ใครมีอาการแบบผมช่วยตอบหน่อยครับว่าจะรักษายังไงดี

กระทู้: ใครมีอาการแบบผมช่วยตอบหน่อยครับว่าจะรักษายังไงดี

ป้ายกำกับ: ไม่มี
  1. INTERNATIONNAL said:

    ใครมีอาการแบบผมช่วยตอบหน่อยครับว่าจะรักษายังไงดี

    รบกวนถาม ทุกท่านที่รู้หน่อยนะครับ เมื่อประมาณ5ปีก่อน ผมเริ่มปฏิบัติกรรมฐาน จริงจัง อยู่พักหนึ่ง(บวชเณรภาคฤดูร้อน แล้วบ้าทำกรรม

    ฐาน สมาธิเอามากๆนั่งสมาธิวัน ละ หลายๆชม.)มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่ทำกรรมฐานจนได้ปีติสมาธิ (จนเกิดนิวรณ์หลอกหลอนร่างตัวเองลอยออก

    นอกร่างไป) หลังจากที่ผมสึกออกมาเป็นฆราวาสแล้ว เวลาที่ผมนอนหลับไม่สนิททีไร(ครึ่งหลับครึ่งตื่น) ผมมักจะรู้สึกว่าวิญญานตัวเองถูก

    ดึงออกร่าง ทรมานมาก ต้องดิ้นฝืนประกบร่างเข้าไหม่ นี่ผมไม่ได้ทำกรรมฐานมานานมากแล้วก็เป็นปีแล้ว แต่ปัจจุบันทำไมผมก็ยังเป็น

    อยู่ ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นเลย(ตอนที่ยังไม่บ้านั่งสมาธิ) ทุกวันนี้ยังเป็นอยู่เลย จะแก้ยังไงดีครับ เหอะๆ- -* แต่มันเป็นไม่บ่อยหรอกครับ

    แต่ถ้าเป็นทีก็ทรมานมากเลย (รู้สึกเจ็บที่หลังคอและกึ่งกลางระหว่างคิ้วนิดหน่อย-*- เห้อ)
    อะไรอยู่เบื้องหลังของการกำเนิดของระบบวัฏฏะสังสาร เอกภพ และจิตวิญญานกันแน่นะ ผมคิดว่ามันต้องมีเงื่อนงำ แน่ๆ สักวันนึงต้องค้นพบมันให้ได้   ผมไม่คิดว่า วัฏะสังสารจะกำเนิดเพราะกิเลสทั้งหมดหรอก
     
  2. Admax said:

    Re: ใครมีอาการแบบผมช่วยตอบหน่อยครับว่าจะรักษายังไงดี

    อันนี้ก็ไม่รู้น่ะแต่ในความคิดมุมมองผมน่ะที่ผมเคยเป็นแบบนี้ อ้างอิงทางวิทยาศาสตร์ได้ดังนี้

    จากทฤษฎีกฎสัมพันธภาพทั่วไปของ ไอ-จะ-ตาย ตีความได้ว่า
    1.ร่างกายขาดน้ำ เนื่องจากคนเรามีร่างกายที่ประกอบด้วยธาตุน้ำมากกว่าธาตุอื่นๆ และใช้น้ำในกระบวนการต่างๆของร่างกาย
    2.พักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นผลให้ให้ร่างกายทำงานหนักเกินไป ทำให้เลือดในร่างกายขาดออกซิเจนในกระบวนการฟอกเลือดเพื่อนำไปใช้ในร่างกายและหล่อเลี้ยงสมอง
    3.สภาวะจิตใจที่คุณคิดเมื่อนอนหรือทำสมาธิคุณมักจะระลึกออกไปเพ่งมองภายนอก เช่น อยากเห็นอย่างนั้น อย่างนี้ คนนั้น คนนี้ ดั่งว่ามีจักขุทิพย์ที่จะถอดจิตมองเห็น หรือ ทำว่าตัวเองสามารถถอดกายทิพย์ได้ เมื่ออยู่สภาวะเหล่านี้หากมีสมาธิจิตที่บริสุทธิ์ และสะสมมามากแล้ว ย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึก หรือ กระทำได้ แต่หากว่าไม่เป็นอย่างนั้นแล้วพยายามทำสภาวะที่จิตหลุดจากสมาธิแล้วล่องลอยหาที่จับมั่นไว้ไม่ได้ย่อมมีมากโดยทั้งๆที่ไม่ได้ถอดกายทิพย์ได้จริง สภาวะจะเหมือนขนลุกซู่เหมือนจิตนิ่ง อาจจะโดนจิตหลอกว่ามองเห็นคนนั้นคนนี้ที่อยู่ห่างไกล กำลังทำอะไรอยู่ หรือว่าเหมือนตัวเองถอดร่างออกมาได้มองเห็นตัวเองหรือสภาวะแวดล้อมเคลื่อนไปที่ไหนก็ได้ทั้งๆที่ตัวเองยังนั่ง-นอนอยู่และสภาวะร่างกายตอนนั้นมันสั่งสะท้านบ้าง หรือ ไม่ต่างกับผีอำเลย เหมือนสภาวะร่างกายจะหยุดหายใจด้วยซ้ำ

