เวลาฝันสติปัฏฐานเกิดได้ไหม

กระทู้: เวลาฝันสติปัฏฐานเกิดได้ไหม

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. Lilly said:

    เวลาฝันสติปัฏฐานเกิดได้ไหม

    สวัสดีค่ะอ.เดฟ

    คือปรกติแล้วถ้าเกิดสติปัฏฐานก็จะทราบดีว่ากายกับใจแยกคนละส่วนกันแต่ทำงานเกี่ยวเนื่องกัน
    แม้ขณะหลับถ้าหลับไม่สนิทจิตก็ยังรับอารมณ์ได้ คำถาม

    1.ขณะที่หลับแล้วหลับไม่สนิทเมื่อเวลาฝันสติปัฏฐานก็ยังเกิดได้ ถูกต้องมั้ยคะ นั่นหมายถึงว่าแม้ขณะที่จิตมีการรับอารมณ์ สติก็สามารถเกิดได้เช่นกัน ถูกต้องมั้ยคะ

    2. สภาวะที่เกิดเวลาหลับไม่สนิท แล้วเห็นว่ากายก็อยู่ส่วนนึง จิตก็อยู่ส่วนนึง แต่พยายามจะขยับตัวแต่ยังสั่งกายเคลื่อนไหวไม่ได้
    แต่ยังรู้สึกถึงการทำงานของจิตอยู่ เห็นความสงสัย เห็นความตกใจ แต่การรู้รู้ไม่ชัดเจนเหมือนขณะตื่นอยู่ (ไม่ได้ฝันแน่ใจ
    เพราะปรกติแม้ขณะจิตไหลไปกำลังจะฝันสติก็ละลึกรู้ได้ปรกติ แยกออกชัดเจนระหว่างสภาวะที่ฝันกับสภาวะที่รู้ได้จากสติ)
    พอสักแป๊บถึงตื่นขึ้นมาแล้วขยับตัวได้ สภาวะแบบนี้เป็นอาการปรกติหรือเปล่าคะ เป็นกันได้ทั่วๆไปหรือเปล่าคะ

    3. อาการที่เกิดขึ้นข้อ 2 ไม่ชอบเลยค่ะ ตกใจ เคว้งคว้างมาก กลัว ไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยวอิงอาศัย เหมือนเหลือแต่จิตที่ทำงาน
    ตอนเด็กๆก็เคยเป็นอาการแบบนี้ รู้ตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าไม่ใช่การฝัน พอรู้สึกตัวเต็มที่ขยับตัวได้กลับมาคิดก็กลัวๆอาการแบบนี้เคว้งค้วาง เคยเล่าให้ผู้ใหญ่ฟังตั้งแต่ตอนเด็กเค้าบอกผีอำ มันใช่มั้ยคะ เป็นแบบนี้เป็นบางช่วง แต่ยังสังเกตุไม่เห็นว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แต่ที่แน่ๆไม่ชอบไม่อยากให้เกิดกลัว

    4.กลัวตอนกลางวันเพิ่งหายได้ไม่นาน นี่ต้องมากลัวกลางคืนด้วยเหรอคะ อิอิ ไม่มีใครมาสิงหรอกเหมือนสิงตัวเองนี่แหระ

    เมตตาด้วยค่ะ

    ขอบพระคุณค่ะ

    ลิลลี่สีชมพู
     
  2. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:

    Re: เวลาฝันสติปัฏฐานเกิดได้ไหม


    สวัสดีคับ คุณ Lilly

    1. ใช่คับ...เวลาฝันสติปัฏฐานก็อาจเกิดได้ เพราะขณะนั้นก็มีการรับรู้อารมณ์ (ทางใจ)
    แต่ก็คงจะน้อย...เพราะแม้ในชีวิตประจำวันเราก็มักหลงลืมสติมากกว่าการที่สติปัฏฐานเกิด
    แต่ก็ไม่ใช่ว่าเกิดไม่ได้ แม้ในฝันก็อาจเกิดได้คับ...แล้วสังเกตนะคับว่าจากนั้นก็มักจะตื่น


    2 + 3. อ่ะคับ...ก็เป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นได้บ่อยๆ กับบางคน
    ลองดูกระทู้ตามลิงค์นี้นะคับ
    http://www.watkoh.com/kratoo/forum_p...W=%BC%D5%CD%D3


    4.




