นประจำอยู่เสมอ จะว่ากล่าวสั่งสอนลูก
ก็ไม่ได้ ลูกก็ใช้กำลังตบตีเอา
อยู่มาวันหนึ่ง ในขณะที่หนุ่มผู้นี้ไล่แกะไปเลี้ยงกลางทุ่งนาเมื่อฝูงแกะ
กำลังเล็มหญ้าอยู่ ด้วยความร้อนจึงหลบมานั่งในร่มไม้ใกล้ฝูงแกะนั้น ได้มีแกะ
แม่ลูกอ่อนตัวหนึ่งกำลังให้ลูกกินนม ลูกแกะตัวนั้นกำลังคุกเข่าลงดูดนม
ด้วยความเคารพ เด็กหนุ่มผู้นี้ก็นั่งดูแกะแม่ลูกสองตัวนั้นด้วยความสนใจจน
นั่งคิดเรื่อยเปื่อยไปว่า ลูกแกะในระยะที่ยังเล็กอยู่นั้นต้องอาศัยนมของแม่แกะ
กินเป็นอาหารจึงเติบโตขึ้นมาได้ และลูกก็กินนมแม่ของมันด้วยความเคารพ
แม่แกะก็เอาลิ้นเลียขนของลูกของมันด้วยความรักความเอ็นดู
เด็กหนุ่มผู้นั้นก็นึกย้อนมาถึงตัวเองว่า เราเมื่อตอนเป็นเด็ก ก็คงจะ
ต้องกินนมแม่มาอย่างนี้ แม่ก็คงจะรักเราเอ็นดูเราเหมือนแม่แกะตัวนี้เป็นแน่
แต่ว่าเมื่อตอนเป็นเด็กนั้น เราดูดนมแม่อย่างนี้หรือเปล่าก็ทราบไม่ได้
ทราบแต่ว่าเดี๋ยวนี้ถ้าวันใดแม่หุงหาอาหารมาส่งเราช้าไป หรือรสอาหารไม่ถูก
ปากเรา เราก็ด่าว่าแม่ตบตีแม่ ถ้าทำอย่างนี้ไม่ถูกนี่ เราเป็นมนุษย์ แม้แต่สัตว์
เดรัจฉาน มันก็ยังมีความเคารพแม่บังเกิดเกล้าของมัน เราเป็นมนุษย์แท้ ๆ
ไม่เคารพในมารดา
เมื่อคิดไปถึง การกระทำอันโหดร้ายของตนต่อมารดาผู้บังเกิดเกล้านั้น
จึงเกิดสำนึกผิดขึ้นมา สงสารมารดาผู้แก่เฒ่าต้องลำบากยากเข็ญเพราะตนผู้
เป็นลูก แทนที่จะเลี้ยงดูท่านให้ท่านสบาย แต่ก็ต้องทรมานให้ลำบาก
ต้องหุงอาหารให้แก่ตนแต่เช้าตรู่ เมื่อหุงเสร็จแล้วยังต้องหิ้วมาส่งกลางทุ่งอีก
ด้วยระยะทางไกล ๆ เมื่อนั่งคิดไปน้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความสำนึกผิด จึง
คิดว่าวันนี้เราจะไปเอาอาหารที่บ้านมารับประทานเอง ไม่ให้ลำบาก ขณะนั้น
ได้เวลาพอดีที่หญิงชราจะต้องนำอาหารมาส่งลูกชาย เด็กหนุ่มผู้นี้ก็เหลียวไป
ดูต้นทางเห็นแม่เดินลัดทุ่งมาด้วยความรีบร้อน จึงรีบลุกขึ้นวิ่งไปหาแม่อย่าง
รวดเร็ว เพื่อไปรับอาหารจากแม่
To be continue>>