    จากทฤษฎีกฎสัมพันธภาพทั่วไปของ ไอ-จะ-ตาย ตีความแก้ไขได้ว่า
    1.กินน้ำให้มาก อาจจะเป็นน้ำอุ่น เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นและระบบหมุนเวียนดีขึ้น
    2.พักผ่อนให้เพียงพออย่างต่ำ 8 ชม. เมื่อตื่นนอนให้ใช้น้ำเย็นลูบหน้า ปลายคาง หน้าอก และ ตามคอ ใต้รักแร้ เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิว และ ประสาทสัมผัสของร่างกายทำงานในระบบหในเวียนของเลือด
    3.ทำสมาธิโดยปฏิบัติเหมือนเด็กสงบนิ่ง ไม่ต้องคิดอะไร หลับตาเหมือนพักผ่อนสายตาและสมอง หรือจะระลึกคิดแต่เรื่องดีๆมีความสุข พิจารณารู้สภาพให้จิตอยู่ที่กายนี้ไม่ให้ส่งออกนอกมากเกินไป
    4.สุดท้ายนี้สุดยอดแล้ว คือ ตัวใครตัวมัน

    จบ ทฤษฎีกฎสัมพันธภาพทั่วไปของ ไอ-จะ-ตาย

    ปล.ส่วนมากเป็นทฤษเดา แต่ลองทำดู เพราะดีกว่าอยู่อย่างนี้เด๋วตายเอาได้นะ กร๊ากกกกก

    ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
    ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
    รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
    การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ
     
  3. nadee said:

    Re: ใครมีอาการแบบผมช่วยตอบหน่อยครับว่าจะรักษายังไงดี

    ขอเจริญพรคุณโยม อาการอย่างที่ว่านี้เรียกว่าจิตหลุด หรืออาจจะเป็นอุปทานก็ได้ วิธีแก้พอมีอยู่ ลองไปเล่าเรื่องนี้ให้พระที่ท่านเป็นอาจารย์ฝ่ายกรรมฐาน ท่านอาจจะมีวิธีแก้ให้ แต่ในแนวทางที่อาตมาภาพได้เรียนมาบ้าง ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่าการเจริญกรรมฐานนั้น ในช่วงเวลาที่เราเกิดสมาธินิ่งยั่งลึกลงไปแล้ว เรียกว่าจิตนิ่งก็ได้ ในช่วงนี้จิตจะมีการทดสอบในตัวเองคือหากเราไม่หวั่นต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในจิตหรือรอบๆกายเรา คือพูดง่ายๆก็คือ ไม่รับรู้สิ่งที่เป็นเวทนาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บปวดตามรางกายหรืออะไรก็ตามที่มากระทบจิตเรา มาทำให้จิตเราไขว้เขว่ออกจากสมาธิแล้ว เรียกว่าไม่สนใจแม้จะมีใครมาพูดมาทำลายสมาธิเรา เราก็จะผ่านจุดนี้ไปได้ แต่หากว่าเราจิตยังไม่นิ่งพอยังกังกลใจหรือหลงไปตามอารมณ์ที่มากระทบจิตแล้ว อาจจะทำให้จิตที่นิ่งอยู่หลุดออกได้ ถึงขั้นทำให้เสียสติเลยก็มี ฉะนั้นในการปฏิบัติกรรมฐานนั้นจึงควรจะต้องมีอาจารย์วิปัสสนาคอยดูแลใกล้ชิด เพื่อป้องกันมิให้ผู้ปฏิบัติจิตหลุดหรือหยั่งลึกเกินไป บางคนนั่งนานเกินไปก็ต้องปลุกให้ตื่นจากสมาธิ แล้วมีการสอบอารมณ์กรรมฐานเพื่อดูว่าทำสมาธิไปได้ถึงขั้นไหน คงอธิบายได้ไม่มากนัก อยากให้คุณโยมไปปรึกษาอาจารย์ฝ่ายวิปัสสนาจะดีกว่านะ เจริญพร
     