    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  3. Lilly said:

    Re: เวลาฝันสติปัฏฐานเกิดได้ไหม

    สวัสดีค่ะอ.เดฟ
    ขอบพระคุณค่ะ
    1. แต่ก็ไม่ใช่ว่าเกิดไม่ได้ แม้ในฝันก็อาจเกิดได้คับ...แล้วสังเกตนะคับว่าจากนั้นก็มักจะตื่น
    ใช่ค่ะ ..เมื่อขณะฝันแลวเกิดสติปัฏฐาน หลังจากนั้นก็รู้สึกตัวตื่น..ก็สลับไปมาเป็นปรกติค่ะ...อันนี้ชัดเจนค่ะ

    ขอถามต่ออีกนิดค่ะ...
    2. อาการที่เกิดกับข้อ 2 เป็นสภาวะเดียวกันกับการที่จิตรู้อารมณ์แต่เป็นขณะที่ยังมีกำลังรู้อารมณ์อ่อน
    (เหมือนกับที่อ.เดฟเคยกล่าวว่ารู้อารมณ์ไม่ชัดเหมือนตอนตื่น เพราะขณะครึ่งหลับครึ่งตื่นการรู้มีกำลังอ่อน)
    จึงเหมือนคล้ายๆกับว่า จิตทำงานขึ้นมาก่อนเป็นปรกติแต่ยังรู้อารมณ์ได้ไม่ชัดจึงยังสั่งกายเคลื่อนไหวไม่ได้เหมือนกับตอนที่จิตรู้อารมณ์ได้ชัดเหมือนตอนรู้สึกตัวตื่นแล้ว ลิลลี่เข้าใจถูกต้องมั้ยคะ..เค้าก็ทำงานเป็นธรรมชาติของเค้าไม่ว่าจะเป็นขณะหลับหรือตื่น

    3. ( ข้อนี้ไม่ได้ถามเกี่ยวโยงกับข้อ 2 นะคะ ) การที่เห็นได้ว่าสภาพธรรมบางอย่างเหมือนทำงานช้าลงให้เราเห็นวงจรของเค้าบางส่วน จริงๆแล้วเค้าทำงานเป็นปรกติเหมือนเดิมที่เคยเป็นแต่เพราะสติปัฏฐานเกิดได้ไวขึ้นจึงทำให้เห็นความต่างเหมือนยืดระยะเวลาให้ช้าลงได้เห็นสภาวะธรรมได้ชัดเจนขึ้น แต่จริงๆแล้วมันทำงานเป็นปรกติของมันอยู่แล้วเข้าใจถูกต้องมั้ยคะ

    4. เกรงใจคนอื่นค่ะอ.เดฟ กลัวเค้ารำคาญ เหมือนคุยเรื่อยเปื่อยไม่ค่อยมีสาระ พอดีเข้าห้องไม่ค่อยได้แล้วอ.เดฟบอกว่ามีอะไรให้มาตั้งกระทู้ก็ได้ จะพยายามซ่อมเน็ต อิอิ เพราะ รู้สึกชอบคุยให้ห้องสนทนาธรรมมากว่า กระจ่างชัดเจน ถามซอกแซกได้

    ขอบคุณค่ะ

    ลิลลี่สีชมพู
     
  4. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:

    Re: เวลาฝันสติปัฏฐานเกิดได้ไหม


    2. ขณะที่ครึ่งหลับครึ่งตื่น แม้จะมีวิถีจิตเกิดขึ้นรับรู้อารมณ์ต่างๆ แล้ว
    แต่ก็มีภวังคจิตเกิดสืบต่อกันอยู่มาก
    การรับรู้อารมณ์ต่างๆ ก็อาจจะไม่ชัดเจนนักเหมือนตอนตื่นเต็มที่
    ซึ่งก็อาจมีส่วนให้การขยับเขยื้อนกายนั้นไม่แคล่วคล่องนัก
    แต่ทั้งนี้ก็อาจมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย
    อย่างเช่นต้องการจะขยับแต่ไม่สามารถขยับได้
    หรือรู้สึกกดทับ แน่นๆ หนักๆ เกร็งๆ ฯลฯ
    ซึ่งก็อาจมีหลายสาเหตุ เช่น รูปธาตุต่างๆ ที่กายแปรปรวนไม่สมดุลย์
    การที่ไม่เกิดวิการรูปขึ้นประกอบร่วมด้วยในขณะนั้น ฯลฯ เป็นต้นน่ะคับ

    3. อ่ะคับ สภาพธรรมทั้งหลายเค้าก็ทำกิจของเค้าอย่างนั้น
    เพียงแต่เราไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยรู้มาก่อน
    แต่พอเราเริ่มเข้าใจ และสติปัฏฐานเกิดระลึกรู้
    ก็ทำให้เห็นสภาวะที่ปรากฏนั้นถูกต้อง แจ่มชัดขึ้น

