พุทธชัยมงคลคาถา คือ คาถาที่กล่าวถึงชัยชนะของพระพุทธเจ้า ๘ ครั้ง แล้วอ้างสัจวาจานั้นมาพิทักษ์คุ้มครองให้มีความสวัสดี ชัยชนะเหล่านั้น คือชนะมาร ชนะอาฬวกยักษ์ ชนะช้างนาฬาคิรี ชนะโจรองคุลิมาล
ชนะนางจิญจมาณวิกา ชนะสัจจกนิครนถ์ ชนะนันโทปนันทนาคราช และชนะพกาพรหม นักวิชาการบางท่านสันนิษฐานว่า ผู้ประพันธ์คาถานี้คือพระมหาพุทธสิริเถระซึ่งรจนาคัมภีร์ฎีกาพาหุง ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ และประพันธ์ในราว พ.ศ. ๒๗๗๖ คาถานี้ชื่อว่า “บทถวายพรพระ” เพราะแต่งถวายพระเจ้าแผ่นดินชนะศึก (วิวัฒนาการวรรณคดีบาลีสายพระสุตันตปิฎกที่แต่งในประเทศไทย หน้า ๓๐๑-๒) อนึ่ง คาถาที่นิยมสวดอยู่ในปัจจุบัน ๙ คาถา ผู้แปล(หมายถึงพระคันธสาราภิวงศ์)เห็นว่าคาถาสุดท้ายได้รับแต่งเพิ่มเติมในภายหลัง เพราะไม่ปรากฏในคัมภีร์ฎีกาพาหุง ทั้งในบทสวดฉบับพม่าก็ไม่มีเช่นกัน ฉะนั้นจึงแปลเฉพาะ ๘ คาถาเดิม(คัดจากหนังสือ พระปริตรธรรมของพระคันธสาราภิวงศ์ วัดท่ามะโอ จังหวัดลำปาง)

แต่ในหนังสือ เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน คาถาพาหุง ของสำรวย นักการเรียน ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ความว่า “ ประวัติความเป็นมาของคาถาพาหุงนี้ มีหลายทัศนะ บางทัศนะกล่าวว่า นักปราชญ์ชาวหลังกาเป็นผู้แต่งขึ้น โดยอ้างว่าพระลังกาสวดได้ทุกรูป พระไทยก็สวดได้ แต่บางบท เช่นบทมโนการอัฏฐกฺคาถา หรือนโม ๘ บท พระลังกาสวดไม่ได้ สวดได้เฉพาะพระไทย ดังนั้น บทพาหุงจึงน่าจะแต่งโดยชาวลังกา บางทัศนะกล่าวว่า แต่งขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงรบชนะพระมหาอุปราชแห่งพม่า พระนพรัตน์ วัดป่าแก้ว ได้แต่งถวายพระเกียรติ แต่ทั้งหมดที่กล่าวมายังหาหลักฐานมายืนยันไม่ได้ ดังนั้นผู้เขียน(หมายถึงคุณสำรวย นักการเรียน)จึงขอสรุปแบบที่ใครๆคัดค้านไม่ได้ว่า แต่งโดยนักปราชญ์ผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจภาษาบาลีเป็นอย่างดี

พุทธชัยมงคลคาถา
๑. พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง
คิริเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ.
เมื่อพญามารเนรมิตแขนมากเป็นพัน ถืออาวุธในมือ ขี่ช้างคิริเมขละ สะพรึบพร้อมกองทัพอันน่าสะพรึงกลัว พระจอมมุนีทรงชนะด้วยทานบารมีเป็นต้นอันชอบธรรม ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

๒. มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง
โฆรัง ปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ.
เมื่ออาฬวกยักษ์ผู้ดุร้าย หยาบช้า และโหดเหี้ยม เข้ามาราวีตลอดทั้งคืนยิ่งกว่าพญามาร พระจอมมุนีทรงชนะด้วยการใช้พระขันติเป็นอุบายสั่งสอน ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

๓. นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง
ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวันตุ เม ชะยะมังคะลานิ.
เมื่อพญาช้างนาฬาคิรีตกมันหนักดุร้ายเหลือ แล่นเข้ามาราวกับไฟไหม้ป่า ดุจจักราวุธ เหมือนฟ้าผ่า พระจอมมุนีทรงชนะด้วยน้ำพระเมตตา ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

๔. อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง
ธาวัง ติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง
อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ.
เมื่อโจรองคุลีมารผู้ดุร้าย ถือดาบเงื้อง่า วิ่งไล่ติดตามไปเป็นหนทาง ๓ โยชน์ พระจอมุนีทรงชนะด้วยการบันดาลอิทธิฤทธิ์ ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

๕. กัตฺวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา
จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ.
เมื่อนางจิญจาเอาผ้าห่อไม้ทำเป็นท้องเหมือนหญิงมีครรภ์ กล่าวคำใส่ร้ายในท่ามกลางหมู่ชน พระจอมมุนีทรงชนะด้วยความสงบนิ่งอันประเสริฐ ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

๖. สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง
วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
เมื่อสัจจกนิครนถ์ละทิ้งความจริงแท้ ชูธงประกาศความเห็นของตนว่าถูกต้อง เป็นผู้มืดมอดอย่างยิ่ง ประสงค์จะโต้คารม พระจอมมุนีทรงชนะด้วยพระปัญญาดุจประทีปอันโชติช่วง ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

๗. นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง
ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโต
ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
เมื่อนันโทปนันนาคราชผู้หลงผิด แผ่อิทธิฤทธิ์ใหญ่ พระจอมมุนีโปรดให้พระเถระพุทธบุตรผู้ประเสริฐไปปราบ ทรงชนะด้วยการแสดงอิทธิฤทธิ์ ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

๘. ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
พฺรัหฺมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
เมื่อพรหมนามพกะ ผู้บริสุทธิ์ ผ่องใส มีฤทธิ์ มีหัตถ์ถูกงูคือมิจฌาทิฏฐิขบกัดแล้ว พระจอมมุนีทรงชนะด้วยพระญาณโอสถ ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า
(คาถาบทที่๑-๘ คัดจากพระคันธสาราภิวงศ์)

๙. เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา
โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
หิตฺวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ
โมกขัง สุขัง อธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ ฯ
คนมีปัญญาสวดพุทธชัยมงคลคาถาทั้ง ๘ ประกานี้ เป็นประจำโดยไม่เกียจคร้าน พึงขจัดอุปัทวันตรายทั้งหลายได้ พึงบรรลุถึงพระนิพพาน (คาถาสรุป คำอ่านคัดจากพระครูอรุรธรรมรังษี(เอี่ยม สิริวณฺโณ) คำแปลคัดจากสำรวย นักการเรียน)

ชาวพุทธควรสวดให้เป็นประจำ เพื่อเป็นสิริมงคล และป้องกันภัย

คาถาบทนี้ เป็นพุทธมนต์ที่ทหารไทยสมัยก่อนสวดได้ทุกคน และสวดเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันภัยและเป็นสิริมงคล

หวังว่าการได้ทราบประวัติความเป็นมาของคาถาพาหุง พร้อมคำแปล จะช่วยให้มีความเข้าใจและซาบซึ้งในรสพระธรรมดียิ่งขึ้น ถ้าใครได้สวดเป็นประจำ จะเป็นสิริมงคล ป้องกันอุปัทวันตรายทั้งหลาย และพึงบรรลุถึงพระนิพพาน

http://board.agalico.com/showthread.php?t=24109