  4. INTERNATIONNAL said:

    Re: ใครมีอาการแบบผมช่วยตอบหน่อยครับว่าจะรักษายังไงดี

    ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงเลยครับ ที่กรุณาสละเวลาพิมข้อความเพื่อช่วยออกความเห็นให้กระผม ผมขอน้อมรับความหวังดีและอนุโมทนา

    ส่วนบุญของผมให้แด่ท่านทั้งสองกระทู้ขอรับ และผมจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ตามคำแนะนำของท่านทั้งสอง ขอขอบคุณและนมัสการ

    ครับผม


    คือสมัยก่อนนั้นผมปฏิบัติโดยไม่เคยมีอาจารย์คอยไกล้ชิดเลย(เพราะหายากมาก การจะหาอาจารย์สักท่านหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย)

    จะปฏิบัติเองซะมากกกว่า เจอนิวรณ์หลอกหลอนก็เยอะ ทั้งผี วิญญาน(ที่เกิดจากการคิดไปเอง เห็นไปเอง) โดยเฉพาะ ตอนฝึกเพ่งกสิน

    เคย

    ทำเอาผมปวด จุดกึ่งกลางระหว่างคิ้วจนแทบจะดิ้นตาย ตอนที่ฝึกปลงอสุภะ แล้วไปข้ามขั้นตอน จนเกิดเป็นปราสาทหลอนมีศพมายืนอยู่

    ตรงหน้าทำให้นอนไม่หลับเป็นหลายสัปดาห์ ตอนนี้หันไปฝึกกรรมฐานโดยใช้ สติปัฐฐาน4แทนแล้วครับ แต่ไม่ค่อยได้ จริง จังเหมือน

    เมื่อก่อนแล้ว ไม่กล้าทำสมาธิจำพวกเพ่งกสินกะปลงอสุภะแบบเมื่อก่อนแล้วสาเหตุมันเกิดจากการที่ผมชอบเพ่งกสิน จุดไฟผ่านกึ่งกลาง

    ระหว่างคิ้ว บ่อยๆ โดยไม่มีอาจารย์แนะนำเลย ทำผิดขั้นตอนไปหลายครั้งทำให้ เกิดอาการผิดปกติกะร่างกายบ่อยมาก(เพราะจะหา

    อาจารย์ที่ยอมเสียเวลามาช่วยกรรมฐานนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะสมัยนี้คน

    ที่เป็นอาจารย์ หรือเกจิส่วนใหญ่ก็มักล้วนแต่มีงาน ยุ่งๆเป็นของตัวเองกันซะอยู่แล้ว ไม่มีเวลามากพอที่จะทำอย่างอื่นได้กันซะเสียส่วน

    ใหญ่ ท่านว่าจริงมั้ยล่ะขอรับ )
    อะไรอยู่เบื้องหลังของการกำเนิดของระบบวัฏฏะสังสาร เอกภพ และจิตวิญญานกันแน่นะ ผมคิดว่ามันต้องมีเงื่อนงำ แน่ๆ สักวันนึงต้องค้นพบมันให้ได้   ผมไม่คิดว่า วัฏะสังสารจะกำเนิดเพราะกิเลสทั้งหมดหรอก
     