    4. ไม่ต้องเกรงใจคับ คุณ Lilly ตามสบายเลยคับ
    สมาชิกทุกท่านก็เป็นเสมือนส่วนนึงของวัดเกาะฯ
    สามารถที่จะเดินเข้าวัด (เว็บวัดเกาะฯ) ได้ตลอดเวลา
    เหมือนเราไปวัดน่ะคับ แต่นี่สะดวกกว่า ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
    ไม่ว่าจะอยู่มุมใดของโลก แค่ต่อเน็ตก็ถึงวัดแล้ว อิอิ
    สามารถเข้ามาสนทนาหรือบอกเล่าสิ่งต่างๆ ได้ตลอดเวลาเลยคับ





    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  5. RooT said:

    Re: เวลาฝันสติปัฏฐานเกิดได้ไหม

    ถ้าเป็นสติปัฏฐาน ขั้นที่มีปรมัตถ์เป็นอารมณ์
    ก็คงจะเกิดไม่ได้นะครับ เพราะขณะนั้น จะต้องไม่รู้อารมณ์บัญญัติ เพราะได้เพิกอารมณ์บัญญัติไปแล้ว
    ซึ่งเป็นสภาวะที่ไม่มีปรุงแต่งไปตามสมมุติบัญญัติของโลกเลย
    ดังนั้น ทันทีที่รู้ว่าฝัน ก็จะตื่นทันที
    เพราะสติที่เกิดร่วมกับปัญญาในขณะนั้น รู้ความต่างกันของขณะที่ฝันและไม่ฝัน
    ทันทีที่จิตรู้ว่ามีอารมณ์ทางมโนทวารหรือปัญจทวารปรากฏ ซึ่งไม่ใช่ภวังคจิต ก็จะตื่นทันที

    แต่ถ้าหลงใหลไปในห้วงความคิดและเรื่องราวในความฝัน ขณะนั้นแม้รู้ว่า ขณะนั้นกำลังฝัน
    แต่ก็ไม่ใช่สติปัฏฐานนะครับ แต่น่าจะเรียกว่า ฝันซ้อนฝันอีกที
    หรือถ้าบอกว่า รู้ตัวว่าฝันแล้วก็ยังฝันต่อไป นั่นก็ไม่ใช่อีก เพราะว่ามีแต่สติแต่ไม่มีปัญญา
    ดังนั้นจึงไม่ใช่สติปัฏฐานน่ะคับ

    อนุโมทนาครับ
     
  6. รูปส่วนตัว D E V

    D E V said:

    Re: เวลาฝันสติปัฏฐานเกิดได้ไหม


    จากมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
    ซึ่งคุณ RooT ได้นำมาเปิดทางสถานีวิทยุวัดเกาะฯ เป็นประจำ
    ลองดูคำตอบของทางมูลนิธิฯ นะคับ

    สติปัฏฐานเกิดได้ในขณะที่ฝัน?
    http://www.dhammahome.com/front/webb...d2947f1815102c

    พระอริยเจ้ากับสติปัฏฐาน 4
    http://www.dhammahome.com/front/webb...ow.php?id=9551



    เดฟ

    สรณะคือพระรัตนตรัย
     
  7. DodE said:

    Re: เวลาฝันสติปัฏฐานเกิดได้ไหม

    ก็เคยเป็นอย่างที่คุณลิลลี่เป็นเหมือนกันครับ
    รู้สึกตัวแล้วลุกไม่ขี้น ยังไม่ตื่น ส่วนใหญ่ผมจะเป็นช่วงพักผ่อนน้อย ทำงานหนัก
    แต่ก็ยังมีงานค้างที่ต้องรีบสะสางให้เสร็จ

    ส่วนรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังฝัน ก็เคยเป็นครับ รู้สึกตัว พักหนึ่งก็จะตื่นเองครับ
    ไม่มีอะไร พอสติเป็นสติปัฏฐาน สติจะมีกำลังตื่นรู้ ไม่ติดอยู่ในความฝันนานหรอกครับ
    ถ้ารู้สึกตัวในฝันแล้ว ตื่นมาภาวนาต่อ อันนี้ดีครับ เป็นสติที่มีกำลังกล้า
    หากรู้สึกตัวแล้วยังหลับต่อ เป็นสติที่มีกำลังน้อยครับ