  5. DodE said:

    Re: ใครมีอาการแบบผมช่วยตอบหน่อยครับว่าจะรักษายังไงดี

    อาการแบบที่คุณเป็น รักษายากนะครับ
    ผมรู้จักวิธีรักษาอยู่ 3 ข้อ แต่ทำยากมาก

    1.หากงดการแชทได้ ให้งดไปเลยนะครับ
    2.พูดให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
    3.ทิ้งความคิดไปเลย คิดแยบคายขนาดใหนก็ทิ้งไปเลย

    จิตของผู้ขยันภาวนา เห็นธรรมะมาได้ระดับหนึ่ง
    จะหลงไปติดการค้นคว้า ว่าสภาวะที่เห็นนั้นคืออะไร
    พอค้นคว้า จะไปเจอตัวหนึ่งคือความรู้ความเข้าใจ ในอรรถ ในธรรม
    เราภาวนา ไม่ใช่เพื่อเอาอันนี้หรอก ผมติดตัวนี้อยู่ 3 ปีเต็ม
    ติดแชท ติดคุย ติดค้นคว้า

    หลงในความคิด ติดความรู้ อันนี้แก้ยากสุดๆ เลย
    เพราะมันไม่คิดจะแก้หรอก มันคิดแต่จะคุย

    เจริญในธรรมขอรับ
    ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเทียง จงอยู่อย่างผู้ไม่ประมาท
     
  6. INTERNATIONNAL said:

    Re: ใครมีอาการแบบผมช่วยตอบหน่อยครับว่าจะรักษายังไงดี

    ครับ ขอบคุนครับท่านโดด ทุกทีผมจะไปแชทในห้องสนทนาธรรม (เพราะเวลาเข้าไปแชทแล้วรู้สึกสบายใจ ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก ถึงแม้ว่า

    จะไปคุยไร้สาระบ้าง ไม่ได้ไปคุยธรรมมะทั้งหมดก็เหอะ) แต่ยังไงถ้างดการแชท และการพูดคุย เป็นสิ่งที่ท่านเห็นควร ผมคงต้อง งด จริงๆ

    ละครับ ขอบคุณครับที่ เสียเวลามา แนะนำในกระทู้ของผม ขอบคุณครับ และขออนุโมทนา ส่วนบุญที่ปฏิบัติให้ครับผม
    อะไรอยู่เบื้องหลังของการกำเนิดของระบบวัฏฏะสังสาร เอกภพ และจิตวิญญานกันแน่นะ ผมคิดว่ามันต้องมีเงื่อนงำ แน่ๆ สักวันนึงต้องค้นพบมันให้ได้   ผมไม่คิดว่า วัฏะสังสารจะกำเนิดเพราะกิเลสทั้งหมดหรอก
     
  7. INTERNATIONNAL said:

    Re: ใครมีอาการแบบผมช่วยตอบหน่อยครับว่าจะรักษายังไงดี

    อ้างอิง โพสต์ต้นฉบับโดยคุณ โดด
    อาการแบบที่คุณเป็น รักษายากนะครับ
    ผมรู้จักวิธีรักษาอยู่ 3 ข้อ แต่ทำยากมาก

    1.หากงดการแชทได้ ให้งดไปเลยนะครับ
    2.พูดให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
    3.ทิ้งความคิดไปเลย คิดแยบคายขนาดใหนก็ทิ้งไปเลย

    จิตของผู้ขยันภาวนา เห็นธรรมะมาได้ระดับหนึ่ง
    จะหลงไปติดการค้นคว้า ว่าสภาวะที่เห็นนั้นคืออะไร
    พอค้นคว้า จะไปเจอตัวหนึ่งคือความรู้ความเข้าใจ ในอรรถ ในธรรม
    เราภาวนา ไม่ใช่เพื่อเอาอันนี้หรอก ผมติดตัวนี้อยู่ 3 ปีเต็ม
    ติดแชท ติดคุย ติดค้นคว้า

    หลงในความคิด ติดความรู้ อันนี้แก้ยากสุดๆ เลย
    เพราะมันไม่คิดจะแก้หรอก มันคิดแต่จะคุย

    เจริญในธรรมขอรับ
    ข้อสุดท้ายที่บอกว่าทิ้งความคิดแยบคาย คืออะไรครับหมายถึงทิ้ง ในความคิดในโลกุตระ หรือโลกียะ เช่นการงาน ที่วางแผนเอาไว้

    หลายๆอย่างของผม หรือ โลกุตระ คิดเกี่ยวกับการไขข้อข้องใจปริศนาแฝงเร้นในธรรมมะ(ฟุ้งซ่านในธรรม ไปเรื่อยๆ)

    อย่างไหนหรอครับหรือว่าทั้งสองอย่างที่ผมต้องเลิกคิด
    อะไรอยู่เบื้องหลังของการกำเนิดของระบบวัฏฏะสังสาร เอกภพ และจิตวิญญานกันแน่นะ ผมคิดว่ามันต้องมีเงื่อนงำ แน่ๆ สักวันนึงต้องค้นพบมันให้ได้   ผมไม่คิดว่า วัฏะสังสารจะกำเนิดเพราะกิเลสทั้งหมดหรอก
     
  8. DodE said:

    Re: ใครมีอาการแบบผมช่วยตอบหน่อยครับว่าจะรักษายังไงดี

    อนุโมทนาบุญครับ

    ความคิด เป็นธรรมฝ่ายโลกิยะทั้งนั้นเลยครับ ไม่มีความคิดใด เป็นธรรมฝ่ายโลกุตตระเลย
    ความคิด หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สังขาร นี้แหล๊ะครับ คือตัวของความปรุงแต่ง

    อย่างเวลาคุณสนทนาธรรมะ สิ่งที่คุยก็ใหลออกมาจากความคิด หรือความปรุงแต่งฝ่ายดี
    จิตคุณก็มี วิตก วิจาร ในเนื้อหา สาระธรรมะที่สนทนา จิตที่ประกอบด้วย วิตก วิจาร ต่อเนื่อง
    ย่อมเกิด ปีติ สุข ในการสนทนาครับ อันนี้เป็นเรื่องของ สมถะ ในขณะการสนทนาธรรมครับ
    ยิ่งคุณมีความสุข มากเท่าไหร่ ความเข้าใจในธรรม ยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น
    ตรงนี้ คุณไปติดปรุงแต่งฝ่ายดีครับ เรียกปุญญาภิสังขารบ้าง กุสลาภิสังขารบ้าง
    โยนิโสมนสิการ หรือการคิดแยบคาย ก็อยู่ตรงนี้แหล๊ะครับ แต่เป็นโลกิยะธรรม โลกิยะจิตทั้งสิ้นเลย
    ทางสายนี้เป็นทางผิดครับ ไม่ทำให้อัตตา มานะ กิเลส ถูกทำลายลงได้เลย

    ส่วนโลกุตตระธรรม คือสภาวะธรรมที่ปราศจากการปรุงแต่ง ไม่มีทางเลย ที่ความคิดที่เป็นธรรมฝ่ายปรุงแต่ง
    จะนำพาจิต ไปเห็นแจ้ง ธรรมะที่พ้นจากการปรุงแต่ง พ้นจากความคิด พ้นจากบัญญัติได้ครับ

    แนะนำให้คุณศึกษา สติปัฏฐาน 4 แล้วน้อมนำมาปฏิบัติ โดยองค์สาม เถิดครับ

    เจริญในธรรมขอรับ
    ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเทียง จงอยู่อย่างผู้ไม่ประมาท
     