    หากรู้จักสติ จริงๆแล้ว อะไรผ่านมาก็ผ่านไป ไม่สงสัยอะไรมากหรอกครับ
    จะตื่นรู้ อยู่กับปัจจุบันขณะ ไปเรื่อยๆ

    รู้อยู่ที่ปัจจุบัน สำคัญกว่าความฝันที่ผ่านมา ตั้งเยอะ เห็นด้วยปะครับ



    ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเทียง จงอยู่อย่างผู้ไม่ประมาท
     
  8. 501 said:

    Re: เวลาฝันสติปัฏฐานเกิดได้ไหม


    เคยเป็นครับ,อาการอย่างนี้"พื้นบ้าน"เรียก"ผีอำ";ส่วนตัวของผมจะเกิดตอนใช้สมองและสายตามากจนเพลียสุดขีด,

    แล้วรีบเข้านอน,จะมีอาการ"วาบ"คล้ายตกใจเหมือนคนกำลังตกเหวหรือตกจากที่สูงที่บอกคล้ายจิตจะออกจากร่าง

    นั่นแหละ,เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก,เคยลองวิเคราะห์ดูเพราะก็กลัวเหมือนกัน,สรุปส่วนตัวว่า:-ปกติถ้าคนเราอ่อนเพลีย

    เล็กน้อยแล้วเข้านอน,(แต่ละบุคคลอาจไม่เหมือนกัน,แต่สำหรับผม)ประสาทตาจะหลับก่อน(ก็คือหลับตานั่นแหละเมื่อ

    ตาหลับก็จูงให้ประสาทตาหลับไปด้วย),ต่อมาประสาทหูก็จะหลับ,แล้วก็เป็นประสาทกาย,แต่บางที่ก็ชิงกันระหว่างหู

    กับกายหรือใกล้เคียงกันจนเกือบจะพร้อมกัน(ส่วนประสาทรสกับกลิ่นไม่ต้องพูดถึงเพราะเขาตามกระแสอยู่แล้ว),

    ต่อมาความคิดก็จะหลับตามกลายเป็น"ฝัน"เรียกว่า"ตกภวังค์"ก็ได้,นี่คือปกติ;แต่ที่ไม่ปกติก็คืออย่างที่บอกตอนต้น,

    คือสมองทำงานหนักอ่อนเพลียมากจะหลับก่อน,แต่หูกับกายยังรู้สึกอยู่,ช่วงที่สมองกำลังจะหลับจึงเหมือนตกเหวแล้ว

    สะดุ้งตื่นเป็นระยะๆเพราะประสาทหลับไม่ถูกลำดับของการตกภวังค์(บางทีเป็นอยู่เกือบตลอดคืนและอ่อนล้ามาก),

    บางทีไม่สะดุ้งตกใจเพราะประสาทโดยรวมหลับหมด,แต่ใช้"เครื่องสั่นขา"อยู่ก็จะเกิดการผนวกระหว่างความฝันกับ

    การสั่นคือในฝันมีการกระโดดอยู่ตลอดไม่ว่าจะฝันเรื่องอะไรก็ตาม เช่น ฝันว่าไปที่ไหนก็จะกระโดดด้วยสั่นด้วยตาม

    จังหวะการสั่นของเครื่อง;สำหรับภาวะ"ผีอำ"ก็เช่นหูยังไม่หลับเพราะเปิดฟังเพลงก่อนนอนและไม่ได้ปิด,หรือแม้แต่

    กายก็ยังพอรู้สึกตัวบ้าง,สมองก็ยังไม่หลับสนิทเรียกว่า"กึ่งฝันกึ่งตื่น",สภาวะนี้มักจะเป็นฝันร้ายและอยากตื่น,แต่บังคับ

    ให้ตื่นไม่ได้,เพราะประสาทส่วนบังคับกล้ามเนื้อ(motor neurons)มันอ่อนเพลียมากจนหลับ(หยุดทำงาน)ไปแล้ว,

    มันจึงเหมือนร่างกายกับจิตทำท่าจะแยกกัน(ประสาทรับรู้สึกกับประสาทควบคุมกล้ามเนื้อเป็นคนละชุดกัน);วิธีแก้ผีอำ

    หรือเหมือนตกจากเหว(วิธีส่วนตัว)ก็คือถ้าสมองล้ามากอย่าพึ่งหลับ,หาผ้าเย็นมาเช็ดหน้า,กินน้ำเย็นๆ,อาจดื่มน้ำอัดลม

    เล็กน้อย,คือให้สมองคลายความอ่อนล้าลงบ้างเสียก่อนแล้วจึงค่อยนอน...