  9. DodE said:

    Re: ใครมีอาการแบบผมช่วยตอบหน่อยครับว่าจะรักษายังไงดี

    ขอโอกาส อรรถาธิบาย ข้อ 3 ที่บอกให้ทิ้งความคิดครับ

    1. การทิ้งความคิด ก็คือการไม่ยึดถือความคิดนั่นเองครับ
    2. คิดดีแค่ใหน ก็ไม่เอา
    3. คิดชั่วแค่ใหนก็ไม่เอา
    4. ความคิดนี้แหล๊ะคือตัวขวางการเจริญสติ
    5.ความคิดนี้แหล๊ะขัดขวางการระลึกรู้สภาวะธรรม
    6.เมื่อระลึกรู้สภาวะธรรมไม่ได้ เพราะติดคิด
    7.ความเห็นแจ้งสภาวะธรรมตามความเป็นจริง จะมีใด้แต่ที่ใหน
    8. ผมจึงแนะนำให้ทิ้งความคิด เพื่อตัดตรงไปสู่การเจริญสติครับ


    หากความเห็นของผม นำมาซึ่งความเข้าใจที่ผิดทางปฏิบัติ
    ผมขอกราบขอขมา ไว้ ณ ที่นี้ เพื่อความสำรวมระวังในกาลต่อไป ขอรับ
    ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเทียง จงอยู่อย่างผู้ไม่ประมาท
     
  10. DodE said:

    Re: ใครมีอาการแบบผมช่วยตอบหน่อยครับว่าจะรักษายังไงดี

    รู้สึกใหมวันหนึ่งๆ คิดได้มากมาย
    ไม่มีเรื่องจำเป็นต้องคิด ก็ยังคิดอยู่ได้ หลงอยู่ในโลกแห่งความคิด เกือบทั้งวัน
    "จำเป็นที่ต้องคิด ก็ต้องคิด แต่ไม่ใช่จะหลงอยู่ในความคิด เกินจำเป็น"

    คิดดี มันก็พาไปทำดี มันก็ดีนะ ไม่ใช่ไม่ดี
    คิดธรรม มันก็พาไปค้นธรรม มันก็ดีนะ ไม่ใช่ไม่ดี
    คิดแยบคาย มันก็ได้ความเข้าใจ ที่รอบคอบ รอบด้าน มันก็ดีนะ ไม่ใช่ไม่ดี

    แต่ผู้รู้ย่อมเห็นแจ้งว่าทางดี ก็ไม่ได้มีไว้ให้เอา มีไว้เป็นที่อาศัยของ ตัณหา ทะยานไปปรุงดี
    เป็นเชื้อให้อุปาทาน เข้าไปยึดถือ

    "คิดธรรม หลง วิปัสสนึก รู้สึก ถึง วิปัสสนา"


    สภาวะของขณะที่รู้สึก มันพ้นจากการคิดไปแล้ว มันหลุดออกมาจากโลกแห่งความคิด โลกแห่งบัญญัติแล้ว
    เมื่อพ้นจากการคิด จิตจึงตื่นขึ้นมา รู้สึก
    สภาวะของขณะที่คิดอยู่ มีแต่ความหลงไปในดงแห่งบัญญัติ หาความรู้สึกตัว หาความตื่น ในขณะที่คิดไม่มีหรอก

    องค์ธรรมของขณะที่รู้สึก

    1 ประกอบด้วยสติ ทำหน้าที่ระลึก
    2 ประกอบด้วยสัมปัชชัญญะ ทำหน้าที่รู้ตัว คือรู้กาย รู้ใจ นั่นเอง
    3 เมื่อรู้สึกตัวเป็นแล้ว ก็ให้ขยันรู้สึกตัว ตรงนี้ มีองค์ธรรมสนับสนุนความรู้สึกตัวเพิ่มเข้ามาอีกองค์หนึ่ง คือความเพียร

    มาถึงตรงนี้ คุณก็เข้าใจที่ผมบอก ให้เจริญสติปัฏฐาน 4 โดยองค์สามแล้ว
    ทางอันผมบอกแล้ว ที่เหลือคุณก็ไปทำต่อเนื่องๆ จนกว่าจะปล่อยวาง ความเห็นผิดว่ากายเป็นเรา ใจเป็นเรา รู้แจ้งสัมมาทิฐิ ในองค์มรรคอย่างแท้จริง


    เจริญในธรรม ขอรับ
    ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเทียง จงอยู่อย่างผู้ไม่ประมาท